webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

445

บทที่ 445 บัตรผ่านประตู

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เถาเฉินคงไม่มีทางเชื่อแน่ๆ ว่าตัวเองถูกเซี่ยเชาฉวินทิ้งแล้วจริงๆ

ความทะเยอทะยานของหล่อนยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกับเจียงเซ่อแล้วหล่อนจะอายุมากกว่าหลายปี แต่ทั้งรูปร่าง หน้าตาก็ได้รับการดูแลบำรุงมาอย่างดี ค่าใช้จ่ายในการบำรุงประทินผิวในแต่ละปีล้วนก็มหาศาล ในหัวเซี่ยทั้งชื่อเสียงและจุดยืนของหล่อน มันไม่เคยลดลงเลยสักครั้ง

และเงินที่หล่อนได้ทำให้กับซื่อจี้หยินเหอ ก็เป็นเงินที่มากที่สุดแล้ว สำหรับเซี่ยเชาฉวิน หล่อนเองก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผลประโยชน์ตรงนี้ด้วย อย่างน้อยเมื่อเทียบกับเจียงเซ่อแล้ว เถาเฉินมั่นใจได้เลยว่าหล่อนสามารถทำผลประโยชน์ให้เซี่ยเชาฉวินมากกว่าเจียงเซ่อเยอะ หล่อนเองก็เป็นคนฉลาด หล่อนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าควรจะต้องให้ความสำคัญที่จุดไหน

ตอนที่เซี่ยเชาฉวินเพิ่งจะเซ็นสัญญากับเจียงเซ่อไป เถาเฉินก็คิดแค่ว่าเซี่ยเชาฉวินไม่สามารถปฏิเสธคำขอจากลัวหยิ่นได้เท่านั้นเอง

เจียงเซ่อมีอะไรที่จะมาเทียบกับหล่อนได้? เรื่องแบบนี้ หล่อนคิดมาตั้งนานก็ไม่เห็นจะคิดออก แต่พอตอนนี้ได้มาเห็นว่าเซี่ยเชาฉวินดูสนิทสนมและเข้ากันได้ดีกับเจียงเซ่อมาก และพอยิ่งได้รู้ว่าเจียงเซ่อแย่งชิงการเป็นพรีเซนเตอร์ของ Federer ไปจากหล่อนได้ คิ้วของหล่อนที่ขมวดอยู่ก็ยิ่งขมวดเข้าไปใหญ่

“บางทีอาจจะแค่เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ให้แบรนด์รึเปล่า” บนใบหน้าของเฉินเจียวไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะลอบปลอบใจหล่อน “ยังไงซะบริษัท Federer ก็ไม่เคยคิดที่จะใช้พรีเซนเตอร์เป็นดาราของหัวเซี่ยอยู่แล้วนี่”

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการเพิ่มภาพลักษณ์ให้แบรนด์จริงๆ แต่แค่อาศัยข่าวลือที่ออกมาว่าบริษัท Federer กำลังจะมีการร่วมงานกับดาราชาวหัวเซี่ยเป็นครั้งแรก แค่นั้นก็เพียงพอที่จะยกระดับให้กับเจียงเซ่อได้แล้ว และมันจะยิ่งทำให้เธอกลายเป็นที่สนใจ

วงการแฟชั่นแบบนี้จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก แต่จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่

ถ้าอยากจะได้การยอมรับจากมัน การเข้าวงการแบบนี้ การที่จะได้รับความสนใจจากแบรนด์หรูหราไฮเอนด์ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เลย ถ้าหากว่าเจียงเซ่อได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้ Federer จริงๆ มันก็เป็นสิ่งที่ยืนยันอย่างแน่นอนแล้วว่าตัวเธอเป็นที่สนใจและจับตามองของเหล่าแบรนด์ไฮเอนด์ ถ้าได้เป็นถึงพรีเซนเตอร์ของ Federer แล้ว ทุกอย่างมันก็จะยิ่งง่ายขึ้น ทั้งรสนิยมและภาพลักษณ์ของเธอก็จะมี Federer เป็นคนยืนยัน มันสำคัญกว่าการที่เธอต้องมานั่งถ่ายรูปสวยๆ ในประเทศหรือการได้รับคำชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญทางแฟชั่นตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

“ไม่ใช่เพราะเพิ่มภาพลักษณ์ให้แบรนด์หรอก” เถาเฉินส่ายหน้า ถึงแม้ว่าหล่อนจะทำใจกับผลลัพธ์แบบนี้ได้ยาก แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับเฉินเจียวที่เอาแต่หลอกตัวเองแบบนั้น “ถ้าเจียงเซ่อได้เป็นพรีเซนเตอร์นาฬิกาข้อมือ Federer ก็เป็นไปได้ว่าทางเบื้องบนของ Federer อาจจะเป็นคนให้นาฬิกาเรือนนั้นกับเธอเอง เพื่อเป็นการเพิ่มราคาให้กับพรีเซนเตอร์ของตัวเอง”

หล่อนเข้าวงการนี้มานานแล้ว หลายเรื่องหล่อนก็พอที่จะคิดและมองออก

“ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ลองโทรกลับไปถามลัวอ้าวที่บริษัทดูสิ เขาอาจจะให้คำตอบกับเธอได้นะ”

เฉินเจียวรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของเถาเฉินจริงๆ หล่อนโทรกลับเข้าไปในประเทศ ข่าวเรื่องที่เจียงเซ่อได้เซ็นสัญญากับทาง Federer ยังไม่มีการพูดถึง แต่บนอินเทอร์เน็ตนั้นกลับกำลังคึกคักเป็นอย่างมาก แต่เฉินเจียวกลับได้รับคำตอบยืนยันจากทางลัวอ้าวว่าช่วงเช้าของเมื่อวาน เจียงเซ่อได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัท Federer แล้วจริงๆ และเธอได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์นาฬิกาหรูอย่าง Federer ในคอลเลคชั่น prince ไม่ใช่เป็นเพียงพรีเซนเตอร์ในนาม แล้วก็ไม่ใช่เพราะลดค่าตัวของตัวเองเลยได้ทำสัญญาด้วย เพราะเธอได้รับค่าตัวถึงหนึ่งล้านเจ็ดแสนดอลล่าร์สหรัฐเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันหลังจากที่งานเทศกาลหนังภาพยนตร์จบลง ก็ต้องบินกลับไปที่ปารีสเพื่อถ่ายงานต่อทันที ็

ในสนามบินของตี้ตูในตอนนี้ สื่อกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งต่างก็กำลังถือตั๋วเครื่องบินที่จะมุ่งไปสู่ฝรั่งเศสเอาไว้

ในเดือนมีนาคมของทุกๆ ปี เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเหล่าคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการหนังภาพยนตร์ เหมือนกับเป็นการไปแสวงบุญยังปูชนียสถานที่ไหนสักแห่ง การที่ได้ไปยังเทศกาลหนังภาพยนตร์ในประเทศฝรั่งเศสถือเป็นอะไรเป็นความฝันของคนในวงการหนังเลยทีเดียว

งานหนังภาพยนตร์ในฝรั่งเศสจัดขึ้นแค่ปีละครั้ง และทุกครั้งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม เมืองที่มีการจัดงานนี้ขึ้นมาคือเมืองนีซที่อยู่ใกล้กับอ่าวเปอร์เซีย เมื่อเวลานี้มาถึงทีไร เหล่าผู้กำกับ ดาราและกลุ่มที่มีชื่อเสียงของวงการบันเทิงจากทั่วโลกก็จะข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อมาเข้าร่วมและสนุกสนานไปกับงานเทศกาลนี้

นี่ไม่ใช่แค่การนัดรวมตัวกันของเหล่านักแสดงและผู้กำกับที่มีชื่อเสียง เพราะในขณะเดียวกันก็มีเหล่าสื่อข่าวและกลุ่มเบื้องหลังทั้งหลายที่ได้มาเจอกันด้วย

ในงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็จะเจอแต่ดารานักแสดง ผู้กำกับ นักลงทุนและผู้สร้างหนังทั้งหลายแหล่ ไหนจะพวกเจ้าของนิตยสารชื่อดังที่บางทีก็ได้แค่มองแต่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปใกล้ก็มี แต่เมื่อได้เข้าร่วมงานนี้แล้วจะมีโอกาสเจอได้ง่ายๆ เลยทีเดียว

ในกลุ่มของสำนักข่าวหลงสิง เถาเถาที่นั่งอยู่ในสนามบินก็รอมานานพอสมควร

เที่ยวบินของหล่อนที่จะไปฝรั่งเศสคือตอนสองทุ่ม แต่ยังไม่ทันถึงเที่ยง หล่อนก็มาโผล่อยู่ในสนามบินแล้ว

นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้ไปเข้าร่วมเทศกาลหนังภาพยนตร์ในฝรั่งเศส หล่อนเองก็เข้าทำงานในบริษัทนี้มาหลายปีแล้ว แต่เพราะในหลายปีก่อนหน้านี้ ประสบการณ์ของหล่อนมันยังไม่มากพอ ทำให้ยากที่จะได้โอกาสได้มาเข้าร่วมกับกลุ่มที่จะไปงานเทศกาลหนังภาพยนตร์กับทางบริษัทแบบนี้

แต่ในสองปีที่ผ่านมานี้หัวหน้านั้นให้ความสำคัญกับหล่อนไม่น้อย บวกกับตัวหล่อนเองก็ได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองไว้แล้วบ้าง ก่อนหน้านี้ก็ได้ชิงข่าวดีๆ มาตั้งหลายข่าว และบวกที่หล่อนสามารถทำงานได้ตรงใจหัวหน้าด้วย

เมื่อสิ้นปีที่แล้ว หล่อนคอยเอาแต่เช็คและขอเรื่องว่าอยากจะได้บัตรผ่านประตูของเทศกาลภาพยนตร์ และความพยายามก็ไม่เคยทรยศคนที่มีความตั้งใจ จนกระทั่งเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ ทางเทศกาลหนังภาพยนตร์ก็ได้ฝากนักข่าวชาวหัวเซี่ยคนหนึ่ง ให้เอาบัตรเชิญเข้างานมาให้กับหล่อน หล่อนจึงได้ไปในนามของนักข่าวสำนักข่าวหลงสิง โดยไปฝรั่งเศสกับนักข่าวรุ่นพี่อย่างซูหมิ่น หลังจากสืบมาจนรู้แล้วว่าเทศกาลงานหนังภาพยนตร์ในปีนี้จะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ งานรายงานข่าวของหลงสิงก็จะมีการถ่ายทอดสดบนอินเทอร์เน็ตด้วยเช่นกัน

ทั้งสองคนจัดการเตรียมตั๋วและลากสัมภาระเข้ามานั่งรอในสนามบิน เถาเถาก็เริ่มหยิบเอาตารางงานที่จะไปฝรั่งเศสขึ้นมาดู

ครั้งนี้คนทั้งสองคนของสำนักข่าวหลงสิง จะต้องไปอยู่ที่ฝรั่งเศสเกือบครึ่งเดือน หล่อนจึงได้จัดตารางในแต่ละวันออกมาอย่างชัดเจน

“ได้ยินมาว่าในงานครั้งนี้จะมีผู้กำกับที่มีชื่อเสียงหลายคนลงชิงรางวัลกันด้วย ฉันได้ลองหาหนังที่ใกล้จะมีการเช้าฉายเอาไว้แล้วค่ะ” หล่อนหยิบตารางขึ้นมา แล้ววางเอาไว้ตรงหน้าซูหมิ่น

“พี่ซูคะ ถึงตอนนั้นแล้วพวกเราดูวันละห้าเรื่องกันเถอะค่ะ”

หล่อนมีหนังหลายเรื่องที่อยากจะดู หามาเอาไว้ตั้งหลากหลายประเทศ ซูหมิ่นหันไปมองตารางที่หล่อนวงเอาไว้ แวบเดียวก็มองเห็นชื่อเรื่อง ‘Evil’ ที่ถูกเขียนเอาไว้เป็นอันดับแรกแล้ว

เจียงเซ่อคือไอดอลคนเดียวที่เถาเถาชอบ และการที่หนังเรื่อง ‘Evil’ จะมีการลงชิงรางวัลก็ถือว่าเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมหล่อนถึงอยากไปเทศกาลหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศสขนาดนั้น ดังนั้นหนังเรื่องนี้หล่อนจึงเอาไว้เป็นอันดับแรกๆ ด้วย

แต่ว่าตั้งแต่ที่เริ่มมีการถ่ายทำหนังเรื่องนี้มา จ้าวร่างก็ได้เก็บข้อมูลเอาไว้เป็นความลับมาโดยตลอด จนมาถึงวันนี้ บนแอคเคาน์ส่วนตัวของจ้าวร่างก็มีลงแค่ภาพโปสเตอร์สีอึมครึมออกมาเท่านั้น บนภาพนั้นไม่แม้แต่ใบหน้าของนักแสดงนำทั้งสองคนทำเอาเป็นที่สนใจของเหล่าคนดูไม่น้อยเลย

หัวหน้าของสำนักข่าวหลงสิงเองก็ได้กำชับทั้งสองคนที่จะไปทำงานที่ฝรั่งเศสในครั้งนี้เอาไว้ว่า จะต้องจับตาดูเรื่อง ‘Evil’ เอาไว้ให้ดี

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือยังต้องให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าหน้าผมของเหล่าดาราที่จะเดินเข้างานในครั้งนี้ด้วย

“บางทีถึงตอนนั้นแล้วเธอก็อาจจะไม่มีเวลาดูมันเลยก็ได้นะ” ในทุกๆ วันจะมีดารามากมายที่ต้องเดินพรมแดง และนั่นมันก็มากพอที่จะทำให้เหล่าชาวเน็ตอิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว หลายปีที่ผ่านมานี้ หนังของหัวเซี่ยที่ได้รับรางวัลก็มีน้อยลง เหล่าคนดูในประเทศส่วนมากก็ให้ความสนใจกับแค่ดาราคนไหนที่ได้ไปเข้าร่วมงานก็เท่านั้น แต่แค่นั้นก็ถือว่าได้มีหน้ามีตาแล้ว

เมื่อเทียบกับที่จะมีการออกฉายในฝรั่งเศสแล้ว จะมีคนเข้าไปดูหรือไม่ กลับไม่มีคนสนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่แล้ว

สิ่งที่ทุกคนอยากจะเห็น ก็คือภาพที่ดาราของประเทศตัวเองไปเดินพรมแดงเสียมากกว่า อย่างเช่นการแต่งหน้าทำผมของเหล่าดาราสาวๆ ทั้งหลาย ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ