webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

451

บทที่ 451 การพลิกบทบาท

สิ่งที่ห่อศพอยู่ถูกแกะออก เผยให้เห็นศพที่บรรจุอยู่ข้างในที่ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ

เพื่อป้องกันไม่ให้พลาดเบาะแสแม้แต่น้อย ในหนัง ตำรวจใบหน้าเคร่งขรึม ตะโกนสั่งให้ทุกคนค้นหาให้ลึกเข้าไปอีก

บนพื้น แมลงวันบิน ‘หวี่ๆ’ ไปมา หนูที่อยู่ในท่อน้ำทิ้งตรงมุมพอตกใจก็วิ่งกระจายไปทั่ว ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆ เมื่อเห็นฉากนี้ก็พากันกรีดร้องด้วยความตกใจ ต่างถอยหนีกระจายกันออกไป

ลั่วเซิ่นที่รับบทโดยหลิวเย่ก็อยู่ท่ามกลางผู้คนและถอยหนีออกไปเช่นกัน

แต่ทว่าจางยวี่ฉินกลับไม่ขยับตัว ในวินาทีนั้น ความหมดหวังและความหวังบนใบหน้าที่เธอพยายามเก็บเอาไว้ก็ปนเปเป็นเป็นหนึ่งเดียวกันไปหมด ดูราวกับเป็นนักโทษที่รอคอยการตัดสินอย่างนั้น

ในขณะนั้นเอง ในโรงหนังก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้น ซึ่งมีทั้งเสียงของซูเพ่ยเอิน เถาเถา ซูหมิ่น ทั้งผู้ชมอีกมากมาย รวมถึงนักข่าวจากสื่อต่างชาติหลายคนที่ในตอนแรกเตรียมจะมาหลับในนี้ด้วย

พวกเขาฟังภาษาจีนไม่ออก แต่ซับภาษาอังกฤษที่อยู่บนหน้าจอ สามารถทำให้พวกเขาดูหนังเรื่องนี้รู้เรื่องได้อย่างง่ายดาย

หากไม่ใช่เพราะการแสดงตีบทแตกอย่างยอดเยี่ยมของเจียงเซ่อในตอนแรก การใช้ชีวิตที่เหมือนดั่งน้ำนิ่งของเธอ และมีเพียงลูกสาวที่เป็นแรงผลักดันเดียว บางที เมื่อเห็นกองศพกองนี้ ทุกคนอาจจะไม่เสียใจแทนเธอถึงขนาดนี้

ตอนนี้ บนหน้าจอจางยวี่ฉินที่รับบทโดยเจียงเซ่อ มีท่าทางน่าสงสารจนชวนปวดใจ ริมฝีปากอันสั่นระริก เรือนร่างอันผ่ายผอม ทนรับความสะเทือนใจอะไรไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

หนังฉายมาจนถึงตอนนี้ จูจูไม่ได้ปรากฏตัวเลย ความทรงจำเดียวที่ผู้ชมมีต่อเธอ ก็คือ ได้ยินเสียงที่แฝงความไร้เดียงสาของเธอผ่านโทรศัพท์ของจางยวี่ฉินเท่านั้น

‘ข่มขืน หั่นศพ’ คำเหล่าโจมตีจิตใจของจางยวี่ฉินไม่รู้หยุดและกระทบจิตใจของผู้ชมอย่างรุนแรง

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นผ่านตัวกลางเช่นนี้ ซูเพ่ยเอินรู้ดีว่าเป็นเพราะทักษะการแสดงที่โดดเด่นของเจียงเซ่อที่กระตุ้นความรู้สึกของผู้ชม

เขาดูถูกเจียงเซ่อเกินไป เมื่อเทียบกับเธอในช่วง 'The Occasion of Beiping' ‘ปฎิบัติการผู้พิทักษ์’ แล้ว ในเรื่อง 'Evil' การเปลี่ยนแปลงของเธอน่าทึ่งเป็นอย่างมาก เมื่อก่อนความประทับใจที่ซูเพ่ยเอินมีต่อเจียงเซ่อคือการเป็นนักแสดงที่สวยมากเท่านั้น

แต่ทว่า ในตอนนี้ ไม่เพียงแค่ความงามเท่านั้น เธอมีพลังที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้คน สามารถทำให้ผู้คนเข้าถึงตัวละครไปพร้อมกับเธอโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเก่งกว่าการที่เธอทำให้ตัวเองเข้าถึงบทบาทได้เป็นอย่างมาก

หมอนิติเวชยกศีรษะที่ถูกหั่นจนไม่เหลือสภาพเดิมขึ้นมา คาดว่าเจ้าของร่างคงอายุน้อยว่า ‘สิบขวบ’ บนศีรษะของเธอมีเชือกที่เปื้อนไปด้วยน้ำเสียมัดอยู่ หมอนิติเวชจึงหยิบขึ้นมา “น่าจะเป็นยางรัดผม”

ผู้เก็บหลักฐานเก็บสิ่งนี้เข้าไปในถุง

วินาทีที่จางยวี่ฉินเห็นยางรัดผมนั่นก็ราวกับเป็นหงส์ปีกหัก ไหล่ทั้งสองของเธอทรุดฮวบลง สองมือกำชายเสื้อเอาไว้แน่น อ้าปากอยู่หลายที แต่ก็พูดอะไรไม่ออก

ร่างกายของเธอบิดเบี้ยวจนดูแปลกประหลาด ราวกับเจ็บปวดจนถึงขีดสุดแล้ว

เมื่อดูถึงตรงนี้ แน่นอนว่าผู้ชมเข้าใจแล้วชิ้นส่วนของศพเหล่านี้ คงจะเป็นจูจูลูกสาวของจางยวี่ฉินนั่นเอง

เถาเถายังไม่ได้แต่งงานและไม่มีลูก ไม่เข้าใจว่าความเจ็บปวดแสนสาหัสจากการสูญเสียลูกสาวว่าควรจะเป็นอย่างไร แต่ทว่า เมื่อเธอเห็นใบหน้าของเจียงเซ่อบนหน้าจอในตอนนี้ กลับราวกับกำลังว่าตนเองกำลังรู้สึกแบบนั้น

ความจริงแล้ว เรื่อง 'Evil' ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนนี้ เรื่องราวดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและกระชับ หากไม่เกี่ยวข้องกับบท ฉากนี้คงจะไม่ปรากฏ

วินาทีที่พบศพ ตามจริงแล้ว คนจำนวนมากในโรงหนังก็ล้วนเดาออกแล้วว่าเป็นลูกสาวที่หายตัวไปของจางยวี่ฉิน แต่วินาทีที่เดาถูก ผู้ชมที่อยู่ในโรงก็ยังคงส่งเสียงอุทานด้วยความเสียใจ

มีคนเสียใจกับผู้หญิงที่ชื่อจางยวี่ฉิน เธอไม่เหลืออะไรแล้ว สามีขอหย่า สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอไว้คือลูกสาว ตอนนี้กลับมาเห็นลูกสาวตนเองในสภาพแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้ยังจะสามารถทนรับได้หรือไม่?

ราวกับว่าเธอทนไม่ไหวอีกต่อไป!

หน้าจออันกว้างใหญ่ สะท้อนใบหน้าที่ผอมจนเห็นกระดูกอย่างชัดเจน เบ้าตาลึกจนยุบเข้าไป เธอคงจะนอนหลับไม่สนิทมานาน ใบหน้าเลยดูขาวซีดอย่างคนอมโรค ใต้ตาดำ ริมฝีปากแห้งแตก ถึงขั้นมีเลือดไหลซึมออกมาหลังจากที่เธอกัดมันเพราะความตึงเครียดก่อนหน้านี้

สมจริงและน่าประทับใจ

ซูเพ่ยเอินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ทักษะของนักแสดงจะดีหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่การแสดงเป็นตัวละครนั้นได้ หรือแสดงความรู้สึกดีใจโกรธหรือมีความสุขออกมาได้เท่านั้น

สำหรับเขาแล้ว นักแสดงที่ดีจริงๆ ไม่เพียงแค่ต้อง ‘แสดงเป็น’ แต่ ‘เป็น’ สิ่งที่จินตนาการออกมา จะต้องให้ความรู้สึกและปฏิกิริยาที่แตกต่างกันและทำการแสดงออกมาให้สมจริงมากที่สุด

หากในฉากนี้ เจียงเซ่อที่แสดงเป็นจางยวี่ฉินเพียงแค่ร้องไห้ แม้จะร้องไห้จนตาแดง อย่างมากก็คงจะทำให้ผู้ชมชื่นชมความสามารถในการแสดงของเธอ แต่ในตอนที่เธอแสดงฉากนี้ เธอกลับทำให้ตัวเองเข้าถึงตัวละครอย่างจางยวี่ฉินได้อย่างแท้จริง

ร่างกายอันผอมบาง ราวกับจะล้มลงเพียงลมพัดผ่าน เธอเสียใจจนถึงที่สุด ดวงตาคู่นั้นก็ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไปสิ้น หนูที่วิ่งกระจายอยู่ในสถานที่เกิดเหตุตัวหนึ่งที่ตื่นตระหนกจนไม่ได้มองทางปีนขึ้นที่หลังเท้าของเธอ แต่เธอกลับทำท่าราวกับไม่รับรู้ถึงการสัมผัสเหล่านี้เลย ฉากนี้ยิ่งตอกย้ำอาการสะเทือนใจของเธอ ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นความรู้สึกของผู้ชม ให้รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสในใจของจางยวี่ฉิน

ตอนนี้ ทุกคนล้วนถูกฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อดึงดูด สายตาซูเพ่ยเอินกลับหยุดอยู่ที่หลิวเย่ที่แสดงเป็นคนที่เข้ามามุงดู

ถึงตอนนี้ ภาพของเขาปรากฏไม่มากนัก เพียงแค่ปรากฏในบางภาพเท่านั้น แต่หลิวเย่ช่างสมกับการเป็นราชาแห่งการแสดง

ในขณะที่สายตาของทุกคนไม่สามารถละสายตาจากเจียงเซ่อได้ เขากลับกำลังแสดงฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมของตนเองออกมาได้อย่างเรียบง่าย

ชายหนุ่มที่เขาแสดงใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก เมื่อเห็นศพก็หรี่ตาลง คิ้วของเขาขมวดขึ้น ถุงใต้ตาเกร็งแน่น เป็นความตกใจที่ฝืนแสดงออกมา แต่สายตากลับเย็นเยียบ เมื่อเผชิญหน้ากับศพตรงหน้ามุมปากของเขากลับเผยรอยยิ้มที่ราวกับมีและไม่มีในขณะเดียวกันออกมา จากนั้นเขาก็กดมุมปากลง

หากคนอื่นแสดงเป็นตัวละครแบบนี้ บางทีซูเพ่ยเอินอาจจะคิดว่าฉากนี้คงจะเป็นฉากหลุดเล็กๆ หรือเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น

แต่ทว่า หลิวเย่ที่แสดงเป็นคนที่มามุงดู เป็นคนที่อยู่ในวงการมานานหลายปี รวมทั้งเป็นนักแสดงที่ได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมในงานเทศกาลหนังของจีนมาถึงสองครั้ง ปฏิกิริยาแบบนี้ของเขา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่

ซูเพ่ยเอินวิจารณ์อย่างละเอียดในใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าหลิวเย่ดูสนุกสนาน ในขณะที่เห็นศพ ถึงขั้นแสดงท่าทางที่แฝงความชื่นชมออกมาด้วยซ้ำ

หวนคิดถึงสโลแกนที่จ้าวร่างเผยแพร่ออกมาตอนถ่ายทำหนังเรื่องนี้คือ การพลิกบทบาทของหลิวเย่ ซูเพ่ยเอินก็เดาความจริงออกทันที ตัวละครที่หลิวเย่แสดง อาจจะเป็น ‘ปีศาจ’ ที่ฆ่าจูจู!

หลิวเย่ที่แสดงเป็นพระเอกมาโดยตลอด ในเรื่อง 'Evil' กลับแสดงเป็นตัวร้าย!

มิหนำซ้ำยังเป็นตัวร้ายที่โหดเหี้ยมและเลือดเย็น!

เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นในหัวของซูเพ่ยเอิน ก็แทบจะทำให้เขายืนกระโดดโลดเต้นเสียตรงนั้น นี่ช่างเป็นหนังที่น่าสนใจจริงๆ

ฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อแสดงออกมาได้มากกว่าปกติ หลิวเย่ที่แสดงเป็นตัวดีมากโดยตลอดมาแสดงเป็นตัวร้ายและเปิดศึกกับเจียงเซ่อ

เป็นแม่คนหนึ่งที่สูญเสียลูกสาวไป เมื่อเจอกับฆาตกรที่ฆ่าและหั่นศพลูกสาวตัวเอง เธอจะทำอะไรออกมาได้บ้าง

โดยเฉพาะเมื่อลูกสาวคนนี้เป็นความหวังของเธอ เมื่อฆาตกรไม่เพียงแค่ฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ แต่ยังดับความหวังของเธอทิ้ง จางยวี่ฉินจะตอบโต้อย่างไร

ตอนแรกการดู 'Evil' นั้นเป็นเพียงความสนใจเพียงชั่ววูบของซูเพ่ยเอินเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูก 'Evil' ดึงดูดไปแล้วทั้งหัวใจ จนเขาอยากจะดูเรื่องราวหลังจากนี้จนแทบจะทนรอไม่ไหว

ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเขามานานแล้ว อาชีพนักวิจารณ์หนัง แม้ว่าเป็นหนังที่น่าสนใจมากกว่านี้ เขาก็สามารถหักห้ามใจตนเองตอนดูได้ ทว่า ตอนนี้เขาอยากให้หนังฉายไวกว่านี้เสียเหลือเกิน