webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

650-2

บทที่ 650-2 สิ่งที่ต้องการ

หลังจากติดต่อไปหาญาติผู้ใหญ่ และเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อถึงค่อยโทรไปหาเผยอี้

เขาเองก็คงจะรอเจียงเซ่ออยู่เหมือนกัน ดังนั้นเมื่อเสียงรอสายดังขึ้นแค่หนึ่งครั้ง เขาก็รับสายเธอในทันที

พอรู้ถึงจุดนี้แล้ว เจียงเซ่อก็เม้มปากแน่น ก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มอ่อนๆ ออกมา

ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าเธอจะยุ่งมากแค่ไหน ขอแค่เธอหันกลับไป ก็จะเห็นเผยอี้ยืนอยู่ข้างหลังเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอกำลังไปได้สวย หรือจะเป็นตอนที่เธอเจอแต่เรื่องวุ่นวาย เขาก็อยู่ข้างเธอเสมอโดยที่ไม่คิดจะไปไหน

“เซ่อเซ่อ”

เธออ้าปาก ยังไม่ทันที่จะได้เรียกชื่อเขา เขาก็ชิงเรียกเธอขึ้นมาก่อน ในความรู้สึกของทั้งสอง มันเหมือนเขาเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ก็เหมือนเป็นฝ่ายกระทำด้วย เธอไม่เคยเป็นแบบตอนนี้มาก่อน มันรู้สึกเหมือนว่าจิตใจของเธอมันถูกเขาทำให้หวั่นไหวง่ายเกินไปหน่อยแล้ว

ก่อนเที่ยงคืน ตอนที่เขาโทรเข้ามา หัวใจของเธอมันก็เริ่มรู้สึกแปลกขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นวีดิโอที่เขาลง ตอนที่เธอได้ยินเขาเรียกชื่อของเธอ เหมือนเธอจะได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังเข้ามาในไมค์ของเขาด้วย ในค่ำคืนแบบนี้ ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครคนอื่น น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้ม ให้ความรู้สึกเซ็กซี่เล็กๆ ในหัวสมองในคิดรู้สึกนู่นนี่ไปเรื่อย ราวกับว่าดื่มเหล้าแก้วเล็กเข้าไปแก้วหนึ่ง ทำเอาเธอมึนไปชั่วขณะ

แต่ก่อนไม่เห็นจะเคยรู้สึก ว่าน้ำเสียงที่ใช้พูดของเขา มันจะน่าฟังได้ขนาดนี้?

เธอไม่กล้าที่จะเปิดปากพูดอะไรสักอย่าง กลัวว่าถ้าตัวเองอ้าปากแล้ว จะทำให้เผยอี้ได้ยินเสียงลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอเพราะหัวใจกำลังเต้นแรงอยู่

เธอรู้สึกหงุดหงิดกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ไม่น้อย เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ?”

เพราะมีมือถือกั้นกลางแบบนี้ ท่าทาง ความรู้สึกและสีหน้าทุกอย่างของเจียงเซ่อเขาต้องคาดเดาเองทั้งหมด และเผยอี้เองก็สัมผัสได้อย่างชาญฉลาดว่าความรู้สึกและท่าทางของเธอในตอนนี้จะต้องไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ แน่

แต่ก่อนเวลาที่เธอคุยกับเขา มักจะดูเฉลียวฉลาด สุขุม มีการออดอ้อนบ้างในบางครั้ง ในสายตาของเผยอี้ มันเหมือนความผ่อนคลายระหว่างคนสนิทจริงๆ

ที่จริงในด้านของความรู้สึกของเจียงเซ่อ บางทีมันก็ค่อนข้างที่จะช้า ความรักของทั้งสองดูเหมือนว่าจะมีเขาคอยเป็นคนนำทางให้เธอเสมอ ดำเนินไปในทางที่เขาคาดหวังมาตลอด

สิ่งที่น่าเสียใจเพียงอย่างเดียวก็คือ บางทีความรักที่เขามีต่อเธอ มันอาจจะมากกว่าที่เธอรับรู้มันด้วยซ้ำ แต่ความรักของเธอ ส่วนใหญ่แล้วมันเหมือนเป็นแค่การพึ่งพาความเคยชินไปเท่านั้น

สิ่งที่เผยอี้ต้องการ แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่นั้น แต่ด้วยนิสัยของเธอ เขาเองก็เข้าใจดี เธอเข้าใจอะไรยากและความรู้สึกช้า จะไปรบเร้ามากก็ไม่ได้

ดีที่เขาเลือกที่จะกำหนดสถานะของทั้งสองฝ่ายเอาไว้ก่อน จากนิสัยของเธอแล้ว ทั้งสองคนเริ่มต้นมาด้วยความคุ้นเคย เขาประคองเธอไว้ในดวงใจอย่างเงียบเชียบ และมักจะเหลือระยะห่างให้กับเธอเสมอ

นาทีนี้ มันมาช้ากว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก ยังดีที่เขาเฝ้ารอมานานหลายปี สุดท้ายก็รอมาจนถึงช่วงเวลานั้นแล้ว

“เซ่อเซ่อ พูดอะไรกับผมหน่อยสิครับ”

น้ำเสียงของเขาอบอุ่นและนุ่มนวลมากขึ้น ราวกับว่ากลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เจียงเซ่อทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเทียบเผยอี้ในปลายสายตอนนี้กับเผยอี้ที่เธอจดจำมาโดยตลอดแล้ว ก็ถือว่าคุ้นเคยและสนิทสนมกว่ามาก แต่ก็มีบางทีที่ให้ความรู้สึกเป็นเหมือนเป็นแค่คนแปลกหน้า ปลายสายเรียกเธออยู่อีกหลายรอบ ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกไป เธอก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างระแวดระวัง โชคดีที่ตอนนี้โม่อานฉีและคนอื่นๆกำลังประชุมอยู่กับเซี่ยเชาฉวิน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ จึงยังคงนั่งรวมตัวกันอยู่ในอีกห้อง

“ให้พูดอะไรล่ะ?”

เธออยากจะเข้มแข็งและนิ่งกว่านี้อีกนิด ตอนที่พูดออกไป แม้แต่ตัวเองก็ยังได้ยินเสียงที่สั่นๆ เลยด้วยซ้ำ เผยอี้เองก็คงจะได้ยินมันเหมือนกัน

“พูดอะไรก็ได้ครับ เซ่อเซ่อจะพูดอะไรผมก็ชอบฟังทั้งนั้น”

แล้วเจียงเซ่อก็เงียบไปอีก เผยอี้กำลังคิดว่า บางทีตอนนี้หน้าเธออาจจะแดงไปทั้งหน้าแล้วก็ได้ หรืออาจจะถึงขึ้นไม่กล้าลืมตาขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ

เหมือนว่าเขาจะพอจับอะไรได้แล้ว เลยได้คืบจะเอาศอก อยากได้มากกว่านี้จึงพูดท่าทีเผด็จการ

“ชอบผมไหมครับ?”

แต่ก่อนคนที่พูดว่า ‘ชอบ’ ออกมาอย่างกล้าหาญและตรงไปตรงมาก็คือเธอ คนที่ถูกรัก มักจะไร้ซึ่งความหวาดกลัว ‘ชอบหรือไม่ชอบ’ อยากจะถามก็ถามมาได้ตลอดเวลา

แต่ในฝั่งของเขา กว่าจะถามคำถามนี้ออกมาได้ เขาก็คิดลังเลอยู่นาน กลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ

แต่ในตอนนี้เขากลับไม่อยากที่จะกลัวอีกต่อไป เธอกลืนน้ำลายลงคอ แล้วตอบออกมาเบาๆ

“ชอบสิ”

แล้วเขาก็ถามอีก

“รักผมไหมครับ?”

ใบหน้าของเธอเห่อร้อนกว่าเดิม รู้สึกร้อนใบหูไปหมด มันรนจนอยากจะลุกขึ้นไปปรับฮีตเตอร์ให้อุณหภูมิลดลงกว่านี้หน่อย อยากจะเลี่ยงไม่ตอบคำถามไปเสียเลย

“เซ่อเซ่อ รักผมไหมครับ?”

เขาในคืนนี้ดูไม่เหมือนกับที่ผ่านๆ มาเลย เหมือนกับว่าอยากจะคาดคั้นความคิดของเธอออกมาจากปากให้ได้ หน่ออ่อนที่เพิ่งเติบโตในใจของเธอสั่นไหว ความรู้สึกผลิบานขึ้นเพราะคำถามของเขา

ที่จริงเธอกำลังตื่นตระหนกมาก แต่เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังตระหนกมากกว่าเธอเสียอีก

แต่ก็มีเรื่องบางเรื่องบางเรื่อง ในเมื่อเขาหาโอกาสไม่ได้ก็ช่าง แต่ในเมื่อพบโอกาสแล้ว ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมปล่อยไปเด็ดขาด

เขายังคงวนเวียนอยู่แค่คำถามนี้ เจียงเซ่อกำมือถือเอาไว้ ถูกเขาต้อนจนทำอะไรไม่ถูกไปหมดแล้ว ขาทั้งสองข้างก็เอาแต่สั่น

“รักสิ รักนายมากๆ เลย”

เธอยังไม่ชินกับการบอกรักอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ ยิ่งเป็นคนสนิทมากๆ แบบนี้แล้วด้วย จะพูดว่า ‘รัก’ ออกไปสักทีก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

พอเธอพูดจบ มือบางก็ถูกยกขึ้นแตะลงบนใบหน้า รู้สึกใจเต้นดังตึกตักไปหมด อยากจะหาโอกาสวางสายจากเผยอี้ให้ได้ รู้สึกว่าคุยกับเขาต่อไม่ได้แล้ว

“ผมอยากกอดพี่จัง” เมื่อเขาได้รับคำตอบนี้ ความรู้สึกพึงพอใจมันก็พุ่งเข้าสู่หัวสมอง รสชาติของการได้รับคำตอบที่แท้จริงจากความรู้สึกของเธอ มันช่างงดงามเสียยิ่งกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เป็นร้อยเท่าพันเท่า

“อยากจะจับมือพี่”

อยากจะลูบหน้าเธอ อยากจะจูบลงไปบนเปลือกตา บนแก้ม บนริมฝีปาก อยากจะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ ความรู้สึกเหล่านั้นถูกกักเก็บและควบคุมเอาไว้มาโดยตลอด จนตอนนี้มันแทบจะเก็บเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว

เจียงเซ่อไม่กล้าที่จะคุยอะไรกับเขาอีก เธอรีบกดวางสาย กลัวว่าเขาจะโทรมาอีก วางสายเสร็จก็รีบกดปิดเครื่องทันที

ตอนที่เธออยู่ต่อหน้าเผยอี้ ไม่เคยที่จะมีความรู้สึกหวั่นขนาดนี้มาก่อน แต่ตอนนี้กลับไม่มีความกล้ามาพอที่จะคุยกับเขาต่อเสียแล้ว

คืนนี้สำหรับใครหลายๆ คน ต่างก็เป็นคืนที่ยากจะข่มตา

ตอนเที่ยงคืนตระกูลเผยได้มีการปล่อยประกาศออกมา เมื่อท้องฟ้าสว่างแล้วถึงได้กลายเป็นหัวข้อที่น่าช็อคออกมา กลายเป็นสิ่งที่เหล่านักวิพากษ์วิจารณ์พูดถึงกันมากที่สุด

ในค่ำคืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือต่างประเทศ สิ่งที่พูดถึงกันล้วนแล้วเกี่ยวกับการแต่งงานของเจียงเซ่อ ยิ่งเป็นคนในประเทศยิ่งเยอะกว่ามาก

บนโลกอินเทอร์เน็ตของต่างประเทศ ไม่เพียงแค่ข่าวฝั่งบันเทิงเท่านั้น เพราะแม้แต่ข่าวปกติก็ยังมีการรายงานข่าวการแต่งงานของทายาทรุ่นที่สามของตระกูลเผย

บนเว็บต่างประเทศมีการพูดถึงหนังของเชี่ยซ่าเหลยที่เจียงเซ่อแสดงอย่างเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ หนังเรื่องนี้เพิ่งจะเข้าร่วมในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ และข่าวที่ได้รับรางวัลใหญ่มา ก็เป็นข่าวที่เป็นกระแสมากอยู่แล้ว ยิ่งมีข่าวของเจียงเซ่อเข้ามาเพิ่ม ก็ยิ่งมีคนพูดถึงตัวหนังเพิ่มขึ้นอีก

“ทางคุณเชาฉวินและ Melovin ได้มีการตกลงเรื่องสัญญาเรียบร้อยแล้วนะ เมื่อคืนกังหัวก็ถือโอกาสจากเมื่อคืน เอาเซตตุ้มหูที่เธอใส่ไปในงาน ‘หนึ่งน้อยปีของคนสร้างหนัง’ ออกมาวางขายเรียบร้อยแล้ว”

โม่อานฉีไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ก็ยังดูเหมือนยังคงมีชีวิตชีวาอยู่ ไม่มีความเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย

เครื่องประดับและเสื้อผ้าต่างๆ ที่เจียงเซ่อใส่ไปในงาน ‘หนึ่งร้อยปีของคนสร้างหนัง’ นั้นได้รับความสนใจจากวงการแฟชั่นอยู่แล้ว เซตตุ้มหูที่กังหัวได้นำมาสนับสนุนเจียงเซ่อนั้นก็เป็นคอลเลคชั่นที่ทางแบรนด์กำลังจะนำออกจำหน่ายในชื่อ ‘น้ำตานางเงือก’ อยู่แล้ว ในตอนที่เจียงเซ่อใส่ตุ้มหูคู่นั้นไปในงาน ก็มีหลายๆ คนที่ถามถึงมันแล้ว

ตุ้มหูที่เจียงเซ่อใส่นั้นเป็นเส้นเงินยาวสีโรสโกลว์คล้องเข้าไปในหู ด้านหลังมีไข่มุกประดับเอาไว้ ส่องแสงประกายเด่นสะดุดตา ราคาที่ตั้งเอาไว้ไม่ธรรมดาเลย ยิ่งเจียงเซ่อเป็นคนเคยใส่มาแล้วด้วย ยอดการสั่งจองจึงมากกว่าที่กังหัวคิดเอาไว้มากทีเดียว ตอนแรกสวีโจวจี้ได้ตัดสินใจแล้วว่า ตุ้มหูคอลเลคชั่นนี้จะเปิดขายอย่างจำกัดในแต่ละฤดูเท่านั้น จึงทำให้ราคาที่ตั้งเอาไว้สูงกว่าที่เคยตั้งเอาไว้มาก

และเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น จึงทำให้การวางขายของคอลเลคชั่นนี้ถูกเลื่อนออกไป แต่พอมีข่าวของเจียงเซ่อปล่อยออกมาเมื่อคืน กังหัวก็รีบปล่อยคอลเลคชั่นนี้ออกมาวางขายทีนที ถึงแม้ว่าจะมีราคาที่สูงลิบ แต่เป็นเพราะเป็นแบบเดียวกับที่เจียงเซ่อเคยใส่ แถมยังสวยขนาดนี้ ทำให้หลังจากที่ออกวางขายได้ไม่นาน ก็ถูกเหล่าผู้รักการสะสมเครื่องประดับ สั่งจองจนสินค้าหมดทันที!