บทที่ 483 หาเรื่องใส่ตัว
บริเวณชานเมืองในยามดึก นอกจากเสียง ‘ซ่าๆ’ ของฝนที่ดังมาจากข้างนอก เสียงฝีเท้าของกลุ่มอันธพาล เสียงพูดคุยและร้องด้วยความเจ็บปวดของเด็กๆ แล้ว ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
ในห้องที่ไม่เก็บเสียง แม้กระทั่งเสียงคนหาวจากข้างห้องยังได้ยิน
เห็นได้ชัดว่า ในเวลาแบบนี้ หากจะพูดว่าทุกคนยังสามารถหลับได้หลังจากที่เกิดเสียงปืนขึ้น ก็ควรจะบอกว่าผู้คนในละแวกนี้แกล้งหลับเสียจะดีกว่า
เวลานี้ เสียงกรีดร้องของเฉินหมิ่นซูจึงฟังแสบแก้วหูมากเป็นพิเศษ กลุ่มคนที่อยู่ชั้นล่างล้วนตื่นตัวกันขึ้นมา เผยอี้รีบเข้าบ้านและหยิบกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมา
หลังจากที่แฝงตัวเข้ามาปฏิบัติภารกิจ เขาผ่านการทดสอบฝีมือหลายครั้ง จึงถูก ‘อีกา’ เลือก และได้ย้ายเข้ามาอยู่ในละแวกนี้ เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการผลิตและค้ายา
ตั้งแต่มาที่นี่ เผยอี้ก็เตรียมเส้นทางหนีเผื่อกรณีที่ฐานะที่แท้จริงถูกเปิดเผยเอาไว้ แล้วซ่อนหลักฐานที่สำคัญที่สุดเอาไว้ ของใช้ส่วนตัวล้วนถูกเก็บไว้ในกระเป๋าใบหนึ่ง
ทันทีที่เขาขยับตัว เพื่อนร่วมขบวนการคนอื่นๆ ก็ได้สติและต่างหยิบของๆ ตนเองขึ้นมา
เฉินหมิ่นซูเอามือปิดปาก หลังจากที่กรีดร้องเสร็จ ก็รู้ตัวว่าตนเองก่อเรื่องเข้าแล้ว
ตอนที่เผยอี้เดินผ่านกระจกหน้าบ้าน มือที่ถูกห่อด้วยผ้าปล่อยหมัดหนักๆ ออกไปชกกระจกจนแตก พอสิ้นเสียงกระจกแตก ก็มีเกิดเป็นช่องๆ หนึ่ง เขายื่นมือออกไปหยิบกระเป๋ากันน้ำใบหนึ่งออกมา ข้อมูลที่เขาสืบมาได้ถูกซ่อนอยู่ในนี้มาโดยตลอด
ในกระเป๋ายังมีปืนอีกสองกระบอกและมีปืนลูกซองที่บรรจุกระสุนจนเต็ม เขาเปิดกระเป๋าออกมา เฉินหมิ่นซูถามด้วยความสงสัย
“ไม่ช่วยคนแล้วหรือ”
ความลับของพวกเขาถูกเปิดเผยแล้ว กำลังเป็นเป้าหมายของพวกแก๊งค์ค้ายาที่อยู่ข้างล่าง ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ก็ต้องเกิดการปะทะกัน
ช่วงนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี ยาที่ส่งออกไปล้วนเกิดความผิดพลาด เบื้องบนจากทุกภาคส่วนล้วนอยากหาสายของตำรวจที่แฝงตัวอยู่ในนี้ให้เจอ
ในสถานการณ์แบบนี้ หากทำให้คนพวกนี้สงสัย พวกนั้นคงยอมฆ่าผิดตัวแต่ไม่ยอมปล่อยให้สายตำรวจหลุดรอดไปแน่ เมื่อเทียบกับการหนีออกไปอย่างอัปยศแล้ว เฉินหมิ่นซูรู้สึกว่าสู้ให้ถึงที่สุดยังจะดีกว่า อย่างน้อยก็สามารถช่วยชีวิตคนอีกหลายคนไว้ได้
เผยอี้ไม่สนใจหล่อน เขาได้ยินพวกที่อยู่ข้างล่างวางแผนและเตรียมจะขึ้นมา จึงเตรียมตัวหนีแล้ว
เขาอยู่ที่นี่มาเดือนกว่า ไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ แผนที่ในละแวกนี้เขาจดจำได้อย่างแม่นยำ
เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้เดียงสาเช่นนี้ของเฉินหมิ่นซู เขาก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายไปพูดกับหล่อน
พ่อของหล่อนไม่สอนหรือไงว่าอะไรคือคำว่ารู้จักกาลเทศะ แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่โหดเหี้ยมมากกว่ามาสอนหล่อนแทนตระกูลเฉิน ความโกรธแค้นของคนเหล่านี้ ยังต้องหาคนมาดับมัน แก๊งค์ค้ายาพวกนี้มีวิธีโหดเหี้ยมมากมายที่จะทำให้หล่อนต้องเสียใจที่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้
“จะช่วยยังไง”
เผยอี้เคลื่อนตัวออกไปก่อน เพื่อนร่วมขบวนการหลายคนก็เตรียมคุ้มกันเขา จึงตัดสินใจส่งเสียง เพื่อเบนความสนใจของศัตรูออกไป
เขาเอาข้อมูลที่สืบมาได้ในครั้งนี้ไปด้วย ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงรายชื่อหัวหน้าผู้ผลิตยาวงในและกระบวนการผลิตยาเสพติด หากว่าเขาหนีไปได้ ก็จะสามารถส่งข้อมูลเหล่านี้ให้ตำรวจและจัดการที่นี่ให้สิ้นซาก
หากครั้งนี้ เขาอยู่ที่นี่ต่อแล้วถูกจับได้ ปฏิบัติการในครั้งนี้ก็จะต้องล้มเหลวและเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด และหลังจากที่เอเย่นค้ายาถูกตรวจสอบก็จะเข้าถึงยากมากขึ้นกว่าเดิม
“แต่ยังไง เด็กพวกนั้น เราเป็นทหารนะ...” เธอพยายามพูดให้จบอย่างสั่นๆ คนที่เหลือมองหน้ากันอย่างเหลืออด
“ฉันเข้าใจ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงจะช่วยออกมาได้ แต่ก็พาออกไปไม่ได้”
ครั้งนี้เพราะเสียงกรีดร้องของเฉินหมิ่นซู ทำให้ทุกคนไม่สามารถช่วยได้แม้กระทั่งตนเอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพาเด็กออกไปอย่างปลอดภัยเลย
บริเวณรอบๆ นี้คาดว่าจะมีคนกลุ่มใหญ่เข้ามาในอีกไม่ช้า ต้องหาวิธีออกจากที่นี่เสียก่อน แล้วค่อยแจ้งทางตำรวจของกรุงลอนดอน ประกอบกับหลักฐานในมือของเผยอี้ การกวาดล้างที่นี่ให้สิ้นซากถึงจะเป็นการช่วยเหลือที่ดีที่สุด ไม่ใช่การวู่วามเข้าไปปะทะแบบนั้น
อายุของหล่อนยังน้อย ที่เข้ามาร่วมขบวนการนี้ได้ก็เพราะความใจกล้าบ้าบิ่นเท่านั้น ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงจริงๆ มาก่อน หลังจากที่แทรกซึมเข้ามาในแก๊งค์ค้ายาเพื่อทำภารกิจแล้ว ก็อยู่ในแต่ในที่พักชั่วคราวนี้เท่านั้น
หล่อนถูกตระกูลเฉินปกป้องมาเป็นอย่างดี นิสัยจึงหยิ่งทะนง ไม่รู้ถึงอันตรายจากจิตใจมนุษย์ และไม่รู้ว่าแก๊งค์พวกนี้ใช้วิธีอะไรในการจัดการกับศัตรู
ครั้งนี้ แม้เฉินหมิ่นซูจะโง่กว่านี้ก็คงรู้ว่าตนเองก่อเรื่องเข้าแล้ว สำหรับการกระทำของเผยอี้ที่สะพายกระเป๋าออกไป สายตาของหล่อนก็เผยความผิดหวังเป็นที่สุดออกมา
เมื่อก่อนคิดมาตลอดว่าเผยอี้เป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่รักตัวกลัวตาย ใครจะรู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ เขากลับทิ้งทุกคนแล้วหนีไปโดยลำพัง
เผยอี้คลานลงไปตามท่องน้ำทิ้งที่อยู่อีกข้าง ได้ยินเสียงปืนดังมาแต่ไกล
ที่เขามาปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ไม่ได้มาเพื่อสละชีวิต เขาพยายามปรับจังหวะลมหายใจของตนเองให้เบาที่สุด แม้ในใจจะร้อนใจดั่งไฟเผา แต่ก็ไม่ได้วิ่งออกไป
เสียงฝีเท้าวิ่งในยามค่ำคืนแบบนี้จะทำให้คนอื่นได้ยินและทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้ง่าย รอบๆ นี้ถูกแก๊งค์ยาเสพติดเข้าควบคุมไว้หมดแล้ว อยากจะหนีออกไปอย่างปลอดภัยไม่ใช่เรื่องง่าย เขายืนอยู่กับที่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนตัวไปตามถนนที่คดเคี้ยวและหายตัวไปบริเวณทางโค้งอย่างไร้ร่องรอย
คืนนี้ ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของพวกแก๊งค์ค้ายาล้วนรู้สึกกระวนกระวาย กว่าเสียงปืนจะหยุดลง ก็เกือบจะเช้าแล้ว หลังจากที่ตำรวจเข้ามา ทุกอย่างก็สงบลง
เจียงเซ่อทานอาหารค่ำอยู่ในโรงแรม ในขณะที่เลื่อนดูข่าวของ ‘Evil’ ในหัวเซี่ย ข่าวต่างประเทศข่าวหนึ่งก็แทรกเข้ามาในเว็บข่าวหัวเซี่ย : ชานเมืองกรุงลอนดอนเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธปืน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยห้ารายและผู้ชายอีกสองรายได้รับบาดเจ็บ
ตอนที่เห็นข่าวนี้ เจียงเซ่อก็เปิดเข้าไปโดยไม่รู้ตัวและเปิดหน้าข่าวออกมา
‘บริเวณชานเมืองกรุงลอนดอนเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธปืน ประชาชนในพื้นที่ต่างหวาดระแวง’
‘จากการสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเมืองท้องถิ่นได้กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตจำนวนห้ารายและบาดเจ็บอีกสองราย ผู้ได้รับบาดเจ็บได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว คาดว่าเรื่องการปะทะกันมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกวงการมืด’
‘จากรายงาน พื้นที่นั้นมีการปะทะกันด้วยอาวุธอยู่บ่อยครั้ง ในกลุ่มผู้เสียชีวิต มีชายสัญชาติหัวเซี่ยคนหนึ่ง อายุราวยี่สิบห้าปี ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบประวัติ ทางตำรวจไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดคดีนี้ ทางสำนักข่าวจะติดตามคดีนี้ต่อไป’
และยังมีรูปภาพอีกหลายรูปที่ถ่ายหลังจากตำรวจบุกเข้าไป บนถนนเส้นเก่าแก่ คราบเลือดยังไม่ทันแห้ง ก็พลันเกิดเหตุยุ่งวุ่นวาย ผู้คนจำนวนมากเข้าไปมุงดู
จากภาพที่นักข่าวถ่าย มีภาพที่ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลายภาพ และยังมีภาพของผู้เสียชีวิต แต่เพราะถูกแต่งให้เบลอ จึงดูไม่ออกว่าเป็นใคร
ตอนที่เจียงเซ่อเห็นผู้ชายสัญชาติหัวเซี่ยก็พลันหวาดระแวงขึ้นมา
หลังจากที่เผยอี้ไปปฏิบัติภารกิจ อาจจะเพราะเป็นห่วง ทุกครั้งที่เห็นข่าวแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะคลิกเข้าไปดู
แต่ว่า แม้ภาพจะถูกแต่งให้เบลอ ใบหน้าของเผยอี้เธอก็ยังคงจำได้
อีกอย่างหากเผยอี้เป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ตระกูลเผยในหัวเซี่ยจะต้องรู้เป็นคนแรก คุณปู่รับรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองและจะต้องโทรบอกเธอเป็นคนแรกแน่นอน
เธอไม่ได้ตื่นตระหนก แต่กลับทานอาหารเช้าต่ออย่างสงบ
ในขณะที่เจียงเซ่อกำลังอ่านข่าวอยู่ เผยอี้ก็หลบซ่อนตัว ‘อีกา’ ยังคงตามหาตัวเขา การเปิดเผยข่าวของตำรวจแม้จะทำให้เขารู้เหตุการณ์หลังจากที่หนีออกมา แต่ก็สร้างความเดือดร้อนให้เขาไม่น้อย ผู้ประสานงานในประเทศของเขายังมาไม่ถึง เขาก็ยังไม่กล้าขยับตัวไปไหน
เพื่อนร่วมขบวนการ ตายหนึ่งบาดเจ็บสอง เฉินหมิ่นซูหายไปอย่างไร้ร่องรอย มีความเป็นไปสูงว่าถูกพวกแก๊งค์ค้ายาจับตัวไป เธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หากมีความฉลาดอยู่บ้างก็ควรจะกัดฟันอดทน แม้จะต้องลำบากบ้าง แต่หากโชคดี ไม่แน่ว่าอาจจะรอดชีวิตออกมาได้
แต่ว่า หากเธอยังคงเอาแต่ใจแบบนี้ บางทีอาจจะอยู่ไม่ถึงวันที่ ‘อีกา’ ถูกจับ