webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

434

บทที่ 434 ยากลำบาก

ที่จริงแล้วนครใหม่เป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีคนนอกสักเท่าไหร่ ช่วงนี้คงเป็นเพราะว่ามีกองถ่ายหนังกองใหญ่มาถ่ายทำกันที่นี่ ทำให้มีชาวบ้านจากหมู่บ้านละแวกนี้พากันเข้ามาดูจนกลายเป็นเมืองที่ดูคึกคักในทันตา แต่เมื่อตกดึกแล้วในเมืองก็กลับมาสงบเงียบเหมือนเดิมทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคึกคักอยู่เลยด้วยซ้ำ

ทีมงานส่วนมากได้จองโรงแรมในเมืองกันเอาไว้ แถวนี้ไม่ค่อยมีรถเท่าไหร่ ช่วงกลางวันก็มีรถประจำทางวิ่งให้เห็นอยู่บ้าง แต่พอตกดึกแล้วรถก็น้อยลงไปด้วย

ร้านรวงหลายร้านยังคงเปิดประตู ข้างในร้านเหล่านั้นขายของเล็กๆ น้อยๆ ธรรมดา การผลิตอยู่ในเกรดต่ำหน่อย เหล่าแม่ค้าทั้งหลายต่างก็กำลังนั่งพากันรวมตัวนั่งเก้าอี้ที่อยู่หน้าร้านและพูดคุยกัน ท่าทางอารมณ์ดีกันไม่น้อย และดูเหมือนว่าหัวข้อที่กำลังพูดถึงกันอยู่ก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่องการถ่ายหนังของทีมงาน

ตอนแรกเจียงเซ่อคิดว่าที่เผยอี้ชวนเธอมาเดินเล่น เพื่อจะบอกตัวเองเรื่องที่เขาจะต้องไปแล้วเสียอีก กลับกัน เขากลับพาเธอเดินมาตามถนนนานกว่าหนึ่งนาทีแล้ว จนกระทั่งทั้งสองข้างทางนั้นเริ่มมีบ้านเรือนน้อยลง จนสองข้างมองไปทางไหนก็เห็นแต่ผืนนา เขาถึงค่อยหยุดเดิน

“ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่ผมมาถึง ก็บังเอิญเจอที่นี่เข้า มันให้ความรู้สึกเหมือนได้ยืนมองไร่องุ่นที่ฝรั่งเศสจากมุมสูงเลย”

เขาจับมือเจียงเซ่อเอาไว้ ตอนนี้เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้ว ถึงแม้ว่าอากาศที่นี่จะไม่หนาวเท่าภาคเหนือ แต่ความหนาวเย็นของมันก็ไม่เหมือนกับที่ตี้ตูเลยสักนิด

เธอสวมเสื้อกันลมตัวหนา มือข้างหนึ่งกุมแน่นกับมือของเขา และล้วงอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขา เพื่อที่จะให้ความอบอุ่นแก่เธอ

เผยอี้จะต้องมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเธอแน่ๆ เขาสวมแค่เสื้อเชิ้ตและกางกางวอร์มธรรมดาๆ คลุมด้วยแจ็คเก็ตสีน้ำตาล ดูเรียบง่ายแต่ก็ยังดูสง่างาม

เจียงเซ่อเงยหน้ามองเขาอย่างชื่นชม ตรงบริเวณนี้ลมพัดค่อนข้างแรง เรือนผมของเธอถูกพัดจนยุ่งเหยิงไปหมด เส้นผมตวัดกระทบลงบนแก้มของเธอ เผยอี้เห็นแบบนั้นก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งเกลี่ยออกให้ และทัดไปที่หลังใบหูเล็ก เพื่อให้ได้เห็นใบหน้าสวยๆ ของเธอ

“เซ่อเซ่อ” เขาเรียกขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เจียงเซ่อคิดเอาไว้ เรื่องที่ว่าเขาจะต้องไปแล้ว

ที่จริงเจียงเซ่อเองก็รู้เรื่องที่เขาจะต้องกลับไปที่โรงเรียนอยู่แล้ว การที่เขาสามารถมาอยู่กับเธอได้ถึงหนึ่งอาทิตย์แบบนี้ มันทำให้เธอพอใจและโชคดีที่มีเขามากแล้ว การถ่ายหนังของเธอจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น ความรู้สึกในทุกๆ วันมันแตกต่างกันออกไป ในทุกๆ วันเธอสามารถก้าวผ่านเงามืดเหล่านั้นมาได้อย่างง่ายดาย

สภาพจิตใจแบบนี้ ก็ถือว่าเหมาะสมพอดีแล้วกับความรู้สึกของตัวละครถังจิ้งในเรื่อง การแสดงออกของเธอทำให้จางจิ้งอานพึงพอใจไม่น้อย แถมยังเอ่ยชมเธอในกองถ่ายเสียตั้งหลายครั้ง

ส่วนลึกในใจของเธอรู้ดี มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกอะไร

เธอนิ่งเงียบเพื่อรอให้เผยอี้พูดสิ่งที่อยากพูดต่อ แต่สิ่งที่เผยอี้พูดออกมาก็คือ

“คุณปู่เฝิงจำพี่ได้แล้วนะครับ”

การที่จู่ๆ เขาก็ปล่อยระเบิดออกมาแบบนี้ มันทำให้เจียงเซ่อกู่สติกลับมาไม่ทันจริงๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอค่อยๆ ฝืดลง ราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เผยอี้พูดออกมาเมื่อครู่ จึงเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง

“นายพูดว่าอะไรนะ?”

“เซ่อเซ่อ คุณปู่เฝิงจำพี่ได้แล้ว ท่านรู้แล้วว่าพี่คือเฝิงหนาน”

เผยอี้พูดออกไปอีกครั้ง พอเห็นว่าเธอมีท่าทางเหม่อลอย คงจะช็อคและตกตะลึงกับสิ่งที่เขาบอกไม่น้อย

เธอดูตกใจ ทั้งยังดูดีใจมาก แต่ก็แฝงความเศร้าสร้อยเอาไว้อยู่ลึกๆ ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อและกลัวว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริง

ความรู้สึกเหล่านั้นมันหลอมรวมกันอยู่ในแววตาของเธอ และกลายเป็นความสับสนมึนงง

เผยอี้เองก็ปล่อยให้เธอได้มีเวลาในการพิจารณาสิ่งในสิ่งที่เขาพูดออกไป เพราะว่าหลังจากนี้เขายังมีอีกเรื่องสำคัญที่ต้องบอกให้เจียงเซ่อได้รู้ แต่ถ้าเทียบกับเรื่องที่เฝิงจงเหลียงจำเธอได้แล้ว เรื่องนี้ก็กลายเป็น ‘เรื่องเล็กน้อย’ ไปเลย

ตั้งแต่ที่เขาโทรกลับไปหาเฝิงจงเหลียง และได้รู้ความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดแล้ว เขาก็เกิดความลังขึ้นมาว่าจะบอกเรื่องนี้กับเจียงเซ่อดีไหม

ถ้าหากว่าเป็นแค่เจียงจื้อหยวนคนเดียวที่กลับมา ก็คงยากที่จะก่อเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นมาอีก และอย่างไรเสียเฝิงหนานในตอนนี้ก็ไม่ใช่เฝิงหนานคนเก่าอีกแล้ว ดูจากรูปการโดยรวมแล้ว ถึงแม้ว่าเจียงจื้อหยวนจะต้องการแก้แค้นตระกูลเฝิงที่ทำให้ตัวเองต้องติดคุก ถ้ามันต้องการที่จะหาตัว ‘เฝิงหนาน’ อีก คนที่มันจะหาเจอก็คงไม่มีทางใช่เฝิงหนานตัวจริงแน่ๆ แต่เป็น ‘เฝิงหนาน’ ที่ไม่รู้เป็นใครมาจากไหนแทน

ถ้าหากว่าถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดหลังจากนั้นของเฝิงจงเหลียง บางทีเผยอี้ก็อาจจะรู้สึกสะใจไปแล้ว

‘เฝิงหนาน’ ที่มาแทนเฝิงหนาน นอกจากจะมาสวมรอยเพื่อเอาทุกอย่างไปจากเธอแล้ว ในขณะเดียวกันหล่อนก็ช่วยจัดการเรื่องวุ่นวายไปได้อีกมากด้วย

ส่วนเรื่องการแต่งงานกันเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างวิสาหกิจจงหนานและเจียงหัวกรุ๊ปเข้าด้วยกันนั้น หลังจากที่มี ‘เฝิงหนาน’ แล้ว สำหรับเผยอี้ ก็ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องที่ลำบากใจอะไรอีก

ถ้าเจียงจื้อหยวนต้องการที่จะก่อเรื่องวุ่นวายหลังจากที่ออกจากคุกมาล่ะก็ มันก็ไม่มีทางที่จะได้พบเฝิงหนานตัวจริง จะเจอแต่ก็แต่ผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น

แต่ทว่าข้อมูลประวัติของเจียงจื้อหยวนนั้นค่อยข้างจะซับซ้อน วินาทีที่เขาได้ยินเรื่องนั้น กับคนที่ไม่เคยเชื่อในเรื่องบองโชคชะตาก็ต้องถึงกับตกตะลึง ว่านี่มันเป็นโชคชะตาแบบไหนกันแน่

ในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เขาแทบจะไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ บางทีเขาก็อาศัยช่วงที่เจียงเซ่อกำลังถ่ายหนังอยู่ นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับปู่ตัวเองโดยที่ไม่ได้แล้วต้นเรื่องอะไรให้ฟัง เขาบอกถึงฐานะทั่วไปของเจียงเซ่อ และขอให้คุณปู่ช่วยสืบหาเรื่องของเจียงจื้อหยวนให้

ถึงแม้ว่าคุณปู่จะโมโหที่เขาแอบหนีจากโรงเรียนก่อนที่จะมีการฝึกซ้อม เพื่อมาวุ่นวายกับการตามหาประวัติของแฟนสาวตัวเองแบบนี้อีกแล้ว แต่แค่ด่าๆ เสร็จแล้วก็ยังตามสืบเรื่องของเจียงจื้อหยวนให้เขาอยู่ดี เพียงแค่ไม่กี่วันต่อมาก็หาข้อมูลของคนๆ นี้มาได้

ได้คุณปู่เผยเป็นคนลงมือ แน่นอนว่าคงไม่ได้มาแค่ที่เสี่ยวหลิวเคยสืบแน่ๆ เพราะนอกจากจะมีประวัติชีวิตส่วนตัวของเจียงแล้ว ก็ยังมีชาติกำเนิดตั้งแต่ต้นของเจียงจื้อหยวนอีกด้วยว่าคนๆ นี้แต่ก่อนมีนิสัยเป็นอย่างไรทำอะไรมาบ้าง ต้นตระกูลเป็นใครมาจากไหน ต่างก็หาออกมาได้อย่างชัดเจนสุดๆ

เขาเกิดมาในฐานะที่ไม่ดีนัก ถ้าหากว่าเกิดมาแล้วมีแต่ความสบายทำอะไรก็ราบรื่น แล้วมันจะมีคนที่ต้องการดิ้นรนเปลี่ยนแปลงโชคชะตาตัวเองได้อย่างไรกัน ถึงจะพยายามมากเท่าไหร่ก็ไม่มีทางได้ผลลัพธ์ที่ดีกลับมา แค่นี้มันก็ถือว่าเป็นโชคชะตาเลวร้ายที่เล่นตลกกับเขาพอแล้ว

ตอนที่เขาเป็นเด็กก็ยังเดินตามโชคชะตาไปเรื่อยๆ ตามรอยพ่อของตัวเอง เรียนรู้ที่จะเป็นโจรผู้ร้าย ความฉลาดไม่จำเป็นต้องใช้กับเส้นทางนี้ ขอแค่มีความคิดที่ต่อต้านอันแรงกล้ากับสังคม แค่จุดนี้เขาก็ได้รับและเรียนรู้มันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

เขามันเป็นคนไร้กฎหมาย ไม่เคยมีฐานะที่ถูกกฎหมายและไม่มีทะเบียนบ้าน นิสัยชั่วร้าย ไม่มีเรื่องไม่ดีเรื่องไหนที่เขาไม่กล้าทำ

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโจวฮุ่ยเกิดลุ่มหลงในหน้าตาของเขา จนเกิดท้องกับเขาขึ้นมาละก็ เผยอี้ก็พอจะเดาออกได้เลย ว่าผลสุดท้ายของคนๆ นี้ มันจะเป็นอย่างไรต่อไป ทำเรื่องเลวร้ายออกนอกหน้าขนาดนี้ การเป็นหัวหน้าโจรคนหนึ่ง ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าวันไหนจะถูกคนฟันตายในตรอก

แต่ที่น่าแปลกก็คือ หลังจากที่ลูกสาวของตัวเองเกิดมาแล้วเขาก็เปลี่ยนความคิดเหล่านั้นทันที แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถทำอะไรให้ออกมาดีได้เลยสักอย่าง

เขาไม่มีทะเบียนบ้าน การทำงานของเขาจึงเป็นเรื่องที่ไกลความความจริงเกินไป เขาเองก็เคยหวังว่าจะทำงานที่ไม่ต้องมีสัญญาจ้าง แต่เถ้าแก่กลับอาศัยเรื่องที่เขาไม่มีสถานะตัวตนจุดนี้ จงใจที่จะไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้กับเขา อีกทั้งยังไล่เขาออกอีก

ในช่วงเวลาที่ยากลำบากสุดๆ โจวฮุ่ยก็ได้แต่อุ้มลูกที่กำลังร้องไห้เพราะความหิว นอกจากกำปั้นและใบหน้าของเขาแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรเลย

ในสถานการณ์แบบนั้น เขาจึงเลือกที่จะกลับไปหาเพื่อนเก่า พากันลักลอบเข้าไปในฮ่องกง และได้ยินถึงเรื่องการลักพาตัวลูกสาวของมหาเศรษฐีรายหนึ่งเข้า