webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

195

บทที่ 195 แย่งบท

“รับหนังใหม่ของจ้าวร่างเรื่องนี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อตัวเธอ ฉันคิดว่าฉันคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เธอเองก็น่าจะเข้าใจดีใช่ไหม”

เซี่ยเชาฉวินยกมือขึ้นนวดคิ้วที่ขมวดอยู่ ช่วงไม่กี่วันมานี้เธอแทบจะไม่ได้พักเลยจริงๆ หนังที่เถาเฉินไปถ่ายที่สเปนก็เพิ่งจะปิดกล้องไป เมื่อวานหล่อนเพิ่งจะถึงฮ่องกงได้ไม่ถึงวันเลยด้วยซ้ำ ก็ต้องรีบมารับงานใหม่ให้เจียงเซ่อแล้ว ถึงฮ่องกงได้แปบๆ ก็ต้องบินกลับมาที่ตี้ตูอีก

“เพราะว่าก่อนหน้านี้เธอมีเรื่องกับจูพ่าน ทำให้การขายบัตรหนัง ‘99 Love Letter’ ของจ้าวร่างจากที่แรกๆ ก็ดีแต่พอลงท้ายกลับเหลว”

ถ้าให้พูดจริงๆ ยอดขายบัตรหนังของ ’99 Love Letter’ ก็ไม่ได้แย่อะไรเลยด้วยซ้ำ ทางด้านนักลงทุนเองก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร แถมยังได้กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วอีกต่างหาก ถือว่าได้เน้นๆ เลยด้วยซ้ำ

เพราะว่า ’99 Love Letter’ โฆษณาโปรโมทเอาไว้เสียใหญ่โต แต่สุดท้ายกำลังของการขายบัตรหนังมันก็ไม่พอ มันเลยกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะของคนในวงการไป ทำให้จ้าวร่างเองก็ต้องพยายามสงบสติอารมณ์และคำพูด

ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเพราะจูพ่านหรือไม่ แต่เจียงเซ่อเองก็ก็มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้วด้วย และมันก็ใช่จะมีผลดีต่อตัวเธอด้วย

ตอนนี้คนในวงการเวลาที่พูดถึงเจียงเซ่อขึ้นมา ทุกคนก็มักจะนึกถึงเรื่องที่บัตรหนัง ’99 Love Letter’ ประสบปัญหาขึ้นมาตลอด ส่วนอีกเรื่องที่เอาไปคุยกันก็คือการที่ต่งหมิงเซิงคนของหัวโถวถอนทุนออกไป

ถึงแม้ว่าต่งหมิงเซิงจะออกมาพูดแล้วว่ามีเหตุผลอื่นที่ทำให้ต้องถอนทุนออก แต่ทุกครั้งที่เขาพูดถึงเจียงเซ่อขึ้นมาเป็นข้ออ้างแล้ว มันก็ยังเป็นประเด็นฮอตฮิตของเหล่านักข่าวให้ได้สนุกอยู่เสมอ

“ตกลงไปในหลุมไหน ก็ต้องปีนกลับขึ้นมาจากตรงนั้น”

เอาจริงๆ กว่าที่เซี่ยเชาฉวินจะเอาบทนางเอกของหนังเรื่องนี้มาให้เธอได้บริษัทซื่อจี้หยินเหอก็ต้องลงทุนลงแรงไปมากทีเดียว เรื่องนี้ก่อนที่จะเริ่มที่การถ่ายทำเรื่อง ’99 Love Letter’ จ้าวร่างก็ได้เตรียมหนังเรื่องใหม่นี้มานานแล้วถึงสองปี ที่จริงนางเอกก็ได้กำหนดเอาไว้แล้วด้วย อีกทั้งเมื่อครึ่งเดือนก่อนทีมงานของกองถ่ายนี้ก็ได้ไปเซอร์เวย์สถานที่ถ่ายทำที่เมืองซีหังไว้แล้วอีกต่างหาก เพื่อที่จะย่งชิงบทๆ นี้มาให้เจียงเซ่อ นอกจากจะต้องใช้ฝีมือของเซี่ยเชาฉวินแล้ว มันก็ยังเป็นเพราะจ้าวร่างเองก็ชอบและชื่นชมในตัวเจียงเซ่ออยู่ด้วยเช่นกัน

“จ้าวร่างเขาชื่นชมเธอมากนะ บอกว่าครั้งก่อนที่แสดง ’99 Love Letter’ ก็แสดงได้ไม่เลวเลย แถมยังรู้จักอดทนอีกด้วย”

และนี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลที่เจียงเซ่อสามารถทำให้จ้าวร่างพอใจในตัวเธอได้ เขาก็เลยไม่ได้เอาเรื่องที่ ’99 Love Letter’ เจอผลกระทบแย่ๆ มาลงที่เจียงเซ่อหรือโกรธอะไรเจียงเซ่อ

เซี่ยเชาฉวินลูบหน้า ผู้ช่วยของเธอยกกาแฟเข้ามาให้เธอพอดี เธอดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง แล้วก็วางแก้วลง

“ช่วงนี่เธอก็วางหนังอีกสามเรื่องที่เคยให้เอาไว้ก่อนแล้วกัน ต่อไปหนังเรื่อง ‘Evil’ ก็คงจะเป็นจ้าวร่างมารับไม้ต่อ ถ้าได้ร่วมมือกับเขาเอาไว้ก่อนก็ดี ศึกษานิสัยและทัศนะคติและทำความคุ้นเคยกันเอาไว้ มันจะเป็นผลดีต่อตัวเธอเอง”

คำพูดประโยคนั้นของหล่อนก็เหมือนกับกำลังพูดความลับออกมา หนังเรื่อง ‘Evil’ คงยังไม่มีการกำหนดนักแสดงเอาไว้แน่ๆ แถมที่เซี่ยเชาฉวินพูดมาก็มีแนวโน้มว่าจ้าวร่างอาจจะรับกำกับหนังเรื่องนี้ นี่คงเป็นสิ่งที่เอาไว้แลกเปลี่ยนของคนในวงการแน่ๆ

บทสนทนาของเซี่ยเชาฉวินมาถึงตรงส่วนนี้ บวกกับที่เจียงเซ่อเองก็ดูบท ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ จบแล้ว ตัวบทหนังของมันเองก็ไม่ได้เหมือนกับพวกละครที่เกี่ยวกับความรักเสียเท่าไหร่ แต่มันเป็นการเล่าถึงเรื่องราวความรักไปเรื่อยๆ แต่ก็พูดได้ว่าไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่

แต่ไม่ว่ายังไงบทตัวละครโจวเหวยบทนี้ก็ถือว่าเป็นบทที่ท้าทายอยู่เหมือนกัน เจียงเซ่อคิดๆ ดูว่าตอนนี้เธอคงไม่สามารถตีบทของเรื่อง ‘Evil’ ให้แตกได้แน่ๆ ถ้าได้ดึงเวลาออกไปหน่อยก็คงจะดีไม่น้อย เธอจึงพยักหน้า แล้วตัดสินใจรับเล่นหนังเรื่องนี้

“จะเริ่มถ่ายประมาณเมื่อไหร่หรือคะ?”

“เหมือนเรื่องเวลาก็ดูจะเร่งรัดอยู่เหมือนกัน”

ก่อนที่เซี่ยเชาฉวินจะกลับมาที่ตี้ตู ก็ได้จัดตารางงานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

“แต่ว่าฉันติดต่อไปทางจ้าวร่างแล้ว เขาบอกว่าจะถ่ายฉากของคนอื่นๆ ก่อน แต่จะเว้นช่วงซีนของเธอเอาไว้ รอให้เธอถ่าย ‘The Occasion of Beiping’ ให้เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยตามไปที่ซีหัง”

ครั้งนี้หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ ฉากส่วนมากจะถ่ายทำที่ซีหัง หนังเรื่องนี้ตั้งใจที่จะส่งเข้างานภาพยนตร์นานาชาติของปีนี้ที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม ดูก็รู้ได้ทันทีว่าจ้าวร่างต้องการที่จะเข้าชิงรางวัล

งานภาพยนตร์นานาชาติถูกจัดตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อสี่สิบปีก่อน และจะมีการชิงรางวัลภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลมากที่สุด ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นในทุกๆ สามปี และรางวัลก็สูงค่ามีเกียรติและมีความหมายเสียยิ่งกว่ารางวัล Hundred Flower Art Award เสียอีก

ตอนนั้นที่เจียงเซ่อได้เล่นหนังเรื่องแรกอย่าง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ นั่น พระเอกของเรื่องอย่างหลิวเย่เองก็ได้ใช้ผลงานภาพยนตร์รับรางวัล Hong Kong Film Awards*เหมือนรางวัลรูปปั้นทองคำในงานหนังและได้ก้าวเท้าเข้าสูงตำแหน่งดาราชายยอดเยี่ยมของประเทศด้วย สถานะก็สูงขึ้นอีกต่างหาก

ถ้าอยากจะเข้าชิงรางวัลในงานภาพยนตร์นานาชาติแล้วละก็ เงื่อนไขและกฎเกณฑ์ต่างๆ ต้องไม่ง่ายอยู่แล้วแน่ๆ อย่างแรกเลยผู้กำกับต้องเป็นคนที่เคยมีผลงานมาก่อนแล้ว และผลงานหนังเหล่านั้นต้องมียอดขายบัตรอย่างน้อยห้าร้อยล้าน สถิติคนดูต้องเกินสิบล้านขึ้นไป ถึงจะสามารถนำเสนอต่อผู้ทรงคุณวุฒิได้

“ฉันถามหลินซีเหวินมาแล้ว เขาบอกว่าฉากทั้งหมดของเธอใน ‘The Occasion of Beiping’ จะถ่ายให้เสร็จก่อนเดือนมีนาคม หลังจากนี้เธอก็ไปทำเรื่องลาเรียนประมานสองเดือนเพื่อไปซีหัง ระหว่างนั้นเธอก็ท่องดูบทไปเรื่อยๆ เตรียมตัวเอาไว้เยอะๆ หน่อยล่ะ” เซี่ยเชาฉวินพูดถึงตรงนี้ หล่อนก็หันไปสั่งกับผู้ช่วยอีกว่าให้ไปเตรียมเอกสารสัญญามา

“เรื่องค่าจ้าง ทางบริษัทได้คุยกันเอาไว้ที่หนึ่งล้านห้าแสน”

เจียงเซ่อยังไม่ใช่นางเอกระดับหนึ่ง ชื่อเสียงก็ยังไม่ได้เยอะแยะอะไร แต่ตัวเลขตัวนี้ถ้าเทียบกับดาราคนอื่นๆ แล้วก็ยังถือว่าไม่ได้สูงอะไร แต่กับเจียงเซ่อที่เคยได้รับเงินด้วยตัวเองมาก่อนหน้านี้รู้สึกแปลกใจไม่น้อย

“แต่ว่าในหนึ่งล้านห้านี้ ทางบริษัทจะได้ไป 60% ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะเป็นของเธอเอง” เซี่ยเชาฉวินเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ จากนั้นก็หยิบปากกาขึ้นมาชี้ไปที่ตัวเลขในสัญญา

“แต่ในหกแสนนี้ ยังมีโม่อานฉี หลิวลี่จื้อ Dora และคนอื่นๆ ที่ทางบริษัทเคยช่วยเธอออกไปก่อนหน้านี้ด้วย และยังมีค่าห้องที่เช่าเอาไว้ ถ้าจ่ายพวกนี้หมดแล้ว ส่วนที่เหลือถึงจะค่อยเป็นจำนวนเงินที่เธอได้จริงๆ”

ในใจของเจียงเซ่อมันเหมือนท้อไปครึ่งหนึ่งแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็พูดต่อ

“หลังจากถ่ายหนังเสร็จแล้ว และหลังจากที่หนังได้เริ่มทยอยเข้าฉาย ถ้าได้กลายเป็นที่รู้จักแล้ว โม่อานฉีคนเดียวก็คงจะเอาไม่อยู่แล้ว เธออาจจะยังต้องเสียเงินจ้างคนมาเพิ่มอีก”

หล่อนเคาะมือลงบนโต๊ะ

“อีกอย่าง แต่ก่อนที่เธอรับเล่นหนังเองค่าตอบแทนจะได้หลังจากเล่นจบ แต่ครั้งนี้เธอจะได้ก่อนที่จะเล่น อันนี้มันก็เกี่ยวข้องกับเรื่องภาษีละนะ”

หรือพูดได้ว่า นอกจากค่าให้จ่ายต่างๆ ที่เซี่ยเชาฉวินแจงมาเมื่อกี้นี้แล้ว เธอยังต้องมีทนายและคนดูแลการเงินมาคอยช่วยรับมือเรื่องพวกนี้อีกด้วย และจะเป็นคนที่ช่วยเธอจัดการเรื่องรายได้ต่างๆ

จู่ๆ เจียงเซ่อก็เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเสียแล้ว เธอบีบบทหนังในมือ ไม่ได้พูดอะไรออกไป

จนกระทั่งผู้ช่วยของเซี่ยเชาฉวินเอาเอกสารสัญญาเข้ามาแล้ว เธอเซ็นชื่อตัวเองลงไป ไหนๆ เรื่องที่น่ายินดีอย่างการที่เธอสามารถหาเงินหนึ่งล้านห้าได้ด้วยตัวเองก็พูดกันไปแล้ว เซี่ยเชาฉวินสั่งให้ผู้ช่วยเอาเอกสารสัญญาไปเก็บ เจียงเซ่อก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

“พี่เชาฉวินคะ ทั้งที่หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ ก็ต้องรีบถ่ายทำขนาดนี้ และทั้งๆ ที่บทนางเอกก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แล้วทำไมจู่ๆ บริษัทถึงได้มันมาได้?”

สัญญาก็เซ็นไปแล้ว ก็ถือว่าเรื่องเสร็จไปครึ่งหนึ่ง เซี่ยเชาฉวินเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบมานั่งคุยเล่นไปเรื่อยเปื่อย พอเจียงเซ่อถามจบ เซี่ยเชาฉวินก็ตอบขึ้นทันที

“หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ ดูเหมือนว่าทางเจียงหนานบันเทิงเองก็สนใจและเคยคุยๆ เอาไว้อยู่” เธอขมวดคิ้วเข้าอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอแย่งการลงทุนของเฝิงหนานมา “ฉันว่าสายตาของจ้าวจวินฮั่นก็ถือว่าไม่เลวเลย เพราะหนังที่ดูเอาไว้ทั้งสองเรื่องก็ดีเหมือนกัน เฝิงหนานเองก็ต้องการที่จะรับเล่นบทโจวเหวยในเรื่อง ‘เกี่ยวกับความรัก’”

หล่อนยิ้มๆ ขึ้น

“เธอก็แค่ต้องแสดงให้ดี ให้เฝิงหนานกลายเป็นก้อนหินรองเท้าให้เธอเดิน และอย่าให้ใครมาเหยียบเธอกลับได้”