webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

440

บทที่ 440 ของฉัน

เจียงเซ่อ เซี่ยเชาฉวินและคนอื่นๆ พากันออกมาจากบริษัท และก็ได้บังเอิญเจอกับกลุ่มผู้บริหารชั้นสูงของ Federer ที่นั่งสัมภาษณ์เมื่อครู่นี้พอดี

ตอนนี้เธอได้สวมชุดคลุมขนแกะสีเหลืองเข้มที่ถูกออกแบบและตัดแต่งออกมาเป็นทรงทิ้งตัว เมื่อลองพิจารณาดูแล้วก็รู้เลยว่าตัวเธอเองก็ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองดูธรรมดาเกินไป

สีสันที่สวยสดแบบนี้ ทำให้เธอยิ่งกลายเป็นจุดโดดเด่นท่ามกลางชุดทำงานของพนักงานทั้งหลายที่อยู่ในบริษัท Federer อีกทั้งยังดูเหมาะสมกับเธอมากกว่าลุคของเธอในตอนที่เข้าไปในห้องรับรองเสียอีก

เสื้อผ้าสีดำและสีเหลืองพอใส่คู่กันแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะทำให้นึกถึงผึ้ง งดงามแต่เต็มไปด้วยอันตราย แต่เธอสามารถทำให้สีทั้งสองสีนี้ดูน่ามองขึ้นได้ไม่น้อย และสามารถดึงดูดสายตาของทุกคนให้หันไปมองที่เธอได้อย่างง่ายดาย

จากบริษัท Federer จนมาถึงที่โรงแรม หลังจากนั้นสามวันเจียงเซ่อก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากบริษัท Federer เลย และทีมงานของซื่อจี้หยินเหอที่มาอยู่พร้อมกับเจียงเซ่อเองก็เริ่มที่จะหมดหวังกันแล้ว

เพื่อการเซ็นสัญญาในครั้งนี้ ทำให้ทุกคนต่างก็พากันทุ่มแรงกายแรงใจไปไม่น้อย ถ้าหากว่าต้องผิดหวังละก็ มันก็ช่วยไม่ได้ถ้าหากทุกคนจะรู้สึกถึงความพ่ายแพ้

แต่เจียงเซ่อเองก็ยังไม่ยอมแพ้กับบริษัท Federer ง่ายๆ เธอรู้ว่ากับแบรนด์แบบนี้ การที่จะได้ความประทับใจจากพวกเขามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการที่จะให้เป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์เลยด้วย

ถ้าอยากจะเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ Federer นอกจากที่เธอจะต้องมีการไปสัมภาษณ์ต่อหน้าผู้บริหารชั้นสูงถึงบริษัท Federer และทำให้พวกเขาเกิดความประทับใจแล้ว ในขณะเดียวกันก็ยังต้องพิสูจน์ศักยภาพของตัวเองที่เคยพูดเอาไว้ด้วย

เพราะว่าหลังจากที่มาถึงที่ฝรั่งเศสแล้ว เธอเองก็ใช่ว่าจะได้พัก เซี่ยเชาฉวินยังได้มีการเตรียมงานถ่ายแบบนิตยสารเอาไว้ให้เธอด้วย อีกทั้งยังได้มีการนัดไปดูแฟชั่นวอร์คกับทางบรรณาธิการใหญ่ของนิตยสาร ‘Vogue’ ของฝรั่งเศส แถมยังได้รับเชิญให้ไปดูงานเดินแบบครั้งนี้จากแบรนด์ๆ หนึ่งด้วย และจากนั้นก็ยังได้รับเชิญไปในงานเลี้ยงอีกหลายงาน งานที่ได้มาในตอนนี้นั้นมีเยอะกว่าการออกนอกประเทศครั้งก่อนเสียอีก

ในช่วงนี้ ทางเซี่ยเชาฉวินยังคงมีการติดต่อไปหาทางบริษัท Federer อยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจมาเลยสักครั้ง

ใบหน้ารูปโฉมของเจียงเซ่อสำหรับคนของบริษัท Federer แล้ว ยังไงมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอันดับแรกๆ

ผ่านไปครึ่งเดือน เซี่ยเชาฉวินก็พูดกับเจียงเซ่อว่า

“การเป็นพรีเซนเตอร์ครั้งนี้ดูท่าว่าจะยากแล้วล่ะ”

บริษัท Federer ขาดการติดต่อไปนานขนาดนี้ ถ้าดูจากรูปร่างหน้าตาที่พวกเขาชื่นชอบกันจริงๆ จากรูปทรงเค้าโครงหน้าตาของดาราชาวยุโรปอเมริกาที่มีความชัดเจนกว่าแล้ว ความหวังของเจียงเซ่อก็ดูจะลดน้อยลงไปทุกที

“บ่ายวันนี้ แคทริน่า แอกเคอร์แมน ที่ได้ชื่อว่าเป็นดอกกุหลาบแห่งอังกฤษไปที่บริษัท Federer ด้วย ถ้าเทียบกับเธอแล้ว จุดเด่นของหล่อนถือว่ามีเยอะกว่ามากทีเดียว”

พอเซี่ยเชาฉวินพูดออกมาแบบนั้น แววตาของหล่อนก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อน

แคทริน่าที่หล่อนพูดถึงนั้นมีชื่อเสียงมากในยุโรปอเมริกา หล่อนเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยของประเทศอังกฤษ มีบุคลิกที่สง่างามไม่น้อย หล่อนถูกดึงตัวมาโดยผู้กำกับสัญชาติอังกฤษอย่างเบนจมิน หล่อนประสบความสำเร็จจากบทบาทลูกสาวของครอบครัวมหาเศรษฐีในเรื่อง ‘The end of the light' เคยได้ร่วมงานกับดาราชายที่มีชื่อเสียงของอังกฤษอย่างจอร์ช และโด่งดังขึ้นมาเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นในระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี งานของหล่อนก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ มีชื่อเสียงที่สูงและมั่นคงในประเทศอังกฤษ เลยทำให้เธอถูกสื่อของประเทศอังกฤษเรียกเธอว่าเป็นดอกกุหลาบแห่งอังกฤษ เธอมีดวงตาที่สวยหยาดเยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงจากบทบาทคาแรคเตอร์หรือจากบุคลิกส่วนตัวของหล่อน ก็ไม่มีจุดไหนเลยที่ด้อยไปกว่าเจียงเซ่อ กระทั่งเป้าหมายและผลงานความสำเร็จที่ผ่านมา หล่อนก็ยังไปได้ไกลกว่าเจียงเซ่ออีกด้วย

แต่ท่าทางเหนื่อยอ่อนของเซี่ยเชาฉวินมันก็หลุดออกมาให้เห็นได้แค่แวบเดียว ก่อนที่หล่อนจะปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มพูดถึงตารางงานต่อไปกับเจียงเซ่อ

“ถึงบริษัท Federer จะยังไม่คิดที่จะพิจารณาเราในตอนนี้ แต่อย่างน้อยเราก็ต้องมีการนัดเจอกับ แบรนด์อื่นเอาไว้ก่อน”

ตอนนั้นที่แบรนด์กางเกงยีนส์ Adeele เซ็นสัญญาให้เจียงเซ่อไปเป็นพรีเซนเตอร์ ตามจากชื่อเสียงและฐานะของเจียงเซ่อที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ และประสบความสำเร็จในการนำสินค้าออกขายแล้ว ที่จริงแล้วก็มีหลายๆ แบรนด์ที่กำลังต้องการและเต็มใจที่จะสนับสนุนเจียงเซ่อ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเจียงเซ่อนั้นมองไกลมาถึงแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer ที่เป็นแบรนด์หรูหราไฮเอนด์แบบนี้ละก็ แบรนด์สินค้าอื่นๆ ทั่วไปก็พร้อมที่จะร่วมงานกับเธอทั้งนั้น

“บ่ายของมะรืนนี้ฉันได้นัดจิบน้ำชายามบ่ายกับเจิ้งซื่อหรงเอาไว้ให้เธอแล้ว”

เซี่ยเชาฉวินพูดแผนตารางงานออกมาแบบนั้น โม่อานฉีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“ถ้าคุณเจิ้งของกังหัวรู้ว่าในที่สุดคุณเซี่ยก็นัดให้เขาได้เจอกับเซ่อเซ่อแล้ว เขาคงจะรู้สึกขอบคุณคุณไม่น้อยเลยนะคะเนี่ย”

สำหรับสัญญาต่อเจียงเซ่อของแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer นั้นยังคงดูหวังสูงไปหน่อย แต่สำหรับ Gang Hua Jewelry นั้นตั้งใจและอยากจะต่อสัญญากับเจียงเซ่อไปอีกหลายปีตั้งนานแล้ว

คนของกังหัวก็ไม่ได้โง่ ตอนนี้ยุคสมัยของเจียงเซ่อในหัวเซี่ยกำลังมาถึงแล้ว หนังของเธอที่ยังไม่ได้เข้าฉายก็เหมือนว่าเริ่มที่จะเพิ่มเลเวลขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ได้มีการร่วมงานกับจางจิ้งอานแล้ว มันก็จะส่งผลกับเธอต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน แม้ว่าในหนังที่เธอแสดงจะไม่ได้รับบทที่โดดเด่น หรือแม้ว่าการพัฒนาของเธอจะยังอยู่ในระดับเดิมก็ตาม แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ฐานะของเธอพุ่งสูงขึ้นแล้ว

และอย่างไรเสียก็ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเจียงเซ่อและเผยอี้อีกด้วย ทั้งสองคนตัดสินใจว่าจะแต่งงานกันแล้ว คนอื่นไม่รู้ แต่กังหัวเองเป็นถึงคนที่เผยอี้มาเลือกจะมาทำแหวนเองด้วย เรื่องแบบนี้จึงรู้แก่ใจดีอยู่แล้ว

ถ้าหากว่าในอนาคตทั้งสองคนแต่งงานกันจริงๆ ข่าวนี้จะต้องยิ่งใหญ่ไปไม่แพ้กับข่าวการแต่งงานของเหล่าราชสกุลแน่ๆ และสำหรับแบรนด์ Gang Hua Jewelry นั้น ก็ถือว่าเป็นอีกขั้นของการพัฒนาที่สำคัญเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าสวีโจวจี้ไม่มีทางทิ้งโอกาสแบบนี้ไปง่ายๆ แน่

ที่จริงตัวเขาเองก็เคยติดต่อไปทางเซี่ยเชาฉวินอยู่หลายครั้งเพื่อที่จะคุยถึงเรื่องการต่อสัญญา แต่ทว่ากลับโดนเซี่ยเชาฉวินเลื่อนเวลาไปเรื่อยๆ เสียอย่างนั้น

จนถึงขั้นที่สวีโจวจี้ใช้วิธีติดต่อไปหาเซี่ยตงเหอเพื่อที่จะคว้าโอกาสนี้มาให้ได้ก็ทำมาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถสู้กับเล่ห์เหลี่ยมของหลานสาวคนนี้ได้เลย

เรื่องจึงถูกเลื่อนมาเรื่อยๆ ครั้งนี้เจียงเซ่อต้องเดินทางมาที่ฝรั่งเศส และทางกังหัวก็ได้ส่งลูกเขยคนโตมาที่ฝรั่งเศสแทน เพื่อที่จะมาคุยเรื่องการต่อสัญญากับเจียงเซ่อ

แต่ในครั้งนี้สวีโจวจี้นั้นไม่มีอะไรที่จะไปต่อรองกับเซี่ยเชาฉวินได้ เพราะแม้กระทั่งเจิ้งซื่อหรงเองที่เป็นมีความเป็นผู้นำสูงเข้าขั้นเผด็จการก็ยังไม่สามารถหาข้อเสนอดีๆ ให้กับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ได้เลย เขาไปถึงที่ฝรั่งเศสเกือบจะหนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว มีการขอนัดเจอเจียงเซ่อไปตั้งหลายครั้งหลายครา แต่ก็โดนเซี่ยเชาฉวินตัดการติดต่อไม่ก็เลื่อนเวลาออกไปทุกที

งานเทศกาลหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศสก็ใกล้เข้ามาทุกที ช่วงนี้เขาเองก็เริ่มร้อนรนขึ้นมาไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโม่อานฉีที่เคยได้รับทั้งโทรศัพท์และของขวัญแทนเจียงเซ่อเลย เพราะแม้แต่ช่างแต่งหน้าและทีมงานของเจียงเซ่อก็ล้วนแล้วเคยได้รับของขวัญที่ตัวเขาส่งไปให้ทั้งนั้น เพื่อเป็นการให้พวกเธอช่วยพูดแทนกังหัว

“ตอนแรกฉันกะว่าจะรอให้ได้สัญญาการเป็นพรีเซนเตอร์ของ Federer เสียก่อน แล้วค่อยไปคุยเรื่องสัญญากับทางกังหัว”

เพราะถ้าหากว่าได้สัญญาจากทาง Federer มาแล้วละก็ เซี่ยเชาฉวินก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถเพิ่มข้อต่อรองและหาผลประโยชน์ให้กับเจียงเซ่อได้ในการต่อสัญญาครั้งนี้

แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการติดต่อมาจาก Federer เสียที และทางกังหัวเองก็จะเลื่อนออกไปอีกไม่ได้แล้ว

การกีดกันของเซี่ยเชาฉวินทำให้สวีโจวจี้รู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย หลายครั้งที่อุตส่าห์โทรข้ามประเทศเพื่อด่าว่าเธอมันเป็นพวก ‘เลือดเย็นไร้น้ำใจ’ บ้างล่ะ ‘ผู้หญิงโหดเหี้ยม’ จนไปถึง ‘ไม่สนใจญาติพี่น้อง’ และอื่นๆ อีกมากมายที่เขาพอจะพูดออกจากปากมาได้ หรือแม้แต่กระทั่งคุณนายเซี่ยเองก็ยังต้องโทรมาถามเธอเสียหลายครั้ง ว่าทำไปถึงได้ทำให้ลุงโกรธขนาดนั้น โกรธจนจะถึงขึ้นตัดญาติขาดมิตรกันอยู่แล้ว

แต่ก็อย่างที่เซี่ยเชาฉวินพูดไปในตอนแรก พูดถึงเรื่องธุรกิจก็อยู่แค่ในเรื่องของธุรกิจ วันนี้มันไม่ได้เป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนั้นที่เจียงเซ่อเซ็นสัญญากับกังหัว สวีโจวจี้ยังทำให้มันดูเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากได้ เซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์มาสามปีได้รายได้มาทั้งหมดแค่สี่ล้านแปดแสน นี่ยังไม่หักภาษีไปเลยด้วยซ้ำ ตัวเลขแบบนี้ถือว่าต่ำมากแล้ว

ถึงแม้จะบอกว่าตอนนั้นชื่อเสียงของเจียงเซ่อยังไม่ได้โด่งดังถึงขนาดนี้ แต่ว่ายังไงเธอก็เป็นเป็นดาราที่ถูกดูแลโดยเซี่ยเชาฉวิน ราคาที่สวีโจวจี้เสนอมาในตอนนั้นมันน้อยเกินไปแล้ว