webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

571

บทที่ 571 สถานการณ์

นักข่าวที่อยู่รอบๆ ล้วนกำลังจับตาดูเหตุการณ์นี้ คนที่กำลังพูดคุยหรือนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ประจำที่ของตนเองล้วนหยุดการกระทำของตนเอง

ทุกคนต่างกลั้นหายใจและจดจ่อหน้าจอที่อยู่ข้างหลังพิธีกร ข้างต้นฉบับมีตัวเลข ‘สองล้าน’ ปรากฏขึ้น

แม้ว่าในงานคนจำนวนมากล้วนไม่ตกใจเพราะเงินสองล้านนี้ แต่ก็ยังคงตะลึงเพราะการแย่งชิงระหว่างดาราหญิงแถวหน้าทั้งสองของหัวเซี่ยอยู่ดี

ถ้าตอนนี้เถาเฉินเสนอราคาอีกก็คงกลายเป็นเรื่องใหญ่และจะพบกับจุดจบที่ทั้งสองต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องอยู่ของทุกคนเถาเฉินก็ไม่ทำให้คนที่เฝ้าดูสถานการณ์ด้วยความตื่นตาตื่นใจโดยไม่สนใจว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ต้องผิดหวังเพราะหล่อนยกป้ายในมือขึ้นพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง

ตอนที่เจียงเซ่อชูป้าย ก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจอย่างเย็นเยียบจากรอบข้าง

แต่ว่า ตอนที่เถาเฉินชูป้ายก็ไม่ได้ส่งเสียงอีก ต่างมองหน้าจอเงียบๆ ในงานมีเสียงโทรศัพท์ที่กำลังแอบถ่ายดังขึ้น ด้วยบรรยากาศที่เงียบผิดปกติแบบนี้จึงได้ยินชัดเจนมาก

เรื่องราวลุกลามควบคุมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว นักข่าวจากสื่อใหญ่ๆ ที่ถูกเชิญมาคงจะกำลังถ่ายรูปสถานการณ์นี้ไว้อย่างบ้าคลั่ง คนจำนวนมากถึงขั้นสามารถร่างเค้าโครงหัวข่าวที่สื่อต่างๆ จะลงในข่าววันพรุ่งนี้เอาไว้ในหัวได้เลยว่า ‘งานเลี้ยงการกุศลของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ นักแสดงหญิงแถวหน้าสองคนของซื่อจี้หยินเหอต่างเปิดฉากสงครามลับใส่กัน!‘

ใบหน้าของทางผู้จัดงาน ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ดูจนปัญญา จนถึงขนาดนี้แล้ว นักแสดงหญิงทั้งสองที่ถูกเชิญมาร่วมงานแก่งแย่งกันแบบนี้ ถ้ากลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็ล้วนไม่เป็นผลดีไม่ว่ากับใครก็ตาม

“พี่เส้า ทำยังไงดี”

ทีมงานของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ต่างมองเส้าฉุนจิ่น ใบหน้าของเส้าฉุนจิ่นดูเคร่งเครียด พร้อมกับที่พิธีกรบนเวทีประกาศตัวเลขที่เถาเฉินเสนอ

“สองล้านสองแสนห้าหมื่น”

“พี่เส้า จะให้พวกเธอแข่งกันต่อไม่ได้แล้วนะ”

ตอนนี้ได้ผิดจากเป้าหมายของงานการกุศลไปแล้วและกลายเป็นการแย่งชิงกันเพื่อหน้าตาและฐานะของนักแสดงหญิงทั้งสองไปแล้ว

“ถ้าเจียงเซ่อยังจะเสนอราคาอีก...” เส้าฉุนจิ่นมองเข้าไปภายในงานและพูดอย่างปวดหัว “โทรหาลัวอ้าวซื่อจี้หยินเหอ”

เส้าฉุนจิ่นรู้สึกปวดหัว งานเลี้ยงการกุศลในค่ำคืนนี้ เหตุผลที่เชิญนักแสดงหญิงทั้งสองอย่างเถาเฉินและเจียงเซ่อมาในตอนแรก ถือเป็นเรื่องน่ายินดีมากสำหรับ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แฟนคลับของทั้งสองฝ่ายก็คงจะเคืองทางผู้จัดงานแน่

ทั้งสองมาจากซื่อจี้หยินเหอเหมือนกัน จึงหวังให้ทางต้นสังกัดออกมาจัดการ ช่วยหยุดการแย่งชิงระหว่างทั้งสองคน อย่างน้อยก็อย่าให้ปะทุออกมาเหมือนตอนนี้

เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นผลดีต่อตัวเจียงเซ่อเลย การกระทำของเถาเฉินลักเธอให้ต้องขึ้นสูงขึ้นไปอีก นอกเสียจากว่าเธอจะวางมือได้ทันเวลา มิเช่นนั้นถ้าข่าวถูกเผยแพร่ออกไป แน่นอนว่าจะไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอ

ทางซื่อจี้หยินเหอมีท่าทีว่าจะกลับมาสนับสนุนเจียงเซ่อ หลายปีมานี้เธอก้าวหน้าไปไม่น้อยเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ไม่ใช่แค่ซื่อจี้หยินเหอที่จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เจียงเซ่อยังมีลูกหลานของกลุ่มทายาทอีกคน เธอเคยบอกว่าเธอหมั้นแล้ว นี่ต่างหากที่เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด!

ในขณะที่ทีมงานของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ กำลังกระวนกระวาย โม่อานฉีที่อยู่ข้างๆ เจียงเซ่อก็ตื่นตระหนกจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เพราะเธอเห็นว่าเจียงเซ่อได้กำป้ายขึ้นมาอีกครั้ง

โม่อานฉีอยู่ข้างเจียงเซ่อมานานหลายปี ดูแลเธอมาโดยตลอดตั้งแต่เธอเข้าวงการใหม่ๆ จากปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อยของเจียงเซ่อ ก็เดาออกแล้วว่าเธอกำลังจะยกป้ายขึ้นอีกครั้ง

“เซ่อเซ่อเป็นคนใจเย็นมาโดยตลอด ทำไมอยู่ๆ ถึงได้ใช้อารมณ์แบบนี้นะ”

โม่อานฉีตื่นตระหนกจนเหงื่ออาบหน้าผาก พูดกับเสี่ยวจางที่อยู่ข้างๆ เบาๆ เพื่อคลายความกดดันในใจลงบ้าง

“เถาเฉินจงใจบีบเธอ”

ที่เถาเฉินทำแบบนี้ ก็เพราะต้องการให้นักข่าวและทุกคนเห็นว่า เจียงเซ่อที่เป็นรุ่นน้องกำลังแข่งและแย่ง ‘ของ’ กับเธอยังไงล่ะ

ตอนนี้สีหน้าของเซี่ยเชาฉวินดูเคร่งขรึม ท่ามกลางสายตาที่แฝงความกังวลของโม่อานฉี สุดท้ายสิ่งที่กลัวก็เกิดขึ้นจนได้

หลังจากพิธีกรตะโกนว่า ‘สองล้านสองแสนห้าหมื่น จะมีใครเสนออีกไหม’ เจียงเซ่อก็ชูป้ายขึ้นอีกครั้ง

วินาทีนี้ถึงแม้ว่าไฟในงานจะไม่แสบตา แต่ว่า โม่อานฉีกลับสัมผัสได้ว่า ทุกสายตาของคนรอบข้าง ต่างมองไปที่เจียงเซ่อ

ทุกสายตาในของคนที่อยู่ในงานล้วนจับจ้องไปที่เจียงเซ่อ พอเห็นว่าเธอชูป้ายขึ้น นักแสดงหลายคนในวงการเหมือนกำลังดูฉากอันน่าประทับใจที่นักแสดงสองคนแย่งต้นฉบับสามใบของ Amadeus หลายคนที่กำลังอิจฉาเจียงเซ่อก็อยากให้เธอวู่วามมากกว่านี้ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่และล้มลงท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์

หลายปีมานี้ เจียงเซ่อก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ข่าวฉาวก็มีไม่มาก โอกาสมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

แบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ได้รับก็มีแต่แบรนด์ดังๆ ตอนที่ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของนาฬิกาข้อมือ Federer ก็ทำให้คนในวงการจำนวนมากอิจฉาตาร้อน

“สองล้านห้าแสน”

คราวนี้ แม้กระทั่งพิธีกรบนเวทีเองก็คาดไม่ถึง ไม่ว่าต้นฉบับของ Amadeus จะแพงมากเท่าไหร่ ราคานี้แม้จะเป็นการประมูลเพื่อการกุศล แต่ก็ถือว่ามากไปจริงๆ

“เซ่อเซ่อ”

หลิวเย่หันไปอย่างตะลึง ตอนแรกเขาไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ เพราะยังไง เขาก็คิดว่าเจียงเซ่อเป็นคนใจเย็นและฉลาด รู้ว่าสถานการณ์แบบไหนควรอดทน เวลาไหนควรสู้

การเสนอราคาของเถาเฉินในคืนนี้ เห็นได้ชัดว่าจงใจกระตุ้นให้เป็นเรื่อง เป้าหมายของเธอชัดเจนเกินไป เจียงเซ่อไม่ควรแย่งเธอ ถ้ายังคงแย่งกันต่อไป คนที่เสียเปรียบจะมีแค่เธอคนเดียว เธอคงจะสามารถเดาเป้าหมายของเถาเฉินออกได้นี่ แต่ทำไมเธอถึงเลือกที่จะทำแบบนี้

หรือว่าเพราะมีคนคอยหนุนหลัง บางทีอาจจะเป็นอย่างที่เจียงเซ่อพูด เธอหมั้นแล้ว งานแต่งจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งปีกว่าๆ หลังจากนี้ ต่อไปไม่ต้องทำงานในสายนี้แล้ว ชื่อเสียงจะดีหรือไม่ จะโดนประชาชนด่าหรือไม่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์แบบไหน เธอก็เลยไม่สนใจแล้วอย่างนั้นหรือ

“เธอไม่ควรประมูลแล้วนะ”

น้อยมากที่หลิวเย่จะใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับคนอื่น อยู่ในวงการนี้มานาน เขารู้ว่าควรวางตัวให้ถูก ไม่ว่าภายนอกจะเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมากเพียงใด แต่บางอย่างก็ไม่ควรพูดออกมา

อีกประการหนึ่ง คนอายุอย่างเขา ก็ยิ่งเข้าใจว่าอะไรเรียกว่าเคารพซึ่งกันและกัน ทุกคนล้วนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาไม่มีสิทธิ์ไปชี้นิ้วสั่งใครและคิดว่าคนอื่นควรทำอะไร

แต่ว่า ตอนนี้สถานการณ์กลับแตกต่างออกไป ถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ความรู้สึกดีๆ ที่ประชาชนมีต่อเจียงเซ่ออาจจะหายไป เขาคิดถึงผู้หญิงพูดน้อยแต่ตั้งใจคนนั้น ในกองถ่ายหนังเรื่อง‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เมื่อครั้งแรกที่ตนเองร่วมงานกับเจียงเซ่อ

ต่อจากนั้น ในหนังเรื่อง ‘Evil’ เธอแสดงเป็น ‘จางยวี่ฉิน’ ที่มาปราบเขาด้วยตนเอง

ทั้งสองเคยร่วมงานกันสองเรื่อง เจียงเซ่อเป็นนักแสดงที่ดีมากจริงๆ ในบรรดานักแสดงหญิงที่หลิวเย่เคยร่วมงานด้วย นอกว่าความสามารถ ความสวยที่ฟ้าประทานมาให้เธอเดินในสายนี้แล้ว นิสัยที่พยายามและมุ่งมานะของเธอก็เป็นหนึ่งในความสำเร็จด้วยเช่นกัน

เขาทนเห็นนักแสดงแบบนี้ต้องมาเสียอนาคตเพราะ ‘เรื่อง’ แบบนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะฉะนั้นหลิวเย่จึงเตือนเธอโดยไม่ให้ผิดสังเกตว่า

“เธอควรจะรู้ดีนี่ ว่าเรื่องในคืนนี้ เถาเฉินจงใจยั่วโมโหเธอ”

เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยพูดถึงใครไม่ว่าจะในด้านดีหรือไม่ดี สำหรับหลายเรื่องในวงการบันเทิง ล้วนมองดูอยู่ห่างๆ ด้วยความเย็นชาเท่านั้น

พวกมารยาร้อยเล่นเกวียน พวกที่ไม่เคยเสียเปรียบ ไม่มีทางรู้หรอกว่ามันเป็นยังไง

แต่ตอนนี้หลิวเย่กลับรู้สึกเสียดายแทนเจียงเซ่อจริงๆ เขาทนเห็นผู้หญิงคนนี้ต้องมาจบอนาคตลงเพราะแก่งแย่งชิงดีกันแบบนี้ไม่ได้

“ถ้าเธอยังแข่งต่อไป จะไม่เป็นผลดีนะ”

หางตาของเขาได้มองเห็นเซี่ยเชาฉวินที่เอามือกอดอกและเห็นเถาเฉินที่อยู่อีกฝั่ง เธอนั่งอยู่แถวหน้าสุด แสงไฟที่อยู่เหนือศีรษะสาดแสงสว่างลงมา ทำให้รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขบนใบหน้าของเธอดูชัดเจนผิดปกติ

โซนสื่อมวลชนในบริเวณที่ไกลออกไปทีมงานต่างจับจ้องสถานการณ์อย่างไม่ละสายตา ราวกับว่าทุกคนล้วนคาดการเอาไว้แล้วว่า ในข่าวของวันพรุ่งนี้ เจียงเซ่อจะต้องขายหน้า ท่าทางที่เหมือนกำลังเฝ้าดูฉากอันน่าประทับใจนั้นทำให้สายตาของหลิวเย่ดูเย็นเยียบมากกว่าเดิม

“ถ้าอยากได้โน้ตเพลง ถ้าชอบจริงๆ สองล้านห้าแสนก็มากพอสำหรับการซื้อโน้ตเพลงอื่นแล้วนะ”

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อว่า

“ถ้าเธอทำไปเพราะต้องการให้ Steinway ประทับใจ ถึงขั้นที่ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของพวกเขา แค่แสดงท่าทางออกมาก็เพียงพอแล้วล่ะ”

ผู้ดูแลของบริษัท Steinway นั่งอยู่ในโซนทางทิศตะวันออกที่ทางผู้จัดการเว้นไว้ให้แขกผู้มีเกียรติโดยเฉพาะอยู่ข้างเปียโนสีขาวตัวหนึ่ง ใบหน้าของคุณ Chapman ผู้ดูแลในหัวเซี่ยของบริษัท Steinway ดูเคร่งขรึม

เห็นได้ชัดว่า การที่ต้นฉบับที่บริษัท Steinway บริจาคถูกแย่งชิงกันจนถึงตอนนี้และกลายเป็นสถานการณ์ที่นักแสดงหญิงแถวหน้าของหัวเซี่ยทั้งสองคนกำลังสู้กัน แม้ว่าราคานี้ได้มากกว่าที่ทางบริษัท Steinway คาดการณ์เอาไว้ในตอนแรก แต่ก็ยากที่จะทำให้ Chapman ดีใจขึ้นมาได้

เขาอาจจะรู้สึกว่า ต้นฉบับฉบับนี้ถูกลดคุณค่าไปจากเดิม ถ้าเจียงเซ่อยังคงแย่งชิงต่อไป จะยิ่งกลายเป็นการกระทำที่ ‘ขายหน้า’ ในสายตาของทุกคนก็เท่านั้น

ในโซนสื่อมวลชน เถาเถาเครียดจนตัวสั่นไปหมด โทรศัพท์แทบจะหลุดมือ

ตอนนี้มีเหงื่อออกตามมือและเท้าของเธอ ในลำคอเริ่มรู้สึกฝาดเฝื่อน

ความจริงแล้ว การสัมภาษณ์ในคืนนี้ เธอไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเอง แต่เพราะทางสำนักข่าวหลงสิงรู้ว่าเจียงเซ่อ เถาเฉิน หลิวเย่และคนอื่นจะมางานเลี้ยงการกุศลครั้งนี้พร้อมกัน เพราะฉะนั้นเพื่อความรอบคอบ บ.ก หวังให้มีข่าวใหญ่จากงานแบบนี้ จึงส่งเถาเถามา

เพราะหลายข่าวที่มีเพียงสำนักข่าวหลงสิงเผยแพร่ออกไปทำให้บริษัทพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ เจ้านายจึงตั้งฉายาให้เธอขำๆ ว่า ‘ตัวนำโชค’ คิดว่าเธอมีความสามารถพิเศษในการขุดข่าวใหญ่

ตอนที่ส่งตัวเธอมา ยังได้พูดเล่นๆ ว่า ฝากหัวข้อข่าววันพรุ่งนี้ให้กับเถาเถาดด้วย

ตอนออกมา เถาเถายังคิดอยู่เลยว่า งานในค่ำคืนนี้ นอกว่าตนเองจะได้เห็นเจียงเซ่อผู้เป็นไอดอลในดวงใจแล้วก็ไม่คิดว่าจะได้รับข่าวใหญ่อะไร

คิดไม่ถึงว่าคำพูดของเจ้านายจะกลายเป็นจริงขึ้นมา ข่าวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ในวันพรุ่งนี้มีโอกาสมากที่มันจะปะทุขึ้นมา!

โทรศัพท์มือถือของเธอสั่นไม่หยุด ข้อความเด้งเข้าอย่างต่อเนื่องและล้วนเป็นข้อความจากเจ้านาย

เจ้านายเองก็เป็นหนึ่งในแขกผู้มีเกียรติในงาน เหตุการณ์นี้เขาคงเห็นแล้ว

การแย่งชิงระหว่างเจียงเซ่อและเถาเฉิน เถาเถารู้ดีว่าผลลัพธ์หลังจากนักข่าวเผยแพร่ข่าวออกไปจะเป็นอย่างไร

เธอรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างและเป็นเพราะรักเจียงเซ่อมากกว่า ตอนนี้จึงรู้สึกเกลียดเถาเฉินขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

เจียงเซ่ออยากได้โน้ตเปียโนตั้งแต่ตอนแรก เถาเฉินต่างหากที่เข้ามาแทรก แต่ว่า ในฐานะที่เถาเฉินเป็น ‘รุ่นพี่’ ผลลัพธ์ในตอนท้ายอาจจะไม่ดีต่อตัวเจียงเซ่อเอง

“เถาจื่อ หลิวเย่กำลังเตือนเจียงเซ่อใช่ไหม”

ซูหมิ่นที่มาจากสำนักข่าวหลงสิงพร้อมกันเข้ามาใกล้หูของเถาเถา แล้วถามด้วยความตื่นเต้น

หลิวเย่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนสันโดษ ตั้งแต่เข้าวงการว่าน้อยมากที่จะยุ่งเรื่องของคนอื่น

เขารักษาความสัมพันธ์ที่ภายนอกดูเหมือนจะดีกับผู้ใหญ่มากมายในวงการ แต่คนที่สนิทจริงๆ กลับมีไม่มาก คราวนี้ถึงขั้นเอ่ยเตือนเจียงเซ่อ นั่นหมายความว่าสำหรับหลิวเย่แล้ว เจียงเซ่อเป็นเพื่อนที่มีความพิเศษ

เถาเถาฟังคำพูดเหล่านั้นไม่เข้าหัวสักนิด เพราะเธอกำลังจ้องไปที่ใบหน้าอันเย็นเยียบของเซี่ยเชาฉวินผู้จัดการของเจียงเซ่อ และเห็นรอยยิ้มหวานของเถาเฉิน เธอเห็นว่าเถาเฉินเองก็ชูป้ายในมือขึ้นอีกครั้ง “สามล้าน!”

“สามล้าน”

ต้นฉบับสามใบนี้ถูกเสนอราคาจนมากกว่ามูลค่าของมันเป็นเท่าตัว ตอนที่เถาเถาได้ยินตัวเลขนี้ ถึงกับหัวใจหยุดเต้น เธอได้แต่แอบภาวนาให้เจียงเซ่อเลิกแย่งชิงเสียที

เธอยังคิดจินตนาการ หวังให้ตอนนี้มีคนเข้ามากู้สถานการณ์ให้เจียงเซ่อ ช่วยกดตัวเลขนี้ลงไป ไม่ให้ต้นฉบับนี้ต้องตกอยู่ในสภาพที่ถูกนักแสดงหญิงสองคนแข่งกันเสนอราคา

“ฉันเข้าใจค่ะ พี่หลิว”

เจียงเซ่อหันกลับไป ความคิดของเถาเฉินและสถานการณ์ในค่ำคืนนี้ไม่เป็นผลดีต่อตัวเธอเลย ทั้งหมดนี้เธอล้วนรู้ดี แล้วเธอก็รู้ว่าเซี่ยเชาฉวิน โม่อานฉีรวมทั้งหลิวเย่ เถาเฉินและผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยงการกุศลในครั้งนี้คิดอย่างไรกับการกระทำที่เธอแย่งต้นฉบับกับเถาเฉิน

ดวงตาของเธอสว่างสุกใส กะพริบหลายที เพราะรอยยิ้มของเธอ หางตาถึงได้โค้งลงเล็กน้อย “สิ่งที่คุณเตือนฉันเข้าใจดีค่ะ”

“ไม่ต้องประมูลแล้ว เซ่อเซ่อ”

หลิวเย่เห็นว่าท่าทางของเธอไม่เหมือนคนไม่มีสติ จึงโล่งใจ นัยน์ตาของเธอราวกับมีอะไรซ่อนอยู่ ดูแล้วยากที่จะเข้าใจ แต่กลับทำให้หลิวเย่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติตามสัญชาตญาณ

ในขณะที่เจียงเซ่อกำลังจะพูด โทรศัพท์ของเธอก็สั่นขึ้นมา

รอยยิ้มของเธอดูรู้สึกผิด เธอเปิดกระเป๋า หยิบโทรศัพท์ออกมา ระหว่างนั้นก็มีข้อความเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยข้อความทั้งหมดล้วนเป็นข้อความที่ลัวหยิ่นส่งมาด้วยตนเอง โดยมีเนื้อหาว่า ‘หยุดการแย่งชิง ขอให้อดทน ทางบริษัทจะชดเชยให้’

“พี่เซี่ย...”

เสียงของโม่อานฉีเหมือนกำลังจะร้องไห้ หลายปีมานี้ เจียงเซ่อทุ่มเทมามากเพียงนี้ ถ้าการแย่งชิงกับเถาเฉินในครั้งนี้ ทำให้เสียงชื่อของเธอต้องเสียหาย ก็ถือว่าเสียดายมากไปแล้ว

“พี่ห้ามเซ่อเซ่อทีสิ”

เซี่ยเชาฉวินเห็นแล้วว่าเจียงเซ่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ดูเหมือนว่าไม่ต้องให้เธอเตือน ทางบริษัทก็มีคนลงมือแทนแล้ว

คนที่สามารถควบคุมสถานการณ์ในตอนนี้ได้ นอกว่าประธานบริษัทลัวหยิ่นแล้วก็ไม่มีใครแล้วจริงๆ

เจียงเซ่อเพิ่งจะต่อสัญญากับซื่อจี้หยินเหอ ลัวหยิ่นถึงขั้นแบ่งหุ้นส่วนร้อยละศูนย์จุดห้าให้เธอเพื่อรักษาเธอเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญกับเจียงเซ่อเป็นอย่างมาก ลัวหยิ่นไม่อยากให้ชื่อเสียงของเจียงเซ่อต้องเสียหายแน่

แต่ว่า จะห้ามเธอได้จริงเหรอ นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเชาฉวินมีความคิดแบบนี้

เธอร่วมงานกับเจียงเซ่อมานานหลายปี เรื่องทั่วๆ ไป เจียงเซ่อเชื่อฟังเธอเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเรื่องตารางงานหรือการเรียนเสริมในเรื่องจริยธรรม

ตนเองวางแผนอะไรให้เจียงเซ่อ เธอก็ล้วนทำตามทั้งหมด เธอให้เจียงเซ่อเข้านอนกี่โมง เจียงเซ่อก็พยายามรักษาเวลาตลอด เธอให้เจียงเซ่อไปเรียนเปียโน เจียงเซ่อก็ไปเรียน เธอให้เจียงเซ่อไปเข้าคลาสออกกำลังกาย เรียนศิลปะการต่อสู้ แม้จะลำบากและเหนื่อยยากมากเพียงใด เจียงเซ่อก็ทำตามอย่างเชื่อฟัง

ตัวตนของเธอ ก็ใช่ว่าจะไม่มีนิสัยของตนเอง

มองจากบางมุมแล้ว เธอคงจะเป็นคนประเภทเดียวกันกับเซี่ยเชาฉวิน ที่มีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง

แต่ว่า ตอนนี้เพราะเรื่องเล็กๆ เพราะกลัวเสียหน้า ถูกเถาเฉินยั่วแค่นี้ เจียงเซ่อก็หมดความอดทนเสียแล้วหรือ นี่ตนเองตั้งความหวังกับเจียงเซ่อไว้สูงเกินไปและมองคนผิดไปใช่ไหม

เซี่ยเชาฉวินเม้มปาก พิธีกรยังคงถาม

“ต้นฉบับสามใบของ Amadeus สามล้าน ครั้งที่หนึ่ง สามล้าน...ครั้งที่สอง สองครั้ง” พิธีกรถามพร้อมรอยยิ้ม

“มีใครจะเสนอราคาอีกหรือเปล่าคะ”

บรรยากาศในงานเงียบผิดปกติ ทีมงานของ ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ แอบถอนหายใจ

หลิวเย่เองก็โล่งอก มือที่กำแน่นของโม่อานฉีและเถาเถาที่อยู่ในโซนนักข่าวก็ค่อยๆ คลายออก

เจียงเซ่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นข้อความของลัวหยิ่นที่ว่า “ทางบริษัทจะชดเชยให้”

เธอค่อยๆ เผยรอยยิ้ม

เธอไม่ใช่องค์หญิง ไม่ต้องการให้เจ้าชายขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย

สิ่งที่เธออยากได้ เธอไม่ต้องการให้ใครมาชดเชย เธอสามารถยื่นมือไปคว้าได้ด้วยตนเอง

เธอกำป้ายและยกขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของทุกคน

“ห้าล้าน!”

‘แซ่ด แซ่ด’ ในงานมีเสียงอันตกตะลึงดังขึ้น

บรรยากาศที่เงียบสนิทเมื่อครู่นี้ วินาทีต่อมากลับเต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนที่ดังอย่างไม่ขาดสาย ทั้งหมดนี้ราวกับเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที

หนึ่งวินาทีก่อนหน้านี้ เถาเถายังเผยรอยยิ้มที่ดูผ่อนคลายอยู่เลย วินาทีต่อมากลับเบิกตาโต มือที่กำโทรศัพท์มือถืออยู่ถูกคลายออก พลันเอามือปิดปากที่อ้ากว้าง

“ห้าล้าน!”

พิธีกรอดทวนตัวเลขอีกครั้งไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ากำลังตรวจสอบ กลัวตนเองจะอ่านผิดไป