webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

008

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 8 สนับสนุน

เสียงของคนตะโกนทำเอาคนทั้งกองหันไปให้ความสนใจ เจียงเซ่อเช็ดหยดน้ำออกจากปลายคางแล้วหอบหายใจออกมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนที่ช่วยดึงเธอขึ้นมาเรียก

“คนสวย เรียกเธอแน่ะ”

เจียงเซ่อได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไป พอหันหน้าไปดูก็เห็นว่าผู้ช่วยผู้กำกับกำลังถือโทรโข่งกวักมือเรียกเธออยู่ไม่ไกล

“เธอนั่นแหละ มานี่”

ทั้งตัวเธอเปียกไปหมด หนังเรื่องนี้ลงทุนไปมาก คุณภาพของเสื้อผ้าก็ไม่เลวเลย พอดูดน้ำเข้าไปแล้วก็ค่อนข้างหนักทีเดียว เธอบิดน้ำออกจากชายเสื้อเล็กน้อย ในรองเท้าก็มีแต่น้ำ เสื้อก็แนบไปกับตัว แค่เดินก้าวเดียวน้ำก็หยดลงไปตามทางจนเป็นรอย

ผู้ช่วยผู้กำกับมองมาที่เธอ คนรอบข้างเองก็มองมาที่เธออย่างอิจฉา

“เรียกเธอนั่นแหละ รีบไปเร็วๆ เข้า ไม่แน่ว่าผู้กำกับจางอาจจะเห็นแววเธอก็ได้นะ”

เจียงเซ่อรีบวิ่งเยาะไปหา ผู้ช่วยผู้กำกับมองเธออย่างประหลาดใจ

“มากับฉันเร็วเข้า” ตอนที่เขาพูด ใบหน้าที่ดูหงุดหงิดตอนแรกพอเห็นหน้าของเจียงเซ่อก็ดูอรามณ์ดีขึ้นเล็กน้อย

“อีกเดี๋ยวอย่าพูดอะไรส่งเดชนะ ผู้กำกับให้ทำอะไรเธอก็ทำตามนั้น”

เจียงเซ่อเข้าใจในความหมายของเขา เป็นจางจิ้งอานให้คนมาตามเธอจริงๆ ด้วย

ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ร้อนระอุ จางจิ้งอานและคนอื่นๆ กำลังนั่งรออยู่ใต้ร่มเงาของร่มคันใหญ่

พอเจียงเซ่อมาถึง สายตาของทุกคนที่นั่งอยู่ก็มองมาที่เธอ แม้แต่คนที่กำลังถือน้ำแร่ใส่แว่นดำอย่างหลิวเย่เองก็หันมามอง เขายืดตัวขึ้นแล้วกดแว่นลงมองเธอ

“ผู้กำกับจาง เธอมาแล้วครับ”

จางจิ้งอานที่นั่งอยู่หลังจอมอนิเตอร์เอียงศีรษะไปมองเธอ ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากปากของหลูเป๋าเป่าแต่เจียงเซ่อกลับคิดว่าเขาก็ดูธรรมดา

อายุเขาน่าจะสักสี่สิบได้ สวมชุดธรรมดาอย่างเสื้อแขนสั้นสีฟ้า ทรงผมแสกข้าง ดวงตาแม้ไม่ได้คมกริบแต่ก็ยังทำให้คนรู้สึกกดดันได้

ในกองถ่ายนี้มีคนสำคัญแห่งวงการบันเทิงถึงสองคน ถ้าเธอเป็นเจียงเซ่อเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปีคนนั้นจริงๆ ก็คงจะตื่นเต้นและทำตัวไม่ถูกแน่ๆ

แต่ทว่าเจียงเซ่อกลับยืนตัวตรงนิ่ง จางจิ้งอานรู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้เห็นเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าตน ดูไม่กลัวเขาเลย แววตาแน่วแน่ ยืนตัวตรง ถึงผมจะโดนน้ำจนลู่ลงกับกรอบหน้าแต่ก็ยังไม่อาจทำลายความงามของเธอได้

บริเวณที่เธอยืนอยู่เริ่มจะเปียกเป็นแอ่งแล้วแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ ไม่มีท่าทางเกร็งและอึดอัดเลยสักนิด

ดูจากรูปร่างและท่าทางของเธอแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงมีฐานะที่ไม่เลวนัก ความกล้าต่อโลกมันสอนกันทีหลังได้ แต่ท่าทางการแสดงออกและเสน่ห์พวกนี้ยังไงก็ต้องถูกขัดเกลาโดยครอบครัว

เขาดูเจียงเซ่อจากจอมอนิเตอร์ เห็นแค่แวบเดียวก็รู้สึกว่าเธอสวยและมีเสน่ห์มากทีเดียว มองจากไกลๆ ก็ว่าไม่เลวแล้ว แต่พอได้เห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งสวยเข้าไปอีก

“หลิวเย่ นายคิดว่าเป็นไง?”

จางจิ้งอานชี้ๆ ไปที่เจียงเซ่อแล้วหันไปถามหลิวเย่ด้วยรอยยิ้ม

หลิวเย่พยักหน้า มุมปากยกขึ้นเบาๆ ปรากฏรอยยิ้มที่คล้ายมีคล้ายไม่มี

“ผู้กำกับจางสายตาเฉียบคมจริงๆ”

เห็นผู้หญิงในวงการมาก็เยอะ แต่รูปลักษณ์ของเจียงเซ่อทำให้เขารู้สึกแปลกใจ

เธอสวยแบบไม่ปรุงแต่ง องคพายพทั้งห้าราวกับหยกงามที่สวรรค์ได้แกะสลักออกมาอย่างประณีต บวกกับความอายุน้อยของเธอเป็นทุนเดิม เธอไม่ได้สวยฉูดฉาดเหมือนกับลู่ปิงปิงหรือดาราสาวอื่นๆ ที่เขาเคยร่วมงานด้วย แต่พอเขาเห็นเจียงเซ่อ เขาก็รู้สึกเหมือนได้ทานไอศกรีมอย่างเพลิดเพลินในยามฤดูร้อน

แต่ทว่าความสวยไม่ได้หมายความว่าจะแสดงเป็น สิ่งที่ไม่เคยขาดในวงการบันเทิงคือสาวสวย

ถ้าจะทำงานในสายอาชีพนี้จริงๆ ความสวยก็เป็นแค่ใบเบิกทาง จะยังไงก็ต้องรอโอกาสและจังหวะที่ดี

ดังนั้นจากที่ตื่นเต้นในตอนแรกหลิวเย่ก็ค่อยๆ กลับไปนิ่งสงบเหมือนเดิม

รองผู้กำกับที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา เขาหันไปถามผู้ช่วย

“ใครเป็นคนหามา?”

ผู้ช่วยตอบเสียงเบา

“น่าจะเป็นจางฟานหามาครับ”

“ผู้กำกับจางมีสายตาที่เฉียบคมจริงๆ ด้วย ถ่ายมาตั้งนานพวกเรากลับไม่เห็นคนที่มีแววขนาดนี้”

รองผู้กำกับที่รู้เรื่องแบบนี้ดีก็รีบหันไปหาจางจิ้งอานเพื่อประจบ

“แค่คุณมา มองปราดเดียวก็รู้แล้ว”

จางจิ้งอานไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ “มีแววรึเปล่า ก็ยังต้องดูอีกที”

หลิวเย่นั่งตัวตรงขึ้นมาแล้วมองสำรวจเธอขึ้นลง

“ผมจำได้ว่าในเมืองต้าชิ่งมีละครเรื่องหนึ่งถ่ายทำอยู่ ต้องการนักแสดงหญิงสวยๆ ไปแสดง ไม่รู้ว่าผู้กำกับจางหาคนได้หรือยัง?”

จางจิ้งอานฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว

คนในกองถ่ายที่ได้ยินหลิวเย่พูดอย่างนั้นก็พากันตกตะลึงอ้าปากค้าง

ฟังก็รู้ว่านักแสดงหนุ่มยอดเยี่ยมคนนี้กำลังดันคนใหม่อยู่ บางคนในกองเริ่มมองเจียงเซ่อไม่เหมือนเดิม ในใจรู้สึกว่าเธอช่างเป็นเด็กสาวที่โชคดีเหลือเกิน

ได้ดารายอดฝีมืออย่างหลิวเย่เป็นคนสนับสนุน แปดเก้าส่วนจางจิ้งอานก็น่าจะให้เกียรติเขา

เจียงเซ่อไม่รู้ว่าหนังในเมืองต้าซิ่งที่หลิวเย่พูดถึงคือหนังเรื่องไหน แต่คนในกองต่างรู้ดีว่ามันเป็นบทที่ไม่ได้ออกฉากอะไรมากนัก แต่บทก็มีคามสำคัญอยู่ จะเอามาเทียบกับบทตัประกอบที่ออกมาก็ตายเลยยแบบนี้ได้ยังไง

ยิ่งไปกว่านั้น การถ่ายหนังที่ผ่านมาของจางจิ้งอานนั้น ถึงแม้จะไม่ใช่หนังฟอร์มยักษ์แต่ทุกเรื่องก็ดังไปทั่วประเทศ ถ้าเจียงเซ่อได้เล่นสักบทบาทในหนังของเขา โอกาสที่จะได้เข้าสู่วงการก็มีสูงมาก อนาคตก็ยากจะคาดเดา

หลิวเย่คิดว่าสิ่งที่ตนเสนออกไปไม่ใช่ปัญหาอะไร ถึงแม้ว่าจางจิ้งอานจะเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงของประเทศ แต่สิ่งที่เขาเสนอก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จางจิ้งอานน่าจะตอบตกลง

แต่สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ จาจิ้งอานกลับขมวดคิ้ว เงียบอยู่นานจึงค่อยตอบ

“ดูก่อนแล้วกัน”

เขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ตอบตกลง

แว่นดำที่หลิวเย่สวมบดบังสายตาที่แท้จริงของเขาเอาไว้ ไม่เสียแรงที่เขาเป็นถึงดารารางวัลใหญ่ เขายกยิ้มที่มุมปาก ทำราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

“ก็ตามนั้น”

“บริษัทเจียงหัวสนใจที่จะลงทุนเพิ่มให้อีกร้อยล้าน”

เรื่องนี้สำหรับคนในแล้วไม่ใช่ข่าวใหม่อะไร อย่างน้อยก็ตอนที่เจียงเซ่อได้ยินประโยคนั้น คนรอบๆ ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจอะไรออกมา

จางจิ้งอานสะบัดมือให้สัญญาณว่าให้พาเจียงเซ่อไปเปลี่ยนชุดแล้วค่อยมาใหม่

ตอนที่เจียงเซ่อหันหลังกลับ ดารายอดเยี่ยมคนนั้นก็มองตามเธออีกรอบ จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ

“ดูเหมือนว่ารอบนี้บริษัทเจียงหัวจะสนใจหนังเรื่องนี้มากๆ เลยนะครับ” คำพูดของเขามีความหมายแฝงอื่นอีก

เจียงเซ่อที่ได้ยินคำว่า ‘บริษัทเจียงหัว’ ขึ้นมาแววตาของเธอก็สั่นไหว หลังจากนั้นก็ได้ยินจางจิ้งอานพูดขึ้นมาอีก

“นายรู้จักวิสาหกิจจงหนานสินะ?”

เจียงเซ่อเดินออกมาจากร่มกันแดด เธอเดินห่างออกมาจากจางจิ้งอานและคนอื่นๆ ไปหลายเมตร แต่พอจางจิ้งอานพูดประโยคนั้นออกมา ขาของเธอมันก็ชะงักไป ร่างกายพลันหดเกร็งขึ้นมา

“วิสาหกิจจงหนาน ตระกูลเฝิง? ที่ฮ่องกงน่ะหรือครับ?”

หลิวเย่ถามออกไป จางจิ้งอานตอบเสียงเบา

“อืม”