259

บทที่ 259 ตัวประกอบ

เจียงเซ่อไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับรางวัลนี้นัก เพราะยังไงครั้งนี้ทางซื่อจี้หยินเหอเองก็มีส่วนที่ทำให้เธอได้ ‘รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม’ นี้มา นอกจากเซี่ยเชาฉวินที่ใช้คอนเนคชั่นของตัวเองอย่างสุดความสามารถแล้ว ทางบริษัทเองก็ถือว่าลงทุนไปเยอะพอสมควร

โม่อานฉีปรบมืออย่างกระตือรือร้น ตอนนี้ผู้ที่กำเป็นคนกำหนดรูปแบบรายการกำลังให้กล้องหันมาที่เจียงเซ่อ เธอกำลังดึงชายกระโปรงขึ้น และก้มโค้งขอบคุณให้กับทุกๆ คนไปรอบๆ จากนั้นก็เดินขึ้นเวทีไป

เธอที่อยู่ในชุดราตรีสีขาวสะอาดทำให้เป็นที่จับจ้องของเหล่าผู้ชมทางอินเทอร์เน็ตไม่น้อย ถึงแม้ว่าการที่เธอเป็นคนที่ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จะยังเป็นที่ไม่พอใจให้กับใครหลายๆ คน แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มที่สังเกตเจียงเซ่อมาตั้งแต่ต้น ว่าทุกครั้งที่เธอต้องออกมาอยู่ต่อหน้าฝูงชน เสื้อผ้าหน้าผมของเธอมันน่าตะลึงมากจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นชุดกระโปรงที่ใส่ในรายการ ‘คนดังนั่งคุย’ หรือจะเป็นรูปที่เธอถ่ายแบบในงานต่างๆ หรือแม้แต่ในตอนที่เธอปรากฏตัวในงานประกาศเซ็นสัญญาของกังหัว จนมาถึงชุดราตรีสีขาวในงานหนังภาพยนตร์ในตอนนี้ ทุกครั้งเธอได้สวมชุดก็จะดูสง่างามสุดๆ และมันก็ดูเหมาะสมกับในทุกๆ งาน มันสื่อบุคลิกอันโดดเด่นของตัวเองออกมา เห็นแล้วก็ยากที่จะไม่ชอบได้

“ยินดีด้วยครับ เจียงเซ่อ”

พิธีกรชายที่กำลังถือถ้วยรางวัลทูตสวรรค์ถามขึ้น “ในหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ การแสดงของคุณถือว่าโดดเด่นมากจริงๆ นะครับ การที่ได้รับรางวัลนี้ มีอะไรอยากจะกล่าวกับทุกๆ คนไหมครับ?”

เซี่ยเชาฉวินได้เตรียมสคริปคำพูดในตอนที่เธอได้รับรางวัลให้เรียบร้อยแล้ว สิ้นเสียงของพิธีกร เจียงเซ่อก็พยักหน้าให้ และเดินเข้าไปรับรางวัลด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าเทียบกับรางวัลแล้ว สิ่งที่ฉันรู้สึกดีใจไม่น้อยคือการได้รับการยอมรับจากเหล่ารุ่นพี่......”

ท่วงท่าและการพูดของเธอ มันไม่ได้มีความตื่นเวทีทั้งๆ ที่เป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ เธอสามารถวาดรอยยิ้มให้กับกล้องทุกๆ ตัวที่อยู่ในงาน

ส่วนเฝิงหนานที่นั่งอยู่ข้างล่างเวทีก็กำลังจิกขาตัวเองแน่น และเหมือนว่าจะยังสามารถยั้งสติตัวเองได้อยู่

ตอนนี้หล่อนได้สูญเสียต้นทุนจากรางวัลอันสำคัญในงานหนังภาพยนตร์ไปแล้ว ตั้งแต่ที่มาเกิดใหม่ เฝิงหนานก็ได้วางแผนและกำหนดชีวิตให้ตัวเองกลายเป็นดาราสาวชั้นเยี่ยมมาโดยตลอด ตอนที่รับเล่นหนัง หล่อนก็เลือกที่จะรับแต่หนังที่มันดังและได้รับคำสรรเสริญสุดๆ มาแล้วในโลกก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ

แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ หล่อนได้แสดงหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ แต่ตอนนี้กลับพลาดรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไป อีกรางวัลหนึ่งที่หล่อนพอจะยังหวังได้ ก็คือมีแต่รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแล้ว

แต่ถ้าเทียบกับรางวัลที่เจียงเซ่อได้ไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่มันก็เป็นเหมือนแค่รางวัลปลอบใจก็เท่านั้นเอง

ความสิ้นหวังมันวนเวียนอยู่ในใจของเฝิงหนานไม่หยุด หล่อนแทบจะปั้นหน้ายิ้มไม่ไหวแล้ว หล่อนไม่ได้หันไปมองจ้าวจวินฮั่นที่อยู่อีกด้านด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะในโลกก่อนหน้านี้เธอเอาแต่มองว่าจ้าวจวินฮั่นเป็นคนที่สามารถทำได้ทุดอย่าง ดังนั้นมันก็เลยทำให้เธอเชื่อในตัวเขามาโดยตลอด แต่ไม่คิดเลย ว่าความสามารถของจ้าวจวินฮั่นจะมีแค่นี้

จางจิ้งอานหันหน้าไปมองเฝิงหนานแวบหนึ่ง ท่าทางเล็กๆ ของเฝิงหนานก่อนหน้านี้ เขาเองก็เห็นกับตาเช่นกัน

รางวัลสำหรับคนในวงการบันเทิงนั้น มันมีกฎเกณฑ์ที่ยุติธรรมของมันอยู่แล้ว เฝิงหนานมีฝีมือการแสดงที่ไม่เลว ฐานะก็ดี แถมว่าที่สามีก็มีอำนาจการเงินมหาศาล แต่ที่สิ่งด้อยลงไปก็คือการมีผู้จัดการที่ดี เพราะผู้จัดการของหล่อนนั้นไม่มีคอนเนคชั่นดีเลยสักคน

แต่ถึงแม้ว่าการตัดสินใจของเหล่ากรรมการจะมีความเที่ยงตรงและยุติธรรมมากแค่ไหน แต่แค่มันมีการเห็นแก่ได้ขึ้นมา มันก็ไม่สามารถทำตามสองข้อแรกนั้นได้แล้ว

กรรมการแต่ละคนต่างมีสิ่งที่ชื่นชอบและถูกใจไม่เหมือนกัน ระหว่างเหล่ากรรมการเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ครั้งนี้เจียงเซ่อได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไป ก็ได้ยินมาบ้างว่าโหวซีหลิ่งก็ถึงกับออกหน้าเชิญเพื่อนเก่าออกมาดื่มชาเหมือนกัน

บวกกับที่ในเรื่อง ‘The occasion of Beiping’ นั้น บทที่เจียงเซ่อได้รับมันก็เป็นแค่บทง่ายๆ เพราะบุคลิกของเธอมันก็ดูสง่าอยู่แล้ว แล้วมาเล่นบทโต้วโค่วที่มีสภาพตกระกำลำบาก มันก็ยิ่งทำให้คนเกิดความสงสารเวทนาในสิ่งที่เธอได้รับ และมันก็จะกลายเป็นความรู้สึกดีๆ สำหรับเธอแทน

ภาพของเธอที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ แม้แต่สายตาของจางจิ้งอานเองก็ยังเป็นประกาย ในใจก็คิดหาคำตอบ ว่าถ้าหากตนเองต้องกำกับหนังในยุคสาธารณรัฐแล้ว เจียงเซ่อจะสามารถเป็นแสดงเป็นบทแบบไหนได้กัน

การที่ครั้งนี้ซื่อจี้หยินเหอทำทุกอย่างเพื่อให้เธอได้รางวัล ก็ถือว่าเป็นการยอมรับงานประกาศรางวัลภาพยนตร์หัวเซี่ยในครั้งต่อไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความประทับใจ เฝิงหนานก็ถือว่าไม่ได้เสียเปรียบอะไร

ถ้าเทียบกับจ้าวรั่วจวินและดาราหญิงคนอื่นๆ แล้ว หล่อนก็ถือว่ามีความสามารถด้านการแสดงพอสมควร ในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ฉากที่คุณหนูเอกุชิโดนทหารญี่ปุ่นทำร้ายหยามเหยียดนั่นหล่อนก็แสดงออกมาได้ดีมากทีเดียว แต่หล่อนยังขาดความเข้าใจต่อวงการนี้น้อยไปเสียหน่อย

เขาหันไปมองที่หลิวเย่บ้าง ตอนนี้สีหน้าของหลิวเย่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง เจียงเซ่อยังคงพูดขอบคุณอยู่บนเวที เขายังจำตอนที่เด็กสาวคนนี้ไปวิ่งเป็นตัวประกอบในกองถ่ายหนังของตัวเองได้อยู่เลย สองมือของจางจิ้งอานยกขึ้นกอดอก แล้วถามหลิวเย่ขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ได้ยินมาว่า จ้าวร่างสนใจที่จะให้นายไปเป็นนักแสดงหลักในหนังเรื่องต่อไปของเขาหรือ คู่กับเจียงเซ่อ?”

ก่อนหน้านี้หลิวเย่ไม่เคยตอบตกลงเลยสักครั้ง ยิ่งเป็นเขาที่อยู่ในจุดๆ นี้แล้ว มีทั้งเงินทองและชื่อเสียงไม่ขาดสาย แถมยังเป็นคนที่รักษาชื่อเสียงตัวเองมากเสียด้วย

หนังเรื่อง ‘Evil’ ก็ถือว่าไม่เลวเลย แต่ก็เป็นเพราะว่าบทนางเอกคือเจียงเซ่อมันจึงทำให้เขายังลังเลอยู่แบบนี้ บวกกับผลงานต่างๆ ในก่อนหน้านี้ของจ้าวร่างเองก็ไม่ใช่ภาพยนตร์แนวนี้เลย มันยิ่งทำให้หลิวเย่ไม่อยากที่จะไปเสี่ยง

แต่ในตอนนี้ที่เจียงเซ่อได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม กลับทำให้หลิวเย่ต้องลองให้ความสำคัญกับเธอบ้างแล้ว

จริงๆ การให้รางวัลของงานหนังภาพยนตร์ก็ถือว่ามีกฎกติกาพิเศษอยู่แล้ว จะไปชักชวนดึงความสนใจในภายหลังก็ยังได้ แต่ถ้ามองจากปัจจัยที่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว เจียงเซ่อเองก็ถือว่ามีกำลังสูง เธอถึงได้มาร่วมในงานนี้ แถมยังได้รางวัลอีก

อย่างไรเสียถ้านักแสดงมีชื่อเสียงขึ้นมาโดยที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริงละก็ บารมีและชื่อเสียงของงานหนังภาพยนตร์เองก็คงจะได้รับความเคลือบแคลงใจไปด้วย และแน่นอนว่าทางผู้จัดคงไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ

“ซูเพ่ยเอินเองก็เป็นหนึ่งในกรรมการตัดสินในครั้งนี้ ว่ากันว่า ใบโหวตที่อยู่ในมือเขาได้ลงโหวตให้กับเจียงเซ่อไป”

หลิวเย่ไม่พูดอะไร จางจิ้งอานยิ้มๆ แล้วแกล้งปล่อยข้อมูลที่รู้มาออกไป

ซูเพ่ยเอินถูกยกย่องให้เป็นนักวิจารณ์หนังอันดับหนึ่งของประเทศ ความรู้เขากว้างขวาง ทั้งสายตามุมมองและการวิเคราะห์แยกแยะก็โดดเด่นไม่เหมือนใคร ถ้าหากบอกว่าหลิวเย่ไม่เชื่อมั่นในการตัดสินของงานหนังภาพยนตร์ว่าจะเที่ยงตรงและยุติธรรมไปซะทั้งหมดแล้วละก็ งั้นสำหรับตัวซูแพ่ยเอินหลิวเย่กลับไม่มีความสงสัยในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

เพราะคนๆ นี้ไม่เคยใช้ความสนิทหรือความสัมพันธ์มาหน่วงเหนี่ยวตัวเองเอาไว้ ทุกครั้งที่ลงคำวิจารณ์หนังมันก็มาจากความรู้สึกจริงๆ เป็นมุมมองของตัวเองจริงๆ เสมอ คงไม่ทางที่จะมาใจกว้างให้ใครแม้แต่คนที่สนิทเป็นพิเศษแน่ๆ ก่อนหน้านี้ที่เขียนคำวิจารณ์ให้กับ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ไป เขาก็วิจารณ์ออกมาได้อย่างเป็นกลาง ทำให้คำ สรรเสริญหนังของจางจิ้งอานยิ่งดูดีมากขึ้น เขาพูดถึงตัวละครในหนัง และทำให้เกิดความแปลกใจด้วยการพูดถึงบทตัวประกอบ

“ผมจำได้ว่าตอนที่ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เขาเองก็เคยชมเจียงเซ่อไปเหมือนกันสินะครับ?”

หลิวเย่หันหน้าไปถามเบาๆ จางจิ้งอานขำๆ แล้วตอบกลับ

“เขาดูชื่นชอบเจียงเซ่อมากเลยล่ะ หลิวเย่ หนังเรื่องใหม่ของจ้าวร่างถือว่าโอเคเลยนะ นายเองก็พิจารณาดูเสียหน่อยแล้วกัน”

ถ้าใบโหวตของซูเพ่ยเอินใบนั้นเป็นของเจียงเซ่อ ก็คงจะเป็นอย่างที่จางจิ้งอานบอก หลิวเย่คงต้องลองคิดดูแล้วจริงๆ หนังเรื่องนั้นมันดีก็จริง แต่สุดท้ายเขาก็ยังต้องคิดอีกนิด

“ไม่ต้องรีบหรอกครับ เอาไว้อีกนิดค่อยคิดจริงจังก็ได้”

ทั้งสองคนกระซิบคุยกันอยู่ข้างล่างเวที และเจียงเซ่อที่อยู่บนเวทีก็พูเสร็จพอดี และกำลังเดินถือรางวัลลงจากเวทีมา

จากนั้นก็มอบรางวัลไปอีกหลายรางวัล เท่าที่เฝิงหนานจำได้ว่ารางวัลบทหนังภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั้นตกเป็นของหนังเรื่อง ‘The Occasion pf Beiping’ ส่วนรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก็คือจางจิ้งอานจากเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’

แต่รายชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ที่เฝิงหนานได้ยินจากบนหน้าจอนั่นก็คือ

“‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เฝิงหนาน” เพิ่งจะฝืนยิ้มขึ้นมาได้เพียงนิดเดียว เสียงอธิบายประกอบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“‘The Occasion of Beiping’ เจียงเซ่อ...... ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ เจียงเซ่อ”

รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในครั้งนี้ เจียงเซ่อเองก็มีชื่อเข้าชิงทั้งสองเรื่อง!

ไม่ว่าเธอจะได้รับความสำเร็จในวันนี้หรือไม้ แต่การที่ได้ถูกเรียกชื่อถึงสามครั้งภายในคืนเดียวแบบนี้ มันก็เหมือนว่าเธอผู้ชนะที่ได้รับรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในงานนี้แล้ว!