webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

350

บทที่ 350 การพนัน

ในสายตาของโม่อานฉี เซี่ยเชาฉวินก็เปรียบเสมือนหญิงกล้าที่ถืออาวุธครบมือ หรืออย่างที่โม่อานฉีเคยพูดเอาไว้ เซี่ยเชาฉวินน่ะเป็นคนที่ก่อสงครามได้เสมอ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่เงียบสงบแบบนี้ก็ตามที

เวลาที่หล่อนพูดอะไร ก็มักจะทำให้เจียงเซ่อขบขันได้ตลอด

แต่ตอนนี้เซี่ยเชาฉวินกำลัง ‘เอ่ยปากถามซ้ำๆ’ อยู่แบบนี้ มันทำให้เจียงเซ่อรู้สึกว่ามันน่าสนใจไม่น้อย หล่อนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถาม

“ทำไมเธอถึงยืนยันว่าจะเล่นหนัง ‘Suspect’ ให้ได้ล่ะ ทั้งๆ ที่รู้แล้วว่าผู้กำกับคือฮั่วจือหมิง ก็ยังคิดที่จะไปเจอเขาอีกงั้นหรือ?”

เซี่ยเชาฉวินรู้สึกสงสัยกับเรื่องแบบนี้มากจริงๆ และหล่อนก็ไม่คิดที่จะปกปิดความสงสัยของตัวเองด้วย

“ฉันคิดว่า บทหนังต่างๆ ที่ฉันส่งให้เธอในรอบนี้ เธอเองก็คงดูเรื่อง ‘Dark Shadow’ ไปแล้วเหมือนกันใช่ไหม”

“ที่จริงเรื่อง ‘Dark Shadow’ ก็ไม่เลวค่ะ” ตัวบทหนังของเรื่อง ‘Dark Shadow’ เจียงเซ่อยังไม่ได้ดู แต่ว่าพอลองอ่านบทนิยายจนจบแล้ว จากคาแรคเตอร์ของตัวหญิงสาวในเรื่องนั้น เขียนถึงช่วงชีวิตในวัยเด็กของหญิงสาวที่ยังคงมีเงามืดติดอยู่ในจิตใจ ทำให้ส่งผลอย่างมากในตอนที่เธอเติบโตขึ้น รวมไปถึงการใช้ชีวิตของตัวเธอด้วย

“ที่จริงแล้ว หนังเรื่อง ‘Suspect’ พี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฮั่วจือหมิงหรอกค่ะ มันอยู่แค่ว่าจะรับเล่นหรือไม่รับเล่นเท่านั้น” เจียงเซ่อยังคงความมุ่งมั่นอย่างเดิม เธอรู้สึกได้ ว่าปลายสายอย่างเซี่ยเชาฉวินที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้นจะต้องขมวดคิ้วอยู่แน่ๆ

“ว่าไปแล้วฮั่วจือหมิงคนนี้ก็ดูน่าสนใจดี แต่ว่า” พอเธอพูดถึงตรงนี้ ก็ลากเสียงยาว เหมือนกับกำลังขบขัน

“หนังของเขามันยากที่จะเข้าถึง”

ระหว่างตัวหลักและตัวประกอบ ถ้ามันยังไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ก็ไม่มีใครพูดอะไรได้

มีบางคนก็บอกว่าเขาน่ะบ้าไปแล้ว แต่ก็มีบางคนบอกว่าเขาน่ะอัจฉริยะ ความคิดของเขามันปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา เลยส่งผลต่อหนังที่เขากำลังถ่ายทำไปด้วย และมักจะทำให้เกินงบประมาณที่มีอยู่บ่อยๆ

นิสัยแบบนี้ ไม่แม้แต่จะทำให้คนที่ต้องร่วมงานกับเขาในกองถ่ายพากันเกลียดเขา เพราะแม้แต่พวกนักลงทุนที่ได้ยินชื่อเขาก็ยังพากันหนีแทบไม่ทัน บวกกับยอดขายบัตรหนังของเขามันก็ไม่ค่อยจะคงที่อยู่แล้วด้วย นั่นก็คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ในหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่มีผลงานใหม่ๆ ออกมาเลย

“ทั้งๆ ที่เธอเองก็เข้าใจแบบนั้นแล้ว แต่ก็ยังยืนยันที่จะเจอเขางั้นหรือ?”

เซี่ยเชาฉวินถามจบ เจียงเซ่อก็ตอบกลับทันที

“ก็เพราะพี่ไง”

“เพราะฉันงั้นหรือ?” เซี่ยเชาฉวินย้อนถาม

“ไม่ใช่เพราะท่านประธานอย่างนั้นหรือ?”

“ตอนที่ฉันรับเล่นหนังเรื่อง ‘Evil’ อานฉีเองก็เคยถามฉันอยู่คำถามหนึ่ง”

เจียงเซ่อเปลี่ยนท็อปปิคเรื่อง เธอหันไปพูดถึงหนังเรื่อง ‘Evil’ ที่เพิ่งถ่ายเสร็จไป ถึงแม้ว่าหัวข้อทั้งสองเรื่องนี้จะดูเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด แต่เซี่ยเชาฉวินกลับรู้สึกเข้าใจในสิ่งที่เจียงเซ่อกำลังจะสื่ออย่างประหลาด

หล่อนหัวเราะเบาๆ ขึ้นมา และรู้ดีว่าคำถามของโม่อานฉีที่เจียงเซ่อพูดถึงคืออะไร

“หล่อนเคยถามฉันว่า ทำไมต้องให้เธอรับเล่นเรื่อง ‘Evil’ ด้วย ทั้งๆ ที่ฉันเองก็ต่อต้านเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”

ตอนที่ได้รับบทหนังเรื่อง ‘Evil’ มา เซี่ยเชาฉวินก็เคยต่อต้านเรื่องนี้มาก่อน และคอยพูดอยู่เสมอว่าเจียงเซ่อยังมีความสามารถไม่พอตรงไหนบ้าง ดูจากการกระทำแล้วก็เหมือนเป็นการลองว่าเจียงเซ่อจะยอมแพ้หรือเปล่า

ในสถานการณ์ตอนนั้น ก็เหมือนกับสถานการณ์ในตอนนี้

“แล้วพี่ตอบไปว่ายังไงหรือคะ?”

เซี่ยเชาฉวินหัวเราะ แล้วตอบเจียงเซ่อไป

“ตอนนั้นฉันบอกว่า ถ้าหากว่าเธอไม่อยากรับเล่นเรื่อง ‘Evil’ จริงๆ ละก็ บทหนังเรื่องนี้ก็คงไม่มีทางที่จะมาอยู่ในมือของฉันแน่ๆ”

และเธอก็ขอยืมคำพูดของหล่อนที่พูดกับโม่อานฉีในตอนนั้น มาตอบกลับสิ่งที่เซี่ยเชาฉวินถามในตอนนี้นั่นเอง

เหตุผลเดียวกัน ถ้าหากเซี่ยเชาฉวินคิดว่าเจียงเซ่อไม่เหมาะสมที่จะเล่นเรื่อง ‘Suspect’ จริงๆ หล่อนก็คงไม่มีทางเอาบทหนังเรื่องนี้มาปนกับกองบทหนังเรื่องอื่นๆ แล้วเอามาให้เจียงเซ่อเลือกแน่ๆ

และจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลัวหยิ่นเลย ถึงแม้ว่าลัวหยิ่นและฮั่วจือหมิงจะเคยรู้จักและเป็นเพื่อนกันมาก่อน ถึงแม้ว่า ในใจของลัวหยิ่นยังอยากจะสนับสนุนฮั่วจือหมิงอยู่ ก็อย่างที่เซี่ยเชาฉวินพูด ดารานักแสดงของซื่อจี้หยินเหอต่างก็ได้รับบทหนังนี้กันหมด แต่ถ้าหากว่าเซี่ยเชาฉวินไม่อยากจะให้เจียงเซ่อรับเล่นเรื่องนี้ หล่อนก็มีวิธีที่จะเอามันออกไปก่อนอยู่แล้วแน่ๆ

“งั้นเดี๋ยวฉันจะจัดหาเวลาให้ก็แล้วกัน”

เซี่ยเชาฉวินไม่ถามอะไรอีก และไม่ได้ชวนคุยต่อด้วย หล่อนตัดสายไปอย่างรวดเร็ว หล่อนอิงมือถือเอาไว้บนปลายคาง ใบหน้าค่อยๆ เผยรอยยิ้มอกมา

หล่อนตั้งใจที่จะให้เจียงเซ่อเห็นตัวบทเรื่อง ‘Suspect’ จริงๆ นั่นแหละ หลังจากนั้นก็ทำเป็นพูดเตือนเธอบ่อยๆ ก็ถือว่าทำหน้าที่ของผู้จัดการส่วนตัวด้วย

ตอนที่ลัวหยิ่นเอาเอกสารบทหนังเรื่อง ‘Suspect’ ให้หล่อนดู หล่อนก็ไม่ได้มีท่าทีเหมือนกับผู้จัดการส่วนตัวคนอื่นๆ ของซื่อจี้หยินเหอเลยสักนิด ท่าทีที่กลัวว่าถ้าดาราที่ตัวเองดูแลอยู่รับเล่นละก็จะต้องลำบากแน่ๆ และพยายามหาทางบอกปัดไม่รับกันแทบไม่ทัน

ตอนที่ได้เอกสารมา และพบว่าหนังเรื่อง ‘Suspect’ จะได้ฮั่วจือหมิงมาเป็นผู้กำกับ เซี่ยเชาฉวินก็ได้พิจารณาเสียตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ว่านี่อาจจะเป็นกับดัก หรืออาจจะเป็นโอกาสที่ดีก็ได้

ความไม่แน่นอนของฮั่วจือหมิง ก็ถือเป็นความไม่รู้ มันก็เหมือนกับการพนัน เรื่องนี้มันใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียต่อเจียงเซ่อทั้งหมด

อย่างแรกเลยคือเธออยู่ในหัวเซี่ยจนเริ่มที่จะมีสถานภาพที่ดีแล้ว ปีที่แล้วมีหนังสองเรื่องที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดี ทำให้ชื่อเสียงและความโด่งดังของเธอเพิ่มขึ้นในระดับสูงขึ้น

แต่จากสายตาของเซี่ยเชาฉวิน แค่นี้มันยังไม่เพียงพอ เธอยังต้องได้รับรางวัล เพื่อที่จะทำให้หน้าที่การงานของเธอก้าวหน้าขึ้นกว่านี้

ถึงแม้ว่าการที่เธอร่วมงานกับหลิวเย่ก็ถือว่าช่วยยกระดับให้เจียงเซ่อในระดับหนึ่งแล้ว แต่ในสายตาของคนดู คนส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าที่เจียงเซ่อได้ร่วมงานกับหลิวเย่ ก็เพราะว่าเจียงเซ่อกำลังพยายามคบคนที่มีฐานะสูงกว่า

และนั่นก็เป็นสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจของพวกแฟนหนัง หรือพูดได้ว่า ในใจของผู้ชมคนดู พวกเขาเองก็แบ่งระดับของดารานักแสดงเหมือนกัน

เจียงเซ่ออายุยังน้อย และเพิ่งจะโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่นาน ไม่ว่าฝีมือการแสดงของเธอจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่ การแสดงของเธอกับหลิวเย่ ฝีมือของทั้งสองคนนั้นจะสูสีกันหรือไม่ อย่างไรพวกกลุ่มคนดูก็ต้องบอกกันว่าหลิวเย่นั้นทำได้ดีกว่าเจียงเซ่ออยู่แล้ว

เซี่ยเชาฉวินจึงจะหยุดไว้แค่ตรงจุดนี้ไม่ได้

แต่เรื่องที่หนังของฮั่วจือหมิงนั้นไม่มีวามมั่นคง หนังเรื่องก่อนๆ ที่เขาเคยสร้างเอาไว้ก่อนที่จะมาเตรียมตัวกำกับหนังเรื่อง ‘Suspect’ นั้น ก็ล้วนแล้วโดนคนด่าทออย่างเสียๆ หายๆ ผู้ชมคนดูหลายๆ คนต่างก็ออกมาวิจารณ์ว่าไม่รู้เลยว่าผู้กำกับต้องการจะสื่ออะไรจากหนังเรื่องนั้นๆ

ชื่อเสียงของเขาในวงการไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ทั้งตัวนักแสดงและนักลงทุนต่างก็ไม่ได้มีรู้สึกดีอะไรกับเขานัก หลายๆ คนก็บอกว่าหนังของเขามันไม่มีอนาคต

ถ้าหากว่าเจียงเซ่ออยากจะร่วมมือกับเขาในเวลานี้ และให้ชื่อเสียงของเจียงเซ่อเป็นตัวหลักตัวหนังเรื่อง ‘Suspect’ ให้คนหันมาสนใจ ไม่ว่าคนดูจะรอคอย หรือว่าคนดูจะคิดว่าที่เจียงเซ่อจะมารับเล่นหนังเรื่อง ‘Suspect’ เพื่อมาต่อยอดหนังห่วยให้กับฮั่วจือหมิงต่อจากเรื่องก่อนๆ ก็ตามแต่ ขอแค่ให้มีความสนใจเพิ่มมากขึ้น แล้วไม่เป็นที่รำคาญใจก็พอแล้ว

และที่สำคัญก็คือ เซี่ยเชาฉวินเองก็ได้พิจารณามาก่อนแล้ว ว่าถ้าหากหนังเรื่อง ‘Suspect’ มันไม่ประสบความสำเร็จ และถ้าชื่อเสียงของเจียงเซ่อจะถดถอยลง แต่อย่างไรเสียหนังเรื่อง ‘Evil’ ที่เจียงเซ่อเล่นกับหลิวเย่ก็กำลังจะออกฉายทั่วโลกในเดือนมีนาคมปีหน้าแล้ว ถึงตอนนั้นการโปรโมทหนังเรื่อง ‘Evil’ จะต้องกระจายไปทั่ว และจะกลบพวกข่าวที่ไม่ดีไปด้วย

แต่ถ้าหากว่ายอดขายของเรื่อง ‘Suspect’ มันมั่นคง คุณงามความดีต่างๆ ก็จะตกเป็นของเจียงเซ่อ

สำหรับเจียงเซ่อแล้ว ชื่อเสียงและรูปโฉมจนไปถึงฝีมือการแสดงต่างก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร แต่สิ่งที่เธอขาดก็คือโอกาสที่สำคัญก็เท่านั้นเอง

หนังเรื่อง ‘Suspect’ เรื่องนี้สำหรับเจียงเซ่อแล้วก็เหมือนการพนันอย่างหนึ่งที่เธอไม่จำเป็นต้องสูญเสียอะไรให้มากมาย ในตอนที่เซี่ยเชาฉวินเห็นบทหนังเรื่องนี้นั้น ก็ได้คิดแผนการเอาไว้และคำนึงผลของมันเรียบร้อยแล้ว