webnovel

พี่น้องร่วมสาบาน

"ทุกท่าน เวลาวารีมิเคยรอผู้ใด มีพบย่อมมีจาก ถึงเวลาที่ข้าน้อยต้องไปแล้ว หากมีวาสนาพวกเราคงได้พบกันอีก" หนิงหลงกุมมือคารวะ พร้อมรีบกระโจนลงทะเลสาบว่ายท่าฟรีสไตล์ ตรงตามแบบมาตรฐานสากลตรงดิ่งขึ้นฝั่งทันที

หลังจากที่หนิงหลงได้ขึ้นมาบนฝั่งแล้ว ก็ต้องพบกับสามยอดฝีมือที่กำลังยืนรอเขาอยู่

"จะรีบไปไยกันสหายน้อย โลกหล้ายังมิแปรผัน สรวงสวรรค์ยังมิผันแปร พวกเรามาร่วมเดินทางพูดคุยสนทนาไปด้วยกันดีกว่า" อวิ๋นซางยืนลูบเคราเบาๆ

"ข้ารู้สึกถูกใจเจ้าไม่น้อย การได้พบพานกันเปรียบดั่งวาสนา เจ้าสนใจมาเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับข้าหรือไม่?" ใบหน้าของฟู่เทียนซาดูกระหยิ่มยิ้มย่อง

ได้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฮ่องเต้ต้าเจิ้งเลยนะเนี่ย! นับเป็นวาสนาที่ยากสุดจะพบพาน

หนิงหลงยิ้มตอบตกลงอย่างไม่ลังเล แต่ที่เขาตอบตกลงไม่ใช่เพราะฟู่เทียนซาคือฮ่องเต้ ตัวหนิงหลงยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฟู่เทียนซาคือฮ่องเต้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฟู่เทียนซาจะบอกไปแล้วว่าตนเป็นฮ่องเต้จริงๆ นะ...แต่ทว่าหนิงหลงไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย

ถ้าเกิดฟู่เทียนซาเป็นฮ่องเต้จริง เช่นนั้นเขาไม่เป็นเซียนสวรรค์เลยเหรอ? สภาพอย่างกับขอทานแห่งพรรคกระยาจก แต่มาบอกว่าตนเป็นฮ่องเต้ที่ปกครองแผ่นดินและราษฎรนับล้านชีวิต

เพ่ย! ขอโทษด้วยละกันที่ข้าไม่ใช่เด็กสามขวบ ถึงจะเป็นเด็กสามขวบคงไม่ถูกหลอกง่ายๆ หรอกจริงไหม?

สาเหตุหนิงหลงที่ได้ตกลงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฟู่เทียนซา เพราะบุรุษตรงหน้าดูเป็นคนซื่อๆ ตรงๆ และเข้าถึงง่าย อีกทั้งเขายังเป็นยอดฝีมือมีวรยุทธ์ที่ล้ำลึก ในโลกที่ใช้กฎแห่งป่าในการดำรงชีวิต ผู้แข็งแกร่งคือผู้อยู่รอด ไม่เจ้าตายข้าม้วย

หนิงหลงที่ไม่มีกำลังภายในและยังไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ การที่ได้เกาะขาพี่ใหญ่ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เขาจะไม่ตอบตกลงได้ยังไง?

แถมฟู่เทียนซาผู้นี้ไม่ได้ดูหยิ่งผยองจองหองเหมือนเหล่าจอมยุทธ์ที่มีฝีมือเท่าหางอึ่ง แต่กลับมีอีโก้สูงเทียมฟ้า และดูเหมือนว่าฟู่เทียนซาจะเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยคล้ายกันอีก อย่างที่เขาว่า "คนประเภทเดียวกันย่อมมีแรงดึงดูดเข้าหากัน!"

ส่วนทางด้านฟู่เทียนซาที่อยากเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับหนิงหลงนั้น สายตาของมหาราชแห่งยุคเช่นเขาจะมองคนไม่ออกเลยหรือ? ว่าบุคคลอย่างหนิงหลงเป็นเช่นไร ถึงเขาจะดูทะเล้น ดูกวนบาทาไปบ้าง แต่กลับอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่มีนัยยะอะไรแอบแฝง พวกเขาต่างเปิดใจแลกกันแบบลูกผู้ชาย

ทั้งสองจึงได้ร่วมให้คำสัตย์สาบานต่อกันที่ทะเลสาบมรกต โดยมีเจ้ายุทธภพอวิ๋นซางและเจ้าลัทธิมารเย่ฉุ่ยเหยาร่วมเป็นสักขีพยาน

"แม้นไม่เกิดวัน เดือน ปีเดียวกัน แต่ขอตายวัน เดือน ปีเดียวกัน"

ในขณะที่ทั้งคู่กำลังกล่าวสัตย์สาบานคารวะฟ้าดิน หนิงหลงก็ลอบทำมือนิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันแอบไว้ด้านหลัง พร้อมบ่นอุบอิบในใจ 'ขอโทษนะพี่ชาย แต่ข้าพึ่งจะอายุสิบเจ็ดปีกว่า จากที่ข้าดูแล้วอายุของท่านพอๆ กับบิดาของข้าเห็นจะได้ ถ้าให้ตายวัน เดือน ปีเดียวกัน มีหวังข้าอายุสั้นพอดี Sorry Bro!'

"ยินดีด้วยๆ" เจ้ายุทธภพอวิ๋นซางเดินมาตบไหล่ร่วมแสดงความยินดีให้กับพวกเขาทั้งคู่ ถ้าวัดจากอายุอวิ๋นซางนับว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุด

เย่ฉุ่ยเหยาหัวเราะเบาๆ ท่าทางที่สวยพราวเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ลักษณะเช่นนี้ของนางบุคคลภายนอกไม่มีโอกาสได้เห็น นางเชยคางหนิงหลงด้วยความนุ่มนวล และกล่าวว่า "เจ้าได้เป็นพี่น้องกับเจ้าฮ่องเต้นั้นแล้ว ไม่สนใจมาเป็นสวามีของเจ้าลัทธิมารบ้างหรือ?"

"ถ้าท่านไม่รังเกียจ ข้าก็ยินดี" หนิงหลงยิ้มอ่อนหวาน จับจ้องมองโฉมสะคราญตรงหน้าด้วยความลุ่มหลงที่ถ่ายทอดออกมาอย่างหมดเปลือก

"นับจากนี้เจ้า 'หนิงหลง' คือสามีของข้า 'เย่ฉุ่ยเหยา' ถ้าเกิดข้าพบว่าเจ้ามีสาวใดอื่นนอกจากข้า...หึ หึ" เย่ฉุ่ยเหยาหัวเราะเบาๆ กะพริบตาทีหนึ่ง ท่าทางดูคล้ายกับนางมารสมกับฐานะของนางไม่ผิดเพี้ยน

"ไอหยา!!! ข้าไม่เป็นสามีของท่านแล้วได้หรือไม่?" หนิงหลงยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกเสียวสันหลังวาบ

"คำมั่นสัญญา มีค่าพันตำลึงทอง สุภาพบุรุษพูดแล้ว ไม่คืนคำ!" เย่ฉุ่ยเหยายิ้มด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ พร้อมกอดคล้องแขนของหนิงหลง สองก้อนปทุมถันกดทับ ศีรษะนอนแนบอิงบนไหล่

สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ก็ต้องมองหน้ากันและกัน พวกเขาต่างรู้สึกขนลุกอยู่ไม่น้อย ได้แต่ภาวนาของให้หนิงหลงโชคดี

นางมารสวรรค์นะเนี่ย! ถึงจะมีรูปร่างที่งดงามสะเทือนแผ่นดิน แต่ขึ้นชื่อว่านางมารแล้ว ต่อให้เป็นวีรบุรุษห้าวหาญแห่งยุค ดาวรุ่งปราศจากผู้ต่อกรหรือโอรสสวรรค์ฟ้าประทาน

ไหนเลยที่พวกเขาเหล่านั้นจะกล้าต้องตาต้องใจหมายปองนางมารผู้นี้! นอกจากจะไม่ได้สาวงามมาครอบครองแล้ว ยังได้ตั๋วทัวร์ปรภพตกตายอนาถไร้ที่ฝังอีก มันไม่คุ้มเอาเสียเลย...

ในโลกหล้าแห่งนี้คงมีเพียงแค่หนิงหลงคนเดียว ที่เป็นคนแรกและคนสุดท้ายเท่านั้น ที่กล้าหยอกล้อนางเช่นนี้

หลังจากที่หนิงหลงกับฟู่เทียนซาได้กล่าวสัตย์สาบานเสร็จแล้ว พวกเขาทั้งสี่ได้ร่วมเดินทางกันไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด ระหว่างทางได้พูดคุยสนทนา แลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ

สถานะของหนิงหลงในสายตาพวกเขาเหมือนจอมยุทธ์ที่เร้นกายอยู่แต่ในหุบเขา พึ่งจะเคยได้ออกมาสู่โลกภายนอก การแต่งกายของหนิงหลงก็ดูประหลาดราวกับผู้ผิดยุค เรียกได้ว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีส่วนไหนที่เข้าธีมกับยุคโบราณเลย

"น้องเล็ก ทำไมเจ้าถึงไม่ออกใช้วรยุทธ์เคลื่อนไหวละ พวกเราจะไม่เดินทางไปถึงเมืองได้เร็วกว่าหรือ?" ฟู่เทียนซาถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

ตั้งแต่ที่พวกเขาออกจากทะเลสาบมรกตจนมาถึงตอนนี้ พวกเขาต่างพากันเดินเอ้อระเหยลอยชายราวกับเป็นเพียงคนธรรมดา พวกเขาทั้งสามยังเชื่อว่าหนิงหลงจงใจซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้ แสร้งทำเป็นหมูกินเสือ

แต่ตัวของหนิงหลงอยากจะตะโกนออกไปดังๆ ว่า 'ข้าไม่มีพลังปราณโว้ย! วรยุทธ์ถล่มมารดาเจ้าสิ เหมือนข้าฝึกพวกมันได้'

หนิงหลงหยุดฝีเท้าลง ยืนมือไขว้หลังเงยหน้าขึ้นมองเส้นขอบฟ้า ท่วงท่าของเขาดุจปรมาจารย์ผู้ผ่านโลก "อ่านตำราหมื่นเล่ม ไม่สู้เดินทางหมื่นลี้, เดินทางหมื่นลี้ ไม่สู้อ่านคนนับไม่ถ้วน, อ่านคนนับไม่ถ้วน ไม่สู้มีผู้รู้ชี้แนะ, มีผู้รู้ชี้แนะ ก็ไม่สู้ตนเองระลึกรู้"

เมื่อพวกเขาทั้งสามได้ยินเช่นนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ท่าทางตื่นเต้นราวกับเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

'อ่านตำราหมื่นเล่ม ไม่สู้เดินทางหมื่นลี้

เดินทางหมื่นลี้ ไม่สู้อ่านคนนับไม่ถ้วน

อ่านคนนับไม่ถ้วน ไม่สู้มีผู้รู้ชี้แนะ

มีผู้รู้ชี้แนะ ก็ไม่สู้ตนเองระลึกรู้'

ฟู่ม! ลมปราณที่อยู่ภายในร่างของพวกเขาทั้งสามได้ทะลักเอ่อล้นออกมา ราวกับว่าได้ผ่านจุดคอขวด

พวกเขาทั้งสามจึงรีบนั่งลงขัดสมาธิ และพยายามควบคุมไหลเวียนลมปราณภายในร่างให้มั่นคง

หนิงหลงเห็นท่าทางของพวกเขาทั้งสามในยามนี้ ดูเหมือนจะบรรลุได้เพราะคำพูดที่เขาจำมาจากตำราในโลกที่จากมา ภายในใจก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย

ไอหยา! ให้ตายเถอะ พระถังซัมจั๋ง! ส่งข้ามาโลกผู้ฝึกตน แต่ข้ากลับไม่สามารถฝึกตนได้ สวรรค์จะรังแกคนกันเกินไปแล้ว!!!

หลังจากผ่านไปได้ราวสองชั่วยาม ยอดฝีมือทั้งสามก็สามารถควบคุมลมปราณได้อย่างเสถียร

ครึ่งก้าวสู่ปรมาจารย์! นี่คือระดับที่พวกเขาบรรลุหลังจากได้รับการชี้แนะจากหนิงหลง พวกเขาที่ติดอยู่ขั้นสิบมาอย่างช้านาน

ในเวลานี้กลับสามารถบรรลุไปถึงระดับครึ่งก้าวสู่ระดับปรมาจารย์ได้เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของหนิงหลง ภายในใจของทั้งสามรู้สึกเลื่อมใสไม่น้อย

ไม่จำเป็นต้องแสดงพลังอภินิหารอันใด ลักษณะราวกับปุถุชนเดินดินธรรมดา แต่ความธรรมดากลับแฝงไปด้วยความลึกล้ำยากสุดจะหยั่งถึง นี่สินะ ที่เขาเรียกกันว่า สูงสุดคืนสู่สามัญ!

"ขอบคุณน้องเล็ก / สหายน้อย ที่ชี้แนะ!" ฟู่เทียนซาและอวิ๋นซางเอ่ยด้วยใบหน้าที่จริงใจ แววตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส

"สามีของข้ายอดเยี่ยมที่สุด" นางมารเย่ฉุ่ยเหยาขยับตัวเข้ากระแซะออดอ้อน เผยรอยยิ้มที่สวยหยาดเยิ้มออกมา

"เรื่องเล็กน้อยๆ ข้าไม่สนใจ" หนิงหลงโบกมือให้พวกเขาเบาๆ ยิ้มนิดหนึ่ง แต่รอยยิ้มกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดสุดคณานับ 'สวรรค์จะรังแกกันเกินไปแล้ว รังแกกันเกินไป!!!'