webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

291

บทที่ 291 ค่าตอบแทน

ซื่อจี้หยินเหอมีอำนาจในหารแก้ไขบทหนังทั้งหมด หลังจากที่หลิวเย่ตอบตกลงที่จะเป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้แล้ว ซื่อจี้หยินเหอเองก็เริ่มให้ความสำคัญกับหนังเรื่อง ‘Evil’ นี้มากขึ้นทำให้ลัวหยิ่นที่เคยคิดจะถอยถึงกับต้องรีบกลับมารับหน้าที่เป็นหนึ่งในผู้สร้างหนังเรื่อง ‘Evil’ ในทันที และข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปในวงการอย่างรวดเร็ว

หนังยังไม่ทันได้เริ่มถ่ายด้วยซ้ำ ก็สามารถกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาได้ ในด้านของนักแสดงหลัก ก็มีหลิวเย่และจียงเซ่อ และผู้สร้างก็คือซื้อจี้หยินเหอ ทำให้กลายเป็นที่ต้องตาของเหล่ากลุ่มนักลงทุนมากมาย ต่างพากันจดจ้องเนื้อที่ดูสดและชุ่มช่ำก้อนนี้

มีเหล่าคนที่รู้จักมากมายเข้ามาหาลัวหยิ่น และมีเพื่อนเก่าเพื่อนแก่หลายคนที่อยากจะถามเข้ามากๆ ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะร่วมลงทุนกับหนังเรื่อง ‘Evil’ ด้วย

เพราะอย่างไรเสียในไม่กี่ปีผ่านมานี้หลิวเย่ก็เป็นคนที่มีอิทธิพลในการทำยอดขายบัตรหนังได้ดีที่สุด ฝีมือการแสดงโดดเด่น ฐานฐานะก็มั่นคง แฟนคลับก็เยอะ หนังแต่ละเรื่องที่แสดงไปก็เป็นผลงานยอดเยี่ยมทั้งนั้น ต่างก็เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ ทั้งคำชื่นชมและยอดขายก็ดีทั้งคู่

เมื่อลองเทียบดูแล้ว เจียงเซ่อที่ถึงแม้จะเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ ที่เพิ่งจะเข้ามาในวงการมาได้ไม่นาน ผลงานก็ยังน้อย แต่ยอดขายบัตรทั่วโลกของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เธอได้แสดงไปก่อนนี้ก็พุ่งทะยานไปกว่าสามพันเจ็ดร้อยล้านแล้ว และนั่นก็เป็นเหมือนการการันตีความสามารถของเธอ การที่หลิวเย่และเธอร่วมงานกันมันจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ

แค่นักแสดงสองคนนี้ถูกกำหนดลงเอาไว้ ก็สามารถดึงดูดนักลงทุนมากมายออกมาเคลื่อนไหวได้แล้ว

ตอนที่เจียงเซ่อได้รับโทรศัพท์จากเนี่ยต้าน เธอก็เพิ่งจะออกกำลังกายเสร็จ เธอหยิบปากกาขึ้นมา และขีดฆ่าตารางการเจอโค้ชฝึกครั้งสุดท้ายทิ้ง

เธอกดขาลง หลังจากที่เรียนเต้นมากว่าครึ่งปี การฉีกขาของเธอก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากสุดของเธออีกต่อไป เนี่ยต้านนัดเธอออกไปทานมื้อเย็นด้วยกัน และบอกว่ามีเรื่องที่อยากจะคุยกับเธอ

เจียงเซ่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินทางไปที่ที่เนี่ยต้านนัดเจอทันที เนี่ยต้านเองมาถึงนานแล้ว เซี่ยงชิวจี๋และคนอื่นๆ ก็อยู่ด้วยเช่นกัน ตอนที่เห็นเธอเดินมา เนี่ยต้านก็เบิกตากว้าง เหมือนกับว่าไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

เธอสวมกางเกงยีนส์เอวต่ำสีซีด ส่วนท่อนบนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว ชายเสื้อใส่เอาไว้ในกางเกง สวมทับด้วยเสื้อไหมพรมขนสัตวสีน้ำเงินเข้มแบบหลวมเล็กน้อย คู่กับรองเท้าส้นเตี้ยผูกเชือกสีดำ ผมถูกรวบขึ้น บุคลิกไม่เปลี่ยน เธอยังคงดูนิ่งและเย็นชา แต่ร่างกายของเธอดูผอมลงไปมากทีเดียว

“พี่อี้รู้ไหมเนี่ย?”

เนี่ยต้านถามขึ้นยังกังวล ก็เผยอี้ทะนุถนอมและหวงแหนเธอราวกับสิ่งที่ที่ล้ำค่าที่สุดของตัวเอง คงไม่รู้แน่ๆ ว่าของรักของหวงตัวเองจะผอมลงขนาดนี้

เฉิงหรูหนิงเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

พวกเขานัดเจอกันที่ฉาวจิ้นเก๋อ เจียงเซ่อส่ายหน้า

“ช่วงนี้รับเล่นหนังเรื่องใหม่น่ะ มันจำเป็นต่อบทที่ได้รับแสดง เลยตั้งใจจะลดสักเจ็ดกิโล ถ่ายเสร็จก็จะกลับไปบำรุงให้เป็นเหมือนเดิม”

เธอพูดถึงสถานการณ์ของตัวเองคร่าวๆ แล้วนึกถึงเรื่องที่เนี่ยต้านอยากจะคุยกับเธอ

“แล้วมีเรื่องอะไรหรือ?”

เนี่ยต้านที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่พอได้ยินเธอถามถึงเหตุผลที่ทุกคนนัดเธอออกมาเจอ เขาก็ค่อยๆ ยิ้มๆ

“เซ่อเซ่อ ครั้งก่อนที่พวกเรากับพี่อี้ลงทุนหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เธอก็น่าจะรู้ใช่ไหมล่ะ”

ตอนนั้นก่อนที่จะได้เริ่มถ่ายทำ ‘The Occasion of Beiping’ เพราะว่าต่งหมิงเซิงเกิดถอนทุนออกไปกะทันหัน แต่หลังจากนั้นจากนั้นก็ได้เผยอี้และพวกเนี่ยต้านมาช่วยลงทุนให้ ลงทุนไปกว่าสองร้อยล้าน เผยอี้คนเดียวก็ลงไปแล้วหนึ่งร้อยหกสิบล้าน ส่วนที่เหลือก็เป็นเนี่ยต้านและคนอื่นๆ รวมกันมา เขาชี้ไปที่เฉิงหรูหนิง จากนั้นก็มองไปที่เซี่ยงชิวจี๋และเซี่ยงชิวหราน และเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ

“หลังจากที่หนังออกฉายไป พวกเราก็ทำเงินกันได้เล็กๆ น้อยๆ”

ยอดรวมของการขายบัตรหนังใกล้จะแตะสามพันแปดร้อยล้านอยู่แล้ว นอกจากส่วนที่หักไปในส่วนแบ่งของทางโรงภาพยนตร์ และภาษีต่างๆ ส่วนแบ่งที่เหลือที่ตกมาถึงมือของทุกคนก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจไม่น้อย

“ส่วนแบ่งที่พี่อี้จะได้รับ ตอนนี้อยู่ที่พวกเราแล้ว” เนี่ยต้านรินสปาร์คกลิ้งไวน์*Sparkling Wine เป็นไวน์ที่นิยมรับประทานก่อนอาหารถือเป็นไวน์ชนิดเรียกน้ำย่อย ที่มีอุณหภูมิไม่สูงมากให้กับเธอ

“พวกเรามาลองคิดๆ ดูแล้ว ว่าอยากจะเอาเงินพวกนี้ไปลงทุนกับหนังอีก พอดีกับที่เธอรับเล่นหนังเรื่องใหม่พอดี ได้ยินมาว่าหลิวเย่ก็รับเล่นเรื่องนี้ด้วย เธอคิดว่าไงล่ะ?”

ก่อนหน้านี้เผยอี้ก็คือลงทุนไปงั้นๆ และพวกที่เหลือก็คิดว่ามันน่าสนุกดี ก็เลยตามกันๆ ไป เงินที่ลงไปก็ไม่ได้มากมายอะไร

แต่เหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ใช่แล้ว เหมือนว่าเนี่ยต้านกำลังได้ลิ้มรสความหอมหวานหลังจากที่ได้ลงทุนกับวงการบันเทิงไป และตอนนี้ก็อยากจะลองดูอีกสักครั้ง และเหมือนว่าจะไม่ได้เล่นๆ แล้วด้วย

ส่วนพี่น้องตระกูลเซี่ยงเองก็คลุกคลีอยู่กับวงการบันเทิงบ้างอยู่แล้ว และผู้ใหญ่ในตระกูลก็มีหลายคนที่มีหน้าที่การงานอยู่ในสายวัฒนธรรม หลัวจากที่พวกเขาได้ปรึกษากันแล้ว ก็คิดว่าอยากจะลองทำอะไรสักอย่าง และพอรู้ว่าเจียงเซ่อกำลังรับเล่นหนังเรื่องใหม่ ก็พากันตกลงทันที

“เซ่อเซ่อ ถ้าเธอคิดว่ามันเป็นไปได้ เงินที่เราได้มาในครั้งก่อน กับส่วนของพี่อี้ฉันก็จะเป็นคนจัดการให้เอง เอามันไปลงทุนพร้อมๆ กันเลย”

ความสนิทก็ส่วนความสนิท ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ พอเนี่ยต้านพูดจบ คนที่เหลือก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย

ถ้าหากว่าเขาถามถึงเรื่องอื่น แน่นอนว่าเจียงเซ่อไม่มีทางกล้าที่จะรับรองแน่ๆ แต่สิ่งที่เขาถามถึงคือหนังเรื่อง ‘Evil’ เธอเกิดนึกถึงเรื่องที่เซี่ยเชาฉวินบอกว่าเฝิงหนานเองก็ตั้งใจที่จะชิงบทหนัง ‘Evil’ ไป และดูเหมือนว่าหล่อนจะให้ความสนใจกับหนังเรื่อง ‘Evil’ มากเสียด้วย และเริ่มคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังคาดเดาในตัวเฝิงหนาน

ถ้าหากว่าเธอเดาไม่ผิดละก็ เฝิงหนานจะต้องรู้เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตแน่ๆ เพราะงั้นหลังจากที่ได้มาเกิดใหม่และได้เข้าวงการบันเทิงก็เอาแต่จดจ้องหนังและบทตัวละครที่จะได้รับกระแสที่ดี งั้นถ้าพวกเนี่ยต้านลงทุนกับหนังเรื่อง ‘Evil’ ก็ใช่ว่าจะโชคไม่ดีขาดทุนไปเสียหมด

พอคิดถึงตรงนี้ เจียงเซ่อก็พยักหน้า

“จะลองดูก็ได้ ฉันเองก็ได้ดูบทหนังมาแล้ว ถือว่าไม่เลวเลย หลิวเย่เองก็พิจารณาจากจุดนี้ถึงได้รับเล่น แถมตอนนี้เขาก็ดันเรื่องสัญญากับผู้สร้างหนังของต่างประเทศไปแล้วด้วย”

เธอยื่นมือไปเลื่อนแก้วไวน์ออกห่างเล็กน้อย แล้วขอเป็นน้ำแร่สักขวดออกไป มือนั่นของเธอมันดูผอมจนเห็นกระดูกได้อย่างชัดเจน หลังมือนั่นมีลายเส้นเลือดนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“จ้าวร่างเองก็ตั้งใจที่จะใช้หนังเรื่องนี้ในการไปข้างหน้าอีกขั้น ฉันเองก็เคยร่วมงานกับเขามาแล้วสองครั้ง เขาเองก็ตั้งใจไม่แพ้ผู้กำกับหลินเลย”

พอเจียงเซ่อพูดแบบนั้น พวกเนี่ยต้านก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“แต่ตามรูปธรรมแล้ว จะลงทุนหรือไม่ลงทุน มันก็ขึ้นอยู่กับที่พวกนายจะพิจารณากัน” การลงทุนกับวงการนี้ก็เหมือนการเล่นพนันอย่างหนึ่ง ผลตอบแทนจากยอดขายบัตรหนังจะได้มาอย่างรวดเร็ว แค่ในระยะเวลาสั้นๆ คนที่โชคดีมากๆ ก็อาจจะรวยขึ้นมาภายในคืนเดียว แต่บางคนก็สะสมโชคมาไม่มากพอ และอาจกลายเป็นคนล้มละลายไปเลยก็ได้

แต่เงินที่พวกเขาลงทุนกันมันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาถึงกับขัดสนเลยสักนิด เรื่องนี้ในใจเจียงเซ่อรู้ดี

คุยกันอีกครู่หนึ่ง เนี่ยต้านและคนอื่นๆ ก็ชวนให้เจียงเซ่ออยู่ทานมื้อเย็นกันก่อนแล้วค่อยกลับ แต่เธอก็ส่ายหน้า

หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะลดน้ำหนักแล้ว เธอก็เริ่มกวดขันต่อเรื่องอาหารการกินของตัวเองมากขึ้น จะไม่ปล่อยตัวเองแม้แต่เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเข้านอนห้าชั่วโมงจะไม่แตะอาหารเด็ดขาด

เธอกลับมาถึงบ้านได้ไม่นาน ก่อนจะเข้านอนก็ได้รับสายจากจ้าวร่าง เขาพูดขึ้นอย่างมีความสุขไม่น้อย ว่าหาคนมาลงทุนได้แล้ว และได้ยอดตามที่ต้องการแล้วด้วย จากนั้นก็พูดเป็นนัยๆ ออกมา ว่าเรื่องาการถ่ายทำ ‘Evil’ ได้มีการประชุมอย่างเป็นทางการแล้ว

ผลต่างๆ ที่ตามมาในตอนนี้ เจียงเซ่อไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก พวกเนี่ยต้านเองก็คงจะมีความสนใจอยู่แล้ว วันนี้ที่นัดเธอออกไปคุย ก็คงจะตัดสินใจกันเอาไว้อยู่แล้ว

ทุนที่ต้องการก็ได้ตามเป้า เรื่องที่เหลือยู่ก็คงเป็นการพูดคุยเรื่องค่าตัวของนักแสดงหลักทั้งสองคน ส่วนหลิวเย่เป็นเพราะว่าเขาเองก็ชอบเรื่อง ‘Evil’ อยู่มาก ค่าตัวเลยลดลงมาหน่อยและอยู่ที่เจ็ดสิบล้าน ฐานะของเขาอยู่ตรงจุดไหน ราคานี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว แต่ในส่วนของเจียงเซ่อ ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นาน แต่เป็นเพราะว่าหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เธอแสดงมียอดขายที่สูง ดังนั้นเซี่ยเชาฉวินจึงช่วยพูดให้เธออยู่ที่สามสิบล้าน หลังจากที่กำหนดตัวเลขนี้ลงไปและเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อก็ถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่ง แล้วถามเซี่ยเชาฉวินขึ้น

“พี่เชาฉวินคะ เงินที่ฉันยังค้างอยู่ ตอนนี้มันเริ่มจะเบาลงบ้างแล้วใช่ไหม?”