webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

067

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 67 ทดสอบ

เมื่อวานหลังจากที่นัดเจียงเซ่อแล้ว ผู้ช่วยหลีก็ได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อม ทั้งสไตล์ลิสต์และช่างแต่งหน้าเองก็มารอที่บริษัทกันเรียบร้อย

พอเจียงเซ่อเข้าไปในห้องแต่งหน้า ทีมงานก็กำลังเอาเสื้อที่เธอต้องใส่ออกมาพอดี พวกหล่อนยิ้มให้เจียงเซ่อ “ฉากที่ ‘โต้วโค้ว’ ปรากฏตัวขึ้นในหนัง คือฉากที่กำลังยืนฟังละครอยู่บนถนนเทียนเฉียว ดังนั้นครั้งนี้บริษัทจึงได้ไปเช่าชุดกี่เพ้ามาน่ะค่ะ”

เจียงเซ่อเองก็ได้อ่านบทมาหลายรอบแล้ว แน่นอนว่าจำเนื้อเรื่องของมันได้ ตอนที่โหวซีหลิ่งเขียนถึงท่อนนี้ ‘โต้วโค้ว’ สวมใส่กี่เพ้าสีน้ำเงินปักด้วยลายดอกโบตั๋น และมีเสื้อคลุมสีขาวทับเอาไว้อีกชั้น เธอยืนนิ่งๆ มองไปยังละครที่กำลังเล่นอยู่บนเวที คิ้วที่ถูกเขียนมาขมวดเข้าหากันเบาๆ อายุยังน้อยนัก แต่กลับมีความเจนโลกและซึมเศร้า

เพียงแค่ไม่กี่ประโยค ‘โต้วโค้ว’ ก็เหมือนได้ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษทั้งแผ่นแล้ว

บริษัทซ่างเจียได้ยืมชุดกี่เพ้ามาจากร้านเก่าแก่ร้านหนึ่งในเมืองหลวง เป็นเสื้อผ้าที่งานละเอียดอ่อนและงดงาม และมันอาจจะเป็นเอกลักษณ์ของตัวร้าน กี่เพ้าตัวนี้จึงไม่ได้เอาไว้จำหน่ายขาย ดังนั้นไซส์ของมันเป็นไซส์มาตรฐาน

พนักงานของร้านกี่เพ้าเองก็อยู่ด้วย จากตอนแรกที่กลัวว่านักแสดงของบริษัทซ่างเจียจะใส่ไม่ได้ แต่พอได้มาเห็นเจียงเซ่อแล้ว คุณน้าคนนั้นจึงได้ถอนหายใจโล่งอกออกมาและไม่พูดอะไร

หลินซีเหวินนัดเอาไว้บ่ายสามครึ่ง ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งค่อนชั่วโมง ถือว่ามีเวลาไม่มากนัก พอเจียงเซ่อเข้ามา สไตล์ลิสต์เองก็ไม่พูดมากอะไรอีก หล่อนถือกี่เพ้าแล้วพาเจียงเซ่อไปเปลี่ยนชุดทันที และอยู่ช่วยเธอเปลี่ยนเสื้ออีกด้วย

หลังจากที่เกี่ยวกระดุมกี่เพ้าแล้ว สไตล์ลิสต์ก็ถอยหลังไปสองก้าว สำรวจเจียงเซ่ออีกครั้งแล้วพยักหน้าพอใจ

“คุณเจียง รูปร่างของคุณเหมาะกับการสวมกี่เพ้ามากเลยนะคะ”

กี่เพ้าชุดนั้นมีสีน้ำเงินเข้ม แต่ตรงที่ข้อมือและคอเสื้อมีงานปักลวดลายโบราณเอาไว้ด้วย และไม่ได้มีสีสันอื่นๆ อีก ให้ความรู้สึกเรียบๆ ไม่สดใสนัก

แต่ดีที่เจียงเซ่อสามารถเข้ากับชุดเรียบๆ แบบนี้ได้ดี สัดส่วนร่างกายที่พอดีก็เป็นข้อดีเช่นกัน เธอไม่ได้ผอมจนเห็นกระดูกจนสวมมันไม่ได้ แต่เนื้อหนังของเธอได้สัดส่วนที่ดีมากๆ

เอวของเธอบาง ยิ่งสวมกี่เพ้าสีเข้มแบบนี้ก็ยิ่งเห็นว่าเอวเธอเล็กจนแทบจะเอามือกำรอบได้

ส่วนสูงของเจียงเซ่อก็พอดิบพอดี กระโปรงที่ยาวเลยเข่าลงไป ก็ไม่ได้เป็นข้อบกพร่องของเรือนร่างเธอเลยสักนิด กลับกันเป็นเพราะเธอมีขาที่เรียวยาว การที่เห็นเอวและสะโพกได้อย่างชัดเจนก็ทำให้ขาเธอดูยาวขึ้นเช่นกัน

ก็อย่างที่สไตล์ลิสต์พูดเอาไว้ เธอเหมาะมากที่จะสวมชุดกี่เพ้าแบบนี้ รูปร่างสง่างามราวกับดอกกล้วยไม้ พอสวมกี่เพ้าชุดนี้ ก็ขับรูปร่างให้เด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด นี่ไม่ใช่การคุยโวแต่อย่างใด แต่มีนักประพันธ์ยุคเก่าอย่างโหวซีหลิ่งที่ได้กำหนดนิยามความสง่างามของตัว ‘โต้วโค้ว’ เอาไว้ด้วย

เหมือนดั่งดอกไม้ดอกหนึ่งที่กำลังบานสะพรั่ง มีใบและกิ่งก้านแตกยอดออกมาให้เห็น

ตอนที่เธอเดินออกมา แม้แต่คุณน้าเจ้าของร้านกี่เพ้าก็ยังดวงตาเป็นประกาย

เวลาเธอเดินก็เผยเรียวขาขาวผ่องออกมาวับๆ แวมๆ แต่ลักษณะการเดินของเธอกลับทำให้คิดว่าเธอต้องได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีมากแน่ๆ ในความสดใสก็ยังมีความเย้ายวนแฝงอยู่

ฉากที่ ‘โต้วโค้ว’ ปรากฏตัว เธออายุน้อยแต่ดูเป็นคนเจนโลก ดังนั้นแววตาของเธอจะไม่มีจิตนาการความฝันเรื่อยเปื่อยเหมือนหญิงสาวทั่วไป

ตอนที่ช่างแต่งหน้าทำผมให้เจียงเซ่อ หล่อนก็แอบมองเธออยู่ตั้งหลายครั้งหลายครา แต่สุดท้ายก็ได้ทรงผมเรียบๆ ทรงหนึ่ง ไม่ได้เป็นทรงที่ต้องทำซับซ้อนอะไรนัก

ในตอนที่แต่งหน้า ช่างแต่งหน้าเลือกลงอายแชโดว์สีชมพูอมม่วงลงบนเปลือกตา ผิวของเธอขาวมากๆ ยิ่งใช้สีอายแชโดว์แบบนี้ก็ยิ่งดูร้ายจนสะกดสายตาได้ หลังจากที่ลงเครื่องสำอางไปตามลำดับจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แววตาของเธอก็ดูน่าหลงใหลเข้าไปอีก

ยังไม่ทันจะได้ใส่เครื่องประดับให้ครบ หญิงสาวที่นำเจียงเซ่อมาก็รีบเร่งอย่างร้อนใจ

“เหลือเวลาไม่มากแล้ว ผู้ช่วยหลีเร่งแล้วนะ”

ทีมงานในห้องแต่งหน้าต่างลนลานกันทันที สไตล์ลิสต์ที่เตรียมเสื้อคลุมและเข็มขัดก็รีบเข้าไปจับที่ไหล่เจียงเซ่อ จากนั้นก็ไม่พูดอะไร แค่เร่งให้เธอรีบๆ ไปเท่านั้น

เธอได้สวมรองเท้าส้นสูงสีดำ พอมาถึงห้องแคสติ้ง ทุกคนที่กำลังนั่งพูดคุยกันก็เงยหน้าขึ้นมาทันที สายตาจ้องมองไปที่เจียงเซ่อ

หลินซีเหวินเองก็ได้เคยได้ยินกู้เจียเอ่อพูดให้ฟังแล้ว ว่าดาราหน้าใหม่ที่ชื่อเจียงเซ่อมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น แต่ก็ไม่คิดว่าจะโดดเด่นจากหมู่คนได้ขนาดนี้

มิน่าละ วันนั้นผู้ช่วยหลีถึงได้เอาแต่ชมเธอไม่หยุด

เธอคงจะโดนเร่งให้มาที่นี่ ก้าวเดินเมื่อกี้ถึงได้ดูรีบนัก แต่พอใกล้ถึงห้องแคสติ้งแล้ว เธอก็ดูสุขุมลงกว่าเดิม ฝีเท้าที่เร่งรีบก็ค่อยๆ ก้าวอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ในตอนที่พนักงานบริษัทซ่างเจียเปิดประตูห้องแคสติ้งให้ เธอเดินเข้าไปพร้อมกับยกเสื้อคลุมขึ้นมาสวมเอาไว้ ทำให้หลินซีเหวินเกิดความรู้สึกว่าเหมือนได้เห็นหญิงสาวกลางสายฝนที่อยู่ในรูปวาดกำลังก้าวเดินเข้ามาหาตัวเองเรื่อยๆ

เธอไม่ใช่โต้วโค้วในความคิดของหลินซีเหวิน แต่รูปร่างหน้าตาของเธอก็ให้ความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างเป็นพิเศษ เธอสวมชุดโบราณทั้งชุด แต่กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความความอ่อนหวานเลยสักนิด

โหวซีหลิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ เองก็ขยับแว่นทรงโบราณขึ้นเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองเจียงเซ่อและพิจารณา

ถึงแม้ว่าว่าหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ นี้ บริษัทซ่างเจียจะยอมทุ่มทุนให้เขาออกมาแสดงฝีมือ แต่โหวซีหลิ่งเองก็ยังมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่มาก หนังเรื่องนี้เป็นงานเขียนของเขาเอง และได้พูดไว้แล้วว่าเขามีสิทธิ์สมบูรณ์ในหนังเรื่องนี้

และในเรื่องการคัดเลือกนักแสดง เขาเองก็มีอำนาจตัดสินเช่นกัน

บทหนังเรื่องนี้เขาใช้เวลาถึงสองปีในการใช้สมองคิดทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด เขาให้ความสำคัญกับมันมาก ถึงแม้จะเป็นแค่บทตัวประกอบเล็กๆ ที่ไม่สำคัญนัก เขาก็ยังให้ความสำคัญ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบท ‘โต้วโค้ว’ ที่จะต้องเข้าฉากกับพระเอกอยู่หลายครั้งเลย

เขาอายุมากแล้ว ตอนนี้ก็เจ็ดสิบห้าได้ สำหรับการชื่นชมต่อสิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนกับตอนที่เป็นหนุ่มๆ อีก

คนสวยต้องตัดสินจากภายในไม่ใช่ภายนอก ที่หลินซีเหวินชื่นชมคือใบหน้าของเจียงเซ่อ ลักษณะรูปร่าง และเขาก็เป็นประเภทเรื่องมากเสียด้วย

เขาเห็นว่าศีรษะของเจียงเซ่อนั้นกลมแต่เล็ก มันกลมและดูอิ่มเอิบ แต่พอดูตรงๆ กลับดูเรียว ทำให้คางของเธอไม่แหลมและไม่กลมจนเกินไป แต่รูปหน้าเธอก็ดูงดงามพริ้มเพรา

มีรูปศีรษะที่ดีแบบนี้ บวกกับรูปร่างที่งดงามของตัวเธอเอง กับเสื้อลายปักดิ้นดอกไม้เช่นนี้แล้ว มันเหมือนกับกำลังได้ชมความงามของทิวทัศน์อยู่เลย

เธอมีรูปร่างสูง ลำคอเชิดสวยราวกับหงส์ฟ้า แขนและขาเรียวสวย กระดูกซี่โครงต่างๆ ไม่มีนูนออกมาให้เห็น ดังนั้นเธอไม่ได้ผอมเกินไป แต่แค่เอวเธอบางเท่านั้นเอง

แต่เอวและสะโพกของเธอนั้นงอนและกลมกลึงสวยมากๆ เมื่อลองพิจารณาภายนอกตั้งแต่หัวจรดเท้าดูแล้ว หาจุดบกพร่องไม่เจอจริงๆ

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว แน่นอนว่ารูปร่างภายนอกและความสวยของเธอนั้นสอดคล้องกับบท ‘โต้วโค้ว’ เป็นอย่างมาก ดูน่าพิสมัยเย้ายวน สวยแต่ไม่ล้าหลัง

แต่ในด้านอารมณ์และบุคลิกนั้น เจียงเซ่อไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงคนเจนโลกเลยสักนิด กลับกันแววตาที่เธอมองผู้คน มันดูสะอาดและบริสุทธิ์ และนั่นมันก็ไม่ตรงกับบท ‘โต้วโค้ว’ ที่โหวซีหลิ่งเขียนเอาไว้ตั้งแต่แรก

ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ‘โต้วโค้ว’ ต้องเคยตกต่ำและกลายเป็นหญิงขายบริการ ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการ แต่,มันก็เป็นความเศร้าที่เป็นความจริง แค่ความรู้สึกแรกที่ควรมี เจียงเซ่อกลับไม่ได้แสดงมันออกมาเลยสักนิด

เขาเงียบไม่พูดอะไร หลินซีเหวินที่นั่งข้างๆ มองเขาแวบหนึ่ง แล้วยกมือให้สัญญาณทันที

เจียงเซ่อยังเดินไม่ถึงกลางห้องเลยด้วยซ้ำ ก็มีทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามารับเธอ หล่อนยิ้มแล้วถาม

“คุณผู้หญิงโต้วโค้ว มาดูละครหรือคะ?”