webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

442

บทที่ 442 ช่วงชิง

เจิ้งซื่อหรงเริ่มที่จะเข้าใจความหมายของเจียงเซ่อแล้ว ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

ถ้าหากว่าหลานคนโตของตระกูลเผยคนนี้ได้แหวนแต่งงานมาเพราะได้การสนับสนุนของกังหัว ในอนาคตทางกังหัวจะได้ผลประโยชน์มากแค่ไหนนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย

ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้แล้วละก็ สวีโจวจี้เองก็คงเสียดายเหมือนกันที่จะต้องเอาเพชรเม็ดงามกว่าสิบกะรัตมาแบ่งออกเป็นสองเม็ดแบบนี้ แถมยังต้องทนกัดฟันที่จะต้องเอาแหวนราคาไม่ธรรมดาคู่นี้มาให้เป็นของขวัญแต่งงานแก่เจียงเซ่อ

เจิ้งซื่อหรงตีอกรับประกันได้เลย ว่าถ้าดาราได้รับของขวัญแบบนี้ละก็ จะต้องยินดีปรีดามากแน่ๆ

และแม้แต่ตัวเขาเองก็ได้พูดเสนอไปแล้วว้าสามาระต่อรองเรื่องค่าตัวพรีเซนเตอร์ได้ เพื่อเปิดช่องให้เธอได้พูดมันออกมา

แต่เธอกลับไม่ได้เห็นแก่ผลประโยชน์เลยแม้แต่น้อย แถมยังปฏิเสธที่จะรับของขวัญชิ้นใหญ่นี้อีก ยังไม่พอเธอยังใจกว้างบอกว่าลดค่าตัวของตัวเองลงอีกต่างหาก

ทางกังหัวมีความกังวลเกี่ยวกับการต่อสัญญาของเจียงเซ่อมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เรื่องกลับดำเนินไปอย่างง่ายดาย และของที่จะให้เป็นของขวัญก็กลายเป็นของที่เจียงเซ่อต้องการจะซื้อเสียเอง

เจิ้งซื่อหรงไม่รู้ว่าควรปลงที่นิสัยของเจียงเซ่อไม่เหมือนคนทั่วไป หรือว่าควรจะดีใจที่ครั้งนี้กังหัวไม่ต้องยอมขูดเลือดขูดเนื้อเพื่อแลกกับกระดาษสัญญาใบหนึ่งมาอย่างที่สวีโจวจี้คาดคิดเอาไว้ดี

“คุณเจียง…” แววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนจ้องมองเจียงเซ่ออยู่ครู่ใหญ่ เธอยังคงก้มมองดูแหวนที่อยู่บนนิ้วนางของตัวเองอยู่ แววตาของเธอนั้นดูอบอุ่นไม่น้อย บางทีอาจจะกำลังนึกถึงคนรักที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันตอนนี้ก็ได้

“ผมเชื่อว่าคุณสวีนั้นมีความคิดที่ก้าวไกลมาก ทางกังหัวได้คุณมาเป็นพรีเซนเตอร์แบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ นะครับ”

หลังจากตกลงว่าจะทำการต่อสัญญากับทางกังหัวเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเซี่ยเชาฉวินต่อ

ตอนที่เจียงเซ่อกลับมาถึงที่โรงแรม เซี่ยเชาฉวินก็พูดเรื่องนี้กับเธอขึ้นมา

“พี่เชาฉวินคะ ค่าตัวครั้งนี้ในจะต้องมีส่วนที่ทางบริษัทจะต้องหักออกไป พี่ก็หักจากบัญชีของฉันได้เลยนะคะ”

ครั้งนี้เธอเอาแต่ใจตัวเองมากๆ และมากกว่าเซี่ยเชาฉวินเสียอีก ถึงกับพูดเรื่องค่าตอบแทนทั้งหมดกับเจิ้งซื่อหรงเองแบบนี้

แววตาของเซี่ยเชาฉวินเป็นประกายขึ้นมา หล่อนเลื่อนแว่นกันแดดบนสันจมูกขึ้น และถามออกไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“เรื่องของเธอกับคุณเผย กำหนดเอาไว้แล้วอย่างนั้นหรือ?”

ความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเซ่อและเผยอี้ดีไม่น้อย ทั้งสองคนคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว ที่จริงเรื่องนี้เซี่ยเชาฉวินเองก็ได้ยินมาจากปากของโม่อานฉีตั้งหลายครั้งแล้ว

แต่ตัวหล่อนเองนั่นแหละที่ไม่ได้ชอบที่จะไปถามเรื่องส่วนตัวเจียงเซ่อ บวกกับที่เจียงเซ่อเองก็เป็นเด็กที่เชื่อฟังดี พอเซ็นสัญญาเป็นดาราภายใต้การดูแลของหล่อนแล้ว ความรู้สึกก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปด้วย และไม่เคยก่อเรื่องอะไรให้หล่อนต้องลำบากใจเลยสักครั้ง

หล่อนให้ความไว้วางใจในชีวิตส่วนตัวของเธอมาโดยตลอด วันนี้ก็เพิ่งจะได้ยินจากปากของเจียงเซ่อเองถึงความเป็นไปของความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอและเผยอี้ พอหล่อนถามขึ้นมาแบบนี้แล้ว เจียงเซ่อก็ยืนยันกลับมา

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเจียงเซ่อมันมั่นคงมาตั้งนานแล้ว แต่ที่เธอเอาแต่ลังเลมาโดยตลอด ก็เพราะเธออยากจะให้เฝิงจงเหลียงได้รับรู้ถึงชีวิตในอนาคตของตัวเธอเท่านั้นเอง

ตอนนี้เฝิงจงเหลียงจำได้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร จะยืดเยื้อต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก เธอพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา มุมปากของเซี่ยเชาฉวินเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

“ถ้าเป็นแบบนั้น เซ่อเซ่อ การที่จะได้เป็นพรีเซนเตอร์ของ Federer ก็ง่ายขึ้นแล้วล่ะ”

ก่อนหน้านี้เรื่องที่เจียงเซ่อจะได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer หรือไม่นั้นก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ที่จริงเจียงเซ่อเองก็ไม่ได้แย่อะไรเลย แต่แค่ยังไม่ใช่ที่ดีที่สุดก็เท่านั้น

เซี่ยเชาฉวินเองก็ได้ลองพิจารณาดูถึงเหตุผลว่าทำไมทาง Federer ยังไม่มีการติดต่อมาเสียที เธอเคยชินกับการที่จะต้องรู้ถึงเหตุผลทุกๆ อย่าง เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้เกิดเป็นข้อผิดพลาดของครั้งต่อไปอีก

การตัดสินใจของเซี่ยเชาฉวิน วันนั้นที่เจียงเซ่อได้ไปพบกับผู้บริหารชั้นสูงของ Federer ปัญหาที่ได้มีการหยิบยกขึ้นมาพูดนั้นถือว่าเป็นปัญหาที่ทางแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer กำลังให้ความสำคัญอยู่ไม่น้อย ยอดขายนาฬิกาข้อมือ Federer ในหัวเซี่ยนั้นไม่ได้สูงเลย นาฬิกาชนิดนี้นั้นส่วนมากนั้นจะมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นเศรษฐีของยุโรปอเมริกาเสียมากกว่า

ที่ผ่านมา พรีเซนเตอร์ของนาฬิกาข้อมือ Federer นั้นล้วนแล้วเป็นดาราของยุโรปอเมริกาที่มีความเพอร์เฟคมากอยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่เจียงเซ่อได้พูดไป ดาราและเหล่าผู้มีชื่อเสียงเหล่านั้น สำหรับคนหัวเซี่ยแล้ว ยังถือว่าดูไกลตัวเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ใช่เป็นที่นิยมอีกด้วย และนี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญว่าทำไมยอดขายในหัวเซี่ยถึงน้อย

แต่ถ้าหากว่าทางนาฬิกาข้อมือ Federer มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และหันมาให้พรีเซนเตอร์ของนาฬิกาข้อมือ Federer มีใบหน้าของชาวหัวเซี่ยมากขึ้นละก็ ก็อาจจะได้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น แต่ว่าตำแหน่งนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเจียงเซ่อ

กับกังหัวที่ต้องการที่จะเข้าสู่การเป็นหนึ่งของแบรนด์เครื่องประดับของโลก แต่ทางกังหัวก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องรีบร้อนอะไรขนาดนั้น ส่วน Federer นั้นไม่เป็นสองรองใครในเวทีโลกอยู่แล้ว

เพราะว่ามีตัวเลือกมากขึ้น Federer ก็ยิ่งได้เปรียบ

ก็อย่างที่เจียงเซ่อพูดเอาไว้ ในหัวเซี่ยยุคของเธอเพิ่งจะเริ่มขึ้น แต่ Federer เองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกหัวเซี่ย และหาดารามาเป็นกำลังเสริมด้วย อย่างเช่นหลิวเย่ หรืออย่างเถาเฉิน

“กับที่เธอได้เจอกับเจิ้งซื่อหรงไป เดี๋ยวทางบริษัทก็คงจะส่งข่าวมาให้เธอเอง” เซี่ยเชาฉวินขมวดคิ้ว นี่ถือว่าเป็นข่าวส่วนตัวของเธอ “ผู้จัดการของเถาเฉินได้มีการติดต่อไปที่คนของทาง Federer ไปเมื่อคืน ดูเหมือนว่าก็อยากจะได้โอกาสนี้เหมือนกัน”

เถาเฉินเองก็จะต้องเข้าร่วมงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศส และตัวหล่อนเองก็มีผลงานหนังที่จะเข้าชิงรางวัลด้วย ครั้งนี้ซื่อจี้หยินเหอจะต้องจัดสรรออกเป็นสองส่วน อย่างแรกคือจะต้องทำให้เจียงเซ่อได้รับรางวัลในงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ และอีกอย่างคือจะต้องผลักดันส่งเสริมเถาเฉินให้สูงขึ้นไปอีก

“เธอรู้ใช่ไหม หล่อนเข้าวงการมานานกว่าเธอ ผลงานก็มากมาย ชื่อเสียงก็ล้นเหลือ”

ถ้าหากว่าเถาเฉินต้องการที่จะแย่งชิงการเป็นพรีเซนเตอร์กับ Federer กับเธอ หล่อนก็มีโอกาสที่จะถูกเลือกสูงกว่าเธอมาก

ตั้งแต่ที่เถาเฉินเข้าวงการมา ชื่อเสียงของหล่อนก็มาในทางที่ดีมาโดยตลอด เมื่อลองเทียบกับเจียงเซ่อแล้ว นอกจากก่อนหน้านี้ที่มีเซี่ยเชาฉวินเป็นผู้จัดการส่วนตัวเหมือนกัน หล่อนยังมีข้อได้เปรียบกว่าอีกมาก

“หล่อนเคยร่วมงานกับเชี่ยซ่าเหลย และเพิ่งจะถ่ายหนังเรื่อง ‘The Lost City’ ไป และนั่นก็แน่นอนอยู่แล้วว่าชื่อเสียงของหล่อนในยุโรปอเมริกาจะต้องมีมากขึ้น ในสายตาของพวกสื่อนอก หล่อนไม่ใช่แค่ดาราหัวเซี่ยคนหนึ่งแล้ว”

ไม่ว่าโอกาสนั้นเถาเฉินจะได้มันมาอย่างไร ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ดีกันอยู่แก่ใจโดยที่ไม่ต้องพูด แต่ในเมื่อประสบความสำเร็จก็คือประสบความสำเร็จ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปพูดถึงอีก

“แต่ว่าถ้าหากว่าเธอจะมีการแต่งงานกับคุณเผยจริงๆ งานพรีเซนเตอร์ชิ้นนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย”

ในเมื่อเซี่ยเชาฉวินพูดออกมาแบบนั้น หลังจากนี้ก็คงจะต้องมีการติดต่อมาจากบริษัท Federer แน่ๆ เซี่ยเชาฉวินยุ่งหัวหมุนอยู่หลายวัน และความพยายามของหล่อนก็ไม่ได้เสียเปล่า ประมาณเกือบจะเดือนมีนาคม เวลาของเทศกาลหนังภาพยนตร์ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ไม่สามารถที่จะยืดเยื้อเวลาได้อีกต่อไป ในขณะที่เจียงเซ่อกำลังเตรียมตัวเดินทางออกจากปารีส เพื่อที่จะไปงานหนังภาพยนตร์ที่จัดขึ้นในอีกเมือง ทาง Federer ก็ได้ติดต่อมาหา และบอกว่ายินดีที่จะเซ็นสัญญากับเธอแล้ว

บริษัท Federer ตัดสินใจที่จะให้เจียงเซ่อเป็นพรีเซนเตอร์ภายใต้แบรนด์การร่วมมือของ Federer และ Steinway ในหัวเซี่ย เพื่อออกคอลเลคชั่นนาฬิกาข้อมือรุ่น prince ออกมา เพราะว่าคอลเลคชั่นนี้จะเป็นแบบลิมิเต็ดซึ่งมีจำนวนจำกัด ดังนั้นถึงแม้ว่าจะได้เซ็นสัญญาแค่หนึ่งปี แต่สำหรับเจียงเซ่อแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีสุดๆ!

ถึงแม้ว่าในอนาคตจะต้องมีวันหมดสัญญากับทาง Federer แต่ชื่อของเธอก็จะติดอยู่กับ Federer ตลอดไป

ที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่เจียงเซ่อได้รับการยืนยันแล้วว่าได้เป็นพรีเซนเตอร์ของ Federer ก็ถือว่าเป็นการรับประกันแล้วว่าเธอจะได้เป็นที่รู้จักและยอมรับจากแบรนด์หรูหราไฮเอนด์นี้ ในอนาคตเธอจะได้รับงานแบรนด์อื่นได้ง่ายขึ้น และจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่นด้วย

เธอได้ก้าวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุดมาแล้ว ตอนที่ข่าวส่งมาถึงที่โรงแรม โม่อานฉีถึงกับกรี๊ดออกมา และหัวเราะดีใจกอดเจียงเซ่อเสียยกใหญ่