webnovel

สองชะตาพลิกผัน

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วเฮ่อซินหมิงก็เดินเกาะกำแพงกลับเข้ามาในห้องนอน ด้วยความที่นางตาบอดภายในบ้านจึงไม่มีข้าวของวางระเกะระกะแม้สักนิด เพราะตายายก็กลัวว่าหลานจะสะดุดล้มเข้า ส่วนอีกเหตุผลคือไม่มีเงินซื้อของมากมายให้วางรกเต็มบ้าน

"อาหมิงเอ๊ย…เสร็จแล้วก็นอนก่อนเลยนะ" เสียงแหบของคุณตาดังขึ้นไม่ไกล

"จ้า คุณตากับคุณยายก็รีบนอนด้วยนะ" เฮ่อซินหมิงหันไปตอบตามทิศที่ได้ยินด้วยน้ำเสียงสดใส ดูท่าตากับยายคงจะพูดคุยกันยาวอีกแล้วในคืนนี้

"หลานยายเอาตะเกียงไปด้วยสิ…" หญิงชราเอ่ยพร้อมกับเดินงอกแงกไปจะหยิบตะเกียงที่แขวนไว้มาให้เด็กสาว

อาหมิงได้ยินเสียงเดินก็รีบร้องห้ามทันที "ไม่เอา! โธ่ ยายก็รู้...ถึงหนูจะเอาตะเกียงไปก็ไม่ทำให้มองเห็นทางขึ้นมาหรอก ขืนถือไปแล้วสะดุดหกล้มในบ้านขึ้นมาไฟก็ไหม้กันพอดี…"

เงียบกริบไปครู่หนึ่งเธอจึงหาวหวอดแล้วเอ่ยเสียงใส " หาววววว! ง่วงมากเลย ไปนอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์จ้ะคุณตาคุณยาย"

"อืม" สองเสียงตอบกลับมาอย่างโล่งใจ หลานคนนี้ถึงแม้จะตาบอดแต่ก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรให้พวกเขาลำบากเลยสักครั้ง สายตาทั้งสองคู่มองเธออย่างรักใคร่ ทั้งสามยิ้มให้กันแล้วเธอก็คลำผนังเข้าห้องไป

เข้ามาถึงในห้องนอนเธอก็เดินตรงไปทางซ้ายสามก้าวปลายเท้าก็สัมผัสกับเสื่อ สาวน้อยย่อกายลงคลุมผ้าปูที่นอนทับเสื่อที่ปุปะ ก่อนจะคลำหาหมอนแล้วเขถิบตัวสอดตัวเองเข้าในผ้าห่มผืนบาง เธอกำลังเอนหลังลงนอนพลันรู้สึกถึงแสงสว่างจ้าที่วาบขึ้นภายในห้อง

ไฟไหม้เหรอ? ...…..ไม่ใช่แฮะ ไม่มีกลิ่นไหม้แถมไม่ร้อนด้วย

เฮ่อซินหมิงค้างอยู่เป็นนานแสงสว่างที่ว่านั่นก็ยังไม่หายไปเสียที แสงนี่ไม่ได้มาจากตะเกียงของตากับยายแน่ เพราะตะเกียงเก่าๆ นั้นมันไม่ได้สว่างถึงขั้นที่จะผ่านทะลวงเปลือกตาที่ปิดแน่นของเธอเหมือนตอนนี้ได้

ราวกับรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวเธอนัก อาหมิงตัดสินใจคลานกับพื้นมือข้างหนึ่งคลำไปมาบนพื้น แสงจ้านั่นสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอเกือบคิดไปว่าตนเองมองเห็น พลันนั้นราวกับทั้งห้องที่แสนอับชื้นนี้อุณหภูมิสูงขึ้นมาหลายระดับจนอบอุ่นไปทั่วกาย

ปลายนิ้วเรียวแตะเข้าใส่ของสิ่งหนึ่งที่มีผิวเกลี้ยงเกลา เธอสะดุ้งชักมือกลับก่อนจะยื่นมือไปค่อยๆ หยิบเจ้าสิ่งนั้นขึ้นมาอยู่ในอุ้งมือ

อืม...…

มือทั้งสองลูบไปทั่วของสิ่งนั้น มันมีขนาดเท่าสองกำปั้นของเธอและกลมเกลี้ยงลื่นมือมากแถมยังมีความหนักเล็กน้อยแบบที่ไม่น่าจะกลวงโบ๋ภายใน ในบ้านมีของแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย นางไม่ยักรู้เลยแฮะ

ดูท่าแสงจ้าเมื่อกี๊คงมาเจ้าลูกนี้แน่ๆ เลย

เธอคิดจะลองทดสอบบางอย่างเสียหน่อยจึงยกเจ้าลูกกลมๆ นั่นขึ้นมาใกล้ดวงตาที่ปิดสนิท แต่ทันทีที่เจ้าสิ่งนั้นสัมผัสกับหน้าผากเธอเข้า ร่างสาวน้อยกระตุกทีหนึ่งแล้วล้มลงทันที

ภายในห้องกลับสู่ความมืดมิดอีกครั้งโดยไร้ร่องรอยของเจ้าลูกกลมๆ ประหลาดก้อนนั้น...…

แสงจันทร์กระจ่างเด่นกลางนภา

มีร่างสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาหวานซึ้งจ้องมองดวงจันทร์ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับภาพวาดของจิตกรเลื่องชื่อ

"คุณหนู!"

เสียงตะเบ็งลั่นทำให้นางสะดุ้งหันขวับไปทางประตู "อาหมิง… เจ้าทำข้าตกใจหมด!"

สาวใช้เอ่ยด้วยเสียงอ่อนใจพร้อมกับลากนายสาวให้มานั่งบนเตียง "คุณหนู…ยิ่งดึกยิ่งหนาว ท่านมายืนชมจันทร์เช่นนี้ หากข้าไม่มาอาการท่านกำเริบจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ"

ใบหน้างดงามยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างเชื่อฟัง "ข้าก็ยังคลุมผ้าห่มไว้อยู่ มิเป็นไรหรอก"

สาวใช้ร่างบางไปปิดหน้าต่าง แสงเทียนที่จุดทิ้งไว้ส่องสว่างขึ้นนำความอบอุ่นละมุนตาไปทั่วห้อง คุณหนูในผ้าห่มเตรียมตัวจะนอนดังเช่นที่ทำเป็นปกติทุกวัน

"บ่าวดับเทียนเลยนะเจ้าคะ"

ฉีอันหนิงพยักหน้าส่งยิ้มให้กับนางก่อนจะทอดกายลงนอนแล้วภายในห้องก็ตกสู่ความมืดมิด นางถอดถอนใจมองเพดานห้องที่คล้ายจะพังมิพังแหล่ เนิ่นนานครู่ใหญ่สองตาหวานก็ปิดลงพร้อมเสียงถอนหายใจยาว

ขณะที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราก็มีแสงวาบขึ้นจนทั้งห้องสว่างไสว แพขนตาหนากะพริบถี่เพื่อปรับสายตา พลันเหลือบไปเห็นโต๊ะกลางห้องมีลูกกลมๆ เจิดจรัสทอแสงอยู่ นางขมวดคิ้วลุกจากเตียงเดินไปที่ลูกแก้วนั้นช้าๆ โดยไร้ผ้าห่มคลุมกาย เผยให้เห็นร่างโปร่งบางในอาภรณ์สีเขียวอ่อน เอวคอดกิ่วนั้นราวกับโอบได้ด้วยมือเดียว ผิวกายนอกร่มผ้านั้นขาวละเอียดดั่งไข่ปอก ใบหน้าหวานนั้นเมื่อต้องแสงสีเหลืองนวลแล้วทำให้ดูละมุนอ่อนหวานเข้าไปอีก ดวงตากลมโตสีอำพันทอประกายระยับไปกับแสงที่เจิดจ้า

เมื่อเดินเข้าไปถึงโต๊ะ นางก็เพ่งพิศมองลูกแก้วนั้นอยู่เป็นนานด้วยความฉงนใจ

ของใครกันนี่?...แล้วมาอยู่ในห้องของนางได้อย่างไร?

ฉีอันหนิงไม่กล้าหยิบส่งเดช นางจึงมองเจ้าลูกกลมๆ บนโต๊ะนั้นอย่างพินิจ เมื่อดูใกล้ๆ ผิวของเจ้าสิ่งนั้นดูเรียบลื่นเป็นมันวับไม่ต่างจากไข่มุก

หรือจะเป็นไข่มุกเรืองแสง?

แต่ของมีราคาเช่นนี้มาอยู่ในห้องของนางได้อย่างไร ถ้าใครมาเห็นเข้าจะว่าอย่างไรล่ะนี่?!?

สาวน้อยใบหน้าซีดขาวขึ้นมาทันใด ชีวิตที่เงียบสงบเช่นนี้ก็ดีอยู่แล้ว หากเกิดเรื่องใดขึ้นมาทั้งนางและอาหมิงรวมถึงท่านป้าจินคงไม่พ้นข้อกล่าวหาว่าลักขโมยของล้ำค่านี้เป็นแน่

คิดแล้วกรอบหน้าก็มีเหงื่อผุดพราว สองมือบอบบางประคองไข่มุกเรืองแสงขึ้นมากลางฝ่าก่อนจะก้าวเท้าไปที่ประตูห้อง มือซ้ายเอื้อมไปที่ประตูเพื่อจะเปิด มือขวาประคองไข่มุกไว้ เหงื่อสายหนึ่งไหลลงมาตามแก้มนวลนางยกแขนเสื้อข้างขวาขึ้นหมายจะเช็ดเหงื่อ ทว่าจังหวะที่แขนเสื้อซับเหงื่อขึ้น ไข่มุกก็แตะถูกหน้าผากของนาง ร่างบอบบางกระตุกคราหนึ่งแล้วล้มลงแทบพื้นพร้อมกับไข่มุกเจิดจ้าที่วับหายไป

ห้องตกสู่ความมืดมิดอีกครั้ง...…

การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยนะ!

มีความเห็นเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใช่รึเปล่า คอมเมนต์มาได้เลยไรต์อยากฟัง

SaonoiTrakunHancreators' thoughts