webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

047

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 47 เสียงโห่ร้อง

คอมเม้นท์ดีๆ ของชุยซิ่งก็ค่อนข้างเยอะ ช่วงนี้ข่าวของเขาส่วนมากก็จะเป็นเกี่ยวกับ ’99 Love Letter’ ข่าวที่ใหม่ที่สุดก็น่าจะเป็นข่าวที่เขาได้ถ่ายรูปคู่กับจูพ่าน

ถึงเจียงเซ่อจะได้เข้าไปในกองถ่ายตอนนั้น แต่เธอก็ไม่ได้เข้าฉากเห็นหน้าเหมือนกับนางเอกอย่างจูพ่าน

รูปถ่ายของชุยซิ่งดูดีแทบทุกรูป เขาก้มหน้าลงและดูมีท่าทางเขินอาย

ภาพที่ถูกตกแต่งมาเรียบร้อยแล้วทำให้รู้สึกดูง่าย สายตาของจูพ่านมองไปที่ตัวของชุยซิ่ง ราวกับว่าเขาเป็นคนเดียวที่อยู่ในโลกนี้

และรูปของสองคนนี้ก็มีแฟนคลับมาทิ้งคอมเม้นท์ไว้มากมาย นอกจากการพูดถึงหนังใหม่ของเขาที่จะฉายภายในเดือนมกราคมปีหน้า ก็ตามเจียงเซ่อคาดการณ์เอาไว้ ว่ายังไงก็ต้องมีคนพูดถึงตัวละครที่เธอแสดงบ้าง แต่ทว่าคนที่พูดถึงมีไม่น้อยเลยทีเดียว

ก้อนเมฆก้อนหนึ่งที่ลอยตัวไปอย่างรวดเร็ว : ‘พี่ซิ่งกับพ่านพ่านเล่นหนังด้วยกัน แค่นี้ก็อยากดูจะแย่ แต่นอกจากเรื่องนี้แล้ว ฉันอยากจะรู้ว่าแผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นเป็นใครแสดงด้วย ใครกันที่ทำเอาพี่ซิ่งของฉันหลงใหลได้ขนาดนั้น?’

คนที่เม้นท์ถามแบบนี้ก็มีหลายคนเลยทีเดียว เจียงเซ่อเลื่อนลงไปข้างล่างอีก ยังมีคอมเม้นท์อีกมากมายเลย : ‘ลักษณะของพ่านพ่านก็ดูดี แต่ผู้หญิงคนนั้นดูเหนือหล่อนไปตั้งเยอะเลยนะ หลังของผู้หญิงคนไหนกันนะ ที่ทำให้พี่ซิ่งเคลิบเคลิ้มหลงใหลได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ นี่รึเปล่าที่เป็นเหตุผลที่ทำให้ในหนังพ่านพ่านแอบรักชุยซิ่งตั้งนานถึงจะค่อยได้รักกัน?’

คำพูดนั้นดึงดูดคนที่คิดเหมือนกันได้ไม่น้อย มีคนเห็นด้วยเยอะเหมือนกัน

เห็นด้วยว่า คนที่เล่นเป็นนางเอกนั้น ก็ไม่ได้จะสวยเท่าไหร่เลย

นอกนั้นก็ยังทีแฟนคลับของชุยซิ่งกับจูพ่านที่ดูว่าจะไม่ค่อยชอบตัวละครที่เจียงเซ่อเล่นสักเท่าไหร่จึงคอมเม้นท์ต่อต้านทันที : ‘คนในวงการเยอะจะตายไป ดาราหญิงที่ดังๆ และดูดีกว่าพ่านพ่านน่ะเหรอ นับคนได้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นพวกดาราที่อายุสามสิบขึ้นไปยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย พวกหล่อนต่างเสริมสวยจนดูประหลาดไปหมดแล้ว ฉันหวังว่าผู้กำกับจ้าวจะไม่หาคนมาเล่นมั่วๆ แบบนี้อีก คิดว่าจะมาดึงดูดพวกเราทั้งๆ ที่ไม่เห็นหน้างั้นหรอ นี่มันจะส่งผลกระทบต่อหนังเสียมากกว่า ตอนที่ เงาของหญิงสาวในฝัน ออกมาน่ะเหรอ ฉันก็แค่หลับตาสนิททนๆ ให้มันผ่านไปเลย’

อานจี๋ลา : ‘ฉันสงสัยจังว่าถ้ากองถ่ายจะทำให้พวกเราสนใจ หญิงสาวในฝัน ได้หรือเปล่า แต่ฉันว่านะ ถ้า หญิงสาวในฝัน คนนั้นดึงดูดเราไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงพี่ซิ่งในหนังเลยล่ะ’

ตอนนี้หนังได้ออกตัวอย่างบางฉากออกมาแล้ว และก็สามารถทำให้คนดูเกิดความสนใจและสงสัยได้อย่างอยู่หมัด และยิ่งฉาก ‘ด้านหลังของหญิงสาวในฝัน’ ก็ทำออกมาให้เป็นจุดขายเพื่อดึงดูดคนดูได้ ถึงมันจะเป็นการถกเถียงกันแต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

ตอนนี้เจียงเซ่อกำลังดูข่าวของชุยซิ่งไปเรื่อยๆ พอเธอลองดู พวกที่คุยๆ กันในนี้แล้ว ส่วนมากคนที่ชอบชุยซิ่งคู่กับจูพ่านจะไม่ค่อยมี แต่ส่วนมากจะพูดถึง ‘ด้านหลังของหญิงสาวในฝัน’ คนนั้นมากกว่า

เธอเลื่อนดูอยู่นาน ส่วนมากก็จะเป็นคอมเม้นท์ที่สงสัยว่าเธอเป็นใคร คนส่วนใหญ่ก็บอกว่าจ้าวร่างแค่ต้องการหานักแสดงมาเพื่อให้หนังดูดีเท่านั้น เจียงเซ่อเองก็ไม่โกรธ เธอยังคงยิ้มและเลื่อนเวยป๋อดูต่อไป และเธอก็นึกถึงหนังทั้งสามเรื่องที่เธอได้เล่นมา

หนังของจางจิ้งอานและกู้เจียเอ่อยังอยู่ในขั้นตอนถ่ายทำ ไม่เหมือนเรื่อง ’99 Love Letter’ ที่ถ่ายมาถึงตอนจบแล้ว เพราะงั้นในเน็ตถึงได้เริ่มมีข่าวออกมา แต่ก็ไม่ได้เยอะอะไรนัก

ส่วนมากภาพทั้งหมดที่พวกนักข่าวแอบถ่ายมาจะมองเห็นได้ไม่ชัดนัก

แต่ในขณะเดียวกัน จ้าวร่างเองก็สั่งให้คนลงรูปบ้างแล้ว และนั่นก็เรียกเสียงฮือฮาจากชาวเน็ตได้อย่างมากมาย

แต่ก็มีคนที่พอจะรู้เนื้อเรื่องบ้างแล้ว จึงให้ความสนใจไปที่หน้าตาของคนที่แสดงเป็น ‘หญิงสาวในฝัน’ ทางกองถ่ายเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ยังคงสงวนท่าทีนิ่งเงียบเอาไว้

สถานการณ์แบบนี้ทำเอาแฟนๆ หนังรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย มีคนไม่น้อยนักที่ไปคอมเม้นท์ในเวยป๋อของจ้าวร่างและนักแสดงในหนัง ว่าให้ทางทีมงานช่วยออกข่าวอะไรสักนิดเพื่อที่จะให้คนดูสบายใจ

เจียงเซ่อดูอีกเล็กน้อยก็เริ่มเบื่อ เธอจึงปิดเน็ตลง

ตอนนี้ค่อนข้างจะดึกแล้ว เธอลุกขึ้นแล้วลูบหน้าท้องตัวเอง แล้วตัดสินใจเดินไปห้องครัวอย่างเบื่อหน่าย

ของใช้ในห้องครัวเจียงเซ่อก็ซื้อแบบธรรมดาๆ มาไม่กี่อย่าง และเธอก้จ่ายเงินไปร้อยกว่าหยวนเพื่อซื้อหม้อหุงข้าวใบเล็กๆ มา

แต่ว่าแต่ก่อนเธอไม่เคยเข้าครัวเลยด้วยซ้ำ มาถึงตอนนี้ถึงได้นั่งดูคู่มืออยู่ตั้งนาน ถึงค่อยๆ เริ่มใส่ข้าวเติมน้ำอย่างระมัดระวัง ก่อนจะนำไปลงหม้อกดหุง

เธอยังซื้อพวกกับข้าวที่ไม่ต้องอุ่นอีกรอบมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตอีกด้วย เพราะว่ามันกำลังลดราคาอยู่ แบบนี้ก็ยังพออยู่ผ่านไปได้

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปข้าวก็สุก ดูท่าว่าจะกะน้ำเยอะไปหน่อย ตอนนี้ข้าวเลยกลายเป็นโจ๊กไปเสียแล้ว แต่ก็ยังดีที่มันยังกินได้

ถ้าเทียบกับตอนที่อยู่บ้านครอบครัวตู้แล้ว การที่ย้ายออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้ดีกว่าเยอะ

ที่จริงเธออยากจะลองหาที่ออดิชั่นนักแสดงสักตำแหน่ง แต่เพราะว่าเธอยังไม่ได้เซ็นสัญญากับเอเจนซี่ไหนเลย ดังนั้นตอนนี้ถึงยังไม่มีช่องทาง ถึงมันจะพอมีตำแหน่งตัวประกอบอยู่ แต่คิดว่าเงินค่าตอบแทนมันน้อยไปเสียหน่อย สำหรับสถานการณ์ของเจียงเซ่อแบบตอนนี้ ดูท่ามันจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาของเธอได้หรอก

เธอเปิดเบอร์โทรของหลี่อี้ขึ้น เขาเป็นผู้ช่วยของหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ที่ก่อนหน้านี้เคยได้ให้เบอร์โทรเอาไว้ ก็กะว่าจะลองบากหน้าไปถามว่ามีบทอะไรให้เธอเล่นบ้างไหม แต่ใครจะไปรู้ว่าแค่กลางเดือนสิงหา ค่าตอบแทนที่เหลือของหนัง ’99 Love Letter’ จะโอนเข้าบัญชีเธอแล้ว!

และตอนนี้ความกดดันของเธอก็ลดลงไปบ้างแล้ว ตอนนี้ในบัญชีของเธอมีอยู่สามหมื่นหยวนถ้วน

ไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ และเธอก็ได้จ่ายค่าเช่าห้องล่วงหน้าสองเดือนและเงินค้ำประกันไปแล้วเรียบร้อย และตอนนี้ในบัญชีก็มีอีกสามหมื่น

มีเงินพวกนี้แล้ว เธอเองก็ไม่ต้องรีบร้อนที่จะหางานในกองถ่ายทำ ใช้เวลาไปเรื่อยๆ แบบนี้ ในที่สุดก็ถึงวันเปิดเรียน

เธอได้เลือกเรียนพวกประวัติศาสตร์ สำหรับมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งแล้ว พวก ภาษา ประวัติศาสตร์และวิชาปรัชญาไม่ได้เป็นที่นิยมนัก ด้านการงานก็ไม่ได้หาง่ายเหมือนคณะสาขาอื่นๆ แต่ถ้าคะแนนการสอบคัดเลือกออกมาน้อย โอกาสที่จะได้มาเรียนสาขานี้ก็สูง

ตั้งแต่ที่เจียงเซ่อเกิดใหม่ก็ไม่ค่อยได้ทบทวนบทเรียนนัก ตั้งแต่เริ่มแรกที่เธอเลือกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ตอนนั้นเธอเองก็ไม่ค่อยมั่นใจร้อยเปอร์เซ็น ดังนั้นเธอจึงเลือกสาขาที่ไม่ค่อยมีคนสนใจมันนัก สุดท้ายผลก็คือเธอติดมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งที่นี่

แต่สำหรับศิลปศาสตร์แล้ว แต่ก่อนเธอเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยภาษาแห่งหัวเซี่ย ตอนนั้นตระกูลเฝิงไม่ได้เข้มงวดเรื่องการเรียน ดังนั้นจึงเลือกคณะสาขาที่ตัวเองสนใจ

ตระกูลเฝิงเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เธอเป็นทายาทสืบกิจการอะไร สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่มากไม่มายคือการให้เธอเป็นนักศึกษาที่แสนสวยเท่านั้น อีกอย่างเธอก็ไม่ใช่พวกทำงานไม่เป็นโล้เป็นพาย เพราะยังมีเรื่องที่จะจับแต่งงาน จึงปล่อยให้เจียงเซ่อไม่ต้องเรียนตามอย่างตระกูลเฝิง

ครั้งนี้ที่เลือกคณะประวัติศาสตร์ ถึงมันจะเป็นคณะที่ไม่ค่อยมีคนนิยม แต่ที่เธอได้ผ่านอะไรๆ มาในช่วงนี้ ก็เพื่อให้เจียงเซ่อได้เข้าวงการบันเทิงตามความต้องการ

สิ่งที่กู้เจียเอ่อและจ้าวร่างได้พูดกับเธอเอาไว้ มันทำให้เธอมองวงการบันเทิงเปลี่ยนไปทีละนิดๆ

แต่ถึงตอนนี้ก็เล่นหนังไปแล้วสามเรื่อง แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าวงการนี้จะทำให้เธอไม่ชอบเลย นงตอนวันนั้นที่ได้เห็นฝีมือการแสดงของชุยซิ่งแล้ว เธอเองก็รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก

ยิ่งตอนนี้ ‘เฝิงหนาน’ ของตระกูลเฝิงตอนนี้เองก็กำลังสนใจที่จะลงทุนกับวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก และมันก็ทำให้เจียงเซ่ออยากจะตรวจสอบการตัดสินใจและแผนของ 'เฝิงหนาน' มากขึ้น