webnovel

สวนทางสวรรค์ พลิกโลกา

สวนทางสวรรค์ พลิกโลกา จะกล่าวถึงโลกของมหาพิภพหวนตี๋ที่กว้างใหญ่ไพศาล ภายในโลกอันพิศดารนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า จอมยุทธ์ หรือ เทพเซียน มีแต่เพียงผู้วิเศษที่โลดแล่นอยู่ในโลกใบนี้มานานนับหมื่นนับแสนปี ท่ามกลางการคงอยู่ของเหล่าผู้วิเศษในตำนานที่สามารถเขย่าฟ้าสะเทือนแผ่นดินนั่น มีเด็กหนุ่มอัจฉริยะจากตระกูลมู่ ตระกูลเล็กๆที่แดนใต้ของทวีป เขามีนามว่า "มู่อิ่งเทียน"ผู้ไม่สนใจในการฝึกตนและกฏเกณฑ์ ทว่าเพราะการลอบสังหารน้องขายของเขา ก็ทำให้มู่อิ้งเทียนต้องเริ่มเดินเข้าสู่เส้นทางของการเป็นผู้วิเศษ เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าเส้นทางนั่นเขาจะต้องกลายเป็น"มารร้าย" ก็ตาม

kintsrou_crusader · Eastern
Not enough ratings
14 Chs

ตอนที่ 7 อัฉริยะตกลำบาก

ฟ้าดินไร้ปราณี ทุกความแน่นอนคือสิ่งที่ไม่แน่นอน ทุกความว่างเปล่าประดุจหุ่นฟางสุนัข คำกล่าวนี้คือสิ่งที่มู่อิ้งเทียนเชื่อมั่นมาโดยตลอด

ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมา มู่อิ้งเทียน มักจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่คิดถึงวันข้างหน้าเลยแม้สักครั้งเดียว ไม่สิ อาจจะเรียกได้ว่ามันไม่เคยคาดฝันอะไรเอาไว้เลยเสียมากกว่า

เพราะมู่อิ้งเทียนคือชายที่ชื่นชอบในความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบเจอกับเรื่องที่เหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง อีกทั้งเพราะว่ามู่อิ้งเทียนนั่นรู้ตัวดีว่าตนเองนั้นไม่ชอบชีวิตที่ไร้รสชาติ เขาจึงชื่นชอบเหตุการณ์อะไรที่คาดเดาไม่ได้มากที่สุด เพราะว่ามันสามารถทำให้เขารู้สึกสนุกขึ้นมาได้

ทว่าในสถานการณ์ ณ ตอนนี้ก็เป็นข้อยกเว้น ใครจะไปคาดคิดว่าสถานที่ใกล้เมืองอู่ข่าวอู่น้ำของตระกูลมู่ที่ตนเองเดินเล่นมาตั้งไม่รู้ตั้งกี่ปีรู้จักทุกซอกทุกมุมราวกับสวนหลังบ้านนี้จะเกิดสถานการณ์อันตรายขึ้นกับตนเองได้

มู่อิ้งเทียนสัมผัสได้ถึงตัวตนที่มากกว่าหนึ่งคน ตามมาอยู่เบื้องหลังของตนเอง และนั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขาจึงทำได้เพียงพุ่งจิตไปที่ร่างกายของตนเองวิ่งหนีไปตามป่าเขาเรื่อยๆอย่างไม่คิดชีวิต

หากมองจากภายนอกอาจจะเห็นเป็นร่างของวานรยักษ์ตัวหนึ่งที่วิ่งปราดเปรียวราวกับผืนป่าแห่งนี้เป็นบ้านของเขาอย่างไรอย่างนั่น

ในขณะที่เด็กหนุ่มหลบหนีภายในหัวของเขาก็กำลังวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของตนเอง ถ้าจะให้สารภาพตามตรงการที่เขาเข้ามาในเขตป่าที่เกิดเรื่องขึ้นเพียงคนเดียวนี้นับว่าโง่เขลามาก เรื่องนี่เขารู้ตัวดีที่สุดแต่บางครั้งมู่อิ้งเทียนก็ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ เขาแค่คิดว่ามันน่าสนุกเท่านั่นเอง อีกอย่างใครจะไปคาดคิดว่าตนเองจะมาเจอกับเหตุการณ์ถูกตามไล่ล่าโดยไร้สาเหตุเข่นนี้กันเล่า

มู่อิ้งเทียนพยายามคิด พวกที่ไล่ฆ่าตนเองดูเหมือนจะไม่แย่กเปิดเผยตัวเองมากนัก เพราะเขาแน่ใจเรื่องนี้ตรงที่ตนเองยังมีชีวิตรอดอยู่เพราะ สำหรับตอนนี้ตัวเขาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาที่มีกำบังภายในอยู่ไม่มาก หากคนพวกนี่คิดที่ตะลงมือกับตนเองคงไม่ถึงสามกระบวนท่าก็สามารถจัดการเขาได้แล้ว อาจจะมองว่าประมาทแต่มู่อิ้งเทียนกบับคิดว่าพวกมันไม่แยากจะเผยร่องรอยของตนเองเสียมากกว่า

ถ้าเป็นไปตามอย่างที่เขาคิด ขอแค่ตนเองสามารถยื้อเวลาจนสำนักคุมกฏเดินทางมาถึง ตอนนั่น พวกมันคงไม่อยากมีปัญหากับสำนักที่ใหญ่อันดับต้นๆในทวีปจงหยวนนี่แน่นอน ขอแค่เขาหลบหนีไปให้ทันก็พอ

ครืน!

เสียงฟ้าร้องราวกับเสียงระฆังจากสรรค์ดังสนั่นในบัลดล ท้องหาที่เคยมีแสงสว่างถูกปกคลุมไปด้วนเมฆดำคล้ำราวกับถูกหมึกสาดใส่ ราวกับสวรรค์เบื้องบนกำลังจ้องมองการไล่ล่าครั้งนี้ หยาดน้ำใส่เริ่มพลั่งพรายลงมาจากฟ้า นำพาความหนาบเหน็บแพร่เข้าถึงหัวใจของมู่อิ่งเทียนในทันที

กระแสเย็นเฉียบถูกปกคลุมจากรอบด้าน เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าความหนาวเย็นยะเยือกที่ตามอยู่เบื้องหลังกำลังไล่ประชิดตนเองมากขึ้น มันทำได้แค่กัดฟันกรอดใส่พลังทั้งหมดลงไปในสองขาพุ่งทะยานไปในป่าใหญ่ดุจวานรตัวหนึ่งที่กำลังหนีตาย

ภายในสมองของเด็กหนุ่มอายุสิบห้าปีตนนี้กำลังเค้นความคิดขณะหนีตาย ซึ่งทางเบือกสุดท้ายที่มันจะทำคือหนีเข้าเมือง เพราะไม่รู้ว่าตัวประหลาดที่กำลังไล่ตามตนนี้จะพุ่งเป้าหมายไปที่ปุถุชนทั่วไปที่ใช้ชีวิตอยู่หรือไม่ เขาไม่แยากที่จะเสี่ยงแม้ในเมืองจะมีเสรยามก็จริง ส่วนทางที่สองคือหันกรพบี่สู้ ทางที่สามคือมุ่งตรงไปในป่าลึกซึ่งทางนี้นับได้ว่าอันตรายที่สุด

ฟีด-!ครืน

กระแสความผันผวนสายหนึ่งพุ่งจู่โจมเฉียดจุดที่มู่อิ่งเทียนยืนอยู่ไปไม่นานจนเกิดแรงปะทะทำให้ต้นไม้ใหญ่หนึ่งคนโอบถูกผ่าออกเป็นสองท่อนในทันที มู่อิ่งเทียนหันมาเห็นภาพนั่นก็รู้สึกว่าเหงื่อบนหลังของตนเแงเย็นเฉียบจนขนลุก เมื่อคิดภาพว่าต้นไม้นั่นเป็นตนเอง มันอดไม่ได้ที่จะแผดเสียงโฉดครวญดังๆท่ามกลางเสียงฟ้าร้องราวกับจะส่งให้ถึงสวรรค์

"มารดามันเถอะ ข้าไปทำอะไรให้พวกมันกันแน่ ถึงได้ตามล่าได้ไม่เลิกแบบนี้!"

ปากบ่นสองเท้าวิ่งหนีตาย เพราะฝนที่เริ่มตกหนักทางจ้างหน้าจึ้งยิ่งพร่ามัว สองเท้าเริ่มจมเข้าไปในดินที่เปียกฝนจนกลายเป็นโคลนทำให้การเคลื่อนไหวช้าขึ้น ภายในใจของเด็กหนุ่มเริ่มที่จะร้อนใจขึ้นไม่ได้

ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้นที่หลังคอ แม้จะมองไม่เห็น แต่ร่างมู่อิ้งเทียนก็สะท้านขึ้นพร้อมกับพลัดกายตนเองลงทันที

ฟิ้ง-

เสียงผ่าอากาศปรากฏตรงจุดที่เคยเป็นลำคอของมัน ชี้ขัดว่าเจ้าสิ่งนี้หมายจะตัดศีรษะมันทิ้งหากมันหลบไม่พ้น สิ้งนั่นเหมือนกับธาตุอากาศหากไม่ตั้งใจมองก็จะมองไม่เห็นถึงการมีตัวตนทว่าอาจตะเป็นเพราะสายฝนที่ตกเป็นพรจากสวรรค์ หยดน้ำใสที่ตกลงมากระทบลงบนสิ่งนั่นพอดีทำให้มู่อิ้งเทียนรับรู้ได้ถึงร่างของสิ่งที่ตามช่าตนเองอยู่

ที่แท้ก็เป็นร่างของคนผู้หนึ่ง! ทว่าร่างนั่นโปร่งใสหากไม่มีสายในช่วยตกกระทบจนหยาดน้ำไหลออกเป็นรูปร่างมนุษย์มันคงจะไม่สาทารถมองเห็นได้

มนุษย์โปร่งใสก็สังเกตเห็นถึงจุดอ่อนข้แนี้ของตน มู่อิ้งเทียนรู้สึกได้ว่าแม้จะไม่เห็นดวงตาของคนตรงหน้า แต่ไอสังหารกลับครุกกรุ่นมาจากร่างของชายผู้นี้ชัดเจน

มู่อิ่งเทียนที่ฝืนหลบการโจมตีเมื่อครู่รีบลุกขึ้นมาจากบ่อน้ำโคลนจากสายฝน ตอนรี้ทั่วทั้งร่างของมันเลอะคราบสกปรกไร้ซึ่งวี่แววของคุณชายที่ไม่ยี่ระต่อสิ่งใดอีกแล้ว

เหมือนกับเด็กน้อยที่พึ่งตื่นตัวจ่กสัจธรรมของโลก! จะมีสิ่งใดน่าเบื่ออีกหากมีคนมุ่งหมายจะเอาชีวิตของตนเอง!

ไม่รอช้า มู่อิ้งเทียนคิดที่จะวิ่งหนีอีกครั้งแต่ดูเหมือนครั้งนี้อีกฝ่ายจะไม่ยอมให้หนีอีกแล้ว เสียงตวาดดังขึ้นด้านหลังเป็นภาษาสันสกฤตความว่า

"กระบี่ดั้งใจ!"

ร่างที่หันหลังหนีของมู่อิ้งเทียนชาวาบ ฉับพลันมันก็หมุนกายอย่างรวดเร็วทว่าข้าไปหนึ่งก้าว ความรู้สึกเจ็บแปลบปรากฏขึ้นที่ไหล่ขวาของตนเอง โลหิตสดไหลทะลักออกมาปะปนกับสายฝนตกลงสู่พื้นดิ้นพร้อมกับร่างที่เสียหลักเพราะความเจ็บปวดของมู่อิ้งเทียนที่ล้มลงไปบนพื้นโคลนอย่างอนาถ

เด็กหนุ่มสมองขาวโพลน หันกลับมาเห็นว่าร่างโปร่งใสกำลังเดินเข้ามาหาตนเองช้า ในเวลานี้ทั้งเสียงสายฝน หรือเสียงฟ้าร้อง ล้วนไม่ได้นินในหูของมันเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงหัวใจในร่างเท่านั่นที่เต้นระรัวดังขึ้นถึงสมองราวกับกำลังกู่ก้องอยากที่จะมีขีวิตอยู่ต่อ

ข้ากำลังจะตายแล้วหรือ? ชีวิตของข้าจะสั้นถึงเพียงนั่น?

ทั้งชีวิตนี้ข้าได้สิ่งใดมาบ้าง? ทั้งความหมายของชีวิตจุดมุ่งหมายรสชาติของมันข้ายังไม่ได้รับรู้เลยสักอย่าง แล้วจะมาตายอยู่ตรงนี้เนี่ยนะ

ฟ้าดินไร้ปราณี ทุกสิ่งล้วนว่างเปล่าดุจหุ่นฟางสุนัข คำนี้ผุดขึ้นมาในใจของมันอย่างขมขื่น ที่แท้เวลาที่คนเราจะใกล้ตาย ก็จะมีความรู้สึกเสียดายมากมายเช่นนี้เอง!

แม้หยาดฝนจะตกกระทบลงบนดวงตาของมันก็มิอาจกระพริบ ภาพตรงหน้าของมันที่มันคิดไว้ว่าจะเป็นภาพสุดท้ายนี้ แม้ตายก็ยังจะขอมองดู

ช่วงเวลาเป็นตายนั่นเอง ปาฏิหารย์ผ่าสวรรค์ก็บังเกิดขึ้น

ครืน!

ราวกับเสียงฟ้าร้องทว่าเมื่อได้ยินมันกลับไม่ใช่ ท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆดำในส่วนหนึ่งของผืนป่ายามนี้ยิ่งดำขึ้นมากกว่าเดิม ราวกับเถ้าถ่านที่ถูทั่วนภาลำแสงจากสายฟ้าน้ำพาความสว่างวาบผ่านเหมือนกับเทพเจ้ากำลังพิโรธ

ทั้งชีวิตของมู่อิ้งหลงไม่ใข่ว่าไม่เคยเห็นฟ้าร้องฟ้าผ่าม่ก่อน ทว่าในชีวิตของทันไม่เคยพบว่าเมฆดำจะก่อตัวใกล้พื้นถุง้พียงนั่น สายฟ้าจะสว่างวาบจนท้องฟ้าเปลี่ยนสีถึงเพียงนี้

นี่เหมือนกับสวรรค์กำลังลงทัณฆ์มนุษย์อยู่อย่างไรอย่างนั้น

ภาพที่เกิดขึ้นนำพาสายลมกระโซกรุนแรงจนต้นไม้ทั้งป่าสั่นไหวคล้่ยต้านไม่ไหว จนแม้แต่ร่างโปร่งใสยังต้องหยุดชะงักเฝ้ามองดูอภินิหารนี้ไม่ได้ ราวกับมันกำลังสั่นกลัวอะไรบางสิ่งอยู่

ชั่วเวลานั่นมู่อิ้งเทียนไม่รอช้า มือกุมบาดแผลบนไหล่ซ้าย รีบพาร่างอันทุรักทุเรวิ่งพุ่งหนีอีกครั้งในทันที แม้ว่าจะตื่นตากลับภาพที่ราวกับเมฆดำกำลังลงถล่มมาบนพื้นดิน ซึ่งภายในเมฆดำนั่นมีแสงสว่างแปร่บๆปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดสาย

และมู่อิ้งเทียนมองดูเส้นทางที่เมฆดำนั่นเคลื่อนผ่าน ปรากฏว่าเส้นทางนั่นกำลังมุ่งไปในทิศทางของ หุบเหวกระบี่จงหยวนพอดี!

มู่อิ้วเทียนไม่ทันคิดอะไรได้มากกว่านั่นเมื่อ รู้สึกได้ว่าตัวตนของร่างโปร่งใสเริ่มได้สติ ราวกับว่ามันกำลังสองจิตสองใจ ว่าจะไล่ตามเด็กหนุ่มคนนี้ที่มาเห็นเหตุการณ์นี้ดีหรือไม่ ทว่าเมื่อเห็นว่าเส้นทางของเมฆดำกับเด็กหนุ่มมุ่งไปทางเดียวกัน มันก็ตัดสินใจพุ่งตามไปในทันที

ดูท่าวันนี้ มู่อิ้งเทียนจะไม่สามารถหนีปัญหานี้ได้โดยง่ายอีกแล้ว!