webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

392

บทที่ 392 ทะเลาะ

เจียงเซ่อมองท่าทางของหล่อน ลุกขึ้นแล้วทักทายเผยซินกลับ พอเธอลุกขึ้นมาแล้ว สายตาของเด็กสาวคนนั้นก็เบี่ยงจากเผยอี้ มาอยู่บนตัวเจียงเซ่อแทน

“คุณหนูเผย”

เผยหรุ่ยยิ้มๆ และลอบพิจารณาเจียงเซ่อเงียบๆ

ก่อนหน้านี้หล่อนเคยเห็นเจียงเซ่อมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเผยอี้พาเธอกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านด้วย ท่าทางของเธอถือว่าจริงใจไม่น้อย และฐานะของเจียงเซ่อในตอนนั้นก็ทำให้ตระกูลเผยพากันตกใจไม่น้อย

ตอนแรกคิดว่าคนที่มีนิสัยอย่างเผยอี้ ทั้งสองคนคงไม่มีทางคบกันได้ยาวนานแน่ๆ เพราะว่าเมื่อก่อนหน้านี้ที่เผยอี้ชอบเฝิงหนานมากๆ อีกทั้งทั้งสองคนก็ยังรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่สุดท้ายพอบอกให้ยอมแพ้ก็ยอมแพ้ง่ายๆ เลยด้วยซ้ำ จากมุมมองของคนในตระกูลเผยแล้ว เขาอาจจะแค่หลงรูปลักษณ์ภายนอกที่แปลกใหม่และสวยงามของเจียงเซ่อเท่านั้น ใครจะไปคิดว่าคบกันมาได้นานขนาดนี้?

น่าเสียดายที่มันไม่ได้เป็นไปตามที่คนในตระกูลเผยคาดเดากันเอาไว้ เผยอี้ไม่ได้มีท่าทีเบื่อหน่ายและละทิ้งความแปลกใหม่นี้เลย แถมยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งจริงจังอีกต่างหาก

สองปีที่ผ่านมานี้คุณปู่เผยตั้งใจที่จะส่งตัวเขาไปเรียนต่อที่กว่างโจว แถมในทุกๆ วันหยุดฤดูหนาวและฤดูร้อนก็ยังอัดวิชาเรียนพิเศษให้เขาเสียแน่น แต่เขาก็ยังหาโอกาสในการติดต่อกับเจียงเซ่ออีกจนได้

ส่วนเจียงเซ่อหลังจากที่ได้คบหากับเขาแล้ว ก็น่าที่จะรู้ความเป็นไปและรู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลเผยขึ้นมาแล้วบ้าง ตอนแรกเผยหรุ่ยยังคิดว่า พอเธอรู้แล้วตระกูลเผยมีฐานะเป็นอย่างไร ก็คงจะรีบหาช่องทางมาเอาอกเอาใจตระกูลเผยแทบไม่ทันแน่ๆ คงคิดที่จะลาออกจากวงการบันเทิง ตั้งใจเรียน และตั้งใจที่จะหาความดีความชอบเพื่อแต่งเข้าตระกูลเผย

แต่เปล่าเลย เธอไม่ได้มีการติดต่อกับทางตระกูลเผยกลับมาเลยสักครั้ง นอกจากครั้งนั้นที่ฉลองปีใหม่กัน และได้ส่งของขวัญผ่านเผยอี้มาตามประเพณีแล้ว เธอก็ไม่ได้มีการมาที่บ้านอีกเลย

ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่ได้ออกจากวงการบันเทิงด้วย แต่กลับคลุกคลีอยู่ในวงการได้อย่างเข้มข้นกว่าเดิม และตอนนี้ก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่ว

เผยหรุ่ยเองก็ได้เจอเธอแค่ตอนที่เผยอี้พาเธอกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านครั้งนั้นครั้งเดียว หลังจากนั้นหล่อนก็ไปเรียนต่อที่ฮ่องกง และไม่ได้กลับมาที่ตี้ตูบ่อยเท่าไหร่ เรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับเจียงเซ่อ ส่วนมากก็เห็นผ่านข่าวทั้งนั้น

เพราะได้รับความคิดมาจากคนในตระกูลอีกที ทุกครั้งที่เผยหรุ่ยนึกถึงดาราสาวในวงการบันเทิงขึ้นมา ก็ไม่ได้รู้สึกดีสักเท่าไหร่ ส่วนมากหล่อนจะนึกออกแต่ดาราสาวที่แต่งหน้าหนาๆ ชอบเรียกร้องความสนใจ และมีคนให้ความสนใจมากมาย

เช่นกันกับเฝิงหนานที่เป็นถึงคุณหนูของวิสาหกิจจงหนาน พอเข้าวงการบันเทิงนิสัยก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทะเลาะกับเฝิงจงเหลียงจนแทบจะกลับมาสานต่อกันไม่ได้อีก กี่ครั้งที่ออกงานสังคม ก็มักจะชอบสวมชุดที่มันดูเซ็กซี่โชว์เนื้อหนังเสมอ

ถึงแม้ว่าจะได้ขึ้นปกหนังสือลงนิตยสารแล้ว แต่ในใจของเผยหรุ่ยก็ยังคงไม่ค่อยจะชอบหล่อนเท่าไหร่อยู่ดี

แต่เจียงเซ่อนั้นไม่ได้เป็นดาราสาวที่หล่อนคิดเอาไว้ เธอสวมชุดราตรีสีดำของ Givenchy ตัวกระโปรงยาวถึงเข่าพอดี เรียวขายาวสวยยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงและเอวของเธอก็คอดเล็ก ความสวยหยาดเยิ้มและความมีเสน่ห์แพรวพราวพุ่งออกมาจากตัวเธออย่างชัดเจน

ชุดกระโปรงสีดำของ Givenchy ที่อยู่บนตัวของเธอนั้น ทำให้เธอดูมีบุคลิกที่โดดเด่นกว่าคนอื่นมาก ผมของเจียงเซ่อถูกรวบไปไว้ด้านหลังอย่างลวกๆ เผยหน้าผากนูนสวยให้ได้เชยชม เธอแต่งหน้ามาแค่อ่อนๆ ความสวยของเธอมันช่างดูละมุนละไมสุดๆ

ท่ามกลางแขกที่เข้ามาในงาน ทั้งสองคนนั้นถือว่าเป็นที่ดึงดูสายตาไม่น้อย ดังนั้นตอนที่เผยหรุ่ยเดินเข้ามาในงาน ก็สามารถสังเกตเห็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

“ไม่คิดเลยนะว่าจะมาเจอพี่ในงานแบบนี้” เผยหรุ่ยมองไปยังข้อมือของเจียงเซ่อที่มีกำไลอยู่ และนั่นก็เป็นสัญลักษณ์ของแขกที่ได้รับเชิญมาในงานครบรอบสามสิบปี Steinway และยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้ขอตามเผยอี้มาในงานนี้

เผยหรุ่ยยิ้มๆ แล้วชี้ไปที่เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ “ให้ฉันแนะนำหน่อยนะคะ นี่คือเฉินหมิ่นซูค่ะ เป็นลูกสาวของเพื่อนคุณลุงน่ะค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่กว่างโจว เป็นนักเรียนที่เดียวกันกับเผยอี้” พอหล่อนพูดจบ ก็หันไปมองที่เด็กสาวคนนั้น

“นี่คือเจียงเซ่อ ฉันคิดว่าเรื่องอื่นๆ คงไม่ต้องบอกแล้วละมั้ง เพราะคุณเจียงเป็นถึงดาราที่มีชื่อเสียงของประเทศนี่นา”

พอเด็กสาวได้ยินเผยหรุ่ยพูดขึ้นมาแบบนั้น ก็เบือนหน้ากลับ สายตาจ้องไปที่เผยอี้อีกครั้ง

“ทางโรงเรียนไม่ได้อนุญาตให้นายลาสักหน่อย ทำไมนายถึงได้หนีออกมาเองแบบนี้ อีกอย่างชื่อของนายก็อยู่ในใบรายชื่อการฝึกซ้อมของเดือนมิถุนาแล้วด้วย แต่นายกลับไม่ได้ไปเข้าร่วม แถมยังมาอยู่ในตี้ตูแบบนี้อีก ไปกับฉันเดี๋ยวนี้”

พอหล่อนพูดจบ ก็ยื่นมือมาหวังที่จะคว้าตัวเผยอี้ทันที

เผยอี้ขมวดคิ้ว แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา เจียงเซ่อที่เห็นหล่อนยื่นมือเข้ามาหาเผยอี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยกมือขึ้นตีลงไปบนมือของหล่อนทันที จนมือของหล่อนกระเด็นไปอีกทาง

การที่เจียงเซ่อทำแบบนั้น แน่นอนว่ามันต้องทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นทั้งตกใจและแปลกใจกันไม่น้อย ไม่แม้แต่เด็กสาวที่ไม่ทันได้ป้องกันตัว จนโดนเจียงเซ่อตีลงบนมืออย่างจังเท่านั้น เพราะแม้แต่เผยหรุ่ยและเผยอี้เองก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เจียงเซ่อจะลงมือทำอะไรแบบนี้ จึงได้แต่ยืนอย่างงงๆ

ทุกอย่างดูกะทันหันไปหมด ที่จริงที่เจียงเซ่อทำแบบนั้นก็แค่ต้องการจะปัดมือของเฉินหมิ่นซูออกเท่านั้น แรงที่ตีลงไปก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่หลังมือของเฉินหมิ่นซูก็ยังขึ้นเป็นรอยแดงอย่างชัดเจน

เด็กสาวคนนั้นชะงักไป จากนั้นก็ยิ้มเย้ยหยันออกมา หล่อนสะบัดมือที่โดนเจียงเซ่อตี และยกมือข้างซ้ายขึ้นมาลูบๆ มือ จากนั้นก็เอียงคอไปมา

“ตีฉันอย่างนั้นหรอ?”

เจียงเซ่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คิดจะเข้ามาแตะตัวแฟนของฉัน ต่อหน้าฉันอย่างนั้นหรือ?” เธอพูดขำๆ ไม่ได้มีท่าทีว่าจะถอยหนีเลยสักนิด

“จะถามกันสักคำก็ไม่มี จู่ๆ ก็จะให้เขาตามเธอไปซะอย่างนั้น มันดูไม่มีมารยาทไปหน่อยไหม?”

“ก็ไม่เท่ากับการมาตีคนอื่นแบบนี้หรอกมั้ง?”

เฉินหมิ่นซูที่ได้ยินแบบนั้น ก็สาวเท้าเข้าไปใกล้อย่างไม่คิดอะไรสักนิด ทั้งชีวิตของเจียงเซ่อ เคยที่ไหนกันที่จะต้องมีเสวนากับผู้หญิงที่มีนิสัยแบบนี้?

เธอไม่ได้สนใจเฉินหมิ่นซูที่กำลังก้าวเข้ามาหาเลยสักนิด แต่กลับหันหน้าไปหาเผยอี้แทน และเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มๆ

“อาอี้ นายไปรู้จักกับคุณเฉินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมไม่เห็นเคยบอกอะไรฉันเลยล่ะ?”

เธอกำลังโกรธ

ถึงแม้ว่าจังหวะการพูดของเธอมันจะราบเรียบปรกติดี ถึงแม้ว่าใบหน้าจะมีรอยยิ้ม ไม่ได้ระเบิดออกมาให้ได้เห็น แต่สายตาของเธอก็ทำเอาเผยอี้ขนลุกไปหมด และรีบเข้าไปหาเธอทันที แต่เจียงเซ่อก็เบนตัวหนีเสียก่อน

“เซ่อเซ่อฟังผมก่อน”

“นายยืนพูดตรงนั้นแหละ ฉันฟังอยู่”

ตอนนี้เธอกำลังโกรธอยู่จริงๆ ครั้งนี้ก่อนที่เผยอี้จะกลับมา สัมภาระสักใบก็ไม่มี คุณปู่เผยโทรมาหาเขาด้วยตัวเองเลยด้วย แต่เธอก็ไม่ได้คิดที่จะไปไล่ถามเขา นั่นก็เพราะว่าเขาเองก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เรื่องบางเรื่องเขาสามารถจัดการด้วยตัวเองได้

แต่ทว่าตอนนี้กลับพบว่าปัญหาไม่ได้ถูกสะสาง แถมตอนนี้ยังมีลูกสาวของเพื่อนเผยจิ้นฮว๋ายมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอีก ต่อหน้าต่อตาเธอ กลับกล้าที่จะยื่นมือมาคว้าตัวเผยอี้ให้ตามตัวเองไป

ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะไม่ให้เขาแตะตัว แต่เผยอี้ก็ยังกลัวว่าเฉินหมิ่นซูที่ยังยืนอยู่ข้างๆ เธอ อาจจะเข้าไปทำร้ายเธอก็ได้ เขาจึงขยับตัวอยู่ในองศาที่เหมาะสม แล้วเริ่มอธิบาย

“เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนที่เคยเป็นทหารกับพ่อผม แต่ผมไม่ได้สนิทอะไรกับเธอนะ” เขายกมือขึ้น เหมือนกับจิตใจไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ “ตั้งแต่ผมมีพี่ เวลาเห็นหมูตัวเมีย ผมก็เดินอ้อมไปไกลๆ ตลอดเลยนะ”

เจียงเซ่อที่เห็นหน้าเขาดูเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำออกมา

“นายว่าใครน่ะ?”

เฉินหมิ่นซูที่ได้ยินแบบนั้นก็โมโห แต่เผยอี้ก็ไม่ได้สนใจหล่อน และพูดต่อทันที

“ที่จริงครั้งนี้ผมลาหยุดไปแล้ว แต่ว่าทางโรงเรียนเขาไม่ยอมให้ผมหยุดอ่ะ นั่นก็เพราะว่ามีคนทำให้มันเป็นแบบนั้น......”

“นั่นก็เพราะว่านายย้ายการฝึกในเดือนมิถุนา ไปเป็นเดือนพฤศจิกาต่างหากล่ะ”

เฉินหมิ่นซูที่ได้ยินแบบนั้น ก็ตอบกลับไปอีก และเผยอี้ก็เริ่มที่จะหงุดหงิดรำคาญเต็มที

“เธอช่วยอย่างเพิ่งมารบกวนฉันกับแฟนของฉันจะได้ไหม?”

เขาขมวดคิ้ว ตอนที่พูดกับคนอื่นไม่ได้มีท่าทางเกรงใจเลยแม้แต่น้อย

“ฉันลงชื่ออะไรไป ฉันจะฝึกในเดือนไหน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธองั้นเหรอ?”