webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

003

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 3 บังคับ

“เขาบอกว่าหนังเรื่องปฏิบัติการผู้พิทักษ์นี่นะ เป็นการร่วมมือลงทุนระหว่างบริษัทเจียงหัวกับบริษัทไท่ชางล่ะ เป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่มาก พระเอกคือนักแสดงชายรางวัล Hong Kong Film Awards อย่างหลิวเย่เลยนะ เธออยากเข้าวงการบันเทิงไม่ใช่เหรอ? งั้นพวกเราไปเซิ่นจวงกันเถอะ เธอสวยจะตาย ไม่แน่นะ อาจจะเจอพวกแมวมองมาขอให้เธอไปเป็นนักแสดงก็ได้?”

หลูเป๋าเป่าเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย ปากก็พูด ‘บลาๆๆๆ’ ไม่หยุด

“ไปเถอะ ไปเถอะ ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว หรือว่าเธอจะตั้งใจเรียนขึ้นมาจริงๆ ”

หล่อนกลอกตาขึ้นตอนที่พูดประโยคนี้ แสดงท่าทางไม่เชื่ออย่างชัดเจน

ผลการเรียนของเจียงเซ่อไม่ได้ดีนัก คิดแต่ว่าพอเรียนจบมอปลายก็จะเข้าวงการบันเทิง

แต่ตอนนี้ความคิดของเธอไม่ได้เป็นเหมือนเก่าแล้ว สิ่งที่เธอคิดและกำลังกลัวในตอนนนี้คือการสอบเข้ามหาวิทยาลัย คิดว่าถ้าสอบได้แล้วไม่มีเงินเรียนอะไรแบบนั้นมากกว่า

ตอนที่เธอเป็นเฝิงหนาน สิ่งที่เธอเรียนไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่พอกลายมาเป็นเจียงเซ่อ เธอคงไม่สามารถเอาความรู้พวกนั้นออกมาใช้ได้

เจียงเซ่อเป็นแค่เด็กสาวที่มีหน้าตาสวยอย่างไร้ที่ติและอยากจะเข้าวงการบันเทิง เป็นดาราใหญ่ที่ได้รับค่าตอบแทนมากมาย

เงินค่าตัวสูงๆ เจียงเซ่อยังไม่กล้าที่จะคิดถึงมันนัก แต่ว่าช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนี้ยังไงก็ต้องหาวิธีหาเงินล่ะนะ

“ขอร้องเธอล่ะนะ ไปกับฉันเถอะ” หลูเป๋าเป่ากอดแขนเธออีกครั้งแล้วแกว่งไปมา “นี่มันเป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่มากเลยนะ ดาราก็เยอะมากเลย” แล้วหล่อนก็หยิบมือถือออกมาอีก “เธอดูสิ มีทั้งลู่ปิงปิง จ้าวรั่วจวิน นี่ก็เป็นดาราสาวที่ดังตั้งแต่เด็กๆเลยนะ พระเอกก็เป็นหลิวเย่ ผู้กำกับก็เป็นคนที่โคตรจะดัง จางจิ้งอาน ไง แค่เห็นก็น่าสนใจแล้ว หนังยังไม่ทันถ่ายก็ดังแล้วรู้ไหม” หล่อนพูดถึงพวกนักแสดงในเรื่องด้วยสายตาเป็นประกาย

“นักแสดงกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ ถ้าพวกเราไปละก็ ไม่แน่นะ เราอาจจะได้ไปเป็นพวกนักแสดงประกอบก็ได้ และไม่แน่เข้าไปอีกว่าอาจจะได้ลายเซ็นของพวกดารา พอกลับมาทั้งห้องจะต้องอิจฉาพวกเรามากแน่ๆ”

แต่คำๆเดียวที่ดึงดูดเจียงเซ่อคือคำว่า ‘ตัวประกอบ’ “ตัวประกอบเหรอ?”

“ใช่แล้ว” หลูเป๋าเป่าพยักหน้าหงึกหงัก แต่สายตายังจ้องไปที่จอมือถือ “การถ่ายทำที่ใหญ่ขนาดนี้จะต้องใช้คนเยอะไม่ใช่หรอ? ได้ถ่ายหนังกับดาราใหญ่ ไม่แน่พวกเราอาจจะได้ออกทีวีด้วยก็ได้!”

“ตัวประกอบนี่จะได้เงินตอบแทนประมาณเท่าไหร่?” ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเรื่องดาราหรือหนังอะไรนั่นสักนิด เธอกำลังสนใจเงินที่จะได้

หลูเป๋าเป่าอ้าปากเหวอ ดูท่าจะไม่มั่นใจกับคำถามนั้นนัก หล่อนไม่เคยไปถ่ายด้วยสิ แต่ก็ไม่อยากให้เจียงเซ่อรู้สึกว่าตัวเองรู้ไม่จริง หล่อนคิดอยู่สักพักก่อนจะหันไปตอบ “ก็น่าจะประมาณหลายร้อยหยวนละมั้ง? ยังไงก็เป็นการถ่ายหนังใหญ่นี่นา”

หล่อนพูดอย่างไม่เต็มปากนัก แต่เจียงเซ่อก็คิดมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าไป “งั้นวันเสาร์นี้ไปกัน”

พอให้คำตอบกับหลูเป๋าเป่าไปแล้ว หล่อนก็ไม่มากวนเธออีก

อาจารย์คณิตศาสตร์ได้พูดเกี่ยวกับแนวข้อสอบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก่อนที่จะเริ่มสอน

เจียงเซ่อตั้งใจฟังอยู่ได้แปบหนึ่งก็หันไปเห็นว่าหลูเป๋าเป่ากำลังทำหน้าเคลิบเคลิ้มและมีความสุขเป็นอย่างมาก

เช้าวันเสาร์เจียงเซ่อช่วยโจวฮุ่ยทำมื้อเช้าจนเสร็จ ตู้ชางฉวินก็ปีนลงมากจากบนบ้านด้วยสีหน้าเย็นชา เขามองเธอแวบหนึ่ง

ตู้ชางฉวินเป็นเป็นพนักงานอยู่ในโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เขาทำมาได้หลายปีแล้ว การทำงานก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนัก แลกกับเงินเดือนเล็กน้อยเพื่อเลี้ยงครอบครัวใหญ่

เจียงเซ่อไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขา และแน่นอนว่าตู้ชางฉวินไม่ได้ชอบเจียยงเซ่อนัก

วันนี้เป็นวันเสาร์ เจียงเซ่อจะต้องตื่นเช้าเพื่อมาช่วยทำงานบ้าน ส่วนตู้หงหงและตู้โหยวกลับได้นอนตื่นสายตะวันโด่ง

โจวฮุ่ยยกข้าวต้มเข้าไปที่ห้องของแม่สามี ตู้จางฉวินกำลังก้มหน้ากินโจ๊กคำใหญ่ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบกับข้าวใส่ถ้วยตัวเอง

ครอบครัวตู้ไม่ได้มีความพิถีพิถันอะไรเลย ตะเกียบที่ใช้ก็ไม่ใช่ตะเกียบที่แยกออกมาเพื่อคีบกับข้าว พอเจียงเซ่อเห็นเศษข้าวที่ติดอยู่บนตะเกียบนั่นก็ทำเอากินไม่ลง

บรรยากาศค่อนข้างกดดัน ตู้ชางฉวินเคี้ยวไปได้สองคำก็มองไปที่ลูกเลี้ยงของตนที่เอาแต่นั่งก้มหน้า สายตาที่มองเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

“เธออายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา “จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ตอนที่ฉันอายุเท่าเธอนะ ฉันเข้าโรงงานแล้ว ได้เดือนละหนึ่งพันหยวน แถมยังเลี้ยงดูครอบครัวอีก”

เจียงเซ่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็วางตะเกียบลง

“เธอก็เห็นอยู่ว่าตอนนี้ที่บ้านเป็นยังไง หงหงก็กำลังจะสอบกลางภาค ทั้งค่ากินค่าเรียน พวกเขายังรอให้เธอทำหน้าที่พี่สาวอยู่นะ” ตู้ชางฉวินพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เขายกมือขึ้นเช็ดปาก

“ฉันลองถามที่โรงงานดูแล้ว ดูเหมือนเขาต้องการพนักงานหญิงอยู่ด้วย”

เจียงเซ่อไม่ได้พูดอะไรออกไป และตู้ชางฉวินเองก็ไม่ได้รอให้เธอตอบ เขาลุกขึ้นสะพายกระเป๋าแล้วออกไปทันที

ถึงแม้จะเป็นวันเสาร์ แต่เธอก็ไม่ได้พัก เจียงเซ่อรอจนเขาออกไปแล้วเธอถึงค่อยลุกขึ้น แต่พอเธอหันหลังไปก็พบว่าโจวฮุ่ยกำลังยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องแม่สามีและในมือก็ถือแค่ถ้วยเปล่าๆ ดูเหมือนหล่อนคงได้ยินคำพูดของตู้ชางฉวินหมดแล้ว

“ที่คุณอาตู้พูดก็มีเหตุผลนะ สถานการณ์ในบ้านตอนนี้……” พอได้ยินโจวฮุ่ยพูดแบบนั้น เจียงเซ่อจึงพูดขึ้น “ถ้าเป็นหงหง แม่จะให้เธอหยุดเรียนหลังจากจบปลายเหมือนกันไหม?”

โจวฮุ่ยอดที่จะพูดออกไปไม่ได้ “ผลการเรียนของลูกก็ไม่ดี……”

เจียงเซ่อลุกขึ้นแล้วเก็บถ้วยของตัวเองไป

“หนูอิ่มแล้ว หนูนัดเพื่อนไว้ว่าจะออกไปข้างนอก”

โจวฮุ่ยเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่พอเห็นว่าเจียงเซ่อเดินออกจากห้องครัวไปอย่างรวดเร็วก็ไม่พูดอะไรออกมา

เวลาที่ออกมาจากบ้านครอบครัวตู้จะต้องเดินไปอีกสิบกว่านาทีกว่าจะถึงป้ายรถประจำทาง

รถประจำทางที่มีแอร์ก็มีแต่คงไม่มีปัญญาพอที่จะนั่งหรอก วันไหนที่ร้อนมากๆ เธอก็จะได้แต่นั่งมองรถที่มีแอร์วิ่งผ่านหน้าเธอไป รอจนคนเหลือน้อยเต็มทีถึงจะมีรถธรรมดามา

พอเธอขึ้นรถไปก็พบว่าไม่มีคนเลย เธอจึงเลือกนั่งติดกับหน้าต่างและเปิดมันออก เวลาที่ลมพัดมาก็เย็นดีเหมือนกัน

เกิดมายี่สิบสี่ปี เพิ่งจะได้รู้ว่าความจนมันเป็นยังไง

บ้านของหลูเป๋าเป่าห่างจากบ้านครอบครัวตู้ไปสี่ป้าย บ้านของครอบครัวหู้ก็ไม่ได้เป็นครอบครัวที่รวยอะไรนัก แต่ถ้าให้เทียบระหว่างสองครอบครัวนี้แล้ว ครอบครัวหู้ดีกว่ามาก

เธอเคาะมือลงกับประตูบ้านครอบครัวหู้ หลูเป๋าเป่าที่รออยู่แล้วก็รีบมาเปิดระตูทันที หล่อนถอนหายใจออกมา

“ทำไมเพิ่งมาตอนนี้เนี่ย?”

หลูเป๋าเป่าบ่นเธอเบาๆ “ฉันคิดว่าเธอจะไม่มาแล้วเสียอีก ตกใจแทบตาย” มือของหล่อนยังถือปากาเอาไว้ ก่อนที่เจียงเซ่อจะมาคุณพ่อคุณแม่ของหล่อนสั่งให้ทำการบ้านอยู่

เจียงเซ่อยิ้มๆ เธอขึ้นบันไดอย่างไปอย่างเกร็งๆ

“ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”

หลูเป๋าเป่าจุ๊ปากและบอกให้เจียงเซ่อรอแปบหนึ่ง หล่อนกลับเข้าไปในห้องหยิบกระเป๋าสะพายออกมา หลังจากนั้นก็ตะโกนเข้าไปในห้องรับแขกที่มีพ่อแม่อยู่

“พ่อ แม่ หนูไปหาข้อมูลที่ห้องสมุดกับเพื่อนนะ ตอนเที่ยงไม่กลับมากินข้าว ไม่ต้องรอนะ”

และไม่รอให้พ่อกับแม่ได้ตอบกลับหล่อนก็รีบดึงเจียงเซ่อออกมาทันที

“ไปเร็วๆ ” เธอเร่งเสียงเบา

พอลงมาถึงข้างล่างตึก คุณแม่ของหลูเป๋าเป่ายังออกมาตะโกนที่ระเบียง “ตอนเย็นรีบๆ กลับมาล่ะ”

หลูเป๋าเป่าโบกมือให้ พอเดินอออกมาได้ไกลพอสมควร แล้วหล่อนก็เริ่มร่าเริงขึ้นมาทันที

“ในที่สุดก็ออกมาได้แล้ว”

ทางที่จะไปเซิ่นจวงนั้นค่อนข้างไกล ถ้าจะให้พูดก็อยู่ใกล้กับเมืองหลวง แต่ถ้านั่งรถไปก็ต้องใช้เวลาตั้งหนึ่งชั่วโมง