webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

469

บทที่ 469 ไม่ใช่ว่า

การออกมาพูดของฉางยวี่หูในตอนนี้สร้างกระแสฮือฮาได้ไม่เท่าปีนั้น เพราะเจียงเซ่อในตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้ว แต่คำพูดของเธอ กลับเป็นการยืนยันว่าเธอยังคงเป็นห่วงเจียงเซ่ออยู่

นอกจากเป็นการทำให้ผู้คนนึกถึงคำพูดที่เธอเคยพูดว่า ‘กางร่มให้ลูกศิษย์’ จนทำให้แฟนคลับจำนวนมากนึกถึงแล้ว ในขณะเดียวกับก็เป็นการกระตุ้นให้ลัวหยิ่นออกมาแสดงท่าทีด้วย

ตั้งแต่ที่แฟนคลับของนักแสดงหญิงทั้งสองของบริษัทเกิดความขัดแย้งกัน ผู้ก่อตั้งซื่อจี้หยินเหอท่านนี้ก็ปิดปากเงียบมาโดยตลอด ปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไปโดยไม่สนใจ

ถึงขั้นที่ว่าปล่อยให้นักแสดงหญิงทั้งสองคิดหาวิธีการมาตอบโต้กันเอง ตอนที่ในอินเทอร์เน็ตก็เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือด เขาก็ไม่สนใจ แต่ว่า พอฉางยวี่หูออกมาพูด ซื่อจี้หยินเหอก็เริ่มมีการออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการ

ตอนนี้ลัวอ้าวที่เป็นผู้ดูแลซื่อจี้หยินเหอแทนลัวหยิ่นออกมาแถลงข่าวด้วยตัวเอง โดยชี้แจงว่าท่านประธานมีปัญหาด้านสุขภาพและยังบอกว่าตั้งแต่ที่ก่อตั้งบริษัทมา ล้วนเห็นความสำคัญของนักแสดงทุกคนในสังกัดอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีการลำเอียงแน่นอน

“ทั้งเถาเฉินและเจียงเซ่อล้วนเป็นนักแสดงที่มากฝีมือที่สุดของบริษัท...”

ตอนนี้ที่ฝรั่งเศส เจียงเซ่อกำลังดูถ่ายทอดสดการแถลงข่าวของลัวอ้าวในโรงแรม รู้สึกซาบซึ้งใจกับการออกตัวของฉางยวี่หู

หากฉางยวี่หูไม่ออกมาพูด คงไร้ซึ่งการออกมาชี้แจงจากต้นสังกัด

ความจริงแล้ว ตั้งแต่ที่เธอเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอ บริษัทก็ไม่ได้มีแผนผลักดันเธอมากนัก อาจจะเกี่ยวข้องกับระยะเวลาที่จำกัดในสัญญาของเจียงเซ่อเหมือนที่ลัวอ้าวเคยพูดเอาไว้ กลัวว่าหากเจียงเซ่อดังขึ้นมา แล้วจะถอนตัวออกจากวงการ

เธอมีเผยอี้คอยหนุนหลัง ทั้งยังรู้จักกับฉางยวี่หูและนักแสดงรุ่นใหญ่คนอื่นๆ ถึงขั้นถูกฉางยวี่หูชักนำให้เข้าวงการละครและยังรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้คนจำนวนมากในวงการหนังอีกด้วย

ดูจากภายนอกแล้ว อนาคตของเจียงเซ่อราบรื่นเป็นอย่างมาก กำลังสำคัญเหล่านี้จะทำให้เธอผ่านอุปสรรคและพัฒนาไปได้อย่างราบรื่น

ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ หากเจียงเซ่อไม่ได้หวังสูงนักและต้องการเพียงแค่ชื่อเสียงอยู่ในวการบันเทิง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

แต่เพราะการพัฒนาของเธอ สิ่งเหล่านี้จึงไม่ได้เป็นตัวช่วยสนับสนุนเธอเลย แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่จำกัดตัวเธอไป

เผยอี้มาจากตระกูลที่มีฐานะ รวมทั้งระยะเวลาที่เจียงเซ่อเซ็นสัญญาก็สั้นจนเกินไป ซื่อจี้หยินเหอต้องรับมือกับความเสี่ยงที่ว่า หากส่งเสริมเจียงเซ่อมากเกินไป วันหนึ่งเธอมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้วถอนตัวเพราะการแต่งงาน

เพราะฉะนั้น บริษัทจึงยอมป้อนงานส่วนใหญ่ให้กับนักแสดงคนอื่นๆ สำหรับเจียงเซ่อนั้น จึงให้เพียงแค่เซี่ยเชาฉวิน ส่วนทรัพยากรอื่นๆในบริษัทก็ให้กับเธอได้ไม่มากนัก มีท่าทางไม่ขัดขวาง แต่ก็ไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ปล่อยให้เจียงเซ่อพัฒนาด้วยตัวเองมาโดยตลอด

ตอนที่เถาเฉินและเจียงเซ่อแย่งบท ‘The Lost City’ กัน หากบริษัทลำเอียงมาทางเธอเสียหน่อย บทนั้นคงไม่ถูกเถาเฉินแย่งไป ตอนนี้แฟนคลับของทั้งสองก็คงไม่ต้องเถียงกันว่า ใครเหมาะสมที่จะแสดงเรื่อง ‘The Lost City’

เจียงเซ่อเข้าใจปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี เธอไม่สนใจแต่เธอคิดไม่ถึงว่าเรื่องที่เธอไม่ใส่ใจ ฉางยวี่หูจะออกมาพูดแทนเธอแบบนี้

เธอโทรหาฉางยวี่หู ตอนนี้ในประเทศก็ค่ำแล้ว ในโทรศัพท์เสียงของฉางยวี่หูดูอบอุ่น เธอถามถึงเรื่องงานของเจียงเซ่อในช่วงนี้

ตั้งแต่ตอนช่วงที่เจียงเซ่อมาเรียนกับเธอ ทั้งสองก็รักษาความสนิทสนมกันมาตลอด ปีใหม่ในทุกๆ ปี เจียงเซ่อมักจะไปเยี่ยมเยียนที่บ้าน แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วหรือไม่ว่าการเรียนและงานจะยุ่งมากเพียงใด เธอก็ไม่เคยละทิ้งความเคยชินกับการเข้าไปอวยพรผู้ใหญ่ทุกๆ ท่านเลย

ตอนที่ยังไม่มีชื่อเสียง เธอไม่ได้นอบน้อมเพื่อเอาใจ หลังจากที่มีชื่อเสียงแล้วก็ไม่ลืมตัวและหัวสูง เพราะนิสัยแบบนี้จึงได้รับความรู้สึกดีๆ จากฉางยวี่หูมากขึ้นกว่าเดิม

ทั้งสองคุยกันครู่หนึ่ง เจียงเซ่อจึงพูดถึงเรื่องในอินเทอร์เน็ตและขอบคุณฉางยวี่หู ฉางยวี่หูเมื่อเห็นว่าเธอพูดถึงเรื่องนี้ จึงพูดว่า

“เรื่องนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย” เธอเปลี่ยนประเด็นไปพูดเรื่องอื่นอย่างสบายๆ แล้วก็ถามถึงหนังเรื่อง ‘Evil’

“ฉันเห็นซูเพ่ยเอินบอกว่า เขาชื่นชมหนังเรื่องนี้มาก คิดว่ามีโอกาสสูงมากที่เธอจะได้รับรางวัลในเทศกาลหนัง ในประเทศก็จะเข้าฉายแล้ว ฉันเองก็อยากไปดูการแสดงของเธอในโรงหนัง ที่โรงละคร เหลียงชุนปอเคยบอกว่า เพื่อบทนี้เธอต้องผ่านความลำบากมามากมายและยังรับฟังความคิดเห็นของเขาอย่างว่าง่าย เลยทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จไปด้วย

น้ำเสียงของฉางยวี่หูดูอ่อนโยน เจียงเซ่อรู้สึกสบายใจมากหลังจากที่คุยกับเธอ

เจียงเซ่อเข้าใจว่าทำไมฉางยวี่หูถึงพูดกับเธอแบบนี้ เพราะต้องการจะปลอบใจเธอนั่นเอง

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของเทศกาลหนังฝรั่งเศสและเป็นวันประกาศรางวัล วันนี้รางวัลต่างๆ จะถูกเปิดเผย ความจริงแล้วเจียงเซ่อเองก็เป็นกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย

การที่ฉางยวี่หูจงใจพูดถึงความเชื่อมั่นที่ซูเพ่ยเอินมีต่อหนังเรื่อง ‘Evil’ และพูดถึงการแสดงของเธอในเรื่อง ก็เพื่อต้องการให้เธอเบาใจลงบ้าง

การคุยโทรศัพท์ครั้งนี้ ทำให้เจียงเซ่อผ่อนคลายลงมาก ตอนเย็นก็แต่งหน้าทำผม กลางคืนไปร่วมงานปิดพิธีของเทศกาลหนังฝรั่งเศส เพราะการพบกับเชี่ยซ่าเหลยในวันนี้และการที่หนังเรื่อง ‘Evil’ เข้าสู่รอบตัดสิน จะต้องมีนักข่าวจำนวนมากจับจ้องเธอแน่

บวกกับข่าวที่ราวกับจะมีการแย่งชิงบทในเรื่อง ‘The Lost City’ ระหว่างเธอกับเถาเฉิน และการเข้าชิงรางวัลระหว่าง ‘Evil’ และ ‘The Incident’ อีก คืนนี้เธอจึงจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

ช่วงเวลาทั้งบ่ายหมดไปกับการแต่งหน้าทำผม เพื่อการเปิดตัวในงานเดินพรมแดงในค่ำคืนนี้ โดยที่เซี่ยเชาฉวินให้ความสำคัญกับชุดของเจียงเซ่อมากเป็นพิเศษ

“เทศกาลหนังครั้งนี้ Givenchy ได้ส่งชุดมาให้ คุณเซี่ยเลือกเครื่องประดับและกระเป๋าถือให้เธอแล้ว เธอลองดูแล้วกันนะ”

ตอนที่หนังเรื่อง ‘Evil’ เข้าร่วมเทศกาลหนัง ไม่มีใครคิดว่ามันจะเดินทางมาจนถึงรอบสุดท้ายและเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้

แบรนด์หรูที่อยากร่วมงานกับเจียงเซ่อก่อนหน้านี้มีไม่มากนัก แต่เพราะชื่อเสียงที่โด่งดังมากขึ้นของ ‘Evil’ และในยุโรปหลังจากเจียงเซ่อได้ออกสื่อมากมายเพราะนิตยสาร ‘ว่าด้วยเรื่องของหนัง’ ก็ทำให้มีแบรนด์จำนวนไม่น้อยส่งรองเท้าและกระเป๋ามาให้

ในด้านของเรื่องประดับ มีไข่มุกกังหัวเป็นหลัก จากนั้นช่างแต่งหน้าหลิวลี่จื้อก็เอาชุดราตรีและรองเท้าเข้าเซตกันออกมา

ก่อนหน้าที่เพราะสัญญาที่ Givenchy ทำร่วมกับกับเจียงเซ่อ ดังนั้นในเทศกาลหนังฝรั่งเศสปีนี้ เซี่ยเชาฉวินเลยได้พูดคุยกับทาง Givenchy เอาไว้ก่อนแล้วว่าให้ดีไซเนอร์ตัดชุดสีม่วงชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อเจียงเซ่อโดยเฉพาะ

รองเท้าเข้าชุดกันเป็นรองเท้าส้นสูงมีสายรัด กระเป๋าเป็นแบรนด์หรูแบรนด์หนึ่งของฝรั่งเศส การปรากฏตัวในเทศกาลหนังในคืนนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ชื่อเสียงของเจียงเซ่อโด่งดังไปไกลแบบนี้ ก็ยิ่งจะเป็นจุดสนใจ ดังนั้นก็ยิ่งต้องคว้าโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับแบรนด์เหล่านี้มาไว้ให้ได้

ก่อนพิธีปิดเทศกาลหนัง เหล่าดาราจากทั่วโลกต่างก็ได้เตรียมพร้อมกันนานแล้ว ทุกคนต่างก็ทยอยเดินเข้าไปในงาน

บริเวณนอกงาน เต็มไปด้วยแฟนคลับที่อยากจะชื่นชมความงามของไอดอลของตนเอง มีนักข่าวรออยู่สองข้างสองพรมแดงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

เหล่าดาราต่างเข้าไปภายในงานตามลำดับ สองข้างทางมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลอยู่เสียงกรี๊ดและเสียงชัตเตอร์รวมเป็นเสียงเดียวกัน หน้าจอยักษ์ที่ตั้งอยู่ด้านนอก กำลังฉายภาพโฆษณาของหนังที่เข้าสู่รอบตัดสินในปีนี้วนไปมา

เจียงเซ่อปรากฏตัวบนพรมแดง ท่ามกลางการสนับสนุนของเซี่ยเชาฉวินและคนอื่นๆ นักข่าวต่างก็รีบถ่ายฉากการปรากฏตัวของเธอเอาไว้

เธอสวมชุดสีม่วงอันแสนโรแมนติกเปิดไหล่ข้างเดียว ให้ความรู้สึกว่าอยู่ระหว่างความสดใสบริสุทธิ์และความสง่างามของหญิงสาว

เธอราวกับรู้จุดเด่นข้อนี้ของตัวเอง จึงเลือกสวมชุดสีม่วงที่ค่อนข้างจะเข้ากับรูปร่างและขับผิวเพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์ของตนเองออกมา