webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

203

บทที่ 203 ชาติกำเนิด

“ผู้กำกับกู้มีพระคุณกับฉัน นายอย่าไปทำให้เขาลำบากเด็ดขาด” เจียงเซ่อผูกเชือกบิกินี่เรียบร้อย แล้วหันหลังไป ก็พบว่าเขาเอาแต่จ้องมาที่ตัวเธออยู่อย่างนั้น เธอเลยยกมือโบกที่ตาเขา

“นายฟังฉันอยู่หรือเปล่า”

“ฟัง ฟังอยู่ๆ”

ตอนนี้จิตใจของเขามันล่องลอยปลิวว่อน ตอนที่เธอเอามือมาปัดๆ มาที่ตาเขา เขาหลับตาลงแต่ก็ยกมือขึ้นไปจับมือเธอเอาไว้ แล้วดึงมือเธอให้มาวางอยู่บนใบหน้าของเขา

“พี่ก็พูดแทนเขาแล้วนี่” เขายกมือที่ยังมีครีมกันแดดติดอยู่นิดหน่อยมาป้ายหน้าตัวเองสองที “ผมก็คงไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยกับเขาอีก แต่แค่ให้เขาใส่ฉากของพี่ที่โดนตัดออกไปก็พอแล้ว”

เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เผยอี้บอก กู้เจียเอ่อเองก็พูดถึงเรื่องนี้ไปแล้ว

นั่งแกร่วอยู่ครู่หนึ่ง เผยอี้ก็ชะโงกหัวไปดูที่ชั้นล่าง ตอนนี้ในห้องครัวเริ่มทำอาหารหลากหลายอย่างกันแล้ว เผยอี้จูงมือเจียงเซ่อลงไป พลางสอดส่องสายตาหาเฉิงหรูหนิงไปด้วย เพราะเขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอน

พวกเนี่ยต้านพากันกลั้นหัวเราะ พอเห็นว่าเจียงเซ่อขอตัวไปโทรศัพท์อีกมุมหนึ่งแล้ว ก็เข้าไปถามเผยอี้ด้วยน้ำเสียงเบาๆ

“พี่อี้ ได้ยินมาว่าเฉิงหรูหนิงไปขัดเรื่องราวดีๆ ของพี่งั้นเหรอ?”

มันไม่ได้แค่ขัดเรื่องดีๆ ของเขาแล้ว แต่มันยังเอาเรื่องนี้ไปโพนทะนาอีก

“มันกลัวว่าพี่จะเอาเรื่องมัน ไปแอบอยู่ตรงไหนแล้วก็ไม่รู้ คงหาวิธีแก้ตัวอยู่ละมั้ง”

เซี่ยงชิวจี๋ถือขวดเบียร์เอาไว้ แล้วสอดส่องสายตาไปรอบๆ เรือยอร์ช

ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเนี่ยต้านจะเชิญคนขึ้นเรือเยอะเหมือนกัน นอกจากจะมีผู้หญิงที่มีชื่อเสียงสวยๆน่ารักๆ หลายคนแล้ว ยังมีผู้หญิงสวยๆ ที่พวกลูกเศรษฐีพามาอีกด้วย รูปร่างเซ็กซี่เย้ายวน สูงโปร่ง กำลังมองมาทางเหล่าลูกผู้ดีทั้งหลายเพื่อหาเป้าหมาย

กลุ่มผู้หญิงที่มีชื่อเสียงและฐานะจะไม่มีทางที่จะไปพูดคุยกับผู้หญิงกลุ่มนั้นได้ ทุกคนต่างจับกลุ่มพูดคุยแบบกลุ่มใครกลุ่มมัน เผยอี้เลียริมฝีปาก เดินไปบริเวณขอบเรือ เขาวางมือเอาไว้บนราวระเบียงเรือแล้วมองหาตัวเจียงเซ่อไปรอบๆ

เขาสอดส่องสายตาไปทั่วเรือรอบหนึ่ง ก็พบว่ามีใครบางคนกำลังจ้องเขม็งมาทางเขาเช่นกัน

ที่จริงมีผู้หญิงหลายคนที่อยากจะเข้ามาเอาอกเอาใจเขาเหมือนกัน อยากจะชวนคุยก็มากมาย สวยๆ ก็เยอะแยะ ยิ่งใส่แว่นกันแดสุดเท่ห์แบบนั้นแล้วด้วย ก็ยิ่งทำให้หญิงสาวหลายคนสนใจเขา

แต่ทว่าความเย่อหยิ่งที่ประดับอยู่บนหน้าของเขา ใบหน้าที่ไม่มองไม่สนใจใครคนไหน เวลาที่มีคนเข้าไปคุยกับเขา เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยินไม่โต้ตอบอะไรสักอย่าง แต่เป็นเพราะแบบนี้ พวกผู้หญิงถึงได้ยิ่งสนใจและอยากลองดึงดูดความสนใจจากเขามากขึ้น

เรือนผมที่ถูกย้อมเป็นสีทองของเขาสะบัดพลิ้วไปตามแรงลม เสื้อเชิ้ตก็ไม่ได้ใส่อย่างเรียบร้อยนัก เขากำลังยืนคุยอยู่กับพวกเนี่ยต้าน หันไปหันมาก็เจอกับเฝิงหนานที่นั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง

ในมือหล่อนถือเบียร์อยู่แก้วหนึ่ง สวมชุดบิกินี่ ท่อนล่างมีผ้าซีฟองมัดเอวเอาไว้ ทำให้เห็นรูปร่างทรวดทรงที่สวยงามได้หมด

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถ้าเผยอี้เห็นว่าเฝิงหนานโชว์หุ่นที่แสนเซ็กซี่แบบนี้แล้วละก็ เขาคงทนไม่ไหวแน่ๆ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะเขาเข้าใจและรู้เรื่องทุกอย่างแล้วหรือเปล่า อาจเป็นเพราะรู้ว่าจิตวิญญาณในตัวเฝิงหนานมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นความสวยงามที่เขาเห็นในตอนนี้จึงไม่ได้แตกต่างกับหญิงสาวคนอื่นๆ เลยสักนิด เขามองแค่แวบหนึ่งก็หันหน้าไปทางอื่นต่อทันที

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฝิงหนานเจื่อนไปทันที ตอนแรกหล่อนกะจะยกแก้วเชิญชวนเผยอี้เสียหน่อย แต่เขากลับไม่คิดที่จะมองหล่อนเลยสักนิด แม้แต่จะทักทายกันสักคำก็ไม่มี แล้วยังหันหน้าหนีกันแบบนั้นอีก

“หรือว่าพี่ทะเลาะกับเผยอี้?”

เฝิงซือหย่งยกมือเขย่าแขนเฝิงหนานทีหนึ่งอย่างอดไม่ได้ แสดงว่าที่เผยอี้เบือนหน้าหนีเมื่อกี้หล่อนก็เห็นหมดแล้ว สถานการณ์แบบนี้มันไม่ปกติจริงๆ

คนรอบข้างที่ได้ยินหล่อนพูดแบบนั้น ต่างก็หันมาถาม “เผยอี้หรือ?”

“อือ ก็เขานั่นแหละ”

เฝิงซือหย่งชี้นิ้วไปทางที่เผยอี้ยืนอยู่ แล้วตำแหน่งที่ถูกชี้ไปนั้นก็กลายเป็นเป้าสายตาที่น่าสนใจของหญิงสาวทั้งหลายในทันที

พวกหล่อนคนจะพอรู้ฐานะและชื่อเสียงของเผยอี้และคนในกลุ่มของเขามาบ้างแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่ได้รู้ถึงพื้นฐานทั่วๆ ไปของพวกเขาดีนัก รู้แค่ว่าคนที่จัดปาร์ตี้เล็กๆ นี่ขึ้นมาคือเนี่ยต้านที่ครอบครัวมีชื่อเสียงในวงการการเมือง มีอำนาจพอสมควร ยิ่งเผยอี้กับเขามีความสนิทสนมกันแบบนี้ ก็แสดงว่าต้องมีฐานะที่ไม่เลวมากแน่ๆ

“เขาเป็นใครเหรอซือหย่ง?”

มีคนถามขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้ เฝิงซือหย่งยกยิ้มมุมปาก แล้วหันไปมองเฝิงหนานแวบหนึ่ง

“ที่จริงเฝิงหนานน่าจะรู้ดีกว่าฉันอีกนะ”

หล่อนพูดแบบนั้น แต่เฝิงหนานก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เฝิงซือหย่งจึงพูดขึ้นต่อ

“เขาคือเผยอี้ พวกเธอรู้จักคุณปู่ของฉันใช่ไหมล่ะ?”

“แน่นอนสิ”

เฝิงจงเหลียงได้อพยพมาอยู่ที่ฮ่องกงมานานหลายปี และได้สร้างวิสาหกิจจงหนานขึ้นมา ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาในฮ่องกงพอสมควร ชื่อเสียงเลื่องลือ คนส่วนมากเรียกเขาว่าคุณอาเหลียง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มนักการเมืองรวมไปถึงกลุ่มทหารในฮ่องกง ธุรกิจของตัวเองก็เจริญรุ่งเรืองไม่น้อย

“เมื่อก่อนคุณปู่ของฉันเคยเข้าร่วมกลุ่มทหารปฏิวัติในหัวเซี่ย พวกเธอก็รู้ใช่ไหมล่ะ ตอนนั้นคุณปู่ของเผยอี้เองก็เข้าร่วมกับคุณปู่ของฉันด้วย เขามีชื่อเสียงและฐานะที่สูงมากในหัวเซี่ย และหลังจากที่หัวเซี่ยได้ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ เขาก็ได้เป็นหนึ่งในสามนายพลใหญ่”

หล่อนอธิบายออกไปแบบนั้น พวกหญิงสาวทั้งหลายก็เริ่มเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมามากขึ้น แม้แต่เฝิงหนานเองก็ยังต้องกัดริมฝีปากตัวเอง

หลังจากที่ต่อต้านสงครามได้สำเร็จ และหลังจากที่หัวเซี่ยได้ก่อตั้งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก็มีบุคคลสามคนที่ได้รับรางวัลใหญ่เพราะเป็นผู้ที่ทำความดีความชอบ สองในสามได้รับบาดเจ็บในสงคราม และได้จากโลกนี้ไปแล้ว และยังเหลือเพียงคนแซ่เผยคนเดียวที่ยังอยู่บนโลกใบนี้ อยู่ในฐานะและจุดที่ทุกคนต่างก็เคารพและเลื่อมใส มีอำนาจบารมีสูงในกลุ่มทหาร แม้แต่ผู้นำสูงสุดก็ยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ

และนั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ทั้งๆ ที่เผยอี้เป็นคนหงุดหงิดเอง ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนไปซ้อมต่อยตีจนเฉิงหรูหนิงต้องร้องขอชีวิตแต่คุณปู่ตระกูลเฉิงก็ยังต้องไปขอโทษอย่างมีมารยาทถึงบ้านตระกูลเผย

เฝิงหนานไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ว่าเผยอี้จะมีฐานะที่ดีอะไรแบบนี้

เขาแซ่เผย แต่ใครมันจะไปคิดว่าเขาจะมีฐานะที่สูงส่งขนาดนี้?

อย่างมากก็แค่คิดว่าเขาเป็นพวกทายาทตระกูลสูงๆ เท่านั้นเอง แค่นั้นก็ดูมั่นคงพอแล้ว ใครจะไปคิดว่าจะอยู่สูงกว่าที่เฝิงหนานคิดเอาไว้แบบนี้

แล้วทำไมคนๆ นี้ ถึงได้ดูชอบพอกับเจียงเซ่อขนาดนั้น เจียงเซ่อมีดีตรงไหนกัน?

มิน่าตอนที่ตัวหล่อนจะช่วยจูพ่านใส่ร้ายเจียงเซ่อในตอนนั้น ถึงไม่มีแนวโน้มว่าจะทำได้เลย จูพ่านเองก็สู้ไม่ได้ เพราะมีเขาคอยช่วยคอยคุ้มหัวนี่เอง เจียงเซ่อถึงได้เซ็นสัญญาเข้าซื่อจี้หยินเหอได้ ถึงได้เซี่ยเชาฉวินมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว หรือแม้แต่ต้นทุนดีๆ ที่เฝิงหนานจ้องเอาไว้ก็ยังกลายไปเป็นของเธอ

ได้ยินเฝิงซือหยิ่งบอกว่า ‘ตัวหล่อน’ ควรที่จะสนิทสนมกับเผยอี้ และตัวเผยอี้เองก็อาจจะมีใจให้หล่อนอยู่บ้างด้วย แต่เป็นเพราะที่เฝิงจงเหลียงพูดเอาไว้ ว่าหล่อนควรที่จะอยู่ให้ห่างจากเขาเอาไว้ พอตอนนี้มาได้ยินที่เฝิงซือหย่งพูดแล้ว ในใจของหล่อนก็คับแค้นไปหมด

“รู้แล้วใช่ไหมล่ะ? เพราะงั้นถ้าเขาจะไม่สนใจคนที่ไปชวนคุยหรือทำตีสนิทก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติละนะ”

เฝิงซือหย่งเองก็เห็นพวกผู้หญิงที่พยายามลองเข้าไปคุยกับเผยอี้แล้ว “เขาน่ะโคตรหยิ่ง ไม่ค่อยชอบเสวนากับคนอื่นเท่าไหร่ แต่พวกเขาเป็นกลุ่มที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก”

แล้วหล่อนก็ชี้ไปที่พวกเนี่ยต้าน คนพวกนั้นก็เกิดมาฐานะดีเช่นกัน

กลุ่มสาวๆ ที่ได้ยินแบบนั้น ในใจก็เริ่มโลดเต้นราวกับลูกกวางตัวหนึ่ง

เพราะหัวเซี่ยเจริญเติบโตเร็วมาก ดังนั้นพวกกลุ่มทายาทที่อยู่ในตี้ตูจึงดูน่าสนใจมากกว่ากลุ่มทายาทในฮ่องกง เฝิงเหนียนซีที่นั่งอยู่ข้างๆ เฝิงซือหย่งพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“แต่ว่าไม่เห็นเคยได้ยินว่าเขามีแฟนนี่ แต่ทำไมจู่ๆ ก็ควงแฟนมาแบบนี้ได้ล่ะ”

แล้วหล่อนก็หันไปหาเฝิงหนาน

“นี่พี่ พี่ก็อยู่ในตี้ตูไม่ใช่เหรอ คนๆ นี้เป็นใครกัน พี่รู้จักป่ะ?”

เฝิงซือหย่งเองก็คิดว่าไม่คุ้นหน้าเจียงเซ่อเลยสักนิด แต่ก็รู้สึกว่าเธอสวยมากเช่นกัน