webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

249

บทที่ 249 แนะนำส่งเสริม

สิ่งต่อไปที่เจียงเซ่อจะต้องฟันฝ่าก็คือหนังฟอร์มใหญ่ แต่ก่อนเธอไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการแสดงเลยสักนิดเดียว อีกทั้งก็ไม่ได้เลือกเรียนโรงเรียนสอนการแสดง ข้อด้อยจากการที่เธอไม่ได้เลือกเรียนเฉพาะทางมาตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับเป็นจุดเด่นของเธอ

เป็นเพราะเธอไม่ได้เรียนทางด้านวิชาการแสดงโดยตรง ทำให้หนังที่เธอรับเล่นหลังจากที่เข้ามาในวงการบันเทิงนั้น ทั้งสองเรื่องเธอก็ได้เล่นแค่บทตัวประดับ และทำให้คนอื่นๆ คิดว่าเธอคงมีดีแค่ความสวยเพียงอย่างเดียว

แต่เป็นเพราะว่าเธอตั้งใจและขยันที่จะเรียนรู้ รู้จักเปิดใจที่จะรับความคิดเห็นของคนอื่น และรู้จักที่จะค้นหาวิธีของตัวเองเพื่อทำให้มันสำเร็จ อีกทั้งยังสามารถหาเอกลักษณ์ในการแสดงของตัวเองออกมาได้ด้วย

หลังจากที่เหลียงชุนปอได้พูดคุยกับเจียงเซ่อหลายวัน มันก็ยิ่งทำให้เขามองเธอในทางที่ดีมากขึ้น เธอไม่ได้เป็นเหมือนที่เหลียงชุนปอคิดเอาไว้เลยสักนิด

พอเข้ามาในกองละครเวทีเธอก็วางคำว่าเป็นลูกศิษย์ของฉางยวี่หูเอาไว้ ถึงจะเป็นคนที่อยู่เหนือคนอื่น แต่เธอก็ให้ความเคารพต่อรุ่นพี่เสมอ และความเคารพเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นแค่วาจา แต่เธอแสดงออกมาทางการกระทำ

พูดคุยกันมาก็เยอะแล้ว และเหลียงชุนปอก็ได้รู้ว่าการที่เจียงเซ่อมาที่โรงละครเวทีแห่งนี้ และการที่เธอเลือกที่จะลองแสดงเป็นขุนศึกนั้น ก็เป็นเพราะว่าเธอกำลังเตรียมตัวที่จะถ่ายทำหนังเรื่องใหม่

และหลังจากที่ได้รู้ถึงบทที่เธอต้องแสดงแล้ว เหลียงชุนปอก็เต็มใจที่จะให้คำแนะนำแก่เธอ

“เซ่อเซ่อ เธอจะต้องสวมบทเป็นคนที่กำลังสูญเสียลูกสาวเพียงคนเดียวไป เป็นแม่คนหนึ่งที่กำลังสิ้นหวัง ทั้งในแววตา อารมณ์ และบทที่เธอจะต้องพูดก็ต้องตั้งใจพยายามเป็นอย่างมาก”

เขาพูดอย่างยิ้มๆ แล้วมองเจียงเซ่อ

“แต่เธอเคยคิดบ้างหรือเปล่า ท่าทางภายนอกของแม่คนคนนี้ต้องมีลักษณะเป็นอย่างไร?”

และแน่นอนว่าเจียงเซ่อเองก็มีสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้แล้วสำหรับปัญหานี้ ในตอนแรกที่จางยวี่ฉินต้องใช้ชีวิตอย่างตายทั้งเป็น ลูกสาวของเธอเป็นเหมือนดั่งทั้งชีวิตของเธอ ในทุกๆ วันเธอตั้งใจทำงาน ไม่มีแม้แต่วันลาหยุดเพื่อดูแลตัวเอง ภายนอกเธอจะต้องดูดีก็จริง แต่ก็ต้องมีสภาพที่ผ่านโลกมาอย่างมากมาย

จากนั้นเธอก็พูดถึงวิธีที่อยู่ในใจของตัวเองออกมาให้เหลียงชุนปอฟัง และเหลียงชุนปอเองก็เห็นด้วยกับความคิดของเธอ แต่ก็ยังส่ายหัวอยู่

“เธอพูดถูก แต่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ”

บางอย่างที่ต้องสร้างสรรค์จากภายนอก ทั้งรอยแผลเป็น และสภาพจนตรอก นั่นมันก็ยังสามารถส่งให้เป็นหน้าที่ของช่างแต่งหน้าได้ แต่สิ่งที่จะมาทำให้มันแกร่งขึ้นก็คือความรู้สึก “แต่ถึงจะมีช่างแต่งหน้า จะยังไงก็ต้องพึ่งตัวเธอเองด้วย”

“อาจารย์เหลียง แนะนำฉันหน่อยนะคะ”

เจียงเซ่อชะงักไป ก่อนจะรีบขอให้เหลียงชุนปอแนะนำอย่างรวดเร็ว การตอบสนองของเธอนั้นทำให้เหลียงชุนปอพอใจไม่น้อย เขายิ้มแล้วพูดต่อ

“หญิงสาวคนหนึ่ง ที่สูญเสียความเชื่อมั่นจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีและครอบครัว และได้มอบใจทั้งหมดให้กับลูกสาว และงาน ดังนั้นจะต้องมีสภาพที่เหนื่อยล้าและดูอ่อนแอ เธอจะต้องผอมเป็นอย่างมาก”

แต่ความผอมแบบนั้น ก็ต้องผอมแบบเห็นกระดูก ถึงจะสามารถสื่อถึงสิ่งในชีวิตที่ขัดเกลาเธอนั้นมีความโหดร้ายมากแค่ไหน

พูดถึงตรงนี้ เหลียวชุนปอก็มองเจียงเซ่อแวบหนึ่ง

“แววตาของเธอถือว่าให้ความรู้สึกได้ดีเลยนะ น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางก็สื่อออกมาได้ดีเหมือนกัน แต่เป็นเพราะรูปร่างภายนอกของเธอ มันดูไม่เหมือนกับคนที่เคยโดนทำร้ายมาก่อนเลย”

เจียงเซ่อดูสวยสง่า แก้มทั้งสองข้างก็ดูเอิบอิ่ม ใบหน้าเรียวรีสวยตามมาตรฐาน ผิวพรรณกระจ่างใส เนื้อตัวร่างกายก็ดูมีน้ำมีนวล ไม่ว่ามีการแสดงเธอจะเป็นอย่างไร จะสามารถกลั่นกรองความรู้สึกท่าทางของจางยวี่ฉินออกมาได้ดีแค่ไหน แต่รูปร่างภายนอกที่เป็นแบบนั้นแล้ว ให้พูดตรงๆ เธอก็ดูไม่ตรงตามลักษณะของนางเอกในเรื่องเสียเท่าไหร่

คำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากความฝัน เจียงเซ่อยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง ตั้งแต่เริ่มแรก เธอก็ไม่เคยคิดถึงปัญหาตรงนี้เลย ดีที่เหลียงชุนปอเตือนเธอขึ้นมาตอนนี้

“เป็นเพราะฉันสะเพร่าเองจริงๆ ขอบคุณอาจารย์มากนะคะที่เตือนขึ้นมา”

เธอลุกขึ้นแล้วก้มตัวขอบคุณเขาทีหนึ่ง เหลียงชุนปอเองก็รับคำขอบคุณนั้น พร้อมกับสายตาที่ดูอ่อนโยนขึ้นมาก

“นักแสดงที่ดี นอกจากจะต้องให้ความสำคัญกับภาษากาย รูปร่างหน้าตาก็ถือว่าเป็นฝีมือการแสดงอย่างหนึ่ง มันจะสามารถเพิ่มแรงการพูดจูงใจคนอื่นให้เธอได้ด้วย”

แน่นอนว่าสิ่งที่เหลียงชุนปอแนะนำนั้นเป็นสิ่งที่ต้องได้ใช้แน่นอน แต่ทว่าตัวเจียงเซ่อเองก็ยังมีสัญญาแบรนด์ แอมบาสเดอร์อีกสองอย่าง เป็นแบรนด์กางเกงยีนส์ Adeele และแบรนด์ Gang Hua Jewelry และสัญญาทั้งสองอย่างนี้ก็มีระบุเรื่องเรือนร่างน้ำหนัก และเรื่องชื่อเสียงต่างๆ ที่ถือเป็นเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม ถ้าเธอคิดที่จะลดน้ำหนักละก็ เธอก็จะต้องพูดคุยเรื่องนี้กับเซี่ยเชาฉวินเสียก่อน

ตอนที่ออกมาจากโรงละครแล้ว ก็ปาเข้าไปประมาณสิบโมงพอดี เธอโทรหาโม่อานฉีก่อน ตอนที่ออกมา ข้างนอกก็มีฝนตกปรอยๆ โม่อานฉีถือร่มรอเธออยู่หน้าประตู มืออีกข้างก็มีชุดคลุมตัวหนึ่ง แถมยังอุ้มฮอตแพ็ค*ถุงร้อนเอาไว้ในอ้อมอกด้วย

รถจอดอยู่ตรงหน้า เจียงเซ่อดื่มชาร้อนๆ เข้าไปหลายจิบ พอขึ้นรถมาแล้วถึงค่อยถอนหายใจออกมา ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาและกดติดต่อหาเซี่ยเชาฉวินทันที

เมื่อเจ็ดวันก่อนเซี่ยเชาฉวินก็เพิ่งกลับมาที่ตี้ตู เสียงรอสายของเจียงเซ่อดังอยู่สองสามที หล่อนก็รับสายเธอแล้ว

“มีอะไร?”

เสียงของหล่อนดังฟังชัด แต่ก็ยังได้ยินเสียงเหมือนกับลังเปิดดูเอกสารดังขึ้นมาด้วย ดูท่าว่ากำลังยุ่งอยู่แน่ๆ

“พี่เชาฉวินคะ รบกวนเวลาพี่สักห้าที”

เจียงเซ่อติดต่อหาเซี่ยเชาฉวินเองแบบนี้มีไม่บ่อย ถ้าเทียบกับตัวศิลปินทั่วๆ ไปแล้ว เธอเองก็ถือว่าควบคุมตัวเองได้ดีเกินไปด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่เซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอมา นอกจากครั้งนั้นที่สวีป่ายซิงโดนทำร้ายที่ฮ่องกง เจียงเซ่อก็ไม่เคยทำให้หล่อนต้องวุ่นวายอีก และมันก็ทำให้เซี่ยเชาฉวินไร้ความกังวลใจไปได้

ดังนั้นพอเธอขอเวลา หล่อนก็ยอมที่จะละสายตาออกจากโต๊ะทำงานแล้วพูดขึ้น

“ว่ามาสิ”

“คือฉันกำลังเตรียมตัวที่จะถ่ายทำหนังเรื่อง ‘Evil’ และตั้งใจที่จะลดน้ำหนักสักเจ็ดกิโล กับเรื่องที่เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ จะมีผลกระทบอะไรไหมคะ”

เมื่อเจียงเซ่อพูดจบ เซี่ยเชาฉวินก็เงียบไปอยู่พักหนึ่ง

ก่อนอื่นเลยคือเธอสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่ เมื่อลองเทียบกับก่อนที่จะมาเกิดใหม่แล้ว ตอนนี้เธอสูงกว่าแค่เซนเดียว น้ำหนักคือห้าสิบห้ากิโลกรัม ก็ถือว่ายังรักษามาตรฐานเอาไว้เป็นอย่างดี ถ้าลดน้ำหนักไปอีกเจ็ดกิโล สำหรับตัวเจียงเซ่อแล้ว มันก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสมดีแล้ว และก็ควรที่จะรักษาระดับเอาไว้

หลังจากที่ถามเหตุผลที่อยากจะลดน้ำหนักจนแน่ชัดแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง

“เรื่องนี้ต้องรอก่อน หลังจากงานรางวัลภาพยนตร์ผ่านไปแล้วฉันจะหานักโภชนาการให้เธอดู ครั้งนี้ข่าวที่ฉันได้ยินมา คือหนังทั้งสองเรื่องของเธอจะถูกส่งเข้าชิงในงานรางวัลหนังภาพยนตร์ ในใบรายชื่อกรรมการ ฉันลองเอามาดูๆ แล้ว มีอยู่สี่คนที่น่าจะมีผลดีต่อเธอ โอกาสที่เธอจะโดยเรียกชื่อมีอยู่มาก ช่วงนี้เธอก็ปล่อยวางเรื่องซ้อมไปก่อน ช่วงนี้ก็ไม่ต้องไปที่เรือนจำแล้ว แล้วเดี๋ยวฉันจะส่งข้อมูลรายชื่อคนสำคัญในงานนี้ให้ เธอก็จำๆมันหน่อยล่ะ”

งานประกาศรางวัลภาพยนตร์นานาชาติของหัวเซี่ยจะจัดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือนธันวาคม จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมนานาชาติอ้าวหลิน ในหนึ่งเดือนก่อนหน้าที่จะถึงก็เริ่มมีการจัดสถานที่งานขึ้นมาแล้วด้วย

งานหนังภาพยนตร์นานาชาติจะมีในทุกๆ สามปี ถึงวันนั้นแล้วก็จะมีทั้งผู้กำกับ ศิลปินนักแสดงและผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงมากมายไปเข้าร่วม และตอนนี้ก็จะมีกรรมการและนักข่าวจากทั่วทุกมุมโลกมาที่ตี้ตู เพื่อเข้าร่วมงานที่แสนยิ่งใหญ่ในครั้งนี้

รายชื่อกรรมการภาพยนตร์มีถึงสามสิบคน รานชื่อกรรมการเหล่านี้ก็ต้องระวังให้มากๆ ด้วย เพราะพวกเขาล้วนเป็นคนที่มีชื่อเสียงจากสาขาอาชีพต่างๆ ในมือของทุกคนจะมีบัตรหนึ่งใบ ซึ่งมันเป็นบัตรที่เกี่ยวกับรางวัลภาพยนตร์อีกด้วย

กับหนังที่ได้รับรางวัล ก็ไม่ได้แค่หมายความว่าได้รับรางวัลเท่านั้น แต่มันยังเป็นการยืนยันถึงความสามารถของและฝีมือการแสดงของนักแสดงอีกด้วย หลังจากที่ได้รางวัลแล้ว ก็จะเริ่มมีผู้กำกับและทุนมากมายเข้ามาหา

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ในทุกๆ ปีของเวลานี้ ทั้งทุนและผู้กำกับมากมาย จะมารวมตัวกันอยู่ในงานอันแสนยิ่งใหญ่นี้ และมันก็มีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับเหล่านักลงทุน ช่างถ่ายหนัง และพระนางที่ทุกคนได้รับเลือก

งานหนังภาพยนตร์ที่จัดขึ้นในทุกๆ สามปีนั้น ก็ล้วนแล้วเป็นเพราะบริษัทตัวกลาง ตัวดาราและรวมไปถึงผู้กำกับที่ตั้งใจทำงานขึ้นมา ใครๆ ก็หวังที่จะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ และหวังที่จะได้รางวัล เพื่อที่จะสามารถทำงานต่อไปในวงการนี้ได้อย่างราบรื่น ดังนั้นลำดับขั้นตอนจึงเป็นไปอย่างดุเดือด เหมือนเป็นไฟสนามรบที่ไม่มีวันมอด