webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

548

บทที่ 548 เรื่องเล็ก

จากข้อมูลที่เซี่ยเชาฉวินรวบรวมมา ทำให้รู้ถึงความชอบของคณะกรรมการในเทศกาลหนังฝรั่งเศสในครั้งนี้ รวมทั้งการแสดงของนางเอกสาวอลิซในเรื่อง ‘Friday’ เองก็ยอดเยี่ยมมาก ช่วงที่มีการฉายหนังเจียงเซ่อเองก็ได้ดูหนังเรื่องนี้มาแล้วตัวหนังทำออกมาได้มีสีสันมากทีเดียว

อลิซแสดงเป็นหญิงสาวที่มีบุคลิกแตกแยก เวลาปกติเธอจะเป็นคนหัวอ่อนว่าง่ายและจิตใจดี มีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น ทำให้คนรอบข้างชื่นชอบเธอเป็นอย่างมาก

แต่ทว่า เด็กสาวที่มีอุปนิสัยแบบนี้ ในทุกคืนวันศุกร์มักจะมีอีกหนึ่งบุคลิกปรากฏขึ้น และฆ่าผู้ชายหนึ่งคน

แต่อีกบุคลิกของเธอกลับไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งทางตำรวจสงสัยถึงการหายตัวไปของคนเหล่านั้น และค่อยๆ สืบมาเรื่อยๆ จนกระทั่งสืบมาถึงตัวนางเอก

ในเรื่องนี้ การแสดงของอลิซมีความเป็นมืออาชีพ เพราะต้องสลับสองบุคลิกที่แตกต่างกันไปมา สำหรับเจียงเซ่อแล้ว เธอเป็นคู่แข่งขันอันดับหนึ่งในเทศกาลหนังฝรั่งเศสครั้งนี้จริงๆ

เพราะหนังเรื่องต่อไปที่จะเข้าฉายคือหนังเรื่อง ‘เซียนหยวน’ ช่วงระหว่างเทศกาลหนังฝรั่งเศส เธอเข้าโรงหนังไปดูหนังเรื่อง ‘Friday’ ถึงสองรอบ เพื่อเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการแสดงของอลิซ

“ฉันรู้สึกว่า ฝีมือการแสดงของอลิซดีมาก ช่วงนี้เธอก็กำลังมีชื่อเสียง” หลังจากสื่อทางยุโรปและอเมริกาดูหนังเรื่อง ‘Friday’ จบ ก็ยิ่งชื่นชมฝีมือการแสดงของเธอ คิดว่าเธอถ่ายทอดตัวนางเอกออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา

ตอนที่เจียงเซ่อพูดประโยคนี้ น้ำเสียงก็ดูเรียบนิ่ง

เซี่ยเชาฉวินยังคงถือเอกสารเอาไว้ พลันเงยหน้าขึ้นมองเธอแวบหนึ่ง เธอสวมเสื้อเชิ้ตที่สีขาวแขนพลิ้วและกระโปรงรัดรูป แม้นั่งคุยกันเพียงสองคนบนห้องในโรงแรม เธอก็นั่งอย่างเรียบร้อย ขาเล็กๆ ชิดติดกัน ท่าทางงามสง่า จนไม่สามารถหาจุดบกพร่องได้เลย

บางทีอาจจะเป็นเพราะในเทศกาลหนังฝรั่งเศสเมื่อสองปีที่แล้ว เธอไม่ได้รับรางวัลใหญ่จากหนังเรื่อง ‘Evil’ จึงทำใจกับสถานการณ์แบบนี้มาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นพอพูดถึงว่าอาจจะไม่ได้รับรางวัลอีกเธอจึงดูสงบนิ่ง ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมาเลยแม้แต่น้อย

“ฉันกลับไม่คิดว่า ตอนดูหนัง ผู้คนยังมีกะจิดกะใจมาคิดถึงเรื่องฝีมือการแสดง ความจริงมันก็คือการเข้าถึงบทบาทอย่างหนึ่งนั่นแหละ”

เมื่อเทียบกันแล้ว ถังจิ้งที่รับบทโดยเจียงเซ่อในเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ก็ยากที่จะคนอื่นจะปันใจไปคิดถึงเรื่องอื่นได้

นี่ถือเป็นคำชมสั้นๆ จากเซี่ยเชาฉวิน น้อยมากที่เธอจะพูดเรื่องที่นอกเหนือจากงาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการชมเจียงเซ่อ เจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจ พลันเงยหน้าขึ้น

“พี่เชาฉวินกำลังชมฉันเหรอคะ”

เซี่ยเชาฉวินไม่สนใจเธอ และพูดด้วยท่าทางอันเคร่งขรึม

“แต่ว่า คณะกรรมการชอบประสบการณ์และทักษะการแสดงอันหลากหลายนี้”

เธอพูดถึงตรงนี้ พลันปิดฝาปากกา วางแฟ้มลง ก่อนจะกอดอกและจ้องเจียงเซ่อ

“ช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

น้ำเสียงของเธอฟังดูจริงจังมาก “ตั้งแต่ก่อนเทศกาลหนังฝรั่งเศส ซิดนีย์บอกว่าเธอได้รับโทรศัพท์จากไต้เจีย”

ช่วงที่อยู่ฝรั่งเศส แม้เจียงเซ่อมาเพื่อโปรโมทหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ กับจางจิ้งอานและหลิวเย่เท่านั้น แต่ระหว่างนั้นก็ได้ให้สัมภาษณ์กับหลายสื่อ ดูหนังเรื่องอื่น แต่เซี่ยเชาฉวินก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเธอ

“เหม่อบ่อยขึ้น ปกติถ้าว่างจากงานก็จะอ่านหนังสือ แต่ช่วงนี้หนังสือเรื่อง ‘ประวัติศาสตร์หัวเซี่ยยุคใหม่’ เล่มนี้ ผ่านมาเจ็ดแปดวันแล้ว ยังเปิดไม่ถึงยี่สิบหน้าเลย”

พัฒนาการแบบนี้ สำหรับเจียงเซ่อ ถือว่าช้ามากแล้ว

เธอเตรียมสอบระดับปริญญาโท ปกติเธอมีวินัยในการเรียนเป็นอย่างมาก เวลาว่างก็มักจะท่องและอ่านหนังสือ แต่ว่า สถานการณ์ในช่วงนี้ของเธอดูผิดปกติจริงๆ

เจียงเซ่อได้ยินคำพูดนี้ของเซี่ยเชาฉวินแล้วรู้สึกตกใจมาก พลันเงยหน้าขึ้นมองหล่อน

อาจจะเพราะตกใจเกินไป เธอเหมือนสูญเสียความสงบไป อ้าปากค้างเล็กน้อยด้วยท่าทางที่ดูไร้เดียงสา

ไม่บ่อยนักที่เซี่ยเชาฉวินจะเห็นเธอมีปฏิกิริยาแบบนี้ พลันเผยรอยยิ้มออกมา “ปกติในหนึ่งวันเธอสามารถอ่านประมาณสามสิบถึงสี่สิบหน้า เรื่องที่ท่องได้แล้วจะมีการเอาปากติ้กถูกเอาไว้”

แต่ทว่า ช่วงนี้ไม่ได้ทำแบบนี้เลย บางทียี่สิบหน้าที่อ่านไป ที่เข้าหัวจริง อาจจะน้อยมาก

เจียงเซ่อคิดไม่ถึงว่าเซี่ยเชาฉวินจะใส่ใจรายละเอียดการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของตนเอง เธออดเลียมุมปากไม่ได้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจบอกความจริงกับเซี่ยเชาฉวิน

“ความจริงช่วงนี้มีเรื่องลำบากใจจริงๆ และอาจจะมีปัญหาตามมาเล็กน้อยน่ะค่ะ”

เธอเล่าว่าไต้เจียโทรมาบอกเรื่องที่เฝิงหนานกำลังให้คนสืบเรื่องของตนเอง เซี่ยเชาฉวินกอดอก พลางพยักหน้า เพื่อส่งสัญญาณให้เธอพูดต่อ

“พี่เชาฉวิน พี่เป็นคนฮ่องกง คงจะเคยได้ยินว่าตอนเด็กเฝิงหนานเคยถูกลักพาตัว”

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้าอีกครั้ง ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาต่อสังคมระดับสูงเป็นอย่างมาก แม้ว่าเพราะฐานะของเฝิงจงเหลียง ทำให้สื่อต่างๆ ไม่กล้าทำข่าว แต่ในวงสังคมผู้มีชื่อเสียง เรื่องนี้กลับไม่ใช่ความลับ

ตอนนั้นพ่อแม่ของเฝิงหนานถูกเฝิงจงเหลียงสั่งให้ไปพิจารณาตนเองเป็นเวลานาน จนกระทั่งเฝิงหนานไปฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ฮ่องกงช่วงหนึ่ง และถูกเฝิงจงเหลียงพากลับตี้ตู เรื่องนี้จึงจบลง

เพราะเรื่องนี้ ผู้หญิงข้างกายเฝิงชินหลุนจึงถูกขับไล่ออกไป จนต้องเปลี่ยนมาซบอกลุงของเซี่ยเชาฉวิน แต่งเข้าตระกูลสวีแทน

เจียงเซ่อเป็นคนตี้ตูแต่รู้ความลับของฮ่องกงเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่

เมื่อครั้งคดีลักพาตัว นับดูแล้วเจียงเซ่ออายุยังไม่ถึงขวบ เธอพูดถึงเรื่องนี้ อาจจะมีอะไรมากกว่านั้น

เจียงเซ่อพูดถึงตรงนี้ ความจริงในใจก็เดาออกแล้วว่า ด้วยความฉลาดหลักแหลมของเซี่ยเชาฉวิน อาจจะเดาออกแล้วว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไรต่อไป

เธอหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และพูดทุกอย่างในหัวออกมา

“พี่เชาฉวิน หนึ่งในคนร้ายที่ลักพาตัวเฝิงหนานในตอนนั้น แซ่เจียง เขาเป็น...”

เธอพูดถึงตรงนี้ พลันหลุบสายตาลง “…เฝิงหนานให้คนมาสืบประวัติของฉัน คงจะเป็นเพราะรู้ความจริงบ้างแล้ว”

เธอเล่าถึงคืนที่หนังเรื่อง ‘The Lost City’ เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ ชั้นล่างโรงหนัง เธอกับเฝิงหนานแล้วทะเลาะกัน ในขณะที่เฝิงหนานยื่นมือออกมาจะจับตัวเธอ กลับถูกชายคนหนึ่งชนเข้า “คนๆ นั้น อาจจะเป็น...”

เจียงเซ่อไม่ได้พูดให้จบ

ในห้องเงียบสงบ บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาทันที

ท่ามกลางแสงไฟ เสียงของเศษฝุ่นที่ลอยไปมากลางอากาศยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน เจียงเซ่อคิดว่าเซี่ยเชาฉวินอาจจะโกรธ

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครเจอเรื่องแบบนี้ ก็คงไม่ชอบใจ

ถ้าเฝิงหนานสืบประวัติของตนเองจนรู้ความจริงแล้วทำให้เรื่องราวใหญ่โต จะส่งผลกระทบต่อตนเองมากเพียงใด เจียงเซ่อรู้ดีแก่ใจ

โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เธอยังแสดงหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ที่เป็นแนวลักพาตัว ยิ่งหนังประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นที่รู้จักมากเท่านั้น อนาคตถ้าเฝิงหนานออกมาก่อความวุ่นวาย ผลลัพธ์ถือว่ารุนแรงมาก

เธอกำลังรอให้เซี่ยเชาฉวินโมโห และหลังจากเธอระบายความโกรธออกมา ตนเองค่อยอธิบายให้ละเอียด และหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้

แต่ทว่า คิดไม่ถึงว่าเธอรอมาพักใหญ่ กลับไม่ได้ยินคำต่อว่าด้วยความโกรธของเซี่ยเชาฉวิน เธอถึงขั้นนั่งอยู่บนโซฟาตรงหน้าตนเอง เจียงเซ่อกวาดสายตาไป เห็นเธอนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทางดูสงบนิ่ง

“เรื่องเล็กแค่นี้ก็ทำให้เธอวิตกขนาดนี้เชียว!”

ผู้จัดการมือทองที่เข้ามาอยู่ในวงการนี้เป็นเวลานาน และเป็นคนที่ลัวหยิ่นเห็นความสำคัญ ไม่ได้โกรธง่ายเหมือนที่เจียงเซ่อคิด ปฏิกิริยาของเธอไม่ได้เหมือนเพิ่งได้ยินปัญหาคอขาดบาดตาย ราวกับเมื่อครู่นี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเหมือนเจียงเซ่อบอกเธอว่าอาหารเย็นไม่ถูกปากเท่านั้น

เจียงเซ่อเงยหน้าขึ้น สายตาของเธอยังคงดูสงบ ความนิ่งที่ผิดปกติแบบนี้ บางทีดูเหมือนเลือดเย็น แต่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ กลับดูสำคัญเป็นอย่างมาก