webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

569

บทที่ 569 เบาะแส

“เซ่อเซ่อ เมื่อกี้เพิ่งได้รับอีเมลจาก ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ บอกว่าให้เธอหลิวเย่และจางจิ้งอานเป็นคนเดินเปิดงานเลี้ยงการกุศล”

หลังจากหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ เข้าฉายตอนปลายเดือนมีนาคมก็ถูกพูดถึงในด้านที่ดีมาโดยตลอด ในตอนนี้ก็กำลังเป็นที่พูดถึงของประชาชน ในช่วงเวลาสำคัญที่หนังกำลังจะออกโรง การที่เจียงเซ่อ หลิวเย่และจางจิ้งอานมาเดินพรมแดงเปิดงานด้วยกันถือเป็นเรื่องปกติ

ทั้งสามปรากฏตัวพร้อมกัน คงจะทำให้คนรอบข้างต่างตื่นเต้น ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นการสร้างกระแสครั้งสุดท้ายให้กับหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ให้ทำรายได้ให้มากขึ้นก่อนออกโรง

เพียงแต่ว่า โม่อานฉีอดคิดถึงเรื่องราวในอดีตไม่ได้ ตอนที่เธออยู่กับเจียงเซ่อเมื่อครั้งแรกที่ได้รับการ์ดเชิญจาก ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ตอนเดินพรมแดงเจียงเซ่อถูกจัดให้อยู่ท่ามกลางดารา หลังจากนั้น เพราะหลิวเย่กับจางจิ้งอานชวน จึงทำให้เธอได้เดินอยู่แถวหน้าตอนพิธีเปิด

ฐานะในตอนนี้ของเจียงเซ่อ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งชื่อเสียงของหลิวเย่มาช่วยสนับสนุน

โม่อานฉีถือเอกสารที่พิมพ์ออกมา พลันดึงเก้าอี้และนั่งลงข้างเจียงเซ่อ

“เงินที่จะบริจาคและของประมูลได้เตรียมพร้อมแล้วนะ”

ตอนนี้ด้วยฐานะของเจียงเซ่อ แน่นอนว่าจะไม่มีเหตุการณ์น่าอึดอัดอย่างการไม่มีของมีค่าไปร่วมประมูลเหมือนตอนไปร่วมงานเลี้ยงการกุศลครั้งแรกแน่

เธอเป็นพรีเซนเตอร์ของไข่มุกกังหัว แบรนแอมบาสเดอร์ของนาฬิกาข้อมือ Federer ทั้งสองบริษัทล้วนส่งสินค้าของตนเองให้เธอ โดยเฉพาะกังหัว ตอนที่เจียงเซ่อต่อสัญญา ก็ได้สร้างความประทับใจให้สวีโจวจี้เป็นอย่างมาก ของขวัญที่ส่งให้เจียงเซ่อในทุกๆ ปีเขาจะสั่งให้ลูกเขยจัดการด้วยตนเอง

ตอนวันเกิดเจียงเซ่อ เขาก็ให้ช่างไข่มุกของกังหัวออกแบบเครื่องประดับที่มีชิ้นเดียวในโลกให้เธอ มีความตั้งใจในการรักษาความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างมาก

สิ่งที่เซี่ยเชาฉวินเลือกให้เจียงเซ่อเอาไปประมูล เป็นกำไลคู่หนึ่งที่มีจำนวนจำกัดของกังหัวที่เปิดตัวเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้ราคาในตลาดก็ราวสองแสนหยวน

หากเอามาประมูลในงานเลี้ยงการกุศล คงจะได้ราคาที่สูงกว่าในท้องตลาดไม่น้อย

ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ยวี๋เว่ยนักบัญชีของเจียงเซ่อคำนวณแล้ว ก็แนะนำให้เธอบริจาคหนึ่งล้านหกแสน

เงินบริจาครวมกับของประมูล ก็สมกับฐานะของเจียงเซ่อในระดับหนึ่งแล้ว ทั้งไม่ดูโอเวอร์เกินไปและไม่ทำให้เธอต้องอับอาย

เจียงเซ่อมองแวบหนึ่ง พลันพยักหน้า ถือว่ายอมรับการจัดการของเซี่ยเชาฉวิน หลังจากเซ็นชื่อ โม่อานฉีก็เก็บเอกสาร “แต่ว่างานเลี้ยงการกุศล ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ ปีนี้ ทางเจ้าของงานให้เถาเฉินเดินปิดท้าย”

‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ จัดการเลี้ยงการกุศลมานานหลายปี และได้รับความสนใจจากคนในวงการมาโดยตลอด เพราะจำนวนครั้งการจัดงานที่มากขึ้นเรื่อยๆ ผู้มีชื่อเสียงที่มาร่วมงานก็มากขึ้นทุกปี ในงานแสงออร่าระยิบระยับละลานตา แฟนคลับของเหล่าคนดังและชาวเน็ตจำนวนมากล้วนติดตามงานเลี้ยงแบบนี้

คนที่เดินเปิดงานและปิดท้ายล้วนเป็นคนสำคัญ ด้วยฐานะในตอนนี้ของเจียงเซ่อแล้ว ในบรรดานักแสดงหญิงของหัวเซี่ย เธอเป็นคนที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้มากที่สุดแล้วและความสำเร็จก็เห็นๆ กันอยู่ ให้เธอมาเดินเปิดงานแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม

แต่ทว่า เมื่อเทียบกันแล้ว เธอ หลิวเย่และจางจิ้งอานเดินเข้างานมาพร้อมกัน ถือเป็นเกียรติมากแล้ว แต่เดินปิดท้ายกลับเป็นเถาเฉิน จึงให้ความรู้สึกว่าความสำคัญของเถาเฉินเพียงคนเดียวแทบเท่าหลิวเย่ เจียงเซ่อและจางจิ้งอาน

ตอนนั้นเพราะหนังเรื่อง ‘Evil’ ทำให้เจียงเซ่อและเถาเฉินได้เข้าชิงรางวัลในสาขา ‘นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม’ ในเทศกาลหนังฝรั่งเศส หลายปีมานี้เพราะงานโฆษณาและแบรนด์แอมบาสเดอร์และแสดงหนังของเชี่ยซ่าเหลยพร้อมกัน ฐานะที่ดูเท่าเทียมกับเถาเฉินอาจจะถูกทำลายในงานเลี้ยงการกุศลในครั้งนี้

โม่อานฉีกำหมัดแน่น วางบนหน้าตัก

“พวกเถาเฉินเจ้าเล่ห์มาก”

สำหรับการแข่งขันแบบนี้ เป็นเรื่องที่ควรระวังเป็นอย่างมาก แต่ทว่า เมื่อเทียบกับการเสียเวลากับเรื่องแบบนี้แล้ว ควรจะทุ่มเทเวลาให้กับผลงานและแบรนด์แอมบาสเดอร์มากกว่า

คืนงานเลี้ยงการกุศล เจียงเซ่อ หลิวเย่และจางจิ้งอานเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับไม่น้อย ทำให้ทางผู้จัดงานเลี้ยงการกุศล ‘สือไต้เฟิงฉ่าย’ จำเป็นต้องเรียกบอดี้การ์ดเข้ามาทันทีเพื่อไม่ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

ในงานเจียงเซ่อ หลิวเย่และจางจิ้งอานถูกนักข่าวล้อมเอาไว้ เพื่อรับการสัมภาษณ์

นอกจากดีใจกับการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของหลิวเย่และเจียงเซ่อในเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ แล้วคนจำนวนมากที่หลังจากดูหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ แล้วอยากดูอีก จึงถามว่าทั้งสองยังมีโอกาสจะได้ร่วมงานด้วยกันอีกหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็ถามถึงผลงานหลังจากนี้ของทั้งสาม

เนื่องจากในงานนักข่าวไม่น้อยเลย รวมทั้งแฟนคลับก็กระตือรือร้นกันมากจึงรบกวนการเข้างานเลี้ยงของแขกคนอื่นๆ

ทางผู้จัดงานจึงจำเป็นต้องออกมาช่วย หลังจากทั้งสามสามารถปลีกตัวเข้ามาในงานจนได้ บนหน้าผากของเจียงเซ่อเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

ช่างแต่งหน้าที่มาด้วยเต็มหน้าให้เธออย่างรวดเร็ว เซี่ยเชาฉวินยังคงเตือนเจียงเซ่อว่า

“คนของบริษัท ELYSEES ก็มาด้วย คงจะรู้แล้วว่าเธอมาแล้ว”

สัญญาการร่วมงานกับบริษัท ELYSEES ได้เซ็นไปแล้ว เจียงเซ่อได้ค่าตัวสิบล้าน ในช่วงระยะเวลาสองปี จะต้องเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ leopard รถรุ่นใหม่ที่บริษัท ELYSEES กำลังจะเปิดตัว

ตอนนี้ยังไม่ได้มีการประกาศ บริษัท ELYSEES ให้ความสำคัญในการเพิ่มแบรนด์แอมบาสเดอร์ครั้งแรกหลังจากเข้าสู่ตลาดหัวเซี่ยมานับสิบปีเป็นอย่างมาก สัญญาในครั้งนี้ เป็นสัญญาที่ทางฝรั่งเศสส่งคนมาเซ็นกับเจียงเซ่อ ทางบริษัท ELYSEES ตั้งใจจะให้มาร์ตินมืออาชีพด้านโฆษณาของฝรั่งเศสมาออกแบบโฆษณาให้เธอโดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการวางแผน

ดังนั้น แน่นอนว่ายังไม่สามารถถ่ายโฆษณาได้ภายในเร็วๆ นี้ ถ้าทุกอย่างราบรื่น อาจจะถ่ายประมาณสิ้นปีนี้

เพราะฉะนั้น ตารางงานเดิมของเจียงเซ่อก็ไม่ต้องเปลี่ยน เธอต้องถ่ายหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ ตามตารางงานเดิม หลังจากปิดกล้องจึงค่อยถ่ายทำโฆษณารถสปอร์ตของ ELYSEES

การที่เซี่ยเชาฉวินเตือนเธอว่ามีคนของบริษัท ELYSEES มาด้วย คงจะเป็นการเตือนเธอไปในตัวว่า คนของบริษัท ELYSEES มาทักทายเธอเพราะการร่วมงานกับของทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะ

เจียงเซ่อพยักหน้า หลังจากเติมหน้าเสร็จ ระหว่างนั้นคนที่เดินพรมแดงต่างเดินเข้ามาทีละสองสามคน และมีคนเข้ามาทักทายอย่างไม่ขาดสาย คนของผู้จัดหนังใหญ่ๆ หลายบริษัทพอเห็นเจียงเซ่อก็อยากเข้ามาพูดคุยกับเจียงเซ่อ แต่ต่างก็ถูกผู้เหล่าผู้ช่วยรับหน้าเอาไว้

จนกระทั่งเถาเฉินเข้างานมา นักข่าวจากสื่อต่างๆ ที่ถูกเชิญมาก็เข้างานอย่างพร้อมเพรียงกัน

เจียงเซ่อฉวยโอกาสตอนที่งานยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ มองหาคุณ Chapman ตัวแทนเปียโนแบรนด์ Steinway เมื่อหาพบเธอก็ลุกขึ้นและเดินไปหาเขา

หลังจากเจียงเซ่อได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของนาฬิกาที่ Federer และ Steinway ร่วมกันเปิดตัวเธอก็ติดต่อกับ Chapman มาโดยตลอด ตอนที่ Chapman เห็นเธอ ก็เผยรอยยิ้มและกางแขนกอดเธอทีหนึ่ง

“เจียง ดีใจมากที่ได้พบเธอที่นี่”

เจียงเซ่อยังไม่ทันได้ตอบ เสียงของเถาเฉินก็ดังขึ้น

“คุณเจียง”

เจียงเซ่อหันกลับมา เถาเฉินที่ใส่กระโปรงทรงหางปลากำลังมองเธอด้วยรอยยิ้ม

“ยินดีกับคุณด้วยนะคะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ ELYSEES และดีใจมากที่จะได้ร่วมงานกับคุณ”

เธอยื่นมือไปหาเจียงเซ่อ ส่วน Chapman ที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นจึงแสดงสัญลักษณ์มือ ในขณะที่กำลังจะเว้นช่องว่างให้เจียงเซ่อและเถาเฉินได้พูดคุยกัน หลังจากเถาเฉินและเจียงเซ่อจับมือกันเสร็จ ก็เคลื่อนสายตามาที่ Chapman

“สวัสดีค่ะ คุณ Chapman ดีใจมากเลยค่ะที่ได้เจอคุณในงานเลี้ยงคืนนี้”

เธอทักทายอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของ Chapman จะดูไม่ค่อยเต็มใจมากนัก แต่ทว่า เถาเฉินกลับทำเหมือนไม่รับรู้

นักข่าวที่อยู่ในบริเวณที่ไกลออกไปก็เห็นภาพที่เถาเฉินคุยกับเจียงเซ่อ และในขณะที่กำลังคาดเดาถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง คนของบริษัท ELYSEES ที่เซี่ยเชาฉวินเตือนก่อนหน้านี้ก็เดินเข้ามา

“คุณเจียง”

สำหรับงานเลี้ยงการกุศลในค่ำคืนนี้ ตัวแทนจากบริษัท ELYSEES คือผู้จัดการในภูมิภาคเอเชีย เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบคนหนึ่ง ใส่แว่น ชื่อเกาเจาหยาง เจียงเซ่อเคยเจอเขาตอนเซ็นสัญญากับบริษัท ELYSEES

เขามาถึงก็จับมือกับเถาเฉินทันที จากนั้นก็ทักทายกับเจียงเซ่อพร้อมรอยยิ้ม เจียงเซ่อเองก็เพียงแค่เผยรอยยิ้มขอโทษกับ Chapman แล้วหันไปคุยกับเขา

บรรดานักข่าวในงาน อวี๋จือหลินจากหัวเซี่ยจือซวิ่นเป็นคนแรกที่จำ Chapman ได้ จากนั้นก็เห็นเกาเจาหยางตามมาติดๆ เธอจึงเผยสีหน้าแปลกใจ

“นี่มันอะไรกัน”

เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินคำพูดที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุของเธอก็แปลกใจ

คืนนี้เพราะเพื่อนร่วมงานในหัวเซี่ยจือซวิ่นที่รับผิดชอบข่าวบันเทิงมีธุระ เบื้องบนจึงหาคนมารับผิดชอบทำงานการเลี้ยงการกุศลในค่ำคืนนี้เป็นการชั่วคราว

อวี๋จือหลินได้รับข่าวอย่างกะทันหันจึงรีบมา โชคดีที่ผู้หญิงมักสนใจข่าวซุบซิบอยู่แล้ว ปกติเธอก็ติดตามข่าวในวงการบันเทิงอยู่บ้าง ในระหว่างสัมภาษณ์เพราะมีเสี่ยวจางที่เป็นเพื่อนร่วมงานอีกคนคอยช่วย จึงราบรื่นเป็นอย่างมากมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ยังมีโอกาสได้ถามคำถามเจียงเซ่อ หลิวเย่และจางจิ้งอานหลายคำถาม ถือว่าภารกิจในค่ำคืนนี้สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว

ตอนแรกคิดว่า งานที่เหลือก็คือถ่ายรูปภายในงาน และจดสิ่งของเหล่าดาราเอามาประมูลเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าอวี๋จือหลินจะมาเห็นฉากนี้เข้า

สำหรับนักข่าวสายบันเทิงที่ได้ใช้เวลาส่วนมากกับดาราและข่าวซุบซิบดารา แต่เรื่องของนักธุรกิจ ถ้าไม่ได้ทำการบ้านมาโดยเฉพาะ อาจจะไม่รู้จัก

แต่อวี๋จือหลินนั้นตรงกันข้าม เธอรับผิดชอบข่าวเศรฐกิจและวัฒนธรรมอยู่แล้ว ทันทีที่เห็น Chapman ผู้ดูแลจาก Steinway และเกาเจาหยางก็จำได้ในทันที

เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนร่วมงาน เธอพลันหันไปมองรอบๆ แวบหนึ่งและหันเบี่ยงหน้าหนี กดเสียงให้ต่ำและพูดเบาๆ ว่า

“หลังจากเถาเฉินเข้าไปทักทาย เธอเห็นคนที่กำลังยืนคุยอยู่ตรงนั้นรึเปล่า เขาเป็นผู้ดูแลในหัวเซี่ยของ Steinway”

เสี่ยวจางมองตามคำพูดของเธอและเห็นว่าตอนนี้เถาเฉินกำลังคุยกับผู้แทนของ Steinway อย่างออกรส

เธอเองก็เป็นคนที่พบปะผู้คนมามาก ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะไม่คุ้นเคย ตอนที่เธอไปทักทาย Chapman เขาจึงไม่ดูไม่เต็มใจนัก แต่ว่าสักพักใบหน้าของ Chapman ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ในฐานะผู้ดูแลบริษัทเปียโน Steinway ในหัวเซี่ย คุณ Chapman ท่านนี้ไม่ค่อยแสดงตัว ปกติก็น้อยมากที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อ รักษาความเรียบง่ายแต่สูงส่งของคนในสังคมชั้นสูงเอาไว้

คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศิลปะดนตรีชั้นสูงแบบนี้ จะต้องมีความเย่อหยิ่งในตัวไม่มากก็น้อย ความสัมพันธ์เดียวระหว่างเปียโนของ Steinway มีต่อวงการบันเทิงคือ ตอนที่จ้าวร่างถ่ายหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ เมื่อหลายปีก่อน

และเพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เจียงเซ่อสนิทสนมกับ Steinway ในทันที ตอนที่ Steinway จัดงานฉลองครบรอบสามสิบปีที่หัวเซี่ย ก็ได้เชิญเจียงเซ่อมาร่วมงานด้วย

แต่ว่า ไม่เคยได้ยินว่าเถาเฉินมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเปียโน Steinway การที่สามารถเข้าไปพูดคุยกับ Chapman ในงานแบบนี้ได้ ถือว่าเก่งมากแล้ว

แต่สิ่งที่อวี๋จือหลินสนใจไม่ใช่เรื่องพวกนี้ “เธอเห็นเกาเจาหยางไหม เขาเป็นผู้จัดการในหัวเซี่ยของ ELYSEES”

พอได้ยินคำพูดนี้จากอวี๋จือหลิน เพื่อนร่วมงานก็กระจ่างทันที

สินค้าของแบรนด์ ELYSEES มีชื่อเสียงมาก คนหัวเซี่ยต่างเคยได้ยิน

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เถาเฉินได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเขามานานนับสิบปี

“ตามหลักแล้ว ถ้าประธานของ ELYSEES จะคุยก็ควรจะคุยกับเถาเฉินต่อไม่ใช่เหรอ”

ถ้าเถาเฉินไม่มาก็ว่าไปอีกเรื่อง แต่นี่เถาเฉินอยู่ตรงนี้ เกาเจาหยางกลับคุยกับเจียงเซ่อและดูเหมือนว่าทั้งเรื่องจะมีประเด็นให้คุยกันมากมาย

อวี๋จือหลินเบิกตาโตและเดาว่า

“บริษัท ELYSEES จะเปลี่ยนแบรนด์แอมบาสเดอร์รึเปล่า”

เถาเฉินเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES มานานกว่าสิบปีแล้ว ในสายตาของแฟนคลับส่วนมากของเถาเฉิน ELYSEES อาจจะเกิดมาเพื่อเถาเฉิน ถ้าเปลี่ยนแบรนด์แอมบาสเดอร์กะทันหัน ในสถานการณ์ที่ชื่อเสียงของเถาเฉินยังไม่ตกต่ำ อาจจะสร้างความฮือฮาในหัวเซี่ยเป็นอย่างมาก!

เสี่ยวจางสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาทันที รีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ พลางคุยกับอวี๋จือหลิน

“แต่ว่า ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ แบรนด์ดังแบบนี้ ถ้าจะเปลี่ยนแบรนด์แอมบาสเดอร์ วงในควรจะได้รับเบาะแสหรือข่าวคราวล่วงหน้าไม่ใช่เหรอ”

ถ้าข่าวนี้เป็นความจริง คงจะเป็นข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งเลยทีเดียว

ในประเทศมีข่าวที่ว่าเจียงเซ่อและเถาเฉินถึงแม้จะมาจากต้นสังกัดเดียวกันแต่ก็ไม่ได้ปรองดองกันเหมือนภายนอกออกมาตลอด แฟนคลับของทั้งสองฝ่ายก็ไม่สามัคคีกัน เพียงแต่ว่า สื่อต่างๆ แฟนคลับและชาวเน็ตก็เห็นเพียงข่าว แต่ยังไม่มีหลักฐานออกมายืนยัน

ถ้าได้รับการยืนยันแล้วว่าเจียงเซ่อได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ELYSEES อวี๋จือหลินสามารถจินตนาการได้เลยว่า บ.ก จะตื่นเต้นขนาดไหน

“พูดยาก อาจจะอยู่ในช่วงเจรจา ทางบริษัท ELYSEES เองก็อาจจะมีจุดประสงค์ อย่างไรก็ตามเถาเฉินก็เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์มาสิบปีแล้ว ถ้าบริษัท ELYSEES จะเปลี่ยนดาราสาวอีกคนมาแทนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

ความจริงอวี๋จือหลินเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ELYSEES จะเปลี่ยนแบรนด์แอมบาสเดอร์ เถาเฉินโด่งดังมานานหลายปี แฟนคลับก็เยอะ ในสถานการณ์ที่เถาเฉินไม่ได้มีปัญหารุนแรงในการวางตัว ภาพลักษณ์ของเธอก็ดีมากแบบนี้ การเปลี่ยนแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างกะทันหัน อาจจะทำให้แฟนคลับของเถาเฉินเกิดการต่อต้าน

แต่ทว่าเรื่องที่เกาเจาหยางคุยกับเจียงเซ่อ กลับทำให้อวี๋จือหลินได้กลิ่นความผิดปกติ

การเผยแพร่ข่าวของสื่อ ต้องใช้ความรวดเร็วและความไวต่อข่าว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีหลักฐาน เธอก็ยังคงรีบควักโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและแอบถ่ายรูปเจียงเซ่อเอาไว้ แล้วรีบส่งไปให้ทางบริษัท

เกาเจาหยางพูดถึงเรื่องที่ทางประธานบริษัท ELYSEES วางแผนโฆษณาตามภาพลักษณ์ของเจียงเซ่อ หลังจากคุยกันเสร็จ ตอนที่เจียงเซ่อกลับมา เถาเฉินก็กำลังคุยกับ Chapman อย่างสนุกสนาน

“…ฉันจำได้ว่าตอนฉันถ่ายทำ ‘สุดยอดคดี’ ฉันเพิ่งจะอายุยี่สิบห้าเอง ตอนนั้นได้ค่าตัวสูงมาก สองล้านเต็มๆ เลยล่ะค่ะ” เธอคุยกับ Chapman พร้อมรอยยิ้ม สร้างบรรยากาศที่ดีเป็นอย่างมาก ผู้มีชื่อเสียงที่อยู่รอบข้างต่างล้อมกันเข้ามา ฟังเธอที่กำลังพูดว่า “ฉันใช้เงินก้อนนั้นซื้อเปียโนของ Steinway เป็นของขวัญให้ตัวเอง หลังจากที่ได้รับเปียโน ฉันก็รีบเล่นเพลงท่อนหนึ่งอย่างรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แล้วถ่ายคลิปโพสต์ลงโซเชียล ตอนนั้นมีเพื่อนมาแสดงความคิดเห็นว่า เถาเฉิน เธอเพิ่งจะถ่ายหนังแค่ไม่กี่เรื่อง เพิ่งจะดังได้ไม่นาน คิดว่าใส่นาฬิกาเรือนละหลายแสนแล้วก็จะมาอวดรวยเหมือนคนอื่นๆ แล้วเหรอ”

ทันทีที่เถาเฉินพูดจบ คนรอบข้างก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ Chapman เองก็หัวเราะตาม

ด้วยฐานะของเถาเฉินในประเทศตอนนี้ เธอเล่นหนังมานานหลายปี ฐานะร่ำรวย สำหรับนักแสดงหญิงอย่างเธอแล้ว นาฬิกาเรือนละหลายแสน อาจจะเป็นเพียงเครื่องประดับในชีวิตประจำวันเท่านั้น จะเรียกว่าอวดรวยไม่ได้

แต่พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ คนจำนวนไม่น้อยก็ยังคงหัวเราะร่วมไปด้วย

โม่อานฉีที่อยู่ข้างๆ ก็กำลังฟังเถาเฉิน เห็นว่าบรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี จึงแสดงสีหน้าไม่ถูก

คืนนี้ ตอนแรกเซี่ยเชาฉวินต้องการให้เจียงเซ่อกับคุณ Chapman สร้างความสนิทสนมกัน ดูว่าสามารถหาโอกาสร่วมงานกันได้หรือไม่ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ แทบจะถูกเถาเฉินพังลงแล้ว

“ตอนนี้ฉันยังเป็นวัยรุ่นคึกคะนอง ได้ยินแบบนี้ก็ทนไม่ได้ จึงตอบเขาไปว่า นายเห็นฉันใส่นาฬิกาเรือนละแสนก็คิดว่าฉันอวดรวย ตรงหน้าฉันยังมีเปียโนของ Steinway อีกตัวที่นายยังไม่เห็น!” เมื่อเธอพูดถึงตรงนี้ คนรอบข้างต่างหัวเราะ ท่ามกลางคนเหล่านั้น Chapman หัวเราะเบิกบานมากที่สุด เถาเฉินจึงพูดต่อว่า

“หลังจากนั้น ฉันก็ต้องระวังเรื่องการคบเพื่อนมากกว่าเดิมเลยล่ะค่ะ!”

เธอกะพริบตาหลายที สายตาของ Chapman ดูอ่อนโยนมากขึ้น

เจียงเซ่อเห็นดังนี้ จึงไม่คิดจะเข้าไปขัดจังหวะ

เถาเฉินได้ควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างเอาไว้แล้ว ถ้าเธอเข้าไปก็คงเป็นแค่ผู้ชม จึงทำได้เพียงแค่หาเวลาอื่นคุยกับ Chapman