webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

212

บทที่ 212 ผลที่ได้

พอได้ยินเสียงปลายสายอย่างโจวฮุ่ยพูดจ้อเกี่ยวกับเรื่องที่บ้านได้อย่างคล่องปร๋อ เจียงเซ่อเองก็คิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเธอในตอนนี้หรือจะเป็น ‘เจียงเซ่อ’ ตัวจริง การอยู่ในบ้านครอบครัวตระกูลตู้ก็เป็นอะไรที่น่าอึดอัดไม่น้อย ถ้าไม่ต้องพบหน้ากันแบบนี้ อีกอย่างค่าตอบแทนที่จะไม่พูดถึงเรื่องเจียงเซ่อขึ้นมา บ้านตระกูลตู้เองก็ดูจะพอใจเหมือนกัน

หลังจากวางสายไปแล้ว เจียงเซ่อก็นึกถึงไต้เจียขึ้นมาอีก และตัดสินใจว่าหลังจากสอบเสร็จแล้ว จะไปสอบถามที่โรงเรียนสอนการแสดงเสียหน่อย ไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหล่อนหรือเปล่า

พอเข้าไปในห้องสมุดแล้วเจียงเซ่อก็ใช้มือถือดูว่าจะหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติม และเลือกหาข้อมาสอบคณะประวัติศาสตร์ในปีก่อนๆ ของปีหนึ่งมาด้วย กะว่าจะยืมไปทำที่บ้าน

ในเขตรั้วของมหาวิทยาลัยในตอนนี้ ต่างก็มีนักศึกษามากมายที่เข้ามาทบทวนเนื้อหาบทเรียนเพื่อเตรียมสอบกัน และยังมีรุ่นพี่ที่เคยมีประสบการณ์มาแล้วมาคอยแนะนำหนังสือที่คิดว่าจำเป็นต่อการสอบอีกด้วย

ส่วนมากเจียงเซ่อก็หาเจอหมดแล้ว แต่มีอยู่เล่มหนึ่งที่มันถูกจัดเอาไว้อยู่บนสุดของชั้นหนังสือ เธอเขย่งปลายเท้าและเอื้อมมือขึ้นไปเพื่อหยิบมันออกมา แต่จู่ๆ ที่ด้านหลังของเธอก็มีคนมียืนซ้อน เจียงเซ่อรีบปล่อยมือและจะหลบ แต่คนด้านหลังก็รวบเอวเธอเอาไว้เสียก่อน และก้มลงจุ๊บเธอเร็วๆ

“นายทำให้ฉันตกใจนะ”

เธอหันหน้ากลับไป เผยอี้สวมเสื้อยืดสีขาว มีแว่นดำเกี่ยวไว้อยู่ตรงคอเสื้อรูปตัววีนั่น เขายืนอยู่ข้างหลังเธอแล้วจับแขนเธอเอาไว้ด้วย

“มาที่นี่ก็ไม่บอกผมเลย”

เผยอี้รู้สึกว่าเธอน่ารักมากจริงๆ น้อยครั้งที่เธอจะแสดงท่าทางหงุดหงิดแบบนี้ ผมของเธอถูกรวบขึ้นเป็นหางม้า เผยใบหน้าน่ารักรูปไข่ คิ้วสวยนั่นขมวดเข้าหากันเบาๆ

เขาหันไปมองรอบๆ แล้วรู้สึกเสียดายนิดหน่อย ช่วงสองวันมานี้ที่ห้องสมุกคนเยอะมากจริงๆ และมันก็ดูไม่ใช่ที่ที่คนสองคนจะมาแสดงความรักต่อกันได้

และกิริยาท่าทางของทั้งคู่เมื่อกี้นี้ คนรอบๆ ก็พากันเงยหน้าขึ้นมามองพวกเขาสองคนเป็นตาเดียว เผยอี้จึงพยายามเก็บความรู้สึกที่อยากจะจูบเธอลง แล้วถามขึ้นเบาๆ

“จะเอาเล่มนั้นหรอ?”

เจียงเซ่อพยักหน้า เขาก้มตัวลง แล้วขอขึ้นเบาๆ

“จุ๊บผมก่อน”

“ไม่เอา”

คนเยอะแยะไปหมด หน้าเธอไม่ได้หนาขนาดที่จะทำอะไรแบบนั้นได้หรอก

“ยังมีหนังสือเล่มอื่นให้เลือกอีกตั้งเยอะ”

“ถ้าไม่จุ๊บผม ผมก็จะจุ๊บพี่แทนนะ”

เผยอี้คว้าตัวเธอเอาไว้ด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ค้ำเอาไว้บนชั้นหนังสือ พร้อมกับก้มหน้าลงไปใกล้เธอ เจียงเซ่อรีบดันหน้าเขาออกทันที กัดริมฝีปากแล้วหันไปมองรอบๆ ก่อนจะดึงหน้าเขาลงมาใกล้ เขย่งปลายเท้า แล้วจุ๊บลงไปบนริมฝีปากของเขาทันที เผยอี้อยากได้อีก เธอเลยอดไม่ได้ที่จะกัดปากเขาไปทีหนึ่ง

“พี่กัดผม......”

ริมฝีปากล่างของเผยอี้มีรอยฟันเล็กๆ อยู่ด้วย บนริมฝีปากยังมีกลิ่นของเธออยู่เลย เขาจึงแลบลิ้นออกมาเลียมัน คิดไปคิดมาก็มีความสุขไม่น้อย

เจียงเซ่อนึกถึงการกระทำของตัวเองขึ้นมา แล้วรู้สึกเขินๆ ขึ้นมา ใบหน้าก็ขึ้นสีจัดด้วย เธอเลื่อนมือไปลูบๆ ริมฝีปากของเขา แล้วพูดขึ้นเบาๆ

“นายมาคุกคามฉันก่อนนะ......”

ท่าทางแบบนั้นของเธอทำให้เขารู้สึกดีใจไม่น้อย เอาแต่กอดเธอแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น เจียงเซ่อผลักเขาออกทีสองที เพราะตอนนี้ในห้องสมุดเริ่มมีหลายคนหันมาให้ความสนใจแล้ว และเหมือนจะมีบางคนที่รู้สึกว่าตัวเองโดนรบกวน จึงเงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่พอใจด้วย เจียงเซ่อไม่พูดอะไรอีก รีบหยิบหนังสือที่ตัวเองต้องการมา แล้วลากเผยอี้ออกมาจากห้องสมุดทันที

หลังจากวันนั้นแล้ว นอกจากเจียงเซ่อจะอยู่แต่ในบ้านเพื่อทบทวนหนังสือแล้ว เธอก็ไปเรียนตามปกติอีกด้วย

หลังจากที่เรื่องความขัดแย้งกันระหว่างเธอกับจูพ่านผ่านพ้นไป พวกนักข่าวที่เคยมานั่งเผ้านั่งรอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ถึงแม้ว่าเพื่อนร่วมห้องที่เรียนด้วยกันจะแปลกใจตอนที่เห็นเธอมาเรียน แต่สถานการณ์มันก็ดีกว่าตอนที่ตัวเธอมีชื่อขึ้นพาดหัวข้อข่าวเป็นไหนๆ

ในเวลาช่วงนั้น เจียงเซ่อก็ได้ไปขอยืมสมุดเลคเชอร์ของเพื่อนคนอื่นๆ มาจดจุดสำคัญต่างๆ เพื่อเอามาท่องจำอีกด้วย เวลาทำแบฝึกหรือทำข้อสอบจะได้ง่ายขึ้นมาหน่อย ถึงแม้ว่าจะยังมีที่ผิดอยู่บ้าง แต่เธอก็จำข้อที่ตัวเองผิดเอาไว้ แล้วก็กลับมาทบทวนมันอีกครั้ง และผลที่ได้มันก็ดีขึ้น

พอมาถึงช่วงปลายเดือนมิถุนายน รูปโฆษณาของ Adeele ที่เจียงเซ่อไปถ่ายมาก็เริ่มปล่อยออกมาเรื่อยๆแล้ว ภายในร้านช็อปของ Adeele ที่อยู่ในตี้ตู ก็ได้เปลี่ยนเป็นรูปภาพของเจียงเซ่อเรียบร้อยแล้ว แถมป้ายโฆษณาที่อยู่บนหน้าร้านหรูแห่งนี้ก็ยังถูกเปลี่ยนให้เป็นรูปของเจียงเซ่อ เป็นรูปที่เธอใส่กางเกงยีนส์ลายปักรูปงูนั่นเอง

หลังจากที่รูปถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น ผลที่ได้มันก็ทำทุกคนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก หลายคนที่เดินผ่านไปทางนั้น พอเห็นป้ายที่เป็นรูปของเธอ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหยุดมองดู

ในรูปเจียงเซ่อหันหลังให้กับกล้อง ใบหน้าหันมาเล็กน้อยและมีรอยยิ้มอ่อนๆ เอวคอดเล็ก และแอ่นไปด้านหลัง

มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกพับขึ้น ทำให้ได้เห็นเรียวแขนที่ขาวราวกับหยก เพราะล้วงมืออยู่ในกระเป๋า ชายเสื้อขวาที่เป็นเพราะว่าเธอล้วงมือให้ในกระเป๋ากางเกง ทำให้ได้เห็นลายปักบนกางเกงยีนส์ได้อย่างชัดเจน

Adeele กล้าที่จะแหวกแนวโดนการใช้เส้นไหมที่มีสีสันฉูดฉาดในการปักเป็นลายดอกกุหลาบและตัวงู พอความสวยงามและสัตว์ที่แสนน่ากลัวเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว มันก็ดูโดนเด่นและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก มันช่างเหมาะสมกับสะโพกผายนั่นเหลือเกิน

“นี่ใครกันเนี่ย สวยมากเลย!”

เหล่าหญิงสาวที่เดินผ่านและได้เห็นรูปนี้แล้ว ต่างก็อดไม่ได้ที่จะยกมือถือขึ้นมากดถ่ายมัน และพากันถามถึงกันไม่หยุดปาก

เถาเถาที่อยู่ข้างกายติงหรูมาทั้งวันก็อยู่ด้วย หล่อนกำลังฝึกงานเพื่อเป็นนักข่าว หล่อนไม่ได้ออกมาหาข่าวหรือสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ทุกครั้งหล่อนจะต้องมากับรุ่นพี่เสมอ

ตอนนี้ติงหรูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ติงหรูใช้หล่อนให้ทำนู่นทำนี่อย่างกับเป็นสาวใช้ บางทีถ้าวันไหนต้องรีบสัมภาษณ์มากๆ หล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียวแต่ทำอย่างกับหล่อนเป็นผู้ชายอย่างไรอย่างนั้น ให้ช่วยถือขากล้องถ่ายทำเลยก็ยังมี ทำงานแบบนี้ทั้งวันจนทุกครั้งเวลาเลิกเงินก็รู้สึกปวดขาและเหมือนหนักไปหมด

สำนักงานหลงสิงอยู่ในตึกใหญ่ใจกลางเมืองตึกหนึ่ง เถาเถากำลังจัดเอกสารข่าวใหม่ที่หามาได้เพื่อเตรียมใช้ในวันพรุ่งนี้ กว่าจะออกมาจากสำนักงานได้ก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว

หล่อนแบกท้องที่กำลังร้องโครกครากเพราะความหิวไปหาร้านอาหารเล็กๆ เพื่อเติมเต็มให้มัน แต่พอออกมา ก็ต้องสะดุดสายตากับป้ายโฆษณาแผ่นใหม่ทันที และมันก็ทำให้หล่อนต้องจ้องตาโต เพราะเธอจำได้ว่าคนในรูปป้ายโฆษณานั่นก็คือเจียงเซ่อ!

เจียงเซ่อเป็นคนแรกที่หล่อนได้สัมภาษณ์ ตอนนั้นเป็นเพราะติงหรูไปโยนคำถามแย่ๆ ใส่เจียงเซ่อเข้า และจริงๆ ตอนนั้นติงหรูควรจะเป็นคนที่เข้าไปสัมภาษณ์เธอ แต่หล่อนกลับโมโหและโยนให้เถาเถาเป็นคนทำแทน

หล่อนยังเป็นแค่นักข่าวฝึกงานเอง ตอนไปสัมภาษณ์ก็พูดติดๆ ขัดๆ แทบฟังไม่ได้ใจความด้วยซ้ำ แถมตอนแรกคนของหลงสิงก็ไปทำให้เจียงเซ่อไม่พอใจด้วย การแสดงออกของตัวเองก็ไม่ได้เป็นที่พอใจตั้งแต่แรก เธอน่าจะปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์แหงๆ

แต่สุดท้ายเจียงเซ่อก็ไม่ได้ปฏิเสธหล่อนเลย กลับกันเธอกลับให้ความสนใจกับคำถามของหล่อน และตั้งใจตอบคำถามมากๆ

ตั้งแต่นาทีนั้น เถาเถาก็ทุ่มใจทั้งหมดในการเป็นแฟนคลับของเจียงเซ่อ

หล่อนคุ้นเคยและชินกับการที่มานั่งเลื่อนหารูปหาข้อมูลของเจียงเซ่อในทุกๆ วัน แถมบางทีก็ยังใช้สิทธิในหน้าที่การงานของตัวเองไปแอบถามนู่นนี่มาอีกด้วย แต่เจียงเซ่อไม่ค่อยให้ความสนใจกับคนอื่นเท่าไหร่นัก ทุกครั้งที่หล่อนเลื่อนตามข่าวของเจียงเซ่อก็น้อยมากที่จะมีข่าวเกี่ยวกับเธอ แต่รู้ว่าช่วงใกล้ๆ นี้กำลังจะมีหนังที่เธอเล่นเข้าฉาย เป็นหนังของกู้เจียเอ่อที่ชื่อเรื่องว่า ‘ฝันที่เป็นจริง’ ในหนังเธอเล่นเป็นแอร์โฮสเตส จะเข้าฉายปลายเดือนนี้แล้ว

แต่เรื่องโฆษณา ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลยสักนิด

ตอนนี้ป้ายโฆษณาถูกเปลี่ยนเป็นรูปของเจียงเซ่อแล้ว เถาเถาตื่นเต้นจนเหมือนหน้ามันกระตุกไปหมด รู้สึกเหมือนร่างกายที่ปวดล้าจากการยกของมาทั้งวันมันหายเป็นปลิดทิ้ง

“Adeele เป็นแบรนด์กางเกงยีนส์อย่างนั้นเหรอ? ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลยแฮะ”

หญิงสาวสวมกระโปรงสีฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ถามด้วยคำถามที่คล้ายๆ กัน แต่คนข้างๆ หล่อนก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ดาราคนนี้คือใครกันละเนี่ย? ดูคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ว่ากางเกงยีนส์ที่เธอใส่อยู่นั่นสวยจังเลยน้า ฉันอยากจะไปลองสักตัวจัง แถวๆ นี้มีช็อปของ Adeele ไหมเนี่ย”

“เหมือนว่าเมื่อกี้ที่เดินผ่านมาจะเห็นอยู่นะ”