webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

002

娱乐圈头条 หัวข้อข่าว แห่งวงการบันเทิง

ผู้แต่ง กว๋านเอ่อwr

ผู้แปล เติ้ง ลี่เฟิน

บทที่ 2 ข่าว

มือข้างหนึ่งขอหลูเป๋าเป่าวางไว้ใต้โต๊ะและหล่อนกำลังเล่นมือถือสีชมพูเครื่องสวยของหล่อนเอง มันเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบสิบหกปี บนมือถือนั่นแปะสติ๊กเกอร์ไว้เต็มไปหมด เด็กสาวพอใจกับมันมากๆ

และตอนนั้นเองที่มือถือมันสว่างขึ้นมา เจียงเซ่อหันหน้าไปดูและก็ได้เห็นหัวข้อข่าวที่โชว์ขึ้นมาพอดี ‘ยุโรปพบรถแข่งซุปเปอร์คาร์จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ไล่ติดตาม สืบทราบเจ้าของรถคือชาวจีน’

รูปที่ได้ขึ้นคู่กับหัวข้อข่าวคือรูปรถสีขาวสวยคันหนึ่ง รูปถ่ายจากกล้องดาวเทียมที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือบริเวณหน้ารถที่มีรูปตราบางอย่างที่ไม่ชัดเจนนัก มันคือสัญลักษณ์ที่ถูกสั่งทำขึ้นมา ‘เผยอี้’ คำสองคำนี้หลุดออกมาจากปากของเจียงเซ่อโดยที่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา

หลูเป๋าเป่าไหวมือถือเล็กน้อย พอเห็นว่าเจียงเซ่อกำลังมองมาหล่อนก็แอบมองอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่อยู่หน้าห้องครู่หนึ่งแล้วขยับตัวไปถามเจียงเซ่อ

“เซ่อเซ่อ เธอเห็นหัวข้อข่าวใหม่หรือยัง?” หล่อนพูดประโยคนั้นจบก็แทบจะเก็บความสงสัยอาไว้ไม่ได้แล้วถามต่อเบาๆ

“ในข่าวบอกว่ารถแพงๆ พวกนี้มาจากประเทศเราล่ะ ประเทศเรานี่คนรวยเยอะจังเลยนะ”

เจียงเซ่อไม่ตอบอะไร หลูเป๋าเป่าก็สะกิดเธออีก

“นี่ ว่าไงล่ะ คิดว่าคนพวกนี้เป็นใครหรอ?” หล่อนจิ้มปากกาไปที่รถแข่งคันสีขาวในรูป “เมื่อคืนฉันหาดูแล้วล่ะ รถคันนี้มันราคาเท่านี่เลยนะ” หล่อนวางปากกาลงแล้วยกมือขึ้นมาทำเลข ‘ห้าสิบล้าน’

แต่เจียงเซ่อกลับคิดในใจว่า ไม่ใช่แค่นั้นหรอก

นี่มันเป็นรถที่สั่งทำขึ้นมา ทั้งโลกมีแค่คันเดียวและไม่มีคันที่สองแน่ๆ ภายนอกสวยมากๆ เช่นเดียวกับราคาที่งามพอๆ กัน

“ฉันคิดถึงงานเลี้ยงหวังจือปีที่แล้วเลยอ่ะ” หลูเป๋าเป่าทำหน้าทำตา หล่อนคงหมายถึงข่าวอื้อฉาวที่แสนน่าตกใจของวงการบันเทิงเมื่อปีที่แล้ว “เธอว่าในรถพวกนี้จะมีพวกคนในวงการบันเทิงบ้างไหม พวกที่สวยๆหล่อๆ เป็นดาราอะไรแบบนั้น ตอนแรกก็เล่นแค่รถ หลังจากนั้นก็เล่นผู้หญิง”

“ไม่ต้องพูดแล้ว” เจียงเซ่อเตือนเธอ ดูเหมือนบทสนทนาของทั้งสองมันจะเริ่มดึงดูดความสนใจของอาจารย์ที่อยู่หน้าห้องเสียแล้ว หลูเป๋าเป่ายังอยากจะพูดต่อ แต่พอเธอเงยหน้าเห็นอาจารย์กำลังขมวดคิ้วมองมาทางนี้ก็เก็บลิ้นกลับไปแล้วยัดมือถือใส่ใต้โต๊ะไม่กล้าส่งเสียงอีก

แต่ทว่าถึงจะไม่ได้พูดในคาบเรียนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลูเป๋าเป่าจะลืมเรื่องนี้ไป

พอกริ่งหมดคาบเรียนดังขึ้นเธอก็หยิบมือถือขึ้นมาทันที และไม่ลืมที่จะดึงเจียงเซ่อมาพูดคุยด้วย

“ขับรถแบบนี้ได้แสดงว่าดาราที่อยู่ในรถนั่นจะต้องเส้นใหญ่มากสินะ? ปีที่แล้ว ในงานเลี้ยงหวังจือ พวกดารารวยๆที่โดนถ่ายรูปได้บนเรือสำราญนั่น……”

เจียงเซ่อหนังตากระตุก “พ่อเธอคงเสียใจที่ให้มือถือเธอสินะ?”

หลูเป๋าเป่าไม่ยอเงยหน้าขึ้นมา หล่อนเอาแต่ปัดรูปไปมาอยู่อย่างนั้น

“บ้าหรือเปล่า พ่อฉันก็ไม่รู้น่ะสิ!”

รูปบนมือถือนั่นไม่ต่างกับรูปที่ได้เห็นในข่าวเมื่อคืนสักเท่าไหร่ ด้านหลังเป็นชื่อยี่ห้อของรถแข่งมากมาย หลูเป๋าเป่าดูมันอย่างจริงจัง ส่วนเจียงเซ่อเองก็นั่งลงข้างๆเธอ

“ที่นั่นอยู่ใกล้ๆ กับ Bordeaux เลย”

“อะไรนะ? Bo......อะไร” หลูเป๋าเป่าเงยหน้าขึ้นจ้องเจียงเซ่อตาโต “มันคือที่ไหน?”

“Bordeaux บอร์โดซ์ น่ะ” เจียงเซ่อที่ยังเห็นหน้าเพื่อนงงๆก็บอกอีก “ที่ที่เขาผลิตไวน์องุ่นไง”

หลูเป๋าเป่าเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เธอตบโต๊ะทีหนึ่ง “ที่แท้ก็เป็นที่นั่นนี่เอง”

เจียงเซ่อถูกหู้เป๋าเป๋าทำให้ยิ้มขำๆ ออกมาทีหนึ่ง แค่พูดว่า ‘ไวน์องุ่น’ สองคำนี้ เธอก็กลับอยากจะถอนหายใจออกมา

หลูเป๋าเป่าที่อยู่ข้างๆ ยังคงดูนู้นดูนี่ไปเรื่อย แต่ตอนนี้เจียงเซ่อกลับคิดถึงเผยอี้ขึ้นมา

เผยอี้เป็นเหลนชายของคุณปู่ในตอนที่ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาการสูงสุด ถือว่าเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเผยเลยก็ว่าได้

ตอนที่เธอย้ายจากฮ่องกงตามเฝิงจงเหลียงกลับมาที่จีนแผ่นดินใหญ่ เธอก็ได้ตามเฝิงจงเหลียงไปเยี่ยมเยียนและทำความรู้จักกับตระกูลเผย

เฝิงหนานอายุมากกว่าเผยอี้ถึงห้าปี ตั้งแต่เล็กเผยอี้และเธอค่อนข้างสนิทกันมากๆ เธอถือว่าเผยอี้เป็นน้องชายของเธอ

แต่หนึ่งเดือนก่อน เธอได้กับเผยอี้ทะเลาะกันอย่างรุนแรง เผยอี้โกรธจนหนีไปฝรั่งเศสกับเพื่อนๆ

เขามีที่ดินและบ้านอยู่ที่นั่น เป็นของที่ทางบ้านของเขาซื้อให้เมื่อสองปีก่อน ทั้งสองเคยสัญญากันเอาไว้ว่าถ้าถึงฤดูเก็บเกี่ยวองุ่นเมื่อไหร่แล้วจะไปฝรั่งเศสด้วยกัน น่าเสียดายที่ไม่ทันได้รอเขากลับมา เพราะพอเธอตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองกลายเป็นเจียงเซ่อไปเสียแล้ว

พอคิดถึงตรงนี้ จิตใจของเจียงเซ่อก็ค่อยๆ หม่นลง รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางลง

เรื่องที่เธอทะเลาะกับเผยอี้มันเป็นเรื่องที่เล็กมาก เขาเป็นแก้วตาดวงใจตระกูลเผย เลยโดนโอ๋มาตั้งแต่เด็กๆ จนเคยตัว นิสัยเย่อหยิ่งและไม่ยอมใคร ในบรรดาเด็กผู้หญิงเขาสนิทกับเธอมากที่สุดแล้ว

เขาเหมือนเป็นเด็กอีกรุ่นหนึ่ง คนในตระกูลเผยมักพูดว่าเขาเป็นเพราเขาขาดพี่สาว

วันที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน วันนั้นเธอได้ไปทานข้าวกับทายาทบริษัทเจียงหัว พอกลับมาที่บ้านก็พบว่าเผยอี้กำลังรอเธออยู่แล้วทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน

ถึงเขาจะเป็นคนที่ชอบโวยวายแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอเขาก็มักจะลดระดับลง แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนั้นพอทั้งสองทะเลาะกันเสร็จเขาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมาเลยสักนิด เหมือนกับตอนที่ทั้งสองเพิ่งรู้จักกันเมื่อหลายปีก่อน

“คิดอะไรอยู่น่ะ?”

หลูเป๋าเป่าเขย่าแขนเจียงเซ่อ “ถือหนังสือภาษาอังกฤษอยู่นานแล้วนะ”

เธอพูดจนน้ำลายจะแห้งอยู่แล้ว พูดไปตั้งเยอะแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเลยสักนิด พอเงยหน้าดูก็พบว่าเจียงเซ่อไม่ได้ดูมือถือเธอตั้งแต่แรกแล้ว

“ได้ยินที่ฉันพูดไหมเนี่ย!”

เจียงเซ่อส่ายหน้า “ไม่ต้องไปสนใจพวกนี้แล้วน่า เหลืออีกแค่ไม่กี่นาทีก็จะเข้าเรียนแล้ว วิชาต่อไปคณิตศาสตร์ อย่าให้โดนจับได้ว่าแอบเล่นมือถืออีกล่ะ”

หลูเป๋าเป่าได้ยินแบบนั้นก็แลบลิ้นใส่แล้วรีบล็อคมือถือเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ หล่อนยื่นมือเข้าไปหาหนังสือใต้โต๊ะ คลำหาอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอีก

“เธอว่าคนพวกนั้นเป็นใครกันแน่?”

เจียงเซ่อตอนนี้ไหนเลยจะมีกะจิตกะใจมาสนใจเรื่องพวกนี้ เธอกำลังคิดถึงเรื่องของตัวเองอยู่ต่างหาก

ทิ้งเรื่องของเผยอี้ไปก่อน หลังจากที่เธอกลายเป็นเจียงเซ่อ นอกจากอายุที่ลดลงไปมากและมีหน้าตาสะสวยแล้ว เธอก็ไม่มีข้อดีอะไรอีกเลย

วันที่เธอตื่นขึ้นมาวันนั้น หน้าของเธอบวมขึ้นตั้งเท่าตัว ด้านหลังเธอมีแต่เสียงแหนบแนมจากตู้หงหงอยู่ตลอด และเธอรู้แค่ว่าเมื่อคืนก่อน เธอได้ทะเลาะกับตู้โหยวและโดนตู้ชางฉวินตบหน้าจนสลบไป

ความจริงคือเจียงเซ่อเป็นแค่ลูกติดของบ้านตระกูลตู้ทั้งบ้านไม่มีใครชอบเธอเลยสักคน แต่ความยุ่งเหยิงพวกนี้เธอรับมันได้หมดแล้ว

บทสนทนาเมื่อตอนเช้าของตู้ชางฉวินและโจวฮุ่ยเธอได้ยินมันหมด ใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว แต่ดูท่าว่าตู้ชางฉวินจะไม่ยอมจ่ายค่าเรียนให้เธออีกต่อไป แต่ยังไงก็ต้องเรียนหนังสือ เธอจะต้องหาวิธีให้ได้

เจียงเซ่อเปิดหนังสือคณิตศาสตร์แล้ววางไว้บนโต๊ะ จะสอบกลางภาคอยู่แล้ว แต่หนังสือคณิตของเธอยังดูใหม่เอี่ยม พอลองเปิดไปอีกนิดก็ไม่พบแม้แต่รอยจดอะไรสักอย่าง

หลูเป๋าเป่ายังหัวเราะอยู่

“จวนตัวแล้วค่อยมาอ่านเหรอเธอ” หล่อนทำเสียงจิจ๊ะ “น่าเบื่อจะตาย วันเสาร์นี้หนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ จะมาถ่ายทำที่เซิ่นจวงล่ะ ฉันอยากไปดูจังเลย”

“อยากไปก็ไปสิ”

เจียงเซ่อตอบ หลูเป๋าเป่าใช้มือทั้งสองข้างเกาะแขนเจียงเซ่อไว้แน่นแล้วใช้หน้าอกถูไปมากับแขนเธอ

“อ่อยฉันไม่สำเร็จหรอกนะ”

เธอใช้มืออีกข้างดันใบหน้าที่ต็มไปด้วยการอ้อนวอนของหลูเป๋าเป่าออก

“อีกไม่กี่วันก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พ่อดูฉันยังกับฉันเป็นม้าเป็นลา วันๆ เอาแต่บอกให้ฉันทบทวนๆ เธอช่วยฉันหน่อยน้า”

“เธอต้องไปขอร้องแม่เธอนู่น” เจียงเซ่อที่ได้เห็นใบหน้าน่าสงสารของหล่อนก็หัวเราะขึ้นมา หลูเป๋าเป่านั่งตัวตรงแล้วเขย่าแขนเจียงเซ่อ

“มาหาฉันที่บ้านนะ บอกว่านัดฉันไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด พ่อฉันต้องตกลงแน่ๆ แล้วเธอก็ไปเซิ่นจวงกับฉันไง!”

พอหล่อนพูดจบ พอเห็นว่าเจียงเซ่อไม่ตอบอะไรก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น