276

บทที่ 276 บ้าไปแล้ว

ทั้งสองขึ้นลิฟต์แล้วลงมาที่โรงจอดรถ พอเสียงรถค่อยๆ ดังออกไป เฝิงจงเหลียงถึงค่อยเดินค้ำไม้เท้าออกมา เขาจ้องมองไปที่ถ้วยใส่ผลไม้บนโต๊ะอย่างเงียบๆ ชิ้นแอปเปิ้ลที่เจียงเซ่อปอกและหั่นเอาไว้เรียบร้อยเริ่มจะเปลี่ยนสีแล้ว

เสี่ยวหลิวพยุงเขาไปนั่งลงบนที่ประจำเช่นเดิม แม่บ้านจงมองเขาที่กำลังจดจ้องไปที่แอปเปิ้ล ก็คิดว่าเขาคงคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่แน่ๆ จึงจะเข้าไปเก็บมันออกไป

แต่เขากลับหยิบส้อมขึ้นมา แล้วจิ้มลงไปบนแอปเปิ้ลชิ้นหนึ่ง แล้วค่อยๆ กัดกินมันอย่างเงียบๆ

ตอนนี้เฝิงหนานรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ที่หล่อนมาเกิดใหม่ สองวันที่ผ่านมานี้ มันเป็นวันที่แย่ที่สุดแล้ว

ในงานหนังภาพยนตร์ สิ่งแรกคือรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมที่หล่อนจ้องเอาไว้โดนเจียงเซ่อแย่งมันไป และหลังจากงานหนังภาพยนตร์ หล่อนก็ทะเลาะกับจ้าวจวินฮั่นอีก

หล่อนหงุดหงิดและโมโหที่จ้าวจวินฮั่นทำเป็นมาสอนว่าต้องทำตัวยังไง และเกลียดที่เขามันไร้น้ำยาทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เขาไม่สามารถทำตามสิ่งที่เขาเคยสัญญากับหล่อนไว้ได้ จ้าวจวินฮั่นในใจของหล่อน มันไม่ใช่จ้าวจวินฮั่น ทายาทคนต่อไปของบริษัทเจียงหัวกรุ๊ปที่ทำทุกอย่างได้เหมือนอย่างก่อนที่หล่อนจะมาเกิดใหม่อีกต่อไปแล้ว

หลังจากที่มาเกิดใหม่นี้ หล่อนถือว่ากลายเป็นคนที่เพอร์เฟคคนหนึ่ง มีฐานะที่ดี หล่อนคิดว่าจ้าวจวินฮั่นไม่คู่ควรกับหล่อนอีกต่อไป มันเป็นครั้งแรกที่เฝิงหนานคิดอยากจะถีบเขาออกไป

แต่พอหล่อนคิดที่จะลองเลิกกับจ้าวจวินฮั่นดูแค่นั้น ก็ต้องมาทะเลาะกับเฝิงจงเหลียงที่ไม่เห็นด้วยอีก บอกว่าทั้งตระกูลจ้าวและตระกูลเฝิงยังต้องร่วมมือกัน บอกกับหล่อนว่าอย่าเอาแต่คิดถึงแต่ตัวเอง

เฝิงหนานที่ได้ยินเฝิงจงเหลียงพูดแบบนั้น หล่อนก็คิดว่ามันมากเกินพอแล้ว

ชีวิตก่อนหน้านี้ของหล่อนมันไม่เคยมีความสุขเลย ตายไปครั้งหนึ่งแล้วได้มาเกิดใหม่แบบนี้ แล้วทำไมยังจะต้องมาโดนกดขี่ชีวิตกันอีก?

ตั้งแต่ที่ตัวหล่อนเกิดใหม่มา เฝิงจงเหลียงก็เป็นคนที่คอยควบคุมหล่อนทุกอย่าง จะทำอะไรนอกกรอบไม่ได้สักอย่าง แถมยังต้องแอบทำลับๆ ล่อๆ อีก เฝิงจงเหลียงมีนิสัยแปลกประหลาด แถมยังเคร่งกฎระเบียบอีก ชอบที่จะตะคอกดุด่าว่ากล่าวหล่อนอยู่ตลอด ทำเหมือนว่าหล่อนเป็นเด็กอย่างไรอย่างนั้น ในตอนนี้หล่อนมาเกิดใหม่แล้ว จะทำอะไรยังไงก็ยังต้องมีคนมาคอยชี้นิ้วบงการอีกหรือยังไง?

พูดไปก็เหมือนประชด ชีวิตก่อนหน้านี้ที่หล่อนคอยคิดหาวิธีต่างๆ มากมายเพื่อที่จะได้แต่งเข้าตระกูลจ้าว แต่ก็โดนพวกผู้ใหญ่กีดกันทุกครั้ง แล้วในวันนี้หล่อนแค่อยากจะเลิกกับจ้าวจวินฮั่น ก็ยังต้องมาโดนขัดขวางอีก

หล่อนทะเลาะกับเฝิงจงเหลียงไปรอบหนึ่ง หลังจากที่เฝิงจงเหลียงหกล้มลงไป หล่อนก็รีบไปเก็บของด้วยความโมโหและย้ายออกมาจากบ้านตระกูลเฝิงทันที แต่ก็กลับมาพบว่าบัตรเครดิตของ ‘ตัวเอง’ มันถูกระงับไปหมดแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องพวกนี้

ติดกับเมื่อคืนที่มีงานหนังรอบปฐมทัศน์ของเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ในงานได้เชิญเหล่าสื่อมวลชนมากมายจนรวมไปถึงเหล่านักวิจารณ์หนังด้วย ตอนแรกเฝิงหนานเองก็กำลังนั่งรอคำสบประมาทของเจียงเซ่อที่จะออกมา หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เคยออกฉายรอบแรกในอดีต บทโต้วโค่วในเรื่องนั้นได้เย่หยิงเฟยแสดงออกมาได้อย่างโดดเด่นไม่น้อย หล่อนเตรียมทำข่าวเล็กๆ เอาไว้แล้วด้วยซ้ำ กะว่าจะส่งให้ลูกน้องที่อยู่ในวงการ หรือแม้แต่ต้นฉบับคำวิจารณ์แย่ๆ ของเจียงเซ่อก็เตรียมเอาไว้แล้วด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะได้เพ่งเล็งว่าการมอบรางวัลในงานหนังภาพยนตร์มันไม่ยุติธรรม และคิดว่าจะรอให้หนังรอบแรกของ ‘The Occasion of Beiping’ เล่นจนจบก่อน แล้วค่อยหาพวกสื่อมาลงบทความที่เตรียมเอาไว้

แต่บทความของหล่อนยังไม่ทันจะได้ลง กลับต้องมาเห็นว่ามีคนดูและสื่อหลายๆ แห่งกำลังแห่มาชื่นชมหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ กันไม่หยุด

และนี่มันก็ไม่ใช่ผลที่หล่อนคาดการณ์เอาไว้

หล่อนจำได้ว่าในงานหนังภาพยนตร์ ภาพโปสเตอร์ของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่หล่อนได้เห็น เป็นรูปที่เจียงเซ่อกำลังถือร่ม เป็นรูปที่ให้ความรู้สึกคนละอย่างกับภาพของเย่หยิงเฟยที่หล่อนเคยได้เห็น

ในโลกอดีต โต้วโค่วที่เย่หยิงเฟยเป็นคนแสดงนั้นโด่งดังแค่ไหน ก็ไม่เห็นว่าจะเหมือนกับโต้วโค่วที่แสดงโดยเจียงเซ่อเลยสักนิดเดียว แล้วทำไมถึงได้มีคนออกมาชื่นชมกันไม่หยุดแบบนี้ได้?

หล่อนไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน เอาแต่นั่งตาค้างดูข้อมูลนั่นนี่อยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ คำวิจารณ์ทางด้านดีมีเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่แม้แต่กระทั่งบนเว็บภายในประเทศอย่างสือไต้ผิงซัว เป็นอีกครั้งแล้วที่ซูเพ่ยเอินออกมาเขียนบทวิจารณ์ถึงเจียงเซ่อ และถูกยกขึ้นให้เป็นประเด็นร้อนทันทีเลยด้วย

ยอดขายบัตรของเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ก็พุ่งทะลุยอดเรื่อยๆ ตอนนี้ยอดทั้งหมดถึงสามร้อยล้านแล้วด้วยซ้ำ

ผลลัพธ์ที่ออกมาแบบนี้มันไม่เหมือนกับที่เฝิงหนานคาดการณ์เอาไว้เลยสักนิด มันทำให้หล่อนโมโหและอารมณ์เสียสุดๆ จนถึงเช้า ข่าวใหม่ภายในประเทศก็มีแต่ข่าวยกย่องสรรเสริญหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เต็มไปหมดทั่วทุกที่ เว็บค้นหาข้อมูลของหัวเซี่ยในหน้าแรก ก็ยังนำใช้บทวิจารณ์หนังของซูเพ่ยเอินมาไว้อีกด้วย หรือแม้แต่หัวข้อข่าวบนเว็บข่าววงการบันเทิงก็ยังพาดเอาไว้ว่า เจียงเซ่อ ผู้ที่โดนประเมินต่ำเกินไป!

ส่วนข่าวของเฝิงหนานกลับถูกบีบอัดอยู่ในมุมเล็กๆ หรือแม้แต่เรื่องข่าวที่หล่อนจะเลิกกับจ้าวจวินฮั่น ก็ยังไม่สามารถที่จะมากลบข่าวของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ได้เลย เหล่าเว็บใหญ่ต่างๆ พากันพาดหัวข่าวที่ดูยังไงก็ไม่เป็นที่สะดุดตา แล้วเอาข่าวที่หล่อนกับจ้าวจวินฮั่นจะเลิกกันใส่ไว้ในนั้นแทน

หล่อนอารมณ์ไม่ดีมากๆ ส่วนอารมณ์ของจ้าวจวินฮั่นในตอนนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหล่อนเลย หล่อนยังคงเปิดข่าวดูไปเรื่อยๆ สายจากจ้าวจวินฮั่นโทรเข้ามาอีกครั้ง แต่เฝิงหนานก็ไม่คิดที่จะรับมันอีก จ้าวจวินฮั่นโทรหาติดๆ กันอยู่หลายครั้ง แต่ก็โดนหล่อนตัดสายไป

ยังไงผู้ชายก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เลวทรามจริงๆ หล่อนคิดอย่างเยือกเย็น

โลกก่อนหน้านี้ คนที่มีสิทธิ์จะวางสายไปก่อนมักจะเป็นจ้าวจวินฮั่นทุกครั้ง ตอนนี้มาเกิดใหม่แล้ว มันก็ต้องกลายเป็นเขาที่เป็นฝ่ายโทรมาขอร้องหล่อนบ้าง

จนกระทั่งจ้าวจวินฮั่นโทรเข้ามาอีกครั้ง เฝิงหนานจึงรับสายด้วยท่าทางสุดจะทน ปลายสายอย่างจ้าวจวินฮั่นขบเคี้ยวฟันตัวเองอย่างอดกลั้น ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ แต่เฝิงหนานก็พอจะรู้ว่าเขากำลังโมโหจนแทบบ้าอยู่แน่ๆ

“คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง? ทำไมถึงได้ไปพูดอะไรมั่วๆ กับพวกนักข่าวแบบนั้น?”

หล่อนปล่อยข่าวให้กับพวกนักข่าวไปโดยพละการ เพื่อที่จะฉกฉวยโอกาสและสร้างความสนใจ โชคดีที่ข่าวร้อนเกี่ยวกับงานหนังภาพยนตร์ยังไม่ผ่านพ้นไป อีกทั้งยังมีข่าวใหญ่จากหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ อีก ข่าวที่เกี่ยวกับเขาจึงถูกกลบและไม่ได้กลายเป็นข่าวใหญ่อะไรนัก และมันก็ไม่ได้กลายเป็นประเด็นใหญ่อย่างที่เฝิงหนานคาดหวังเอาไว้ จึงไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมาย

ตอนที่ตระกูลจ้าวเห็นข่าวนี้ออกมา ก็รีบจัดการในทันที ไม่อย่างนั้นจะต้องส่งผลกระทบต่อการร่วมมือระหว่างตระกูลเฝิงและตระกูลจ้าวแน่ๆ

จ้าวจวินฮั่นคิดถึงตรงนี้ ก็ได้แต่กัดฟันตัวเองแน่น

“คุณอย่าลืมนะ วงการบันเทิงมันก็แค่เรื่องเล่นๆ ความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจจงหนานและเจียงหัวกรุ๊ปต่างหากที่สำคัญที่สุด แล้วคุณออกไปพูดมั่วๆ แบบนี้ มันจะส่งผลดีต่อคุณสักแค่ไหนกันเชียว?”

เพราะว่ามีตระกูลเฝิง เพราะว่ามีวิสาหกิจจงหนานไม่ใช่หรือ หล่อนถึงอยู่ในวงการบันเทิงได้เหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ ถ้าไม่มีตระกูลเฝิง หล่อนจะเป็นอะไรได้? แค่คนในวงการก็สามารถฉีกหล่อนกินทั้งเป็นได้แล้ว!

ได้ยินมาว่าหล่อนไม่ได้แค่ตั้งใจปล่อยข่าวให้กับนักข่าวในวงการบันเทิงเท่านั้น เหมือนกับว่าหล่อนจะทะเลาะกับเฝิงจงเหลียงด้วย แถมยังย้ายออกจากบ้านตระกูลเฝิงอีก ทะเลาะกันจนเหมือนจะกลับมาสานสัมพันธ์กันไม่ได้อีก ราวกับว่าเกินที่จะเยียวยาอย่างไรอย่างนั้น

“การร่วมมือระหว่างตระกูลเฝิงและตระกูลจ้าวงั้นหรือ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันมิทราบ?”

พอได้ยินได้ฟังสิ่งที่จ้าวจวินฮั่นกำลังระเบิดออกมาแล้ว หล่อนก็เกิดสบายใจขึ้นมามากเสียอย่างนั้น

“ระหว่างเราสองคนมันจบแล้ว ส่วนเรื่องเจียงหนานบันเทิง เงินที่คุณลงทุนไป คุณก็ดึงออกไปได้เลย พวกเราเลิกกันเถอะค่ะ”

เฝิงหนานพูดออกไป พูดจบก็กำลังจะวางสาย แต่จ้าวจวินฮั่นก็พูดขึ้นมา

“เลิกกัน?”

เขาหัวเราะออกมาเสียงดังเสียยิ่งกว่าเฝิงหนาน

“คุณมีอะไรที่จะมาบอกเลิกกับผมกัน? อย่างในงานหนังภาพยนตร์นั่น ที่ผมยอมเสียเงินเพื่อแค่ให้คุณได้รางวัลนักแสดงหน้าใหม่เล่นๆ นั่นน่ะหรือ? ที่ลงทุนไปกับหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ แล้วได้ผลตอบแทนมาแค่ยิบย่อยไร้ค่านั่นน่ะหรือ นี่คุณคิดว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าหรือยังไง?”

คำพูดของจ้าวจวินฮั่นทำให้เฝิงหนานโมโหขึ้นมาไม่น้อย เพียงเพราะแค่ก่อนหน้านี้หล่อนมีเงินส่วนตัวที่จะไปลงทุนไม่มากพอ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่ายอดขายบัตรหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจางจิ้งอานจะทำเงินได้ เงินที่ลงทุนก็จะได้กลับมาอย่างรวดเร็ว แต่เงินที่ลงทุนไปก็ยังมีไม่มากพอ

ตอนแรกๆ ที่มาเกิดใหม่ หล่อนเองก็ถือว่าสนิทแนบชิดกับจ้าวจวินฮั่นในระดับหนึ่งแล้ว ถึงได้เสนอว่าให้ร่วมลงทุนหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ด้วยกัน และให้เขาเป็นฝ่ายออกเยอะหน่อย

ถ้าไม่มีหล่อน แล้วคนอย่างจ้าวจวินฮั่นจะมาได้เงินจำนวนหนึ่งง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง? แล้วเขามีสิทธิ์อะไรที่จะมาพูดกับหล่อนแบบนี้?