524-1
บทที่ 524-1 ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
เพื่อเป็นการประหยัดเวลา ช่างแต่งหน้าทั้งสามคนจึงรีบช่วยกันลงแต่งแต้มเอฟเฟคต่างๆ ลงบนตัวเจียงเซ่อ จากนั้นก็ใช้สีทาลงไปให้เหมือนกับว่ามีรอยถูกไฟไหม้อยู่บนตัว พอทาลงไปแล้วก็ทำให้มีความแวววาวไม่น้อย
สองชั่วโมงกว่าถัดมาก เจียงเซ่อก็สวมชุดของบริตนีย์ พอมาอยู่ต่อหน้าเชี่ยซ่าเหลยแล้ว เธอที่อยู่ในชุดกระโปรงที่บางและมีสภาพเก่า เรือนผมคลอเคลียอยู่บนตัวของเธอ สีหน้าซีดเซียว และกำลังเม้มปากตัวเอง ดวงตาที่แบ่งสีขาวดำอย่างชัดเจนนั่น สีหน้าและอารมณ์มันก็เด่นชัดอยู่บนใบหน้าของเธอ เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเธอแล้ว ก็จะเห็นว่ามันกำลังสั่นไหวด้วยความหัวดกลัว เธอกำลังรู้สึกไม่ปลอดภัย ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงเรื่องน่ากลัวบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น เธอดูเหมือนตื่นกลัวไปกับทุกอย่าง แต่ก็เหมือนว่ายังมีความเชื่อมั่นในตัวอังเดร ราวกับลูกนกที่เพิ่งเกิด อ่อนแอและไร้กำลัง
ในตอนที่เธอทำท่าเหมือว่ากำลังพยายามเงยหน้าขึ้นมา เพื่อที่จะสำรวจคนที่อยู่ตรงหน้านั้น เพราะว่าความกลัวและความอ่อนแอที่ยังคงติดอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ ทำให้ไม่กล้าที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมามองเสียที กล้าเปิดขึ้นแค่เพียงครึ่ง และมองแค่ขาของแต่ละคนในกองถ่าย
เชี่ยซ่าเหลยที่ได้เห็นเจียงเซ่อเดินออกมาแบบนั้นแล้ว มันทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา ความรู้สึกที่เหมือนว่าได้เข้าไปอยู่ในเรื่อง ‘นักโทษ’ จริงๆ ความรู้สึกที่เหมือนว่าได้เจอเรื่องราวแบบนั้นมันช่างสมจริงไม่น้อย สมจริงจนขนลุก ขามันชาไปหมด อดไม่ได้ที่จะก้าวเท้าเข้าไปข้างหน้า อยากจะเข้าไปดูสีหน้าของเธอใกล้ๆ อีกนิด แต่ก็โชคดีที่สามารถห้ามจิตใจตัวเองเอาไว้ได้ทัน
เขาสัมผัสได้ถึงการแสดงของเจียงเซ่อ ว่าเธอยังไม่ได้แสดงว่าตัวเองกำลังจะถูกสังเวยจริงๆ แต่แค่นี้ก็สามารถทำให้เขาอินไปได้ด้วยแล้ว
เธอกระตุกกล้ามเนื้อบนในหน้าของตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่สบายใจแต่ก็พยายามที่จะเข้มแข็ง สายตาที่กำลังพิจารณาสอดส่องสภาพแวดล้อมไปรอบๆ นั้น มันทำให้คนอื่นๆ ต้องคอยรู้สึกระแวดระวังไปด้วย
นี่สิถึงจะเป็นบริตนีย์!
เชี่ยซ่าเหลยลอบถอนหายใจอยู่ในใจ นี่สิถึงจะเป็นคนที่มีจิตใจที่ใสสะอาด ที่โดนอังเดรใส่ร้ายว่าเป็นพวกนอกรีต และโดนสังเวยชีวิตไป และเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาลอย่างบริตนีย์ในเรื่อง ‘นักโทษ’
ไม่ว่าก่อนหน้านี้ลาร่าจะแสดงออกมาได้ดูสมจริงแค่ไหน แต่พอเจียงเซ่อมายืนอยู่ต่อหน้าเชี่ยซ่าเหลยด้วยท่าทางแบบนั้นแล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จะละสายตาออกจากเด็กสาวคนนี้ได้เลย ยังจะมีใครเหมาะสมกับการ ‘กลับมา’ ได้อีก
เขามองไปยังลาร่าที่มองมาด้วยความเย็นชา และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจนั้น จากนั้นก็กลับมามองที่เจียงเซ่อที่กำลังหดตัวอยู่ ตอนที่ไม่เปรียบเทียบ ก็ยังสามารถใช้ทักษะการแสดงมาเสริมทับในส่วนที่ไม่พอได้ แต่ทว่าในตอนที่ ‘บริตนีย์’ ปรากฏตัวออกมา ฝีมือการแสดงพวกนั้น มันก็เหมือนกลายเป็นแค่การพยายามลอกเลียนแบบเท่านั้น
ที่จริงแล้วมันก็เหมือนอย่างที่เจียงเซ่อพูดเอาไว้ ว่าเธอนั้นชอบนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ มากจริงๆ ดังนั้นเมื่อโอกาสมาถึง เธอก็จะไม่พลาดที่จะคว้ามันเอาไว้ ในขณะที่เธอรับเล่นเป็นเชอรีน เธอก็ยังมีการเตรียมตัวในบทบาทของบริตนีย์อีกด้วย คอยวิเคราะห์และพิจารณาตัวละครนี้เอาไว้
เธออ่านมันวนอยู่หลายรอบ อ่านเพื่อให้ได้เข้าใจถึงตัวละครแต่ละตัวมากขึ้น ทำให้การที่เธอได้ศึกษาถึงนิสัยและความคิดของตัวละครแต่ละตัวอย่างละเอียดนั้น มันทำให้มีอะไรมากกว่าแค่การรับบทหนังไป แล้วเอาไปนั่งท่องบทอย่างลาร่าเสียอีก ดังนั้นเมื่อโอกาสลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอจึงรีบคว้ามันเอาไว้ในทันที
มาถึงจุดนี้แล้ว ถ้าหากว่าเชี่ยซ่าเหลยยังคงไม่เข้าใจในความหมายในสิ่งที่เจียงเซ่อกำลังจะสื่อละก็ เขาก็คงเป็นพวกหลอกตัวเองรวมถึงหลอกคนอื่นแล้ว
ตอนแรกที่เจียงเซ่อขอโอกาสจากเขา เขาก็ได้กั๊กเอาไว้แค่ตัวละครเชอรีน ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้เลือก
แต่ทว่าเด็กสาวที่แสนฉลาดและมีความทะเยอทะยานคนนี้ ก็ยังสามารถใช้โอกาสแบบนี้ในการแสดงให้เห็นว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าในใจของเจียงเซ่อกำลังคิดอะไร แต่เชี่ยซ่าเหลยก็ไม่สามารถที่จะเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อเธอได้เลย กับโอกาสในวันนี้ มันเป็นเพราะความกล้าของเธอเองจึงได้มันมา และเขาเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปขัดขวางเธอ
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไฟกำลังแจกแจงสิ่งต่างๆ ให้กับเธอ เหมือนว่าอยากจะปลอบเพื่อไม่ให้เธอต้องกังวล แต่กลับไม่รู้เลยว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นได้จมดิ่งไปกับบทบาทตั้งนานแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้ เชี่ยซ่าเหลยไม่มีความคิดที่จะไม่เคารพการตัดสินใจหรือเหตุผลของเธอเลย เขาส่งสัญญาณเริ่มเตรียมตัวขึ้น จากนั้นตะโกนออกไป
“เตรียมตัว”
หลังจากที่คำนั้นออกจากปากเขาไป ทีมงานทั้งกองถ่ายต่างก็พากันเข้าที่และ ‘เตรียมตัว’ อย่างที่ เชี่ยซ่าเหลยสั่ง และพร้อมที่จะถ่ายทำฉากต่อไป เป็นสิ่งเดียวที่เจียงเซ่อสามารถฟังออกถึงความหมายจากสิ่งที่เชี่ยซ่าเหลยพูด
เธอพยายามที่จะเก็บความตื่นเต้นที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ในจิตใจของตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไป ก้มหน้าก้มตาเดินตามอังเดรไปด้วยความไม่สบายใจ เธอไม่จำเป็นที่จะต้องเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยซ้ำ ก็สามารถสัมผัสได้ว่าอังเดรยืนอยู่ตรงไหน ราวกับว่าอังเดรเป็นพระเจ้าที่กลับมามีชีวิตและเป็นที่หลบภัยของเธอ
“ท่านอังเดร”
เธอยังจำหมู่บ้านที่ถูกข้าศึกยึดในคืนนั้นได้ พวกปีศาจร้ายที่ขึ้นมาจากอเวจีทำร้ายเหล่าผู้คน เธอแอบอยู่ในมุมๆ หนึ่ง จากนั้นอังเดรก็โผล่เข้ามาช่วยเธอ ยื่นมือมาให้เธอ และฉุดเธอขึ้นมาจากเหวลึก แต่หลังจากนั้นก็ได้รับคำสาปแช่งมากมาย
ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้บริตนีย์ยังคงมีความสงสัยในการมีอยู่ของพระเจ้าละก็ งั้นในวินาทีที่อังเดรปรากฏตัวขึ้นมา ในใจของเธอก็ได้มองเขาว่าเป็นพระเจ้าที่มาช่วยโลกใบนี้แล้ว
เธอบริสุทธิ์เกินไป เชื่อมั่นในตัวอังเดรเกินไป ดังนั้นในตอนที่อังเดรส่งเธอขึ้นไปบนแท่นบูชา เธอก็ยังมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ราวกับว่าทำตัวไม่ถูก แต่ก็ยังยืนนิ่งๆ อยู่บนนั้นอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่ความเชื่อศาสนาได้เข้ามามีอำนาจในจักรวรรดิโรมัน ประชาชนชาวจักรวรรดิโรมันต่างก็พากันเชื่อในการมมีอยู่ของพระเจ้าอย่างไม่คิดสงสัย
แต่เมื่อคำทำนายที่ว่าวันหนึ่งจะมีปีศาจออกมานั้นได้กลายเป็นจริงขึ้นมา คำเตือนของำระเจ้าก็ไม่เคยได้เผยแพร่อีกเลย และผู้คนก็เริ่มที่จะสงสัยถึงความเชื่อต่างๆ ของศาสนา
เพื่อที่จะหยุดเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น อังเดรจึงตัดสินใจที่จะท่องบทสวดต่อหน้าทุกคน และให้ทุกคนได้เห็นถึงการมาของพระเจ้า ให้พวกเขาได้เห็นถึงปาฏิหาริย์
ด้านของโดนัลด์นั้นเขาได้เปลี่ยนชุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้านนอกมีชุดขนเป็ดหนาๆ อีกตัวหนึ่งสวมทับเอาไว้ ท่าทางเหมือนว่ายังไม่ได้เตรียมตัวที่จะเข้าสู่อารมณ์
เขามองดูเจียงเซ่อที่เดินมายืนข้างๆ ตัวเอง จากนั้นก็หลับตาลง ขยับมือที่อยู่ในถุงมือไปมา
ท่ามกลางสายตาไม่เข้าใจของคนทั้งกองถ่าย เชี่ยซ่าเหลยกลับยืนยิ้มๆ อยู่ด้านข้าง ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เจียงเซ่อสามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้แล้ว เพื่อให้เขาให้ได้ลองให้เธอเล่นกับบริตนีย์ดูสักครั้ง แต่เธอจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้โดนัลด์ยอมแสดงฉากนี้กับเธอได้หรือไม่ ต่างก็ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น
ความทะเยอะทะยานของเจียงเซ่อนั้นมันยิ่งใหญ่มาก เมื่อได้รับบทนางเองอย่างบริตนีย์แล้ว นอกจากจะต้องใช้ฝีมือการแสดง ความสามารถของตัวเองและเรื่องเงินทุนในการพูดเกลี้ยกล่อมเชี่ยซ่าเหลยแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งจุดที่ดูเหมือนว่าจะผ่านไปได้ยาก นั่นก็คือโดนัลด์
เพราะเขาเป็นพระเอกของเรื่องนี้ ไม่เหมือนกับนางเอกอย่างลาร่าที่ได้เข้ากองถ่ายเพราะผู้จัดการส่วนตัวไปพูดกับทางบอร์เจียมา โดนัลด์เป็นหนึ่งในดาราชาวอิตาลี มีจุดยืนที่เหนือใครๆ ฝีมือการแสดงเยี่ยมยอด และมีแฟนคลับจำนวนมหาศาลอยู่ทั่วทุกมุมโลก
การถ่ายทำหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ นั้น นอกจากจะต้องใช้ความสัมพันธ์แบบเพื่อนในการเจรจากับเขาแล้ว บริษัทลงทุนทั้งสองฝ่ายเองก็เคยได้คุยเรื่องนี้กับเข้าด้วยเหมือนกัน ถึงจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้เขามาแสดงหนังเรื่องนี้ได้
สถานการณ์ตรงหน้ามันก็เห็นๆ กันอยู่แล้ว ความทะเยอทะยานของเจียงเซ่อ แม้แต่คนฉลาดๆ ก็คงต้องเห็นได้อย่างชัดเจนแน่นอน และในใจของโดนัลด์เองก็รู้ดีอยู่แล้ว
สัญญาที่เขาเซ็นกับทางกองถ่ายมันเป็นแบบไหน คิวฉากที่ต้องถ่ายทำก็ถ่ายมาแล้วกว่าหนึ่งเดือน ถ้าหากว่าทางกองถ่ายจะมีการเปลี่ยนตัวนักแสดงจริงๆ ละก็ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเวลาการถ่ายทำที่จะต้องเพิ่มมากขึ้นของเขาเลย เพราะในขณะเดียวกันฉากที่เขาถ่ายทำไปในก่อนหน้านี้ ก็จะต้องมีการถ่ายใหม่ทั้งหมดด้วยเช่นกัน
ที่ถ่ายทำไปก่อนหน้านี้ก็ลำบากอยู่ไม่น้อย ถ้าต้องกลับไปถ่ายใหม่อีกรอบ การเตรียมตัวผ่านมาก่อนหน้านี้ ก็คงจะเหมือนว่าสูญเปล่าไปหมด
การที่ได้เป็นนักแสดงชายที่สำคัญ ถ้าหากว่าเขาไม่ยินยอมที่จะทำต่อ ไม่ยอมที่จะแสดงคู่กับเจียงเซ่อละก็ อย่างนั้นการตัดสินใจของเจียงเซ่อในคืนนี้ ถึงแม้จะสามารถพูดเกลี่ยกล่อมเชี่ยซ่าเหลยได้ ก็คงได้แค่แสดงแค่ฉากๆ นี้ และสุดท้ายก็จะไม่ได้อะไรเลย