webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

009

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 9 เส้นสาย

จู่ๆ เจียงเซ่อก็รู้สึกว่าเลือดลมมันปั่นป่วนไปหมด ทำให้เธอรู้สึกแข้งข่าอ่อน ร่างทั้งร่างโงนเงนจนเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้ช่วยที่เดินนำไปแล้วสองสามก้าวก็เพิ่งสังเกตว่าเธอไม่ได้ตามมาเลยหันกลับไปมอง เขาเห็นเธอเอาแต่ยืนอยู่ที่เดิม ก็คิดว่าเธอคงกำลังคิดวางแผนเพื่อจะได้เข้าใกล้ผู้กำกับและหลิวเย่เพื่อที่จะได้บทดีๆ ในวงการ

เขาอยู่ในวงการนี้มานาน ลูกไม้พวกนี้เขาเห็นมาเยอะแล้ว บางทีพวกนักแสดงที่ฝีมือไม่ถึงก็จะใช้วิธีนี้ให้ตัวเองได้เป็นดารา

แววตาของผู้ช่วยปรากฏแววดูถูก แล้วเร่งขึ้นมาอีกครั้ง

“ไปสิ?”

ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้จางจิ้งอานตอบรับคำขอของหลิวเย่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทำตัวมีมารยาทกว่านี้

แค่โดนผู้กำกับปฏิเสธไป คนอย่างหลิวเย่น่ะ พอโดนปฏิเสธแบบนี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกสนใจสาวสวยคนนี้มากแค่ไหน แต่ก็คงไม่ยอมซวยเพราะเธอเป็นครั้งที่สองหรอก

เจียงเซ่อเม้มปาก เธอเพิ่งรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางแดด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสื้อเปียกน้ำนี่หรือเปล่าเธอจึงสั่นไปทั้งตัว

เธอก้าวขาไปอย่างยากลำบาก ได้ยินเสียงจางจิ้งอานพูดขึ้นมาแว่วๆ ว่า

“เท่าที่รู้มา อุตสหกรรมจงหนานของตระกูลเฝิงนี่มีคุณหนูอยู่คนหนึ่ง ในมืองหลวงผู้กุมอำนาจของอุตสาหกรรมจงหนานกับผู้มีอำนาจในปักกิ่ง… ความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดกัน ว่ากันว่าทายาทกลุ่มเจียงหัวค่อนข้างสนใจในตัวเธอ ถ้าพูดให้ถูกคือสิ่งที่กลุ่มเจียงหัวต้องการ อาจจะเป็นคุณหนูเฝิงก็ได้”

“คุณหนูเฝิง?”

ข่าวพวกนี้ออกมาจากปากของจางจิ้งอานเอง เขาเป็นถึงผู้กำกับใหญ่คงไม่เอาเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงมาพูดแน่ๆ เก้าในสิบส่วนน่าจะเป็นความจริง

ผู้ช่วยเร่งเจียงเซ่อให้รีบเดินอีกครั้ง เธอจึงรีบเดินตามเขาไปที่ห้องแต่งตัว

ครั้งนี้คงเป็นเพราะจางจิ้งอานเป็นคนเรียกเธอเอง พวกสไตล์ลิสถึงได้ไม่มองข้ามเจียงเซ่อเหมือนตอนแรกอีก กลับกันกลับเอาเสื้อผ้ามาให้เธอและคอยดูแลเปิดปิดม่านห้องเปลี่ยนเสื้อให้อีก

สไตล์ลิสเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอช่วยเจียงเซ่อถอดเสื้อที่เปียกน้ำออก จึงได้เห็นผิวเนื้อที่มีเพียงชุดชั้นในปกปิดของเธอ

เจียงเซ่ออายุยังน้อยผิวเธอถึงยังดูสดใส ทรวงอกของเธอถูกปกปิดไว้ด้วยเสื้อในแบบเก่า

แต่ผิวเนื้อเธอนั้นเต่งตึงและเปล่งปลั่ง สีผิวขาวราวกับหิมะ แม้กระทั่งเครื่องหมายแห่งสตรีเพศยังดูแล้วชวนให้คนรู้สึกลุ่มหลง

สวรรค์ช่างรักเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่ใบหน้าของเธอที่สวย รูปร่างก็ดี เอวเล็กคอดบาง ราวกับว่าสามารถเอามือทั้งสองกำรอบได้

“สวยจริงๆ”

สไตล์ลิสเผลออุทานออกมา ผิวเธอมีความอ่อนเยาว์ ใสเต่งตึงและนุ่มนิ่ม แต่พอหล่อนหันไปเห็นตรงหัวไหล่ก็พบว่ามีรอยช้ำอยู่รอยหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ที่ดูรุนแรงกว่ากว่าก็น่าจะเป็นที่เนินอกของเธอเสียมากกว่า มันเป็นรอยแดงๆ ใหญ่เท่ากำปั้นผู้หญิง และเริ่มที่จะช้ำแล้วด้วย

ผิวของเธอขาวมาก ดังนั้นแค่รอยแผลเล็กๆ ก็ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ สไตล์ลิสต์มองรอยนั่นอยู่ครู่หนึ่ง

“บาดเจ็บเหรอ?”

เจียงเซ่อมองตรงเนินอกของตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นไปลูบเบาๆ เธอหลุดเสียงร้องออกมาเบาๆ

แผลบนหัวไล่เธอเห็นมันแล้ว น่าจะเป็นแผลจากตอนที่แสดงฉากแรกที่โดนคนร้ายฆ่าโดนการใช้มีดฟันลงมา ไม่เกินสองวันก็คงหายดี

แต่แผลบนหน้าอกของเธอนี่สิ ภายในสองวันคงไม่หายแน่ๆ เธอนึกถึงแรงอัดของระเบิดเอฟเฟคก่อนหน้านี้ อดทนเจ็บแล้วยกมือขึ้นนวดแผลนั้นเบาๆ แล้วพยักหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ”

เธอไม่ได้เปราะบางอย่างที่สไตล์ลิสคิด กลับทำให้หล่อนมองเธออย่างแปลกใจก่อนจะพูดต่อ

“แต่แผลมันดูอาการหนักไม่น้อยเลยนะ”

หล่อนพูดจบก็เลิกม่านเดินออกไป ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมขวดสเปรย์อะไรสักอย่าง

“ในกองถ่ายมักจะมีคนบาดเจ็บเสมอ ตัวนี้จะช่วยให้เลือดแข็งตัว ลดอาการบวม เธอลองฉีดดูละกันนะ”

เจียงเซ่อพยักหน้าขอบคุณหล่อนแล้วรับของมา

“ขอบคุณมากนะคะ”

“เล็กน้อยน่า” หล่อนยิ้มแล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมให้เธอ

“ฉันชื่อแซนดี้”

“ผู้กำกับจางเขาเป็นคนที่ข้อเรียกร้องสูง ฉากที่พวกเธอเพิ่งถ่ายเมื่อกี้นี้ ถึงจะเป็นแค่ฉากสั้นๆ แต่ถ้าโดนเขาเห็นแล้วล่ะก็ จากนิสัยของผู้กำกับจาง ยังไงก็ต้องถ่ายจนกว่าจะออกมาดีที่สุด” แซนดี้เช็ดหัวให้เธอเสร็จก็ช่วยเป่าชุดชั้นในของเธอจนแห้งด้วย พวกตัวประกอบในกองถ่ายไม่ได้เหมือนพวกดาราที่จะมีคนมาดูแลทำนู้นทำนี่ให้ทุกอย่าง ถ้าชุดชั้นในเปียกน่ะเหรอ ก็ใส่ไปทั้งอย่างนั้นแหละ

“เมื้อกี้ฉันเห็นพวกคนในกองแบกพวกปืนมาเองด้วยนะ ฉันก็ถือว่าอยู่ในวงการนี้มาได้สักพักแล้ว แต่ก็น้อยครั้งที่จะได้เห็นว่าใช้ปืนจริงในการถ่ายทำ อาจจะเพราะรอบนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเจียงหัวที่แสนร่ำรวย และพึ่งพาเส้นสายอันกว้างขวางของบริษัทเจียงหัว พวกเขาไปขอใช้ปืนจากทหารเลยนะ คนทั่วไปคงไม่มีทางทำแบบนี้ได้หรอก มีแค่ผู้กำกับจางนี่แหละ” แซนดี้กางเสื้อตัวใหม่สวมให้เจียงเซ่อ ถามขนาดเท้าแล้วก็ไปหยิบรองเท้าคู่ใหม่มาให้เธอ

“แต่ว่าปืนพวกนั้นมีผู้เชี่ยวชาญมาดูแลแล้ว ข้างในกระบอกมีแค่ดินปืนแต่ไม่มีกระสุนจริงๆ หรอกนะ ดูสมจริงแต่ไม่ทำอันตรายต่อคนแน่นอน” แซนดี้พูดจบก็มองไปที่แผลบนอกของเธออีกรอบ

“แผลบนอกของเธอน่าจะเป็นเพราะผูกระเบิดเอฟเฟคเอาไว้มากกว่า แต่เอาจริงๆ แล้วระเบิดเอฟเฟคนั่นน่ะ มันไม่ได้เป็นอันตรายหรอกนะ แรงระเบิดของมันถูกกะเอาไว้แล้ว ถึงจะไปติดไว้ตรงหน้าอกแล้วระเบิดออกก็ไม่ทำให้เจ็บเลยสักนิด”

หล่อนอธิบายความรู้เล็กๆ น้อยๆ ในกองถ่ายให้เจียงเซ่อฟังยิ้มๆ ดูก็รู้ว่ากำลังซื้อใจเธออยู่

“แต่มันก็มีข้อเสียอยู่นะ นักแสดงบางคนมีประสบการณ์ไม่พอ เวลาที่เอฟเฟคมันระเบิดออก เพราะพวกเขาไม่รู้สึกเจ็บพวกเขาจึงไม่สามารถแสดงสีหน้าและความเจ็บปวดออกมาได้” พูดถึงตรงนี้ เธอก็รอให้เจียงเซ่อใส่เสื้อและรองเท้าเสร็จก่อนถึงค่อยพูดต่อ

“ฉันเดาว่าผู้กำกับจางคงอยากให้การแสดงออกมาสมจริงจึงขอเพิ่มแรงอัดเข้าไปหน่อย”

เจียงเซ่อฝืนยิ้มให้ก่อนจะขอบคุณในความหวังดีของหล่อน ในใจก็กำลังวิเคราะห์ในสิ่งที่แซนดี้พูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ

“เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นปืนจริงเหมือนกัน แถมยังชี้มาที่ฉันอีก ตอนนั้นก็ตกใจแทบแย่” เจียงเซ่อฝืนตัวเองไม่ให้สั่น แสร้งพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

“ปืนพวกนั้นยืมมาจากฝ่ายทหารจริงๆ เหรอ?”

หล่อนพยักหน้ารับ “จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ”

“พวกทหารจะมาทำเรื่องแบบนี้เหรอ?”

เธอฝืนยิ้มแล้วถามขึ้นมาอีกครั้ง

“นี่น้องสาว ถ้ามีเงินมีเส้นดี จะมีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง? วงการนี้นะมันซับซ้อนจะตายไป ยิ่งเป็นพวกบริษัทเจียงหัวด้วยนะ!”

หล่อนทำท่านับนิ้วอวดเล็บสวยของตัวเอง

“พึ่งพาทั้งเส้นสายและความสัมพันธ์”

เจียงเซ่อที่เห็นหล่อนทำท่าแบบนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรหล่อนอีก

จู่ๆ เธอก็รู้สึกเย็นไปทั้งร่างกาย ความเย็นนั่นค่อยๆ ไล่ขึ้นมาจากปลายเท้า เธอค่อยๆ ยกมือขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นและไม่พูดอะไรออกมาอีก

ในสายตาคนอื่นเกี่ยวกับบริษัทเจียงหัวจะเป็นยังไงเธอไม่รู้หรอก แต่ในใจเธอรู้ดีกว่าใคร

ตอนที่เธอยังไม่ได้กลายเป็นเจียงเซ่อ พ่อแม่ของเธอเองก็เคยเจรจาธุรกิจกับบริษัทนี้

ที่เธอไปกินข้าวกับทายาทของบริษัทนี้ครั้งที่แล้ว มันเป็นความต้องการของพ่อแม่เธอ เป้าหมายคือพวกเขาอยากให้เธอและทายาทของตระกูลนั้นสนิทสนมกัน เพื่อในอนาคตจะได้ดองกัน