webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

436

บทที่ 436 ผูกมัด

เจียงเซ่อยินยอมที่จะพูดคุยถึงเรื่องนี้กับเผยอี้ แสดงให้เห็นว่าในใจลึกๆ ของเธอยอมรับเขาแล้วจริงๆ ไม่ได้ปิดกั้นเหมือนเมื่อก่อนอีก อีกทั้งยังสามารถแบ่งปันและบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นให้เขาได้ฟังเป็นธรรมชาติด้วย

“มีบางอย่าง ไม่ว่าใครก็คงพูดไม่ได้ แม้แต่คุณปู่เองก็ตาม” เธอปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ ปกคลุมดวงตาคู่สวยที่เปล่งประกายคู่นั้นเอาไว้ น้ำเสียงแผ่วเบาลง “ที่จริง ฉันเองก็คิดถึงมันมาโดยตลอด ว่าสิ่งที่ฉันกลัว มันคือการที่ฉันจะต้องตายในห้องที่ถูกจับไปในตอนนั้น หรือว่ากลัวว่าครอบครัวจะทิ้งฉันกันแน่”

ในตอนที่แดเนียลและหลิวเย่พูดบทหนังของตัวเองออกมา มันทำให้เธอยิ่งจมลึกเข้าสู่เหตุการณ์ที่ตัวเองเคยพบเจอ

สิ่งที่เธอกลัวคือความเจ็บปวดในตอนที่ถูกดึงเล็บออก หรือเพราะกลัวว่าพ่อแม่จะทิ้งเธอกันแน่นะ

ตอนที่พวกคนร้ายลักพาตัวเธอไปได้แล้ว ก็เคยถามถึงเรื่องค่าไถ่แทบไม่หยุดปาก ตอนนั้นพ่อของเธอยังเอาแต่ควงผู้หญิงอยู่นอกบ้านไม่ซ้ำหน้า และแม่เองก็ไม่ใช่คนที่ดูแลและใส่ใจเธอมากที่สุด ตระกูลเฝิงมีลูกหลานมากมาย ถ้าจะให้นับว่ามีหลานสาวเท่าไหร่ก็คงนับได้เป็นสิบ

ขาดเธอไปสักคนก็คงไม่เป็นไร และถึงจะมีเธอเพิ่มมาอีกสักคนก็คงเหมือนไม่มี

อย่างไรเสียไม่ว่าจะเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายที่ทำให้เกิดความกลัวมากขึ้น หรือเพราะว่ากลัวว่าครอบครัวจะทิ้งเธอก็ตาม ความสิ้นหวังที่ต้องอยู่ในห้องมืดนั่นก็มีมากกว่าอยู่ดี ตอนนั้นเจียงเซ่อเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน

ก็อย่างที่เผยอี้พูดเอาไว้ สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกกลัวมากที่สุดไม่ใช่เรื่องที่เคยเกิดขึ้น เพราะอย่างไรเสียเธอก็ถูกช่วยออกมาแล้ว แล้วเธอก็ยังสามารถใช้ชีวิตมาได้อย่างดีด้วย

สิ่งที่ทำให้รู้สึกกลัว มันก็ล้วนแล้วเป็นแค่สิ่งที่ตัวเองนึกขึ้นมาเองเท่านั้น เป็นสิ่งที่ตัวเองไม่อยากจะไปแตะต้องมันเท่านั้นเอง

เธอบอกไม่ถูกว่าเธอเกลียดพวกคนที่ลักพาตัวเธอไป หรือเกลียดพ่อแม่ของตัวเองกันแน่ ความคิดพวกนี้เมื่อก่อนเธอไม่เคยกล้าแม้แต่จะคิด เพราะเรื่องบางเรื่องเมื่อคิดขึ้นมาแล้ว มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรอยู่ดี

ตอนนั้นเฝิงจงเหลียงช่วยเธอเอาไว้ ทำให้เธอได้รู้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนในตระกูลเฝิงมองเห็นเธออยู่บ้าง ไม่ได้ทอดทิ้งเธอไป แต่ว่าคำตำหนิที่ได้รับจากพ่อแม่หลังจากนั้น มันก็ยังทำให้เจียงเซ่อเกิดความสับสนมากอยู่ดี

ดังนั้นมันจึงทำให้เธอไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังพวกเขา และไม่ว่าคุณปู่จะสอนอะไรมาก็ไม่กล้าที่จะไม่ทำตาม พอวันนี้ลองมาคิดๆ ดูแล้ว “ที่จริงฉันเองก็กลัวว่าคุณปู่จะทอดทิ้งฉันไปสินะ”

ดังนั้นมันจึงทำให้เธอกลายเป็นคนเงียบและพูดน้อย เชื่อฟังคำสั่งสอนมาโดยตลอด เชื่อฟังแม้กระทั่งเรื่องที่พ่อแม่บอกให้ไปทานข้าวทำความรู้จักกับจ้าวจวินฮั่น ต้องคอยผลักไสความรู้สึกของเผยอี้ ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขามากเกินไป ตั้งแต่ที่เธอเป็นเด็กๆ จนกระทั่งบรรลุนิติภาวะก็ไม่เคยมีเพื่อนรู้ใจเลยสักคน และไม่คุ้นชินกับการเข้าใกล้ชิดหรือแตะต้องตัวกับใครทั้งนั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะเผยอี้ตามจีบเธอ เธอก็คิดว่าคนนิสัยแบบเธอคงจะต้องอยู่คนเดียวไปจนแก่ตายแน่ๆ

จนกระทั่งมีวันหนึ่งที่เธอได้มาเกิดใหม่ หลุดพ้นจากข้อผูกมัดทุกอย่างในอดีต ไม่ใช่คุณหนูมหาเศรษฐีอีกต่อไป ราวกับว่าโลกนี้กำลังค่อยๆ เปิดทางเลือกให้เธออีกทาง

พอได้เปลี่ยนและกลายเป็นใครอีกคนไปแล้ว เธอสามารถที่จะทำท่าทางกระเง้ากระงอดต่อคุณปู่ได้ สามารถปฏิเสธคำขอบางอย่างจากเขาได้ ได้เป็นนักแสดงที่อยากจะแสดงเป็นบทใดบทหนึ่ง สามารถที่จะมีความรักกับเผยอี้ได้ และสามารถทำสิ่งต่างๆ อีกหลายอย่างที่เธอไม่เคยกล้าทำ ไม่ต้องใช้ชีวติตตามแบบแผนที่ถูกกำหนดเอาไว้อีกต่อไป

“เซ่อเซ่อ” เผยอี้โอบรัดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม เธอยกคางขึ้นวางลงบนไหล่ของเขา แพขนตาเริ่มเปียกชื้น และยกมือขึ้นกอดเขาแน่นๆ เช่นกัน เธออยากจะพูดต่อ แต่เผยอี้ก็เรียกเธอขึ้นมาอีก

“เซ่อเซ่อ พี่ฟังผมนะ”

“หัวหน้ากลุ่มโจรที่ลักพาตัวพี่ไปมีแซ่ว่าเจียง ชื่อเจียงจื้อหยวน” เขาตั้งใจที่จะพูดชื่อของเจียงจื้อหยวนออกมาตรงๆ เธอสูดหายใจเข้าเบาๆ และรู้สึกได้ว่าเขากอดรัดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่าจะให้เธอกลายเป็นส่วนเดียวกับแผ่นอกของเขาแล้ว

“เขาเป็นพ่อของเจียงเซ่อ” พอเขาพูดจบ มือของเขาก็กอดรัดเอวขอดของเจียงเซ่อเสียแน่นหนา และพูดเบาๆ

“พ่อแท้ๆ”

พอเธอได้ยินแบบนั้น ขาทั้งสองข้างมันก็อ่อนแรงไปในทันที เขาเองก็พอที่จะรู้แล้วว่าผลมันจะออกมันเป็นอย่างไร จึงใช้แขนของตัวเองในการรับน้ำหนักทั้งหมดของเธอเอาไว้

“มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องเก็บซ่อนไว้อีกแล้วนะ พี่จะต้องพูดกับผม พวกเราเป็นคนรักกัน ถือสามีภรรยาในอนาคต ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องก้าวไปด้วยกัน ผมสัญญากับพี่เอาไว้แล้ว ว่าจะไม่ปิดบังอะไรพี่อีก และผมก็หวังว่าถ้าหากว่าพี่มีเรื่องอะไรก็จะบอกให้ผมรู้ด้วยเหมือนกัน”

นาทีนี้เหมือนเจียงเซ่อไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว แต่ทุกๆ คำพูดของเผยอี้เธอได้ยินมันหมด แต่มันแค่เข้าประมวลผลในหัวช้าเท่านั้นเอง

พอเริ่มประมวลผลได้แล้วและรู้ว่าเผยอี้กำลังพูดอะไร ตัวเธอก็อ่อนยวบอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว แม้แต่แขนที่โอบเขาอยู่ก็ไหลตกลงมาบนไหล่ของเขา

เธอยังพูดอะไรได้อีกล่ะ? เธอเหมือนอยากจะหัวเราะ และรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันช่างแปลกประหลาดเสียเหลือเกิน แต่ก็อยากจะหัวเราะออกมาให้ได้

เธอหวังว่าประโยคต่อไปของเผยอี้คืดการบอกว่าเขาล้อเล่น แต่เพราะว่ารู้จักนิสัยของเขาดี เขารักเธอ ไอ้การล้อเล่นบ้าๆ แบบนี้ เขาคงไม่มีทางที่จะเอามาล้อเล่นกับเธอเพื่อทำให้เธอรู้สึกแย่แน่ๆ

“พ่อ พ่อแท้ๆ?” เธอรู้สึกว่านี่มันเหลวไหลสิ้นดี ตอนที่พูดแบบนั้นออกไปก็ยังอยากจะหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ แต่ปากมันกลับแข็งจนไม่ฟังสิ่งที่เธอสั่งอีกแล้ว

“จริงเหรอ?”

“จริงครับ” เขาพยักหน้า และยิ่งกอดเธอแน่นกว่าเดิม “เขาออกจากเรือนจำมาแล้ว เขากลับมาจากฮ่องกงแล้ว กลับมาได้กว่าครึ่งปีแล้วด้วย เซ่อเซ่อ ที่คุณปู่เฝิงไม่ได้ติดต่อหาพี่เลย เพราะว่านิสัยของคนๆ นี้ มันเดาทางได้ยากจริงๆ”

ตอนนั้นที่เจียงจื้อหยวนต้องเข้าคุกก็เพราะว่าอยากจะทำเพื่อลูกสาว พอออกมาแล้วก็กลายเป็นว่าลูกสาวของตัวเองนั้นได้ดิบได้ดีไปแล้ว แต่เขากลับยังไม่มีท่าทีว่าจะติดต่อกลับหาลูกสาวของตนเอง

ถ้าหากบอกว่าเขาไม่ได้รักเจียงเซ่อ ตอนนั้นเขาก็คงไม่มีทางที่จะเลือกทางเสี่ยงแบบนั้นแน่ๆ และไม่มีทางที่จะบุกไปถึงบ้านครอบครัวตู้ และเกือบจะทำร้ายครอบครัวตู้เพียงเพราะว่าพวกเขาไม่ได้สนใจไยดีเจียงเซ่อแน่ๆ

แต่ถ้าบอกว่าเขารักเจียงเซ่อ สายใยระหว่างพ่อและลูกสาว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องได้มาพบหน้าเจียงเซ่อสักครั้งแน่ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ

คนแบบนี้มีนิสัยที่คาดเดาได้ยาก และเพราะว่ามันมีสาเหตุเหล่านี้ เฝิงจงเหลียงจึงต้องสั่งให้คนคอยจับตาดูเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดผลร้ายต่อเจียงเซ่ออีก

วันนี้เจียงเซ่อต้องแบกรับอะไรมากมายเหลือเกิน หัวหน้าคนร้ายที่เคยลักพาตัวเธอกลับกลายเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอไปแล้ว เรื่องแบบนี้มันยากเกินที่คาดถึงจริงๆ

แต่ก่อนเธอเอาแต่คิดว่าการที่ตัวเองได้มาเกิดใหม่เป็นเจียงเซ่อ มันอาจจะแค่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างหนึ่งก็ได้ แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

เพราะว่าเรื่องของเจียงจื้อหยวนทำให้เกิดเรื่องที่ส่งผลกระทบกันขึ้นมา ทำให้เฝิงจงเหลียงรู้ว่าเธอคือใคร ความตื่นกลัวในใจของเธอจึงค่อยๆ ลดลงไปบ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเผยอี้บอกว่าเขาจะต้องกลับโรงเรียน เพื่อไปรับการฝึกครั้งต่อไปเลย เพราะเธอรู้สึกว่าไม่อยากให้เขาไปเลยสักนิด

หนังเรื่อง ‘PROOF OF LIFE’ ใช้เวลาถ่ายทำถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงจะถ่ายเสร็จเรียบร้อย และจางจิ้งอานเองก็ดูจะพึงพอจับการถ่ายหนังเรื่องนี้ไม่น้อย จนต้องระบายออกมาเป็นตัวหนังสือ

ครั้งนี้เขาได้ทำการเปลี่ยนตัวนางเอกก่อนที่จะมีการเริ่มถ่ายทำ ตัวหนังนั้นได้รับแรงกดดันมามากมาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ผลลัพธ์ที่เกินความคาดหมายได้ขนาดนี้

การแสดงของเจียงเซ่อนั้นทำให้จางจิ้งอานรู้สึกเซอร์ไพรส์มากจริงๆ เพราะเธอสามารถแสดงอารมณ์ของถังจิ้งตั้งแต่ถูกลักพาตัวจนถึงนาทีสุดท้ายของหนังได้เป็นอย่างดีจริงๆ มันดีจนถึงขั้นที่ว่าตอนที่ถ่ายทำ ในฉากที่ต้องเล่นกับแดเนียล หลิวเย่และคนอื่นๆ เธอก็ไม่ได้ดูกดดดันเลยแม้แต่น้อย ในสภาพการณ์แบบนั้น หลิวเย่และคนอื่นๆ เองต่างก็พากันตื่นเต้น และกระตุ้นให้พวกเขาแสดงออกมาดีกันยิ่งกว่าเดิม

จางจิ้งอานมีความมั่นใจอย่างสูง ว่าเมื่อเบื้องบนของบริษัทฮว๋านเต่าได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว จะต้องพากันชื่นชมในตัวเจียงเซ่อกันมากแน่ๆ

เหล่าทีมงานต่างพากันแยกย้ายตั้งแต่ที่เซี่ยงไฮ้ จางจิ้งอานนั้นต้องการที่จะพาลูกทีมกลับตี้ตูก่อน แล้วค่อยเอาหนังเรื่องนี้ไปที่อเมริกา เพื่อให้เบื้องบนของฮว๋านเต่าได้ดูและมั่นใจ และนำเข้าสู่ขั้นตอนการตัดต่อต่อไป

ก่อนที่จะเดินทาง จางจิ้งอานก็เอ่ยถามเจียงเซ่อขึ้น “ที่เซ่อเซ่อไม่กลับตี้ตู เพราะจะบินไปฝรั่งเศสอย่างนั้นหรือ?”

ช่วงเวลาที่ถ่ายทำไปนี้เป็นเพราะว่าช่วงระยะหลังมาจางจิ้งอานนั้นได้ยิ่งเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น และเขาก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจกับสถานที่ถ่ายทำสักเท่าไหร่ ทำให้หลังจากนั้นต้องเสียเวลาไปช่วงหนึ่ง ทำให้ระยะเวลาการถ่ายทำต้องล่าช้าลงไปอีก จากที่ตอนแรกวางไว้ว่าจะถ่ายให้เสร็จภายในประมาณหนึ่งร้อยสามสิบวัน กลับยืดยาวมาประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบวันถึงจะถ่ายเสร็จ