webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

214

บทที่ 214 ดูหนัง

งานหนังรอบปฐมทัศน์ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เจียงเซ่อได้มาเข้าร่วม พอกู้เจียเอ่อเห็นว่าเจียงเซ่อมาถึงแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเพราะก่อนหน้านี้เธอช่วยเขาเอาไว้หรือเปล่า เขาถึงได้แสดงออกว่าชอบเธอขนาดนั้น ทั้งๆ ที่เขาเดินมาพร้อมกับสื่อใหญ่ต่างๆ แต่เขาก็ยังตั้งใจที่จะพูดถึงเจียงเซ่อขึ้นมา

สำหรับนักข่าวฝึกงานตามสื่อต่างๆ เถาเถาเองก็ได้เชิญให้มางานหนังรอบปฐมทัศน์ในครั้งนี้พร้อมๆ กับรุ่นพี่ด้วย

ตอนที่หล่อนเห็นว่าเจียงเซ่อเดินออกมา ในใจของหล่อนมันก็เต้นลิงโลดด้วยความดีใจ

แต่น่าเสียดาย ถึงแม้ว่าเจียงเซ่อเองก็เดินขึ้นเวทีไปพร้อมๆ กับกู้เจียเอ่อ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เพราะส่วนมากเธอจะเป็นฝ่ายนั่งรับฟังสิ่งที่คนอื่นพูดคุยกันมากกว่า มีบางครั้งที่นักข่าวทำอะไรเธอบ้าง แต่เธอก็ตอบกลับสั้นเหลือเกิน

พอไม่ได้ข่าวอะไรใหม่ๆ จากปากของเธอเลย ความสนใจของทุกๆ คนก็ผละออกจากเธอไปในทันที

เถาเถารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย น่าเสียดายที่การสัมภาษณ์ในวันนี้เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่เท่านั้น เลยมาไม่ถึงเธอให้ได้เปิดปากถามอะไรบ้าง

หลังจากที่นักแสดงหลักทั้งหลายได้ให้สัมภาษณ์แก่นักข่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กู้เจียเอ่อก็กล่าวอะไรอีกนิดหน่อย จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงเปิดหนังเสียที

ไฟรอบๆ ห้องถูกปิดลง ฉากแรกของหนังก็คือภาพแสงไฟหลากสีในเมืองใหญ่ รถแต่ละคันที่วิ่งตัดกันไปมาอย่างรวดเร็วอยู่บนถนน เหมือนเป็นเครื่องหมายสำหรับชีวิตของคนในปัจจุบัน

‘ติ้งกริ๊งกริ๊ง’ เสียงแจ้งเตือนของมือถือดังขึ้น ต่อจากเสียงแจ้งเตือนของมือถือ กล้องก็ค่อยๆ แพนไปในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง พระเอกอย่างโจวหรงเซินกำลังนั่งทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ ดวงตาของเขาจ้องมองอยู่บนจอคอมไม่มองไปทางอื่นเลยสักนิด

เสียงมือถือดังขึ้นหลายครั้งแล้ว เขาถึงค่อยยื่นมือไปจับมัน แต่ยังไม่ทันได้รับสาย คนที่โทรมาก็ตัดไปเสียก่อน

เขาถอนหายใจออกมา แล้วโยนมันกลับไปที่เดิม และหันกับไปจดจ่ออยู่กับงานอีกครั้ง

แค่ฉากง่ายๆ ฉากหนึ่ง ก็สามารถบอกถึงนิสัยของพระเอกคนนี้ได้แล้ว เขาชอบทำงาน และชอบมองข้ามสิ่งอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวไป

ตรงนี้กล้องได้ถ่ายไปยังหน้าจอมือถือที่มีชื่อขึ้นอยู่ด้วย บนหน้าจอนั่นมันขึ้นชื่อของคนที่เพิ่งโทรมาเอาไว้ว่า ‘หยางอวิ๋น’ เช่นเดียวกันกับตัวเลขเวลาที่บอกว่าตอนนี้มันสามทุ่มครึ่งแล้ว

เนิ่นนานพอสมควร ประตูห้องก็มีเสียงถูกกุญแจไขเข้ามา ประตูถูกเปิดออก หญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดเดรสสีแดงและมืออีกข้างก็มีช่อดอกไม้ มือข้างที่ถือกระเป๋าอยู่เอื้อมไปผลักประตูปิด แล้วค่อยๆ ก้มตัวลงถอดรองเท้าตัวเองออก

ฉากๆ นี้ตอนที่กำลังถ่ายทำ เจียงเซ่อก็ได้เห็นตอนที่ไต้เจียแสดงแล้ว

ในใจของเธอคิดว่า คนใหม่ที่กู้เจียเอ่อให้มาแสดงเป็นแฟนเก่าของโจวหรงเซินก็ดูดีเหมือนกัน แต่ทั้งรูปร่างหน้าตา และฝีมือการแสดง ไต้เจียดีกว่าคนๆ นี้เป็นไหนๆ น่าเสียดายที่ไต้เจียดันไปผิดใจกับจ้าวรั่วจวินและเหยาเสียงเสียก่อน ถึงได้เปลี่ยนตัวแสดงเสียอย่างนั้น

“ฉันกลับมาแล้ว”

หล่อนก้มหัวลง แล้วพูดขึ้นมา หังยวี๋อีที่แสดงเป็นโจวหรงเซินยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา สายตาทิ้งไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หล่อนทนไม่ไหวจนต้องพูดเสียงให้ดังขึ้นมาอีก

“ฉันบอกว่าฉันกลับมาแล้ว”

“อืม” ครั้งนี้โจวหรงเซินตอบ แต่ก็ยังไม่หันหน้าไปมอง

“โจวหรงเซิน ฉันบอกว่าฉันกลับมาแล้วไง!”

หล่อนตะโกนชื่อพระเอกออกมา ถึงจะเป็นรายละเอียดเล็กน้อยๆ แบบนี้แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หนังดูยืดยาด และถือเป็นการทิ้งคำอธิบายตัวละครที่มันล้าสมัยออกไปด้วย ทำให้สื่อต่างๆ ที่นั่งชมอยู่ด้วยพยักหน้าพอใจ

“เพื่อนร่วมงานในบริษัทเดียวกันที่ชื่อ Duke ให้ช่อดอกกุหลาบฉันมาด้วยล่ะ” ตอนที่เธอพูดประโยคนั้นขึ้นมา ก็ยังมีการหันไปมองแผ่นหลังของโจวหรงเซินด้วย แววตาของหล่อนทอแสงความผิดหวังออกมา

“Duke คือใคร?”

“Duke เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลคนใหม่ของบริษัทน่ะ ฉันว่าฉันเคยพูดให้คุณฟังแล้วนะ ว่าเขาตามจีบฉันมาสักพักแล้ว” คำพูดของหล่อนไม่ได้ทำให้โจวหรงเซินรู้สึกสนใจขึ้นมาเลยสักนิด หล่อนจึงพูดต่อ

“เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน Duke เขาบอกกับฉันว่า เขาได้ขอทางบริษัทไว้ว่าจะพาฉันไปดูโปรเจคงานใหม่ที่ต่างประเทศ และฉันก็ตอบตกลงไปแล้ว”

โจวหรงเซินหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ทันที และครั้งนี้เขาก็หันหน้าไปมองหล่อน

“จะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”

คำพูดนั้นของโจวหรงเซินทำให้หยางอวิ๋นรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก หล่อนหัวเราะเย้ยหยันขึ้นมา

“โจวหรงเซิน พวกเราอยู่ด้วยกันมาถึงหกปีแล้วนะ หกปีที่ผ่านมานี้ฉันต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างอดทน และฉันก็คิดว่าฉันคงทนอยู่กับคุณไม่ได้ไปถึงสิบปีหรือหรือมากกว่านั้นแล้ว บางทีพวกเราอาจจะต้องจบลงแค่นี้”

หล่อนพูดจบก็เดินเข้าห้องไปเก็บข้าวของของตัวเองทันที

ฉากๆ นี้เป็นเหมือนการแนะนำตัวละครพระเอกอย่างโจวหรงเซินได้ดี อายุเขาราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด เป็นคนที่เย็นชาและไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ไม่ค่อยสันทัดในเรื่องของรักและไม่ค่อยได้ใส่ใจต่อแฟนสาวของตัวเองสักเท่าไหร่ หลังจากที่เพิ่งจะเลิกกับแฟนมา ก็ต้องกลายมาเป็นชายหนุ่มที่โดนพ่อแม่เร่งรัดให้แต่งงานอีก

แต่ทุกคนก็น่าจะพอเข้าใจนิสัยของโจวหรงเซินกันแล้ว ฉากถูกเปลี่ยนเป็นอีกฉาก จากค่ำคืนที่มีแสงไฟหลากตาก็กลายเป็นยามเช้าในตอนกลางวัน ซึ่งมันคือฉากของนางเอกวังเชี่ยนเชี่ยนที่ได้จ้าวรั่วจวินนั่นเอง

ปัญหาของหล่อนไม่ได้เหมือนกับปัญหาของโจวหรงเซิน กู้เจียเอ่อได้สื่อถึงนิสัยที่แสนโรแมนติกและไม่ชอบให้ใครมาบังคับของหล่อนออกมาจากการสนทนาระหว่างแม่ลูก

นิสัยของวังเชี่ยนเชี่ยนก็ดึงมาจากนิสัยและความนึกคิดของผู้หญิงในปัจจุบัน ความคิดของหล่อนไม่เหมือนกับความคิดของแม่ตัวเอง หล่อนปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เคยมาฝากฝังตัว ปฏิเสธการแต่งงาน และไม่เชื่อว่าคุณค่าของผู้หญิง จะมีแค่ไว้จดลงในทะเบียนสมรสเท่านั้น ไม่ใช่แค่มีครอบครัวและอยู่บ้านเลี้ยงลูก

หล่อนลาออกจากงาน แล้วแอบซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อไปปารีส และได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกับกับพระเอกที่กำลังจะไปปารีสเช่นกัน

พอดูถึงตรงนี้แล้ว เถาเถาที่กำลังนั่งดูอยู่ท่ามกลางผู้คนก็เริ่มรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว

กู้เจียเอ่อเป็นผู้กำกับที่ชำนาญเรื่องการถ่ายหนังรักมากจริงๆ แต่พอเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะมีผลต่อกันระหว่างพระเอกและนางเอกแล้ว มันก็มีกลิ่นอายพิเศษของกู้เจียเอ่อที่คุ้นเคยอีกด้วย ขั้นตอนที่จะสื่อหนังออกมามันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน เนื้อเรื่องค่อยๆ ดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างลื่นไหลและไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดอะไร

การแสดงของพระนางก็โดดเด่นน่าชมเชย หังยวี๋อีก็แสดงดี จ้าวรั่วจวินเองก็แสดงออกมาได้น่ารัก คาแรคเตอร์ก็ดูเหมาะสมกันดี

ในตอนนี้ เนื้อเรื่องยังไม่ได้มีอะไรนัก แต่มันก็ดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างนั้น

ในหนังเรื่อง ’99 Love Letter’ มันมีกลิ่นอายของกู้เจียเอ่อแทบทุกจุดทุกมุม หนังก็ถือว่าไม่เลว รายละเอียดและความรู้สึกของตัวละครทุกตัว กู้เจียเอ่อสามารถคุมมันอยู่และสามารถสื่อออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน

แต่ทว่าเขาถ่ายหนังประเภทนี้มามากมายแล้ว ถึงแม้ในเรื่องนี้เขาจะตั้งใจทำมันออกมาเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นัก

ฉากต่อไปที่จะเกิดขึ้นเถาเถาเองก็พอจะเดาออกแล้ว ต่อไปก็คงจะเป็นฉากที่พระเอกนางเอกได้เจอกันโดยบังเอิญ แต่สิ่งที่หล่อนกำลังจะให้ความสนใจคือซีนของเจียงเซ่อต่างหาก

ตอนนี้หนังเล่นมายี่สิบกว่านาทีแล้ว แต่เจียงเซ่อก็ยังไม่โผล่มาเสียที

ถึงแม้ว่าจะลองนับๆ เวลาดูแล้วว่าเจียงเซ่อจะออกมาตอนไหน ตอนนี้มันก็น่าจะเป็นตอนที่เจียงเซ่อออกมาพอดี ตอนนั้นเจียงเซ่อยังไม่มีผู้จัดการไม่มีสังกัด และตอนนั้นเธอก็เป็นแค่ดาราใหม่ คงไม่สามารถอยู่ในหนังของกู้เจียเอ่อได้หลายนาทีหรอก แต่เถาเถาก็ยังจะรอดูเธอออกมาอย่างใจจดใจจ่อ

ในนาทีนี้หล่อนก็ยังคิดว่าต้องรอให้พระนางขึ้นมานั่งบนเครื่องบินกันก่อนถึงจะค่อยเป็นตอนที่เจียงเซ่อเดินออกมา แต่ที่ไหนได้ พอพระเอกนางเอกขึ้นเครื่องบินมา บนหน้าจอนั่นก็เผยภาพเจียงเซ่อที่สวมชุดแอร์โฮสเตสเดินออกมาทันที

เถาเถารู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก!

ถ้าให้นับๆ จริงแล้วละก็ นี่ก็เป็นหนังที่เจียงเซ่อแสดงในตอนแรกๆ และเป็นหนังเรื่องเดียวที่ได้เห็นหน้าชัดๆ แบบนี้

ในเรื่อง ’99 Love Letter’ ของจ้าวร่าง ถึงเขาจะถ่ายบุคลิกและแผ่นหลังที่สวยงามของเธอออกมา แต่กลับใจร้ายไม่ได้ถ่ายใบหน้าของเธอออกมา แต่ก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกติดใจ รู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์อย่างนั้น