webnovel

ความสับสน

วันจันทร์ เก้าโมงเช้า…

ช่างเป็นเช้าวันจันทร์ที่แสนสดใส ฉันอดไม่ได้ที่จะผิวปากอย่างอารมณ์ดีขณะเดินเข้ามาในออฟฟิศ คริ คริ กล้ามอกขาวๆของคุณเซนจากเมื่อคืนวันเสาร์ยังคงตรึงตราอยู่ในใจ เสื้อเชิ้ตสีดำของเธอนอนสงบนิ่งอยู่ในกระเป๋า เอ ฉันจะเอาเสื้อคืนคนกล้ามขาวเค้ายังไงดีน้า

ฉันยกมือถือขึ้นมาดูนาฬิกา เก้าโมงแล้ว พ่อหนุ่มกล้ามขาวน่าจะมานั่งโต๊ะทำงานแล้วล่ะ เธอมาทำงานเช้ากว่าใครเพื่อน และถ้าจะให้เดาปฏิกิริยาของคุณเซนตอนที่เราเจอหน้ากัน ก็แน่นอน สไตล์เธอก็คงจะมาทำนองหน้าเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ฮิ้ววววว แค่นึกถึงพ่อแก้มบุ๋มตอนเขินแล้วโหนกแก้มแดง ฉันก็ชุ่มชื่นหัวใจละค่า

แต่เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเหล่าหนุ่มสาวชาวออฟฟิศถึงได้ไปรุมล้อมโต๊ะท่านประธานกันเช่นนั้น เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังวุ่นวาย

"เชี่ย โคตรน่ารัก"

"ว้าย อบอุ่นอะ"

"เฮ้ย คุณเซนแกแอบแหววป่าววะ"

"น่าร้ากกกก"

"เห็นหน้านิ่งๆ ไม่นึกเลย"

"โอปป้าของเราวัยรุ่นซะด้วย"

ฉันรีบเดินตรงเข้าไปยังคนกลุ่มนั้นทันที

"มีอะไรกันจ๊ะ มาส่งเสียงอึงคะนึงอะไรกันแต่เช้า"

"เจ๊ลินดูนี่ครับ ท่านประธานบริษัทของเราแปะโพสต์อิทเป็ดเหลือง แม่ง พีคสัส"

ฉันมองตามไปที่มือของน้องเอกเด็กฝึกงาน ก็เห็นบนโต๊ะทำงานที่แทบจะว่างเปล่าของคุณเซนมีกระดาษเป็ดเหลืองแผ่นเล็กๆสี่แผ่นแปะวางเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ข้อความว่า…

'หนังสือใหม่' 'ชาญี่ปุ่น' 'เครื่องแบบยามของคุณประยุทธ์' 'ต้นไม้ในห้องนั่งเล่น'

ฉันกลั้นหัวเราะแทบจะไม่ไหวเมื่อเห็นเจ้าเป็ดน้อยปากเหลืองแปร๋นเหล่านั้น

คนกล้ามขาวนั่นเค้ากล้าเอาน้องเป็ดน้อยมาใช้จริงๆแฮะ ฉันรู้ดีว่าคนทุ่มเทเพื่องานอย่างเค้าคงจะยอมทำทุกอย่างเพื่อซื้อใจพนักงานในบริษัท นึกถึงท่านั่งหลังตรงแมนๆยามกำลังเขียนข้อความลงบนเจ้าปากเหลืองพวกนั้นแล้วก็… ฮ่า ฮ่า ฮ่า

"มันคือความละเมียดละไมทางอารมณ์" เสียงสุกรีเอ่ยชื่นชมขึ้นมาอย่างอดใจไว้ไม่ไหว

"แกสร้างภาพป่าว แบบจงใจแปะอะไรแบบนี้ให้พวกเรามาเห็น" ฉันลองหยั่งเชิง

แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจข้อสังเกตของฉัน

"ลายมือก็สวย หนูหลงรักผู้ชายลายมือสวย" น้องจิ๊บแผนกบัญชียังคงดูเคลิ้มมาก

"แล้วข้อความพวกนี้น่ะ มันเป็นเรื่องของพวกเราทั้งนั้นเลย โอปป้าอีโดฮยอนของหนูช่างเอาใจใส่พนักงานจริงๆ" งานนี้เหมือนเยลลี่จะซาบซึ้งที่สุดแล้ว แววตาของน้องเยลดูปลื้มปีติจนกลั้นไม่อยู่

"นี่เยลลี่ คุณเซนเค้าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นย่ะ เลิกพร่ำเพ้อถึงโอปป้าซะทีเหอะ" เสียงพี่เพ็ญแผนกจัดซื้อปรามการมโนไปไกลของน้องเยล

เรื่องที่คุณเซนเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น เราทุกคนรู้กันตั้งแต่คุณเซนจะเข้ามาทำงานวันแรกแล้ว ให้ทายนะคะว่ารู้จากใคร… ถูกค่า! น้องพลอยคนสนิทของคุณเซนเค้านั่นแหละค่า

"แหมพี่เพ็ญ ก็หนูชอบดูซีรีส์เกาหลีนี่นา ขอหนูแอบมโนหน่อยไม่ได้เหรอ หน้าตาคุณเซนเค้าก็ไปได้ทุกแบบแหละ จะเกาหลีญี่ปุ่นจีน ขาวโอโม่ซะขนาดนั้น"

พวกเราไม่เคยขัดใจน้องเยลที่เรียกคุณเซนเป็นโอปป้าอีโดฮยอน เรารู้ว่าน้องเยลคลั่งไคล้พระเอกแดนโสมขนาดไหน แต่เอ อันที่จริงคนญี่ปุ่นกับคนเกาหลีเหมือนเค้าจะไม่ค่อยถูกกันไม่ใช่รึ ฉันไม่แน่ใจว่าคุณเซนเคยได้ยินน้องเยลเรียกชื่อเกาหลีของเค้าหรือเปล่า นี่ฉันลืมประเด็นนี้ไปเลย

"เยลลี่เปลี่ยนชื่อคุณเซนใหม่ได้ไหมจ๊ะ เอาเป็นชื่อญี่ปุ่นดีกว่า เพราะมันอาจเป็นเรื่องอ่อนไหวทางวัฒนธรรม" ฉันควรจะคอยระวังเรื่องเปราะบางเหล่านี้

"นั่นสิคะ หนูก็ลืมคิดไป งั้นเอาเป็น Kento Yamazaki ละกันค่ะ" แม้จะเป็นติ่งเกาหลีตัวแม่ แต่น้องเยลลี่เค้าก็รอบรู้ในทุกวงการ

"อื้อ โอเคอยู่นะ ที่เล่นเรื่อง Alice in Borderland หรือเปล่า อือม์ คุณเซนเค้าก็หน้าตาเหมือนเอาสองคนนี่มาบวกกันหารสอง" ฉันคิดว่าน้องเยลเค้ารักฉันก็ตรงนี้นะ ตรงที่ตามติดซีรีส์เอเชียไม่แพ้น้อง

"คุยอะไรกันสองคนนี้ รู้เรื่องกันอยู่แค่สองคน" เสียงพี่เพ็ญแทรกขึ้นมา

"อ้าว พี่เพ็ญ นี่หนูนึกว่าพี่เพ็ญก็ติ่งเกาหลีเหมือนกันนะคะ" น้องเยลประหลาดใจ

"เกาหลีน่ะใช่ แต่ญี่ปุ่นยังไปไม่ถึง แต่เอาเถอะ ในเมื่อมีเจ้านายเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นยังงี้แล้ว พี่เห็นที่ต้องหันมาฝั่งซีรีส์ญี่ปุ่นบ้าง เผื่อจะเอาไว้คุยกับคุณเซน"

"คุณเซนเค้ามีเวลาดูซีรีส์ด้วยหรือครับเนี่ย ผมเห็นแกทำแต่งาน" สุกรีแย้งพี่เพ็ญ

"ชั้นหมายถึง ชั้นต้องดูซีรีส์ญี่ปุ่นเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นให้มากกว่านี้ย่ะ ชั้นจะได้เข้าใจคุณเซนเค้ามากขึ้น" พี่เพ็ญแย้งสุกรีกลับ

"อ่อ เห็นด้วยครับ" สุกรียอมรับข้อแย้งนั้น

"นี่ผมไม่นึกจริงๆว่าคุณเซนเค้าจะตะมุตะมิขนาดนี้" น้องเอกเด็กฝึกงานทำท่าขนลุก

"แล้วสิ่งที่คิขุแบบนี้คุณเซนเค้าไปซื้อมาจากไหนกัน เอ สงสัยจะเอามาจากญี่ปุ่น" สุกรีก้มตัวลงไปสังเกตพวกเป็ดน้อยนั้นอย่างใกล้ชิด

"นี่พี่เซนเค้ามีโพสต์อิทติ๊งต๊องอะไรพวกนี้ด้วยหรือ พลอยไม่เห็นเคยรู้เรื่องเลย" น้องพลอยมองมาทางฉันอย่างหวาดระแวง

แต่ฉันไม่สนใจน้องพลอย

"แล้วนี่เจ้าของเป็ดน้อยพวกนี้เค้าไปไหน เจ้าตัวเค้ารู้มั้ยเนี่ย ว่ามีคนสนใจโต๊ะทำงานของเค้ามากขนาดนี้" ฉันสงสัยมากกว่าวันนี้คุณเซนไม่เข้าออฟฟิศรึ

"คุณเซนออกไปโรงงานกับคุณมนตรีครับ ผมเดินสวนกับแกพอดี" สุกรีตอบคำถามฉัน

สุกรีเป็นคนที่มาทำงานเช้ามาก คงเพราะตอนเย็นต้องรีบออกไปรับงานข้างนอก บริษัทของเรายืดหยุ่นเรื่องของเวลาเข้าออก ขอแค่ตอกบัตรให้ครบตามชั่วโมงทำงาน

"อ้าว แล้วนี่คุณเซนแกรู้เรื่องแผนการวันนี้ของเราแล้วใช่ไหม"

ฉันหันซ้ายแลขวา ก่อนที่กระซิบกระซาบกับสุกรี ฉันมอบหมายให้สุกรีเป็นคนประสานงานเรื่องลับสุดยอดนี้กับคุณเซน

"เรียบร้อยพี่ แกบอกจะรีบกลับมาก่อนสี่โมงเย็น"

"ห้ะ เย็นขนาดนั้นเชียวเหรอ พี่กะว่าจะเริ่มปฏิบัติการตอนบ่ายๆนะเนี่ย" ฉันเริ่มร้อนรนกับแผนการที่วางกันไว้

วันนี้ออฟฟิศเราจะมีปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากคุณเซน

"แกบอกว่าวันนี้ลูกค้าจะเข้าไปดูโรงงาน เลยต้องอยู่เกือบทั้งวัน แต่แกรับปากแล้วพี่ ว่าเสร็จงานปุ๊ปจะรีบกลับออฟฟิศเลย"

"แล้วนี่คิตตี้ยังไม่เข้ามาเรอะ"

"ยังไม่เห็นเลยพี่"

อือม์ ตอนนี้ฉันเองก็มีเรื่องส่วนตัวด่วนมากที่ต้องการจะปรึกษาคิตตี้

สิบเอ็ดโมงเช้า…

ฉันยังคงนั่งคิดอยู่ว่าจะแอบเอาเสื้อไปวางคืนคุณเซนที่โต๊ะทำงานยังไงดี เพื่อไม่ให้คนในออฟฟิศผิดสังเกต อันที่จริงก็รู้สึกแอบดีใจนิดๆที่วันนี้คนกล้ามขาวนั่นไม่อยู่ออฟฟิศ จะได้หลีกเลี่ยงการเจอหน้ากัน ลึกๆแล้ว ความรู้สึกอับอายจากเหตุการณ์เมื่อคืนวันเสาร์ยังคงมีอยู่

ไม่ได้อับอายจากการโดนกระชากเสื้อหรอกนะ ก็คุณเซนเค้าเอาเสื้อเค้ามาปิดบังฉันจากสายตาผู้คนไว้อย่างรวดเร็ว

แล้วก็ไม่ได้อายจากการเต้นสุดเหวี่ยงขนาดนั้นด้วย โอเค วูบแรกที่สบตากัน ฉันเขินนิดหน่อย แต่ถ้ารักจะโชว์เรื่องสกิลการเต้นของตัวเองให้โลกได้รับรู้ ฉันก็ควรภูมิใจในทักษะด้านนี้ของฉันมากกว่าที่จะมัวมานั่งเขินอาย

คือ ที่จริงแล้วฉันอายตัวเองจากการไปแอ๊วเจ้านายขณะนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านต่างหาก

เมื่อเช้าตอนเดินเข้ามาในออฟฟิศฉันยังคึกอยู่เลย แต่พอเข้ามานั่งโต๊ะทำงาน และเมื่อบรรยากาศของการทำงานแบบมืออาชีพเข้าครอบงำ มองไปเห็นบรรดาเพื่อนร่วมงานดูกำลังตั้งอกตั้งใจในการทำงาน จู่ๆฉันก็รู้สึกสำนึกได้ และรู้สึกอับอายย้อนหลัง

ฉันควรจะขอโทษคุณเซนเค้าดีไหมนะ ความจริงเมื่อวานหลังจากตื่นนอนขึ้นมาและหายเมาแล้ว ฉันก็แอบคิดถึงเรื่องนี้ตลอดทั้งวัน มันเป็นวันอาทิตย์ที่แสนจะขี้เกียจของฉัน ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนอนย้วยคิดเรื่องนี้ไปมาในหัว

โว้ย ทำอะไรลงไปวะเนี่ย!

ฉันคิดจะส่งข้อความไปขอโทษเจ้านายที่ทำตัวรุ่มร่ามไปหน่อย แต่ฉันก็คิดว่าฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา แค่หยอกเล่นนิดๆหน่อยๆ ทำเนียนไม่รู้ไม่เห็นดีกว่า

แต่เอ หรือมันจะนับได้ว่าเป็นการคุกคามทางเพศหรือเปล่า ฉันจะโดนคุณเซนเขาฟ้องตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานไหม

ไม่ ไม่ ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็ชั้นกรึ่ม ชั้นมึน ชั้นเมา ชั้นมีสติไม่ครบถ้วนเว้ย

บ้าบอที่สุดยัยลิน ตอนแอ๊วหล่อนก็รู้ตัวอยู่ว่าหล่อนแอ๊ว อย่ามาแถ หล่อนน่ะจำทุกสิ่งทุกอย่างได้

โอเค โอเค แหม ก็แค่หยอกเย้าเค้าเล่นนิดๆหน่อย แต่แอลกอฮอล์ก็มีส่วนป่าว

แต่นั่นมันผู้ร่วมงานนะเฟ้ย หยอกเรื่องอื่นน่ะหยอกได้ แต่ประเด็นกรุ้มกริ่มน่ะไม่ควร มันไม่โปรเฟสชั่นนอลในการทำงาน มันคือเซ็กชวลฮาราสเมนต์

เฮ้ย แต่มันไม่ใช่เวลางาน แล้วคุณเซนเค้าก็คงไม่คิดไรหรอกมั้ง เค้าก็รู้ว่าชั้นกรึ่มอยู่

แต่ที่สำคัญ มุกที่หล่อนปล่อยไปก็แป้กซะไม่มี คุณเซนเค้าจะไม่น่าจะขำด้วย หมดกัน ภาพลักษณ์ดีไซเนอร์สาวคูลๆ

แต่…

"น้องลิน น้องลินจำได้หรือเปล่าคะว่าวันนี้วันอะไร"เสียงพี่เพ็ญดังเข้ามาขัดจังหวะความวุ่นวายฟุ้งซ่านในหัวของฉัน

"วันอะไรหรือคะ" ฉันถามพี่เพ็ญไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ไม่ได้เงยหน้ามองพี่เพ็ญด้วย ฉันกำลังมีเรื่องอื่นที่ให้ต้องสับสนอยู่

"ก็… เป็นวันค่อนข้างสำคัญน่ะค่ะ ปกติก็เห็นน้องลินจำได้"

"ไม่รู้อะค่ะ พี่เพ็ญรีบเฉลยเลยค่ะ"

"ก็…"

ขณะที่พี่เพ็ญกำลังอึกอัก คิตตี้ก็ปราดเข้ามาตัดหน้า

"ซิส วันนี้คุณเซนไม่เข้าออฟฟิศเหรอ"

"อ้าวคิตตี้ นี่พี่รอเธออยู่พอดีเลย คุณเซนเค้าไปโรงงาน เดี๋ยวเข้ามาเย็นๆมั้ง แล้วเช้านี้ทั้งเช้าเธอหายไปไหนมา"

ฉันเงยหน้าขึ้นมาหันไปสนใจคิตตี้ เพราะกำลังคิดว่าจะปรึกษาเรื่องที่ว่าจะเอาเสื้อคืนคุณเซนยังไงดี

"เข้าออฟฟิศมา หนูก็อยู่ในห้องออกแบบทั้งเช้าเลย พอดีต้องรีบแก้แบบส่งให้โรงงาน"

"นี่เธอ ที่พี่ส่งไลน์ไปหาน่ะ ซีเรียสนะ" ฉันยืดตัวไปกระซิบกระซาบโดยตรงถึงที่หูของคิตตี้

"โธ่ซิส หนูไม่พูดหรอกเรื่องนั้นน่ะ หนูก็กลัวถูกตัดเงินเดือนมั้ย หนูว่าอย่างคุณเซนน่ะ ทำไรทำจริง คราวที่แล้วที่ได้เมล์เรื่องจตุจักรนั่นจากคุณเซนน่ะ สยองกันทั้งออฟฟิศเลย" คิตตี้กระซิบตอบเสียงเบา

"ดีแล้ว เธอก็รู้ว่าออฟฟิศเราเม้าท์กันโหดขนาดไหน เดี๋ยวก็เดือดร้อนกันอีก" ฉันเหลียวมองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง

แต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นได้

"อ้าว พี่เพ็ญไปไหนแล้ว" เมื่อกี้พี่เค้ายังยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย ฉันมัวแต่ตื่นเต้นกับการมาของคิตตี้จนลืมพี่เพ็ญเสียสนิท

นี่พี่เพ็ญเค้ามีเรื่องสำคัญอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่านะ…