webnovel

ทางเลือก

"ภูเขาไฟฟูจิ ไม่ใช่ขนมโมจินะจ๊ะ พูดแล้วหิว ไปกินข้าวกัน"

คนหน้าขาวหัวเราะชอบใจโชว์ฟันสวยๆให้กับโคลงไฮกุภาคบ้าบอของฉัน ก่อนจะหันหน้ามายักคิ้วพร้อมชนขวดเบียร์ของเขาเข้ากับขวดเบียร์ของฉัน เรากำลังนั่งกันอยู่บนลานแผ่นหินแคบๆริมน้ำตกสูง อากาศเย็นดีจังเลย เสียงน้ำกระทบโขดหินดังซ่านกระเซ็น

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เอ๊ะ ทำไมเสียงน้ำตกมันเหมือนเสียงเคาะประตูจังวะ นี่เราอยู่ที่ไหนกันแน่ จู่ๆภาพน้ำตกก็หายวับไป และภาพคนหน้าขาวก็กำลังเลือนราง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ใช่ว่ะ มันคือเสียงเคาะประตูแน่ๆ อื้อ สัมผัสได้ถึงที่นอนนุ่มๆ เออแฮะ เรากำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนี่หว่า อื้อ ยังไม่อยากจะลืมตาเลย กลัวว่าภาพคนปากแดงฟันขาวจะหายไปด้วย ไม่เอา อย่าเพิ่งหายไป อย่าเพิ่งนะ

คิดถึงจัง คิดถึงจังเลย...

"ลิน ลิน ได้เวลาแล้วนะ ลินพร้อมหรือยัง"

ในที่สุด เสียงเคาะประตูหนักๆหน้าบ้านอีกสองสามทีก็ปลุกฉันให้สะดุ้งตื่นจากการนิทราจนได้ หากแต่สมองยังคงงัวเงีย และเปลือกตาทั้งสองข้างยังคงดื้อดึงไม่ยอมเปิดขึ้นมาง่ายๆ ร่างกายยังคุดคู้อยู่ในผ้าผืนหนา

ยังไม่อยากตื่นเลย ในที่สุดภาพพ่อหนุ่มหัวตั้งปากแดงก็หายวับไปแล้ว เสียดายจัง

ฉันกระชับผ้าห่มขึ้นคลุมไหล่ อากาศยามเช้ามืดเช่นนี้กำลังเย็นสบายเลยทีเดียว แหม…กำลังฝันดีอยู่เชียว อื้อ… ขอนอนต่ออีกนิดดีกว่า ต้องพยายามหลับลึกอีกสักรอบ อยากจะฝันถึงท้ายทอยขาวๆนั่นต่ออีกสักหน่อย ในฝันมันช่างมีความสุขจัง

"ลิน! ลินตื่นหรือยังเนี่ย!"

แต่เสียงข้างนอกประตูนั่นยังคงเร่งเร้า และเสียงโทรศัพท์มือถือก็แผดดังขึ้น ในที่สุดฉันก็จำต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมา ตื่นแล้วก็ได้โว้ย!

กี่โมงกันแล้ววะเนี่ย ฉันเอื้อมมือไปหยิบเจ้าตัวที่กำลังส่งเสียงดังที่โต๊ะข้างเตียงมาดูเวลา

ตีห้าครึ่ง! โคตรง่วงงงงงงงง!…

ฉันเดินตามเจ้าของไร่มาเรื่อยๆจนถึงบริเวณคอกเลี้ยงวัวซึ่งเป็นโรงเรือนไม้โปร่งๆที่มีหลังคาครอบคลุมไปทุกตารางนิ้ว พื้นที่ใหญ่กว้างขวางขนาดนี้ความจริงน่าจะเลี้ยงวัวได้เป็นร้อยตัวเลยมั้ง แต่เท่าที่กวาดตาดูฉันก็เห็นมีเจ้าวัวตัวลายอยู่ไม่เกินยี่สิบตัว เห็นได้ชัดว่าบรรดาวัวที่นี่ค่อนข้างจะมีอิสรเสรีและมีความเป็นส่วนตัวสูง แต่ละตัวเดินนวยนาดไปมาด้วยหน้าตาและท่าทางหยิ่งๆ

อือม์ ดูมีความมั่นใจในตัววัวเองเอามาก วัวไฮโซสินะ อยู่ดีกินดีขนาดนี้

"ใจจริงอยากปล่อยพวกแม่ๆให้มีอิสระตามทุ่งหญ้าเลยด้วยซ้ำ ให้แม่ๆเค้ามีชีวิตของเค้าเอง แต่ติดตรงที่เราเลี้ยงวัวนมไม่ใช่วัวเนื้อ จะให้ถือกระป๋องเดินตามไปรีดนมแต่ละตัวทุกเช้าคงเหนื่อยแย่" เจ้าของไร่เขายิ้มน้อยๆ ดูท่าทางภูมิอกภูมิใจกับวัวหน้าตาเย่อหยิ่งพวกนี้มาก

"โอย แค่วนอยู่ในโรงวัวแค่นี้ก็เดินเหนื่อยแย่แล้ว"

ฉันหยุดยืนหอบแฮกข้างๆแม่วัวตัวโต หันไปก็เจอะกับสายตาเจือแววเศร้าของนางที่กำลังมองดูฉันอยู่ด้วยความฉงน นัยน์ตาคมเข้มดำขลับนั่นบ่งบอกถึงความรู้สึกไม่ไว้ใจ

หึ เห็นฉันหน้าใหม่แถวนี้ล่ะสิ เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็งี้แหละ

ฉันพยายามเอื้อมมือไปลูบหลังของนางอย่างอ่อนโยน แหม่ ฉันเป็นมิตรกับคนง่ายจะตายไป หากจะลองเป็นมิตรกับวัวก็ไม่น่าจะยาก ฉันลูบหลังของนางไปมา พยายามเอียงคอแบบน่ารักๆแล้วทำหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แม้สมองจะยังคงง่วงสุดๆและในใจก็ยังคงเกร็งๆกับแม่วัวตัวใหญ่ขนาดนี้

เอ วัวนี่มีมันมีการเตะเหมือนม้าหรือเปล่าหว่า แล้ววันนี้ฉันจะโดนวัวเตะไหมเนี่ย มันมีวัวพยศเหมือนกับที่มีม้าพยศไหมน้อ

แต่อือม์ หนังของนางนั้นช่างนุ่มมือ ลวดลายสีดำสลับขาวแบบวัวๆนี่ก็ช่างไร้ที่ติ เหมาะเอาไปดีไซน์เป็นเบาะโซฟามาก ลายวัวๆแบบนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นอุดมสมบูรณ์ดีจัง

"เอ๊ะ!"

แต่นางกลับสะบัดตัวห่างออกจากฉัน แล้วเดินไปหาคนข้างๆแทน แหม๊ มีเล่นตัว

"แม่สุทิดาเค้าไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้าน่ะลิน เราไปหาแม่วัวตัวอื่นกันดีกว่าไหมลิน" หนุ่มหล่อเจ้าของฟาร์มลูบหัวนางอย่างรักใคร่เอ็นดู

อ่อ นางชื่อสุทิดา ชื่อเพราะซะด้วย ใครตั้งให้วะ

"เมย์เค้าเป็นคนตั้งชื่อให้วัวของเราทุกตัวแหละ" อ่อ อดีตคุณผู้หญิงของที่นี่เป็นคนตั้งให้

ฉันอดคิดไปถึงอดีตคนรักของแฟนเก่าที่กำลังยืนอยู่ข้างๆไม่ได้ น้องเมย์เป็นน้องสาวข้างบ้านของก้องที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันเคยเจอน้องเค้าครั้งนึงตอนที่มาเยี่ยมบ้านก้องที่จังหวัดเลยในตอนโน้นที่เรายังคบกัน น้องเมย์หน้าตาน่ารัก นิสัยก็อ่อนหวานน่ารัก และที่สำคัญ รักเดียวใจเดียวกับก้องมาก น้องเมย์แอบรักก้องมาตั้งแต่สมัยประถม มัธยม จวบจนมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ก่อนก้องรู้จักกับฉัน เป็นแฟนกับฉัน และเลิกกับฉัน น้องเมย์เฝ้ารอคอยก้องมาตลอดและในที่สุดก็สมหวัง แต่น่าเสียดายที่น้องเมย์อายุสั้นไปหน่อย

แล้วฉันก็อดนึกต่อไปถึงเรื่องราวน้องสาวข้างบ้านของใครอีกคนไม่ได้ น้องพลอยเขาจะสมหวังกับคุณเซนเหมือนน้องเมย์บ้างไหมน้า รายนั้นก็แอบรักและเฝ้ารอคอยคุณเซนมาตั้งแต่เด็กจนโตเหมือนกันนี่

เฮ้ย... ไม่เอา ไม่เอา จะไปคิดถึงพวกเค้าทำไมกัน กลับมา กลับมาก่อนนะใจเอ๋ย อย่าเพิ่งเถลไถลไปไกล หมู่นี้ทำไมใจฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยน้า

โปรดกลับมาอยู่กับสุทิดาตรงหน้านี้ก่อน นางกำลังทำเป็นเมินฉัน ฉันไม่ยอม

"เอาหญิงสุทิดานี่แหละก้อง ดูท่าทางน้ำนมเยอะดี" ฉันพูดไปเรื่อย ไม่มีความรู้เรื่องน้ำนมวัว แค่หมั่นไส้สุทิดาที่ทำเป็นเย่อหยิ่งก็เท่านั้น เดี๋ยวโดนดีแน่ๆ จะรีดให้น้ำนมหมดเต้าเลยคอยดู

"ก้องว่าเราไปตามหาแม่นิรมลกันดีกว่า แม่นิรมลเค้าเฟรนด์ลี่กับคนแปลกหน้ามากกว่านะ"

ก้องคงหมายถึงแม่วัวอีกตัวที่กำลังเดินนวยนาดอยู่ตรงมุมไหนสักมุมของโรงวัวแห่งนี้ ฉันเห็นก้องหันหน้ามองหาไปรอบๆ นี่ก้องจำได้ไงวะว่าวัวตัวไหนเป็นตัวไหน ก็แม่วัวในโรงนี้ทุกตัวเขามีลายวัวๆแบบตัวสีขาวเปื้อนจุดดำกันหมดแบบนี้

แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันฝักใฝ่อยู่กับเต้าของสุทิดาเขาแล้ว จะเอาสุทิดานี่แหละ นิรมลก็น่าจะเย่อหยิ่งไม่ต่างกันหรอก ฉันขี้เกียจเดินแล้ว โรงวัวนี่มันกว้างใหญ่เกินกว่าที่ฉันจินตนาการไว้จริงๆ ที่ฉันเคยเห็นในสารคดีส่วนใหญ่โรงวัวมันจะเป็นคอกเล็กๆแคบๆแบบคอกใครคอกมันไม่ใช่เหรอวะ

"ไม่ไปไรหรอกก้อง ลินชอบหญิงสุทิดานะ หน้าตาดูเศร้าๆดี ท่าทางนิสัยไม่แย่ คิดว่าเดี๋ยวซักพักเค้าก็คุ้นกับลินเองแหละ" ฉันพยายามหว่านล้อมก้องด้วยสีหน้าและแววตาที่อ่อนโยน แต่ใจจริงฉันแค่ไม่อยากยอมแพ้วัว

"มา มา ก้องนั่งลงเลย ก้องมาสาธิตวิธีการเอานมออกจากเต้าของหญิงสุทิดาให้ลินดูด่วนเลย"

แล้วฉันก็วางเก้าอี้พลาสติกตัวเล็กเตี้ยสองตัวที่ถือติดมือมาลงกับพื้น ก้องมองฉันด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะวางถังนมขนาดใหญ่สองถังลงบนพื้นบ้าง แล้วก็ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งไปนั่งลงใกล้ๆสุทิดาอย่างทะมัดทะแมง ฉันขยับตัวห่างออกมาเล็กน้อย ก่อนจะจัดที่จัดทางให้ตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัวบ้าง

"อันดับแรกเลย เราควรจะต้องนวดเต้านมก่อน การนวดเต้านมเป็นสิ่งสำคัญ จะช่วยในการผลิตฮอร์โมนออกซิโทซินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมใต้สมอง มีหน้าที่ในการผ่อนคลายหัวนม ทำให้น้ำนมไหลและระบายออกได้ง่าย"

ความนุ่มนวลของก้องในการนวดเต้านมคงทำให้สุทิดารู้สึกเคลิ้ม นางยืนนิ่งเฉยให้ก้องแตะต้องส่วนสำคัญของนางโดยไม่มีทีท่าขัดขืนเลย

"โอเค หลังจากเสร็จกระบวนการนวด ลินต้องใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้บีบหรือรีดหัวนมตอนบนก่อน เพื่อเป็นการปิดทางไม่ให้น้ำนมไหลกลับ" ท่าทางของก้องคล่องแคล่วมากจนฉันอดภูมิใจในตัวแฟนเก่าคนนี้ไม่ได้

อือม์ การรีดนมวัวคงไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่มั้ง

"แล้วหลังจากนั้นลินก็ใช้นิ้วที่เหลือ นิ้วกลาง นิ้วนาง นี้วก้อย บีบไล่น้ำนมตั้งแต่ตอนบนเรื่อยลงมาข้างล่างแบบนี้นะ เราจะรีดเป็นคู่ๆ รีดนมคู่หน้าก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยรีดคู่หลัง ค่อยๆทำไปเดี๋ยวก็ทำเป็น"

ฉันลอบมองคนที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตารีดนมวัวอย่างตั้งอกตั้งใจ เสี้ยวหน้าคล้ำคมสันนั้นมีออร่าของเกษตรกรยุคใหม่ ก้องดูเชี่ยวชาญไปเสียทุกเรื่องในไร่แห่งนี้ วันนี้ก้องมาพร้อมกับชุดยูนิฟอร์มประจำตัวเช่นเคย นั่นคือเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีน แค่ต่างจากวันอื่นๆตรงที่วันนี้ก้องเขาใส่รองเท้าบู๊ทยางสีดำคู่เท่ด้วย ลุคส์เท่ๆเช่นนี้คือหนุ่มใหญ่ชาวไร่ในฝันของสาวๆเลยล่ะสิ ฉันนึกไปถึงละครช่องสามเรื่องตามรักคืนใจที่ณเดชเป็นพระเอก ความเท่ของก้องตอนนี้เทียบได้เท่ากับน้ารามพ่อของนางเอกในเรื่องเลยทีเดียว

โอเค ถ้าฉันอยากจะเป็นคุณนายชาวไร่ ฉันก็ต้องรีดนมวัวให้เป็น!

ฉันขยับเก้าอี้เข้าใกล้สองปทุมถันอันอวบใหญ่ของหญิงสุทิดา พยักหน้าให้กับก้องอย่างมั่นใจด้วยแววตาเป็นประกาย

เอาล่ะ เริ่มได้!…

บรรยากาศรอบๆโรงวัวตอนเช้ามืดอย่างนี้สุดแสนจะเพอร์เฟค อากาศกำลังเย็นสบาย แสงนวลส้มกำลังค่อยๆสาดออกมาทีละน้อยจากพระอาทิตย์ยามเช้าดวงกลมโต และหากเหม่อมองออกไปไกลๆก็จะเห็นวิวยอดเขาของอุทยานแห่งชาติภูเรืออยู่ลิบๆ หันไปอีกด้านหนึ่งก็เป็นไร่ไวน์กว้างใหญ่ซึ่งมีเถาองุ่นเรียงรายกันเป็นแถวเป็นแนวอย่างมีระเบียบ

อา ช่างโรแมนติก!

เพียงแต่... ณ จุดจุดนี้... ฉันเมื่อยมือมาก!

มันไม่สนุกอย่างที่คิด หญิงสุทิดาเธอช่างเต้าแข็งหนักมือเสียเหลือเกิน อวัยวะกลมๆยานๆบวมๆสีขาวอมชมพูที่กำลังห้อยโตงเตงอยู่ตรงหน้าฉันนี่มันไม่ได้นุ่มนิ่มมืออย่างที่ฉันเคยจินตนาการไว้ แถมหญิงเธอก็ขยับตัวไปมาคอยจะเดินหนีอยู่ตลอดเวลาขณะฉันกำลังปฏิบัติภารกิจ ครั้นฉันจะใช้แรงดึงรั้งหัวนมเธอไว้ก็กลัวเธอจะเจ็บ ร้อนถึงก้องต้องลุกขึ้นไปยืนโอบปลอบเธอไว้ในอ้อมกอดเป็นระยะๆ นั่นล่ะเธอถึงจะยอมสงบลงบ้าง แล้วปล่อยให้ฉันใช้ความพยายามกับเต้าของเธอต่อไป เอาจริงฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ ว่าฉันดึงเต้าหญิงสุทิดาเธอแรงไป หรือนางสำออยไปเองวะ เห็นหน้าเศร้าๆ แต่แอบร้ายเงียบนะเราน่ะ เฮ้อ!

แล้วนี่เมื่อไหร่น้ำนมมันจะเต็มถังคะ ออกมาจากเต้าทีก็กะปริบกะปรอยขนาดนี้! เฮ้อรอบสอง!

ฉันก้มลงมองมือที่เริ่มจะหยาบกร้านของตัวเอง แม้ทุกๆคืนหลังอาบน้ำฉันจะชโลมโลชั่นทาทั่วมือและทั่วตัวอย่างทะนุถนอม แต่มันก็ยังไม่ช่วย ผิวหนังที่มือทั้งสองข้างของฉันค่อยๆแห้งและคล้ำมากขึ้นทุกๆวันจากการจับจอบจับเสียม

โถ เจ้ามือน้อยที่เคยจับแต่พู่กัน จับดินสอสี และตอนนี้ต้องมาจับเต้านมของแม่วัวนัยน์ตาโศกผู้แสนจะเย่อหยิ่งอย่างหญิงสุทิดา

"ไม่เป็นไร ลินยังไม่ชิน เดี๋ยวมารีดทุกเช้าอีกซักอาทิตย์นึง ลินคงรีดได้คล่องขึ้น" ก้องคงสงสารเมื่อเห็นแววตาละห้อยของฉันขณะกำลังจ้องมองมือทั้งสองข้างของตนเอง

แต่ห้ะ! มารีดทุกเช้าอีกซักอาทิตย์ โอว โน้ววววววว!

"ทำไมไม่ใช้เครื่องรีดนมวัวล่ะก้อง" เทคโนโลยีก็มีจะมานั่งทรมานตัวเองทำไมกันเนี่ยฮึ

"เคยพยายามลองใช้แล้ว แต่ว่ามันทำให้เต้านมวัวอักเสบได้ง่ายกว่าใช้มือ ก้องเลยยกเลิกไป สงสารพวกแม่ๆเค้า" ก้องเขาสถาปนาวัวทุกตัวเป็นคุณแม่

"แหม่ มันเจ็บขนาดนั้นเชียว? งั้นคุณแม่วัวในฟาร์มโคนมใหญ่ๆทั่วประเทศก็เป็นโรคเต้านมอักเสบกันหมดดิ" ฉันยังแคลงใจ ก้องเป็นคนขี้สงสารไปหรือเปล่า

"ใช่" ก้องตอบสั้นๆก่อนจะหันไปลูบหลังหญิงสุทิดาอย่างเบามือและทะนุถนอม สายตาเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่

โอเคค่ะ ใครจะรู้จักวัวดีเท่าเขาคนนี้อีกล่ะคะ ฉันยอมแพ้ค่ะ

"หิวแล้วอะก้อง ไปหาอะไรกินกันดีกว่า"

ฉันลุกยืนขึ้นบิดขี้เกียจ มองดูน้ำนมที่รีดได้ไม่ถึงครึ่งถังแล้วยักไหล่ หากวันนี้ก้องอยากกินนมวัว เดี๋ยวโทรสั่งแกร็บให้ไปซื้อจากเซเว่นในเมืองมาส่งให้ที่ไร่นี่ก็ได้มั้ง

"ได้ ได้ งั้นเดี๋ยวก้องไปส่งลินอาบน้ำก่อนดีไหม แล้วค่อยลินค่อยเดินไปกินข้าวเช้าด้วยกันที่บ้านใหญ่"

"ไม่เอาอะ หิวมาก ตัวลินก็ไม่ได้สกปรกเท่าไหร่ ไปกินข้าวกันเลยดีกว่า" เช้านี้ฉันเสียพลังไปเยอะ ต้องการเติมพลังกลับคืนมาอย่างเร่งด่วน นี่หิวมาก

"อะ โอเคคร้าบ งั้นตรงไปที่บ้านใหญ่กันเลย"

แล้วก้องก็พาฉันเดินตัวลอยตรงดิ่งกลับมาที่รถกอล์ฟ แฟนเก่าฉันเขาอาสาถือเก้าอี้ทั้งสองด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างหิ้วถังนมทั้งสองถัง ถังหนึ่งว่างเปล่า ส่วนอีกถังมีน้ำนมไม่ถึงครึ่ง ภารกิจรีดนมวัววันนี้คงจะเรียกได้ว่าไม่ประสบผลสำเร็จนัก แต่ช่างมันเหอะ

และนี่ก็คือก้องผู้แสนจะใจดี ตามใจฉันทุกอย่าง แถมยังคอยอยู่ข้างๆ สอนงานทุกอย่างในไร่ให้ฉันด้วยความเต็มใจด้วย ก้องผู้ขยันขันแข็ง ก้องผู้มีเหตุผล

เพียงแต่...

"กินผักเยอะๆจะทำให้ผิวพรรณแจ่มใสนะลิน" ก้องตักสลัดมาใส่จานให้ฉัน เมนูอาหารเช้าของเรามื้อนี้เป็นสารพัดผัก... อีกแล้ว!

จริงอยู่ ฉันชอบกินผัก แต่ให้กินแต่ผักทุกมื้อก็ไม่ไหวนะจ๊า

ก้องใช้เวลาไม่นานในการขับรถกอล์ฟคันเล็กพาฉันกลับมาที่บ้านใหญ่ บริเวณไร่แห่งนี้กว้างขวางมากเกินกว่าที่เราจะเดินไปมาจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ โซนบ้านพักเป็นบริเวณที่อยู่ด้านหน้าสุดของไร่ บ้านใหญ่ที่ก้องหมายถึงเป็นบ้านที่พ่อแม่ของก้องได้สร้างไว้สมัยที่พวกเค้าเริ่มทำไร่นี้กันใหม่ๆ ส่วนที่พักของฉันเป็นบ้านพักรับรองแขกหลังเล็กน่ารักไม่ไกลจากบ้านใหญ่ ถัดมาจากโซนบ้านพักก็เป็นบริเวณไร่องุ่นอันกว้างใหญ่ ส่วนบริเวณฟาร์มของสารพัดสัตว์นั้นถูกสร้างใหม่ด้านหลังของไร่องุ่น ฉันเคยลองพยายามเดินเล่นเพื่อสำรวจไปทั่วๆไร่ดูแล้ว กะจะเดินไปเองเดินกลับเองนักเลงพอ แต่ในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ โทรตามก้องให้เอารถกอล์ฟมารับกลับไป

"ก้องฝันว่าอยากจะทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบนะลิน อยากเป็นพ่อค้าขายผักปลอดสารพิษ อยากสร้างโรงเรือนผักแบบไฮโดรโปรนิกส์" ก้องพูดด้วยนัยน์ตาจริงจังพลางเลื่อนน้ำสลัดบัลซามิกที่ฉันชอบมาตรงหน้า

โอว ก้องจ๊ะ แค่โรงวัว คอกม้า เล้าไก่ ไร่องุ่นนี่ยังไม่เพียงพออีกหรือจ๊ะ นี่ก้องเขาคิดการณ์ไกลจะครองความเป็นเทพแห่งการเกษตรของอำเภอภูเรือแต่เพียงผู้เดียวเลยหรือไร คนอะไรโคตรขยัน

"นี่ไงผักร็อกเก็ตที่ลินชอบ ที่ลินไปรดน้ำแปลงผักด้วยตัวเองเมื่อวันก่อนไง"

ฉันยิ้มรับผักที่ก้องตักมาให้อย่างแหยๆ เห็นผักร็อกเก็ตแล้วก็อดคิดถึงเจ้าสองพ่อลูกคู่นั้นไม่ได้ ฉันยังจำภาพวันนั้นได้ดี วันที่คนปากแดงกับลูกชายหัวฟ้าของเขาช่วยกันเข้าครัวช่วยกันปรุงสลัดกันอย่างขะมักเขม้นที่บ้านของฉัน

เอ่อ จะไปคิดถึงพวกเค้าทำไมกันเนี่ย กลับมาเรื่องแปลงเกษตรของที่นี่ก่อนดีกว่า คือวันก่อนน่ะ ไม่แค่รดน้ำแปลงผักนะ ฉันยังลงทุนนั่งยองๆดึงวัชพืชต่างๆด้วยมือตัวเอง แถมยังใช้พลั่วกวนปุ๋ยหมักที่มีกลิ่นเหม็นคละคุ้ง และใช้จอบขุดดินแห้งแตกเพื่อขึ้นแปลงผักร็อกเก็ตอีกแปลง

ซึ่ง... ที่พยายามทำทั้งหมดอย่างเก้ๆกังๆนั่น ก็แค่เพราะอยากให้ก้องประทับใจ เมื่อยขาเมื่อยหลังแทบตาย นานเท่าไหร่แล้วหนอที่ฉันไม่เคยได้ย่างกรายเฉียดเข้าใกล้แปลงผัก เอาแค่เข้าใกล้การปลูกต้นไม้ใบหญ้าก็ว่ายากแล้ว คือเรื่องงานในสวนที่บ้านฉันในกรุงเทพนี่เป็นหน้าที่ของยัยลิสาเขาที่จัดการดูแลอยู่ บ้านเราไม่ได้จัดสวนอะไรซับซ้อนมากมาย มีแค่สนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่กับต้นไม้พุ่มเล็กๆก็เท่านั้น

ฉันอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกไปถึงสมัยเรียนมอปลายที่ก้องมีหน้าที่รดน้ำแปลงผักแล้วก็พรวนดินให้สาวน้อยเรื่องมากจอมขี้เกียจอย่างฉัน เด็กหนุ่มผิวคล้ำตัวสูงเพรียวผู้แสนจะใจดีในวันนั้น กลายมาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างล่ำสันผู้แสนจะอบอุ่นในวันนี้ ชายผู้มุ่งมั่นตามหาความฝัน แล้วก็ทำมันให้เป็นจริง โคตรนับถือ

แต่... ฝันของก้องจะมีโอกาสพัฒนาเป็นฝันของฉันบ้างไหมนะ

"ผักสดหวานกรอบอร่อยใช่ไหมล่ะ นี่เพราะก้องใช้แต่ปุ๋ยคอกจากขี้ม้าขี้วัวของเราไง แล้วก็ใช้ปุ๋ยหมักจากเศษใบไม้กิ่งไม้ในไร่องุ่น ส่วนเรื่องของน้ำ...."

ก้องคุยไม่หยุดอย่างร่าเริงถึงโครงการเกษตรรักษ์โลกร้อยแปด แฟนเก่าของฉันเขาหลงใหลวิถีชีวิตแบบนี้แบบถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว เขาสามารถคุยเรื่องทีเกี่ยวกับการเกษตรได้ทั้งวัน

แต่สำหรับฉันแล้ว... ณ จุดจุดนี้ อา คิดถึงหมูกระทะจังเลย คิดถึงสำเพ็ง คิดถึงห้างเซ็นทรัล คิดถึงตลาดนัดรถไฟรัชดา คิดถึงผับแล้วก็ร้านกาแฟฮิบๆย่านทองหล่อ คิดถึงร้านหนังสือคิโนะคุนิยะ คิดถึงอาร์ตแกลอรี่แถวถนนพระอาทิตย์ คิดถึงคนปากแดง...

'ลิสาที่เลิฟของน้าลิน...

ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็น น้าลินเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กำลังรอน้าก้องมารับไปกินข้าวเย็น วันนี้เราจะไปหาอะไรอร่อยๆในเมืองกินกัน ตั้งแต่น้าลินมาอยู่ที่นี่เราแทบออกไปข้างนอกไร่กันน้อยมาก น้าก้องเค้ามีงานยุ่งตลอดเวลา และเค้าก็เป็นคนกินง่ายๆ เค้ากินสลัดได้ทุกมื้อเลยนะ คือเน้นอาหารเพื่อสุขภาพอะ แต่ลิสารู้ไหม น้าลินคิดถึงหมูกระทะมากๆเลยล่ะ

โดยเฉพาะตอนนี้ น้าลินหิวมากมาก วันนี้เป็นวันที่น้าก้องเขาจัดโปรแกรมให้น้าลินเต็มเหยียดทั้งวัน เริ่มตั้งแต่ไปหัดรีดนมวัวตั้งแต่เช้ามืด ต่อด้วยหัดขี่ม้า อาบน้ำม้า และกวาดขี้ม้า ลิสาได้ยินคงตื่นเต้นล่ะสิ แต่สำหรับน้าลินแล้ว... คือมันเหนื่อยมากเลย แถมยังเมื่อยมือเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมากด้วย

แล้วก็เมื่อคืนนี้นะ กว่าจะได้เข้านอนก็ตีหนึ่ง เพราะกว่าน้าลินจะกลับมาจากการเก็บองุ่นกับน้าก้อง กว่าจะทดลองชิมไวน์เสร็จ เออ นี่น้าลินก็เพิ่งจะรู้นะว่าเขาเก็บองุ่นกันตอนกลางคืน น้าก้องบอกว่าเพราะอากาศในตอนกลางคืนของที่นี่จะเย็นกว่าตอนกลางวันเยอะ คนงานจะทำงานได้ดีกว่า แถมรักษาคุณภาพขององุ่นได้ดีกว่าด้วย น้าก้องนี่เค้าเก่งมากๆเลยนะ เค้ารู้ทุกๆเรื่องในไร่นี้อย่างละเอียดเลย ถ้าลิสามาเที่ยวไร่น้าก้อง รับรองน้าก้องเค้าตอบคำถามของลิสาได้ทุกคำถามแน่ๆ

ส่วนวันก่อนหน้านั้น น้าก้องพาน้าลินไป....

บลา บลา บลา….

….น้าลินกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยลิสาและคุณยายและน้ากี้มาเยี่ยมน้าลินที่นี่นะจ๊า

ด้วยเลิฟและมิสยูมากๆ

จากน้าลินคนดีของลิสา จุ๊ฟ จุ๊ฟ...'

ฉันบรรจงพับกระดาษขนาดเอสี่แผ่นนี้อย่างประณีต แล้วก็สอดกระดาษที่เข้ามุมได้อย่างสวยงามนี้เข้าไปในซองจดหมายสีขาวที่วางอยู่ข้างๆ กระดาษที่ฉันใช้เขียนจดหมายถึงลิสานั้นก็เป็นกระดาษเปล่าธรรมดาทั่วๆไปที่ก้องไปหยิบเอาจากในเครื่องปริ้นท์เตอร์มาให้ เสียดายจังที่ฉันลืมหยิบกระดาษลายสวยๆจากที่บ้านติดมาด้วย จะหาซื้อแถวนี้ก็คงจะไม่มีลายสวยๆอย่างที่ต้องการ จะว่าไปอย่าว่าแต่กระดาษลายสวยๆเลย แค่กระดาษเขียนจดหมายเฉยๆก็คงจะหาซื้อยากแล้ว สมัยนี้เค้ายุคโซเชียลมีเดียแล้วอะเนอะ ผู้คนเขาไม่เขียนจดหมายถึงกันและกันแล้ว แค่กดโพสต์รูปลงอินสตราแกรมไปสักห้านาที เดี๋ยวคนก็รู้กันทั้งโลกแล้วว่าเราไปทำอะไรมาบ้าง

คงจะมีแต่ฉันเท่านั้นแหละ ที่ถ้าพอจะมีโอกาสดีๆก็ยังอยากจะนั่งเขียนจดหมายอยู่ มันคลาสิคดี แถมใครๆที่ได้อ่านก็พากันชมว่าฉันลายมือสวย

สมัยฉันเรียนที่อิตาลี ความสุขอย่างหนึ่งของฉันคือยามที่ได้นั่งลงคัดเลือกกระดาษเขียนจดหมายลายสวยๆเพื่อเขียนจดหมายมาถึงที่บ้าน อิตาลีนับว่าเป็นแหล่งผลิตกระดาษคุณภาพดีอีกแห่งหนึ่งของโลก ยามว่างฉันจะเดินท่องอย่างเพลิดใจไปตามร้านเครื่องเขียนในตัวเมืองเก่าเพื่อหากระดาษลายสวยๆมาเก็บสะสมไว้ ไม่ว่าจะเป็นกระดาษห่อของขวัญ กระดาษเขียนจดหมาย กระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ การ์ดอวยพร โอย ทุกสิ่งอย่างที่ทำด้วยกระดาษจากที่นี่มันช่างน่ารักสวยงาม และที่สำคัญลวดลายของกระดาษที่อิตาลีนี่เค้าเน้นลายดอกไม้ล้วนๆ ถูกจริตของฉันเป็นที่สุด

เมื่อกี้ฉันใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงในการเขียนจดหมายถึงหลานรักเต็มหน้ากระดาษเอสี่ เล่ากิจกรรมต่างๆที่ได้ทำในไร่ในช่วงระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะฉันต้องการฆ่าเวลาไม่ให้คิดถึงความหิวด้วย เมื่อกี้ก้องโทรมาบอกว่าจะมารับช้านิดนึงเพราะมีปัญหาเรื่องคนงานในไร่

เฮ้อ งานที่นี่มันช่างเยอะแยะเกินกว่าที่ฉันจะจินตนาการถึง การจะเป็นเกษตรกรนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด มันเหนื่อยมากๆ ฉันพาลนึกโกรธพวกโฆษณาหรือคอนเท้นต์ต่างๆที่พยายามจะขายฝันให้คนเมืองกรุงอย่างพวกเรา คนรุ่นฉันที่เริ่มจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากชีวิตชาวออฟฟิศในกรุงเทพ กับการจราจรที่แสนโหด กับค่าแรงที่น้อยนิด หลายคนเริ่มนึกถึงการกลับบ้านต่างจังหวัดแล้วไปทำไร่ไถนาใช้ชีวิตพอเพียงอย่างมีความสุขแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง เราเริ่มแสวงหาความสงบของชีวิตในรูปแบบที่คิดกันแล้วว่ามันจะต้องดูเป็นคนดีที่รักบ้านเกิดและรักสิ่งแวดล้อม

ใช่ค่ะ หากคุณคิดจะมาอยู่แค่สองสามวัน ไร่ที่นี่ตอบโจทย์ทุกอย่างตามที่เห็นในโฆษณาชีวิตพอเพียงแบบเกร๋ๆของคนมีเงิน สถานที่พักผ่อนใจในบรรยากาศดีๆแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ตื่นขึ้นมาจิบกาแฟยามเช้าท่ามกลางสายหมอกในหุบเขา เก็บไข่ไก่สดๆจากเล้าไปทอดไข่ดาวแกล้มด้วยสลัดผักออกานิกส์ที่ปลูกเองกับมือ ปักต้นกล้าข้าวด้วยรอยยิ้มท่ามกลางสายฝนที่ชุ่มฉ่ำ ใส่ชุดเอี๊ยมน่ารักๆไปรีดนมวัว ขี่ม้าทอดน่องยามเย็นชมพระอาทิตย์ตกดิน และอื่นๆที่คูลๆอีกมากมาย

แต่หากคุณคิดจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ คุณจะขี่แต่ม้าอย่างเดียวไม่ได้ คุณต้องอาบน้ำม้า กวาดขี้ม้า และล้างคอกม้าด้วย และขี้ม้าก็เหม็นมาก ไปเก็บไข่ไก่ก็เหม็นขี้ไก่ ปลูกผักก็ต้องจับจอบจับเสียม ซึ่งเจ็บมือมาก ดินก็แข็ง ร้อนก็ร้อน และมีความยากลำบากอื่นๆอีกมากมายที่รอคุณอยู่

คือไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเป็นเกษตรกรได้หรือเปล่าวะ ทำไมในโฆษณาไทยประกันชีวิตทุกอย่างมันดูง่ายไปหมด

และที่สำคัญที่สุด ฉันขี้เกียจตื่นเช้า!

ฉันเป็นสายฮูก ชอบนอนดึกจนติดเป็นนิสัย บางคืนก็นอนดูนิตยสารแต่งบ้านออนไลน์อย่างเพลิดเพลินจนถึงตีหนึ่งตีสอง บางคืนก็ดูซีรีส์เกาหลีกับลิสาหลานรัก แต่รายนั้นเค้าเข้านอนตรงเวลาตอนห้าทุ่ม แล้วตื่นเป็นเวลาตอนเจ็ดโมงเช้า หลายครั้งที่หลานเข้านอนไปแล้ว แต่ฉันก็ยังดูติดพันต่อไปจนจบจนตาลึกโหล ช่วยไม่ได้นี่นะ ซีรีส์เกาหลีก่อนจะจบตอนเค้าจะชอบทิ้งท้ายไว้ชวนติดตามซะขนาดนั้น

ฉันใช้ชีวิตแบบตามใจตัวเองมาตลอด จะนอนดึกแค่ไหนก็ได้ จะตื่นสายเท่าไหร่ก็ไม่มีใครว่า แต่สำหรับชีวิตที่นี่ คุณต้องตื่นเช้าค่ะ ขบวนการต่างๆตามธรรมชาตินั้นเขาเริ่มต้นกันตั้งแต่เช้าตรู่

และอันที่จริงสถานะของก้องก็คือเจ้าของไร่ แล้วทำไมก้องจะต้องทำงานทั้งหมดเองใช่ไหมคะ ก้องเขาอธิบายไว้ว่าอย่างนี้ค่ะ

'เจ้าของจะต้องรู้ขั้นตอนและทำเป็นทุกอย่างนะลิน อย่างน้อยเราจะต้องคลุกคลีกับมันสักระยะให้รู้ความเป็นมาเป็นไป ให้สัมผัสถึงปัญหาและอุปสรรคจริงๆ'

เฮ้อ ทำไมชีวิตคุณนายเจ้าของไร่จริงๆมันไม่เก๋กุ๊กกิ๊กเหมือนอย่างในละครเลยวะ…

หลังอาหารมื้อค่ำผ่านพ้นไป ฉันก็กลับมาถึงที่บ้านพักด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ ในที่สุดฉันก็ได้กินหมูกระทะสมใจอยาก ก้องยอมขับรถกว่ายี่สิบกิโลเมตรเข้าอำเภอภูเรือเพื่อพาฉันไปร้านหมูกะทะที่ฉันใช้เวลากูเกิ้ลอยู่นานมาก

สองอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นฉันได้กินเนื้อสัตว์แทบจะนับครั้งได้ แม้ปกติก้องจะเป็นคนตามใจฉันอยู่มาก แต่เรื่องโภชนาการนี้ก้องเขาไม่ยอมง่ายๆ เขาบอกว่าเขาหวังดีอยากให้ฉันได้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงพร้อมที่จะสู้งานหนัก

"ส่วนพรุ่งนี้เราไป..."

"เอ่อ ก้อง พรุ่งนี้ลินขอพักอยู่เฉยๆสักวันนะ นะก้องนะ ลินรู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวจังเลย"

ฉันทำหน้าตาออดอ้อนขณะเรายืนอยู่หน้าประตูบ้านพักของฉัน ทุกครั้งเมื่อเราต้องแยกจากกันหลังมื้ออาหารค่ำ ก้องเขาจะเดินมาส่งฉันที่บ้านพักเสมอ

"ลินไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย" หนุ่มใหญ่ชาวไร่ทำหน้าตกใจแล้วเอามือมาอังที่หน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงนั่นมีความห่วงใยอย่างลึกซึ้ง

"เปล่า แค่ปวดเมื่อยเฉยๆ พักสักวันก็คงหาย ก้องไม่ต้องเป็นห่วง" เอ่อ อันที่จริงฉันขี้เกียจต่างหาก อยากนอนฟังเพลงแล้วก็วาดรูปเล่นทั้งวันมากกว่า

"ก้องรู้... ว่างานในไร่มันหนัก ลินคงไม่ชิน" ถ้อยคำปลอบประโลมนั่นช่างอ่อนโยน

"ความจริงลินไม่ต้องทำงานอะไรเลยก็ได้นะ แค่ลินอยู่เฉยๆข้างๆก้องในทุกๆวันก็พอแล้ว" ส่วนแววตานั่นก็ช่างวาบหวาม

เอ่อ...

ใบหน้าคล้ำคมสันนั่นค่อยๆโน้มต่ำลงมาใกล้ใบหน้าของฉัน มือคล้ำแข็งแกร่งจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันไว้อย่างนุ่มนวล ฉันยืนตัวเกร็งทั้งๆที่เคยคิดมาก่อนแล้วว่าโมเม้นต์อย่างนี้ต้องมาถึงในสักวัน

"ก้องเคยบอกลินแล้วใช่ไหม ว่าก้องไม่เคยลืมลินเลย ก้องเก็บลินไว้ลึกๆข้างในใจเสมอมา"

จมูกโด่งเป็นสันนั้นกำลังใกล้เข้ามาเฉียดโหนกแก้มของฉันเต็มทนแล้ว ริมฝีปากอิ่มอย่างคนมีสุขภาพดีค่อยๆเคลื่อนตรงเข้ามายังริมฝีปากอันแห้งผากของฉัน

"เอ้อ... ก้อง ลินง่วงมากเลย"

ฉันผลักหน้าอกล่ำสันนั้นออกห่างอย่างเบามือ ก่อนจะอ้าปากกว้างหาวอย่างเต็มหวอด ฉันจงใจที่จะไม่ปิดปากด้วยล่ะ หาวจริงหาวเล่นไม่รู้ รู้แต่จังหวะนี้มันต้องหาว

"พรุ่งนี้ลินขอตื่นสายนิดนึงนะ ก้องกินข้าวเช้าไปก่อนได้เลยนะจ๊ะ เดี๋ยวลินตื่นแล้วลินเข้าไปบ้านใหญ่ไปขออะไรคุณแม่บ้านกินเองจ้า" ฉันพูดต่ออย่างเร็ว พูดไปหาวไป บรรยากาศเยี่ยงนี้ไม่น่าไว้ใจ

ก้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการจู่ๆก็โคตรง่วงของฉัน แขนล่ำทั้งสองนั้นตกลงข้างตัว แววตาน้อยใจส่งออกมาอย่างปิดบังไม่มิด ดาเมจความผิดหวังนั้นช่างรุนแรง

แต่ในที่สุดก้องก็ยังคงเป็นก้อง ผู้ชายที่น่ารักและอบอุ่นเสมอ

"ครับ ลินเข้าไปพักผ่อนเถอะ ก้องไม่กวนแล้ว พรุ่งนี้ตื่นเมื่อไหร่ก็โทรหาก้องนะ"

หนุ่มเจ้าของไร่รอจนฉันเข้าประตูบ้านพักเรียบร้อยเหมือนอย่างเคย แล้วจึงเดินหันหลังกลับไป ส่วนฉันก็ยังคงยืนนิ่งพิงประตูอีกด้านหนึ่งอย่างอ่อนใจ ระยะห่างและเวลาไม่ช่วยอะไร

ก้องไม่เคยลืมฉัน ส่วนฉันก็ไม่เคยลืมหนุ่มหน้าขาวปากแดงคนนั้น...