webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

437

บทที่ 437 พบหน้า

“ใช่ค่ะ” เจียงเซ่อพยักหน้า หลังจากที่ถ่ายหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ แล้ว เธอก็ได้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะยังไม่กลับตี้ตูก่อน สินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer กำลังจะออกวางจำหน่ายแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้เซี่ยเชาฉวินเองก็ได้อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอและคุณนาย Federer ในการคว้าโอกาสในการเข้าสัมภาษณ์ที่บริษัท Federer ที่อยู่ในฝรั่งเศสแทนเธอด้วย และกำลังพยายามอย่างมากที่จะเธอได้ร่วมงานกับแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer นี่

ในขณะเดียวกันสัญญาระหว่าง Gang Hua Jewelry เองก็ใกล้จะถึงกำหนดแล้ว ทางกังหัวกรุ๊ปเองก็อยากจะต่อสัญญาด้วยเหมือนกัน และได้ติดต่อมาทางเซี่ยเชาฉวินเรียบร้อยแล้วด้วย แต่แค่เมื่อครึ่งปีที่แล้วนั้น เธอไม่สามารถปลีกตัวออกมาก็เท่านั้นเอง

เซี่ยเชาฉวินยังได้ช่วยหางานถ่ายแบบนิตยสารของฝรั่งเศสให้เธออีกด้วย ที่สำคัญก็คือ งานเทศกาลหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศสกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว หนังเรื่อง ‘Evil’ ที่เธอได้แสดงกับหลิวเย่ หลังจากที่ผ่านการตัดต่อมาหนึ่งปีกว่าแล้ว ในที่สุดหนังเรื่องนี้ก็ได้เข้าสู่การแข่งขันและได้ออกฉายในเวลาเดียวกันแล้ว

เวลาที่เหลือหลังจากนั้นเจียงเซ่อจะต้องยุ่งมากว่าเดิม ยุ่งจนอาจจะไม่มีเวลาได้กลับมาที่ตี้ตูอีกเลยก็ได้

เซี่ยเชาฉวินแนะนำให้เจียงเซ่ออยู่ที่เซี่ยงไฮ้ต่ออีกหน่อย พักผ่อนเยอะๆ และดูแลร่างกาย แล้วค่อยบินไปฝรั่งเศส เป็นงานลงทุนที่ค่อนข้างเร่งรีบไม่น้อยเลย

“เดี๋ยวหลังจากนี้นอกจากจะมีงานที่ฝรั่งเศสแล้ว ในขณะเดียวกันก็ต้องเข้าร่วมงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ด้วยค่ะ”

งานเทศกาลหนังภาพยนตร์ของฝรั่งเศสในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจางจิ้งอานจะไม่ได้มีผลงานอะไรไปร่วมชิง แต่เพราะว่าด้วยตัวเขาเองก็มีชื่อเสียงระดับนานาชาติอยู่แล้ว ยังไงเขาก็ต้องได้รับเชิญไปในงานนี้อยู่ดี

ช่วงเวลาที่เจียงเซ่อได้ถ่ายหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ หลังจากที่ได้คุ้นเคยกับเหล่าทีมงานแล้ว ก็ยังเคยได้ยินสิ่งที่เหล่าทีมงานพูดกันอีกด้วยว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องงาน งานเทศกาลหนังภาพยนตร์ในครั้งนี้ จางจิ้งอานก็มีสิทธิ์ที่จะถูกรับเชิญไปในฐานะกรรมการอีกด้วย

“ยินดีด้วยนะ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยเหลือ ก็ไม่ต้องเกรงใจ บอกมาได้เลย” จางจิ้งอานกอดเธอ “ฉันมั่นใจว่าหนังเรื่อง ‘Evil’ จะต้องเป็นหนังที่โดดเด่นมากแน่ๆ เซ่อเซ่อ การแสดงของเธอมันมีแรงดึงดูดมากจริงๆ นะ”

ได้รับคำชื่นชมจากจางจิ้งอานแบบนี้แล้ว เจียงเซ่อก็รู้สึกดีใจไม่น้อย ตอนที่ผู้กำกับใหญ่คนนี้ทำงานก็ดูเคร่งขรึมและจริงจังไม่น้อย แต่ทว่าถ้าอยู่นอกเวลางานก็ดูปกป้องเธออยู่ไม่น้อยเลย

ในเมื่อเขายอมรับฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อในหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ แล้ว และเขาก็รู้สึกได้เลยว่าเจียงเซ่อจะต้องแสดงเรื่อง ‘Evil’ ออกมาได้ดีไม่แพ้กัน “ถ้าหากว่าครั้งนี้ฉันได้เป็นกรรมการในงานเทศกาลหนังภาพยนตร์ที่ฝรั่งเศส ฉันก็คงจะต้องโหวตให้เธอแน่นอน”

เจียงเซ่อเองก็ยิ้มแย้มขึ้น

“เชื่อฉันเถอะค่ะ ถ้าหากว่าปีนี้หนังของคุณได้เข้าชิงในงาน กรรมการหลายๆ คน ก็คงจะพูดเหมือนที่คุณพูดตอนนี้แน่ๆ”

เพราะบางทีแค่ชื่อของจางจิ้งอานก็เหมือนเป็นการรับรองหนังที่ดีที่สุดอยู่แล้ว

คำยกยอของเจียงเซ่อทำให้จางจิ้งอานหัวเราะออกมาอย่างขำขัน เขาพูดคุยกับเจียงเซ่ออีกนิดหน่อย จนกระทั่งโดนผู้ช่วยเรียกถึงจะไป

หลังจากที่จางจิ้งอานไปแล้ว โม่อานฉีถึงค่อยเดินเข้าไปหาเธอ และอธิบายบอกถึงตารางงานของเธอภายในสองวันนี้

ในเมื่อทางซื่อจี้หยินเหอรู้แล้วว่าเจียงเซ่อจะต้องไปเข้าร่วมงานหนังภาพยนตร์ที่ฝรั่งเศส แน่นอนว่าทางบริษัทก็จะต้องรู้ว่างานหนังในครั้งนี้มันมีความสำคัญมากขนาดไหน เมื่อครึ่งปีก่อนหน้านี้จึงได้ทำการจองโรงแรมที่พักและตั๋วเครื่องบินของฝรั่งเศสเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ตัววีซ่าก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เซี่ยเชาฉวินติดต่อกับทางบริษัทไปแล้วเมื่อวาน คนของทางบริษัทก็ได้ส่งข้อมูลต่างๆ ของเจียงเซ่อมายังที่เซี่ยงไฮ้เรียบร้อย และรอแค่วันที่เธอจะเดินทางไปเท่านั้น

ถ้าหากว่าเจียงเซ่อสามารถเฉิดฉายและโดดเด่นได้ด้วยเพราะเป็นนักแสดงตัวหลักของหนังเรื่อง ‘Evil’ ประโยชน์มากมายที่จะส่งผลต่อการพัฒนาต่อเจียงเซ่อในอนาคตก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะตอนนี้ทางบริษัทก็ได้เตรียมอะไรหลายๆ อย่างไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว

เมื่อปีที่แล้วก็ได้มีการออกรายชื่อแขกผู้ทรงคุณวุฒิที่จะต้องเดินทางไปฝรั่งเศสเรียบร้อยแล้ว ได้ยินมาว่ารายชื่อของกรรมการในงานหนังภาพยนตร์ในครั้งนี้ มีกรรมการที่จะโหวตคะแนนให้กับเจียงเซ่อแน่นอนแล้ว

พอพูดถึงเรื่องพวกนี้จบ โม่อานฉีก็เอ่ยขึ้น

“เซ่อเซ่อ ดูเหมือนว่าผู้กำกับจางจะชอบเธอมากเลยนะ หนังเรื่องต่อไปคงไม่ต้องรอโอกาสแบบเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ แล้วละมั้ง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะติดต่อหาเธอเองเลยก็ได้”

ผู้กำกับใหญ่พวกนี้มีนิสัยที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่มาก ไม่น่าเข้าใกล้หรือตีสนิทเสียเท่าไหร่ ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะมีบรรทัดฐานอยู่ตลอดเวลา อยากจะได้ความเอาใจใส่จากพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

แต่เจียงเซ่อดันมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีไม่น้อย หนังทุกเรื่องที่เธอถ่ายทำ น้อยนักที่จะมีผู้กำกับคนไหนไม่พอใจกับการแสดงของเธอ ตั้งแต่จ้าวร่างเมื่อครั้งก่อน จนกระทั่งมาถึงจางจิ้งอานในตอนนี้ ทุกคนล้วนแล้วมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเจียงเซ่อทั้งนั้น

เจียงเซ่อไม่ได้คิดที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับโม่อานฉี เธอจึงเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว

วันที่จะเดินทางไปฝรั่งเศสคืออีกสามวันข้างหน้า ก่อนหน้านี้เซี่ยเชาฉวินได้ทำการจองคิวบำรุงร่างกายทำสปาอะไรให้เธอเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เธอออกมาดูดีที่สุดสำหรับการเข้าพบผู้บริหารชั้นสูงของ Federer

การเดินทางไปฝรั่งเศสในครั้งนี้ เจียงเซ่อวางแผนเอาไว้ว่าจะอยู่ที่นั่นสักครึ่งเดือน และเทศกาลงานหนังภาพยนตร์เองก็จะมาถึงภายในครึ่งเดือนนี้ด้วย

หลังจากที่เธอมาเกิดใหม่ นี่ก็เป็นครั้งที่สองที่เธอได้มาฝรั่งเศสเพราะเรื่องงาน พอเครื่องบินร่อนลงถึงพื้นแล้ว คนของทางบริษัทก็ได้จัดการจองรถมารับเจียงเซ่อเรียบร้อยแล้ว

เจียงเซ่อวางแผนว่าจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสยาวหน่อย ทำให้สัมภาระข้าวของก็เยอะพอสมควร ทั้งเซี่ยเชาฉวินและโม่อานฉีเองต่างก็ต้องพากันลากกระเป๋าที่มีถึงห้าหกใบ และของพวกนี้ก็เป็นแค่ของส่วนหนึ่งของเจียงเซ่อเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นชุดราตรีที่เธอจะต้องใส่ไปงาน ส่วนมากล้วนเตรียมพร้อมไว้แล้วทั้งนั้น สองวันก่อนหน้านี้ ก็มีทีมงานคอสตูมที่จะมาแต่งตัวให้เธอบินมาก่อนล่วงหน้าแล้ว

อาจเป็นเพราะว่างานหนังภาพยนตร์จะมีขึ้นภายในอีกหนึ่งเดือน ทำให้ที่สนามบินไม่ได้มีนักข่าวของสำนักข่าวไหนมาปะปนอยู่ด้วยสักเท่าไหร่ ตอนที่ไปถึงที่โรงแรม ก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้ว หลังจากหาข้ออ้างปลีกตัวจากโม่อานฉีที่ชวนไปเดินเล่นข้างนอกได้แล้ว เจียงเซ่อก็อาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ เซี่ยเชาฉวินนัดเจอกับผู้บริหารชั้นสูงของ Federer ให้เธอเป็นสิบโมงเช้าของวันมะรืนนี้ เธอก็ควรที่จะเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเพื่อที่จะไปพบกับพวกเขา และจะต้องคว้าโอกาสที่ไม่ได้มาง่ายๆ แบบนี้ให้ได้

เซี่ยเชาฉวินเคยพูดกับเธอเอาไว้ว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถคว้าการเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer มาได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องได้สัญญาพันธมิตรมา

เหล่าดาราที่เคยได้ร่วมงานกับแบรนด์นาฬิกาข้อมือ Federer ยังไม่เคยมีชาวเอเชียมาก่อน ถ้าหากว่าเจียงเซ่อได้มันมาละก็ จะต้องเกิดเสียงฮือฮาในวงการมากแน่ๆ และในอนาคตก็จะมีโอกาสอีกมากมายเข้ามาหาเธอเอง

ความสำคัญของการนัดพบครั้งนี้มันสำคัญเกินกว่าที่จะคาดเดาได้ เจียงเซ่อได้พักผ่อนไปวันหนึ่ง ถึงแม้ว่าเวลานัดคือสิบโมงเช้า แต่ยังไงก็ต้องออกไปก่อนเวลาอยู่ดี และที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือช่างแต่งหน้าและสไตล์ลิสต์นั่นเอง

แค่หกโมงเข้าเจียงเซ่อก็ตื่นขึ้นมาแล้ว โชคดีที่สองวันก่อนหน้านี้เธอไม่มีงานเลย จึงสามารถตื่นเช้าได้ หลังจากทานอาหารเช้าเบาๆ และถึงเวลาแต่งหน้าแล้ว เธอก็เริ่มรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกายแจ่มชัด ไม่มีรอยเส้นเลือด และนั่นก็ทำให้เซี่ยเชาฉวินพึงพอใจไม่น้อย

ตอนแรกก็คิดว่าทางบริษัท Federer คงไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากมายสำหรับการนัดเจอกันในครั้งนี้ เพราะอย่างไรถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะมีชื่อเสียงมากในประเทศ แต่ในระดับนานาชาติแบบนี้ ชื่อเสียงของเธอก็ยังอ่อนอยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะมีประวัติว่าเคยได้ร่วมงานเป็นนักแสดงในหนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ที่มีบริษัท ฮว๋านเต่า บริษัทลงทุนขนาดใหญ่เป็นคนลงทุนให้แล้ว แต่ว่าหนังเรื่องนี้ก็เพิ่งจะปิดกล้องไป เลยยังไม่ได้เห็นผลลัพธ์

ตอนแรกเจียงเซ่อก็คิดว่า ดูจากประวัติและฐานะของตัวเองแล้ว คนที่จะลงมารับเธอเข้าบริษัท Federer ก็คงจะมีแค่สองสามคนเท่านั้นกระมัง

แต่ที่ไหนกัน พอเธอไปถึงที่บริษัท Federer แล้ว หลังจากที่บอกชื่อออกไป และรอให้พนักงานสาวติดต่อไปที่ห้องเลขานุการเรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อก็ถูกเชิญขึ้นตึกไป เลขานุการหญิงที่ดูเป็นงานเป็นการก็ค่อยๆเปิดประตูห้องรับแขกออก และในห้องนั้นก็มีคนของบริษัท Federer เกือบๆ สิบคนนั่งรอเธออยู่แล้ว ดูท่าว่ากำลังจะเข้าสู่การสัมภาษณ์เธออย่างจริงๆ จังๆ ไม่ใช่แบบขอไปทีอย่างที่คิดเลยสักนิด