webnovel

ความบังเอิญ

หลังจากที่ลิสาตั้งอกตั้งใจสอนเลขให้กับไอ้คิวกับไอ้ไอซ์ไปสามชั่วโมง และเราก็ได้กินก๋วยเตี๋ยวหมูฝีมือแม่เล็กเป็นมื้อเที่ยง ผมกับลิสาก็ลาแม่เล็กกลับบ้านเพราะลิสามีนัดในตอนบ่าย และผมก็บอกกับปู่ไว้ว่าตอนบ่ายๆจะกลับเข้าบ้าน

และเราก็มายืนอยู่ที่หน้าห้างเซ็นเตอร์วันกัน ลิสาเธอมีนัดกับโรงเรียนสอนร้องเพลงที่อยู่ในห้างแห่งนี้ ส่วนผมแค่จะแวะมาซื้อการ์ตูนเล่มใหม่ไปฝากปู่

"ไหนๆเธอก็มาด้วยแล้ว เธอเข้าไปเป็นเพื่อนเราหน่อยนะ เราอุตส่าห์โทรมานัดขอคุยกับเจ้าของโรงเรียนเค้าเลยนะเนี่ย" ลิสาชวนผมให้เข้าไปข้างในโรงเรียนนั่นด้วย

"น้าลินจะให้รางวัลเราถ้าเราทำคะแนนสอบได้ดี เราเลยต้องมาดูไว้ก่อนว่าเราอยากได้อะไรที่สุด เราว่าเป็นคอร์สเรียนนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ดีกว่าได้เป็นของอีก" ดูลิสาช่างเป็นคนมีเหตุมีผลตลอดเวลา

"แล้วทำไมเธอไม่มากับน้าเธออะ"

"ก็เมื่อเช้าตอนเราออกมาน้าลินยังไม่ตื่นเลย เมื่อคืนคงไปเที่ยวมากลับดึกมาก เราไม่รู้ว่าวันนี้น้าลินจะตื่นกี่โมงน่ะสิ ตื่นแล้วก็ต้องแฮ้งค์อีกแน่ๆ"

"อ้าว เหมือนพ่อเราเลย เมื่อเช้าตอนเราออกมาเจอเธอพ่อเราก็ยังไม่ตื่นเหมือนกัน เมื่อคืนเค้าก็กลับดึกมาก"

ทำไมพวกผู้ใหญ่ตื่นสายกว่าพวกเราอีก ไม่ไหว ไม่ไหว

"พ่อเธอชอบเที่ยวกลางคืนเหมือนกันเหรอ พวกผู้ใหญ่นี่ช่างไร้สาระจริงๆ" ลิสาทำหน้าเบื่อหน่าย

"ป่าวหรอก ปกติพ่อเราเค้าก็ทำแต่งาน แต่เมื่อคืนเห็นเค้าบอกว่าจะออกไปดูกิจการของน้าเวฟเพื่อนพ่อ น้าเวฟเค้าเป็นเจ้าพ่อผับบาร์ในกรุงเทพน่ะ"

"แล้วเธออยากไปเที่ยวผับบ้างหรือเปล่า นี่น้าลินเค้าอยากชวนเราไปมากเลยนะ แต่เราอายุไม่ถึง แล้วเราก็ไม่ได้อยากไป ไม่เห็นจะน่าสนใจ คนแน่นเกิน เราฝึกเต้นเองอยู่ที่บ้านดีกว่า"

"เราเฉยๆอะ ถ้าพ่อชวนไป เราก็คงไป แต่ปู่คงอนุญาตให้เราไปได้ตอนเราอายุสิบแปด เราว่าเราอาจจะฉลองวันเกิดครบรอบอายุสิบแปดโดยการชวนปู่กับพ่อไปเที่ยวผับกันนะ"

ผมคิดยังงั้นจริงๆ การไปเที่ยวผับกับปู่และพ่อนั่นเป็นการดีที่สุดแล้ว ผมจะได้มีโอกาสกินเหล้าแพงๆโดยไม่ต้องเสียเงินของตัวเอง ปู่คงจะเป็นคนจ่ายค่าเหล้าให้ผม ส่วนพ่อ ผมให้ไปด้วยเพราะคิดว่าพ่อน่าจะรู้เรื่องเหล้าฝรั่งแพงๆดีกว่าปู่ แล้วอีกอย่าง เพื่อนพ่อก็เป็นเจ้าของผับ เราอาจได้ลดราคา

ผมกำลังรอเวลานั้นอยู่อย่างใจเย็น ถ้าตอนนั้นผมอายุสิบแปด แล้วเฉลยกับปู่ว่าผมมีเพื่อนนอกโรงเรียนเป็นไอ้คิวกับไอ้ไอซ์มานานแล้ว ปู่คงไม่ว่าอะไรมั้ง ผมจะได้ชวนไอ้คิวกับไอ้ไอซ์ไปกินเหล้าฟรีจากปู่กันด้วย

"แล้วเวลาเธอทำคะแนนได้ดี พ่อเธอให้รางวัลเธอบ้างหรือเปล่า" ลิสาคนช่างสงสัยก็ยังคงซักถามต่อไป

พ่อน่ะเหรอ… นี่พ่อเค้าเคยรู้ไหมว่าผมสอบได้คะแนนอะไรเท่าไหร่

ส่วนปู่ ผมไม่ต้องสอบได้คะแนนดีหรอก ผมขออะไรปู่ก็ให้ทั้งนั้น ปู่ไม่ได้ให้เงินเดือนผมเยอะมากมาย ถ้าผมอยากได้อะไรก็แค่ให้บอก แล้วปู่จะเป็นคนพาไปซื้อเอง ปู่แทบไม่เคยห้ามอะไรผมเลย ยกเว้นอยู่สองเรื่อง เรื่องห้ามเล่นสเก็ตบอร์ดกับเรื่องอย่ามีเพื่อนนอกโรงเรียน ผมไม่รู้ว่าทำไมปู่ถึงขอผมสองเรื่องนี้

ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ผมฝ่าฝืนปิดบังปู่อยู่เงียบๆทั้งสองเรื่อง…

แม้ผมจะขี้เกียจเข้าไปที่โรงเรียนสอนร้องเพลงกับลิสา แต่ผมก็ยอมเข้าไปด้วยในที่สุด ก็แค่อยากตอบแทนที่ลิสาอุตส่าห์ช่วยติวเลขให้พวกเพื่อนๆของผม

หลังจากที่ลิสาซักถามเจ้าของโรงเรียนถึงเรื่องวิธีการเรียนการสอนอยู่ครึ่งชั่วโมง และแอบไปยืนดูคนอื่นเขาเรียนกันอีกนิดหน่อย เราก็ออกมาจากที่นั่น แล้วก็พากันเดินตรงไปร้านขายการ์ตูนที่อยู่ชั้นล่าง

"เรน เดี๋ยวนะ" ลิสาจับข้อมือผมให้หยุดก่อนที่จะถึงหน้าร้านขายการ์ตูน

"นี่ร้านขนมเปิดใหม่นี่นา เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เข้าไปดูกันไหม" เธอชี้มือไปที่ร้านขายขนมเล็กๆตรงมุมบันไดเลื่อนชั้นล่างสุดนั้น

"เราไม่ได้อยากกินขนมแล้ว เราจะรีบไปซื้อการ์ตูน" ก็กินขนมกันตั้งเยอะแยะฝีมือแม่เล็กมาแล้ว ลิสาจะมาซื้อขนมอะไรกันอีกตอนนี้

"ก็เข้าไปดูเฉยๆว่าเค้าขายอะไรบ้าง เผื่อจะได้ถามเค้าเรื่องเอาขนมคุณน้าเล็กมาขายไง"

คำตอบของลิสาทำเอาผมชะงักไป ที่จริงผมไม่อยากเข้าไปด้วยเลย ผมจะรีบไปซื้อการ์ตูน แต่…ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่เล็ก ผมก็คงยินดี

"แล้วเรนดูนี่สิ ร้านขนมนี้ชื่อ My Rain ด้วยนะ ชื่อเหมือนเธอเลย"

"ไม่เห็นแปลก ชื่อเราไม่ได้จดลิขสิทธิ์เสียหน่อย" ทำไมลิสาช่างสงสัยอะไรตลอดเวลา

"อือม์ ก็จริงนะ งั้นเข้าไปที่ร้านกันเถอะ" เธอจูงมือผมให้เดินตามเข้าไปโดยที่ไม่รอคำตอบจากผม

เฮ้อ… เอาแต่ใจตัวเองจริงๆเล้ย แต่ก็เอาเถอะ ยอม...

หลังจากลิสาชวนคนขายที่ร้านขนมคุยอยู่สิบนาที เราก็เดินออกมากัน

"เสียดายที่เจ้าของร้านเค้าไม่อยู่ แต่ก็ยังดีนะที่ได้ฝากขนมของคุณน้าเล็กเอาไว้ให้เค้าชิม"

ลิสานี่ช่างกล้าหาญจริงๆ เธอคะยั้นคะยอให้พนักงานคนขายในร้านรับถุงขนมเอาไว้เพื่อฝากให้เจ้าของร้านได้ลองชิมขนมฝีมือแม่เล็ก

"แล้วเธอคิดว่าเจ้าของร้านเค้าจะรับขนมของแม่เล็กไปขายง่ายๆงั้นเหรอ" ผมไม่คิดว่าการฝากขายมันจะง่ายขนาดนั้น

"ไม่ลองก็ไม่รู้ เราว่าร้านนี้พวกเรามีโอกาสนะ เห็นเค้าขายขนมไทยของเจ้าอื่นๆด้วยปนๆกันไปด้วย เราต้องทำยังไงก็ได้ให้คนแถวนี้มีโอกาสได้ชิมขนมของคุณน้าเล็กให้ได้มากที่สุด"

"เธอก็เลยไม่มีขนมของแม่เล็กไปฝากคุณยายกับน้าลินของเธอเลยอะ" ผมนึกเสียดายถุงขนมของแม่เล็กจริงๆ ที่บ้านของลิสาน่าจะได้ชิมฝีมือแม่เล็กด้วย

"ใครบอกล่ะ คุณน้าเล็กให้มาตั้งหลายกล่อง เราเก็บเอาไว้แล้วสองกล่อง" เธอชูถุงขนมในมือขึ้น

ทำไมลิสาช่างคิดทำอะไรได้รวดเร็ว

"แล้วเธอจะซื้อขนมร้านนี้มาอีกทำไม" ผมงงกับลิสามาก ก่อนจะออกมาจากร้านเธอเลือกซื้อขนมไทยของร้านนั้นมาอีกสองสามชนิด

"ก็เดี๋ยวเราจะแกะป้ายออกให้หมด แล้วเอาไปให้น้าลินกับคุณยายชิม แล้วเราก็จะถามพวกเค้าว่าขนมกล่องไหนอร่อยที่สุด เพื่อจะทดสอบว่าขนมของคุณน้าเล็กอร่อยกว่าของเจ้าอื่นๆจริงไหม"

ทำไมลิสาช่างคิดอะไรได้ซับซ้อน

"นี่เราว่าสิ่งแรกเลยที่ต้องทำคือดีไซน์ป้ายแปะบนกล่องใหม่ให้ดูน่ารักกว่านี้ แต่ใช้ชื่อเดิมว่า 'ขนมแม่เล็ก' น่ะดีแล้ว"

ทำไมลิสาช่างมีไอเดียตลอดเวลา

"อือม์ แต่ที่จริงป้ายที่แปะอยู่นี่ก็โอเคนะ ตัวหนังสือสวยดี เราสงสัยว่าคิวเค้าไปปริ้นท์มาจากไหน"

ทำไมลิลาช่างสังเกต

"เอ่อ เราปริ้นท์ให้เองแหละ ตัวหนังสือก็เลือกๆเอาที่มีในคอมนั่นแหละ"

"เรน! ป้ายบนกล่องขนมของคุณน้าเล็กนี่ฝีมือเธอเองเหรอนี่"

"ใช่ ก็ช่วยๆไอ้คิวมัน ไม่ได้คิดอะไรมาก"

"จะว่าไปนะเรน ความจริงป้ายมันก็ใช้ได้อยู่แล้วนะ แต่เราต้องมาช่วยกันออกแบบอีกนิิด เราว่าเธอทำได้ดีกว่านี้แน่นอน เรน เธอมีหัวทางศิลปะอยู่แล้ว ถ้าเธอให้เวลากับมันอีกนิด รับรองปังแน่ๆ"

จริงสิ ผมไม่เคยคิดจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก่อน ตอนที่ไอ้คิวมาขอให้ผมช่วยทำป้ายแปะบนกล่องขนมของแม่เล็กเพราะบ้านมันไม่มีคอมพิวเตอร์ ผมก็ปริ้นท์ๆอย่างรวดเร็วให้มันเสร็จๆจบๆไปยังงั้น ไม่ทันได้คิดอะไรมาก

กลายเป็นว่าตอนนี้ลิสาเอาใจใส่เรื่องของเพื่อนผม …มากกว่าตัวผมเอง

"เธอว่าไอ้ป้ายนี่มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ"

"สำคัญสิเรน มันช่วยดึงดูดสายตาคนมาซื้อนะ ถ้าแพ็คเกจจิ้งสวยก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วล่ะ เดี๋ยวรอสอบเสร็จก่อนแล้วเรามาช่วยกันทำเลยนะ"

โอย ลิสาคิดไปเร็วมาก

"อือม์ เดี๋ยวกลับบ้านไป เราคงต้องเขียนออกมาเป็นข้อๆแล้วล่ะว่าจะต้องทำอะไรบ้าง สอบเสร็จจะได้ลุยเลย" ลิสาเริ่มวางแผนอย่างจริงจัง

ผมหันไปมองเธออย่างทึ่งๆ พลังของเธอช่างเหลือเฟือ

"อ้อ เรน! อีกเรื่องนึง นี่เธอว่าไหม มันเหลือเชื่อจริงๆเลยนะที่เจ้าของร้านเค้าชื่อคุณฝน ชื่อเหมือนเธอเลย น่าประหลาดมากๆ" แล้วลิสาก็ย้อนกลับมาเรื่องของผมจนได้

"เฮ้ย คนละชื่อกัน เค้าชื่อฝน เราชื่อเรน เออ แต่จะมาสนใจอะไรกับเรื่องชื่อของเรานักหนา ไปกันเถอะ เราต้องรีบไปซื้อการ์ตูนให้ปู่ต่อ"

แม้ในใจผมจะคิดว่ามันเหลือเชื่อเหมือนกัน แต่ผมก็ตัดบทลิสาเพราะเมื่อเหลือบไปมองเวลาบนโทรศัพท์มือถือ ก็พบว่าใกล้จะสี่โมงเย็นแล้ว ผมบอกปู่เอาไว้ว่าจะกลับบ้านประมาณสี่โมงเย็น ผมไม่อยากผิดเวลากับปู่ ไม่อยากเป็นเหมือนพ่อที่นัดแล้วผิดเวลาเป็นประจำ

แล้วผมก็ปัดเรื่องของคุณฝนเจ้าของร้านขนมที่ชื่อ My Rain ออกไปจากความคิดอย่างรวดเร็ว

ก็แค่ชื่อเหมือนกันป่ะ คิดไรมาก…

หลังจากได้การ์ตูนมาฝากปู่ ผมก็แยกจากลิสา แล้วรีบขึ้นวินมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้านตอนใกล้สี่โมงเย็นอย่างฉิวเฉียด เฮ้อ โล่งใจ ผมต้องพยายามรักษาเวลาตามที่ได้ตกลงกับปู่ไว้ ปู่จะได้ไว้ใจผม และก็อนุญาตให้ผมออกไปเที่ยวนอกบ้านตามลำพังได้อีก

เมื่อเปิดประตูเลื่อนเข้ามาในบ้าน ผมก็ต้องตะลึงงันกับภาพที่เห็นตรงหน้า

พ่อกำลังนอนเลื้อยอยู่บนโซฟาตัวยาว และมีปู่นั่งอยู่ข้างๆ!

ผมรู้สึกช็อก พนักงานที่บริษัทพ่อต้องไม่ถูกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้!

ปกติพ่อเขาไม่เคยทำตัวย้วย เขาจะแอคทีฟอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ทำงานก็ไปออกกำลังกายโดยการไปวิ่งที่สวนลุม หรือไม่ก็ไปว่ายน้ำที่โรงแรมหรูๆแถวนี้

"อ้าว พ่อตื่นแล้วหรือฮะ"

ผมทักทายเขาไปขณะหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟาตัวเล็กข้างๆกัน

แม้ผมจะคิดว่าลายดอกไม้ของโซฟาบ้านเราจะเชยไปหน่อย แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามันนั่งสบายมาก และที่ผมประหลาดใจไปกว่านั้นก็คือ โซฟาลายดอกไม้พวกนี้กลับดูไม่ขัดตากับการตกแต่งภายในบ้าน ทั้งๆที่บ้านของเราเป็นบ้านกึ่งไม้กึ่งตึกออกแบบเรียบๆสไตล์บ้านญี่ปุ่น

ย่าของผมเค้ารสนิยมดี ปู่เคยกล่าวไว้

"ครับผมตื่นแล้วครับ ก็นี่มันสี่โมงเย็นแล้วนี่ครับคุณเรน" พ่อผมตอบโดยตายังคงจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ในมือ โดยมีปู่กำลังตั้งอกตั้งใจดูอยู่จอเดียวกัน

"ทำไรกันฮะนั่น" ผมสงสัย ดูเค้าสองคนกำลังมีสมาธิมาก

"สมัครแอ็กเคานต์อินสตราแกรมให้ปู่" พ่อตอบด้วยสีหน้าที่หมกมุ่น คิ้วขมวดเชียว

"อ้าวปู่มีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอฮะ ที่ผมเคยสมัครให้ไง เอ๊ะ แล้วคนชื่อ Ninja ที่ชอบมากดไลค์ให้ผมบ่อยๆนั่นไม่ใช่ปู่เหรอฮะ"

"ใช่ นั่นปู่เอง แต่ปู่อยากได้เพิ่มอีกสองสามชื่อ" ปู่ผมยอมรับตรงๆ

ปู่ไม่เคยพลาดการกดไลค์ทุกโพสต์ของผม ไม่ว่าจะเป็นอินสตราแกรมหรือเฟซบุ๊ค ทั้งๆที่นานๆทีผมจะโพสต์ ก็ผมไม่รู้จะโพสต์รูปอะไร นี่ยังงงว่าคนอื่นเขาโพสต์รูปอะไรกันได้มากมาย รูปที่ผมโพสต์บ่อยที่สุดเห็นจะเป็นรูปของเจ้าจาระเม็ดปลาคาร์ฟตัวอ้วนในบ่อปลาของปู่ มันน่ารักดี

"แต่เดี๋ยวนะครับพ่อ พ่อข้ามขั้นป่าวครับ พ่อมีเฟซบุ๊คยังเนี่ย" พ่อผมเขาเกิดนึกสงสัยปู่ขึ้นมา

"เฟซบุ๊คมีแล้วสองบัญชี แต่อยากมีอินสตราแกรมซักสามบัญชี มันเล่นง่ายกว่า"

"เอาไว้โพสต์รูปขวดยาแก้เจ็บเข่างี้" ผมเดา เริ่มสงสัยว่าปู่จะเอาแอ็กเคานต์ไปเยอะแยะทำไม

"หรือปู่อยากจะขายของออนไลน์ฮะ" ปู่เขาอาจกำลังอยากมีรายได้เสริมป่าว

"เค้าจะเอาไว้ตามกดไลค์ให้หลานรักของเค้าไงครับคุณเรน คุณราเชนทร์อยากให้ยอดไลค์ของหลานชายคนโปรดเพิ่มเยอะๆใช่ไหมครับ" พอพ่อพูดจบ ปู่ก็ยิ้มพยักหน้าหงึกๆ

"เรนจะได้ไม่อายเพื่อน" ปู่ผมว่าไปนั่น

"โธ่ ปู่ ผมไม่ได้เล่นโซเชียลอะไรมากมายขนาดนั้นฮะ" นี่ปู่เข้าใจว่าผมเป็นสายโซเชียลเหรอเนี่ย

"ก็ไม่เป็นไรนี่ อย่างน้อยเวลาเรนมีรูปใหม่ขึ้นมา จะได้มีจำนวนคนถูกใจเยอะๆหน่อย เห็นพวกเพื่อนของเรนเค้ามีคนถูกใจกันเยอะมาก บางคนมีเป็นหมื่นเลย" ดูปู่ซีเรียสกับเรื่องยอดไลค์ของผมเหลือเกิน แล้วนี่ยังไปแอบดูของพวกเพื่อนๆผมด้วย

"แล้วคราวนี้ปู่จะใช้ชื่อไรบ้างฮะ ผมจะได้รู้เอาไว้ ว่าไม่ใช่เป็นพวกสาวๆมาตามกดไลค์ให้ผม"

"เห็นพ่อเค้าจะให้ปู่ชื่ออะไรนะ คิ้วๆ?" ปู่หันไปถามคนข้างๆที่กำลังหน้าเคร่งเล่นมือถืออยู่

"Cute Boy หนึ่งชื่อแล้วครับ อีกชื่อพ่อจะเอาชื่ออะไรดีครับ" พ่อผมเค้าเข้าใจตั้งชื่อจริงๆ

"The Grandpa ดีไหมฮะพ่อ ชัดเจนดี ผมจะได้รู้เลยว่าคือปู่ที่มากดไลค์ ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหา" ผมเสนอชื่อง่ายๆไป

"เฮ้ย ง่ายไปป่าววะ" แต่พ่อผมเค้าไม่ยอม

"ง่ายๆก็ดีแล้วไงฮะ ไม่ต้องจำ รู้ทันทีเลยว่าเป็นปู่" ผมก็ไม่ยอมพ่อเหมือนกัน

"เอาชื่อไทยๆบ้างไม่ได้รึไง" ปู่มีความเห็นขึ้นมาบ้างแล้ว

"สรพงศ์ดีไหมครับพ่อ หรือจะสมบัติ หรือกรุงศรีวิไล" นี่คุณเซนพ่อผมเค้าไปขุดชื่อใครมา?

"โอย ชื่ออะไรกันเนี่ย อย่างเชย" ผมยอมรับไม่ได้

"อ้าว แล้วชื่อไปซ้ำกับคนอื่นเค้า ตัวจริงเค้าไม่ว่าเอาเหรอ" ปู่คงกลัวลิขสิทธิ์เรื่องชื่อ

"แหมพ่อครับ เราไม่ได้ใส่นามสกุลจริงไปด้วยนี่ครับ"

"ปู่ไม่ลองปัดทินเดอร์เล่นดูเหรอฮะ" ผมเปลี่ยนเรื่อง เพราะชักจะปวดหัวเรื่องตั้งชื่อแอ็กเค้านต์อินสตราแกรมใหม่ให้ปู่ละ ปล่อยพ่อเค้าคิดไปคนเดียว

"คืออะไร" ปู่ทำหน้างุนงง

"โปรแกรมหาคู่ครับพ่อ" คุณเซนเค้ารู้ได้ไงเนี่ย เค้าเคยเล่นด้วยเหรอ

"อ้อ" ปู่พยักหน้าหงึกๆ

"ถ้าปู่ไม่สน พ่อไม่ลองบ้างล่ะฮะ หรือว่าพ่อก็ปัดเล่นเป็นประจำอยู่แล้ว" ผมชักสงสัยในตัวพ่อ

"เฮ้ย ช่างยุนะเรา" แม้พ่อผมเขาจะทำเสียงเข้ม แต่ผมแอบเห็นว่าเขาโหนกแก้มแดงนะ เขินป่าววะนั่น

"นี่น้าพลอยเขารู้หรือเปล่าฮะ ว่าพ่อแอบปัดทินเดอร์"

"เฮ้ย บ้าเหรอ ไม่มี ไม่ได้เล่น แล้วนี่เราไปไหนมา นี่จะสอบแล้วไม่ใช่รึ ทำไมยังไปเที่ยวเล่น" พ่อผมรีบเปลี่ยนเรื่อง

"ก็อ่านหนังสือเครียด มันก็ต้องมีการเที่ยวผ่อนคลายกันบ้างฮะ" ผมกวนเขาเล่นไปงั้น

พ่อเขาไม่รู้เหรอว่าผมออกไปไหนมา ก็เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านผมก็บอกปู่แล้วว่าผมจะไปติวหนังสือกับเพื่อน ซึ่งปู่เขาก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรมากมาย เขาไว้ใจผมแหละนะ

และปู่ก็น่าจะรายงานพ่อไปแล้วว่าทำไมผมไม่อยู่บ้าน ทำไมพ่อยังมาหาว่าผมไปเที่ยวเล่น

"วันหลังพาเพื่อนมาอ่านหนังสือกันที่บ้านก็ได้นะลูก" ปู่คงอยากให้ผมพาเพื่อนมาให้ปู่รู้จัก

ผมแทบไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้าน ก็ปกติผมอยู่แต่โรงเรียนประจำ ได้เจอเพื่อนที่โรงเรียนจนหนำใจแล้ว พอได้กลับบ้านวันเสาร์อาทิตย์ ผมก็ไม่อยากเห็นหน้าพวกมันอีก อยากอยู่เงียบๆกับปู่บ้าง

แต่ตอนนี้เปลี่ยนโรงเรียนใหม่แล้ว ผมก็ยังไม่สนิทกับใครที่โรงเรียน …นอกจากลิสา

"ปู่ฮะ ผมขอเงินไปสักได้ไหมฮะ" ผมเริ่มเรื่องใหม่

ตามคาด พ่อผมหันขวับมาทันที

ผมนึกอยู่แล้ว ผมแค่ตั้งใจจะหาเรื่องมากวนพ่อเล่นๆเพราะรู้ว่าเค้าต้องเอ่ยปากขึ้นมาคัดค้าน พ่อผมเค้าค้านผมทุกเรื่องอยู่แล้ว

แต่คำถามที่พ่อถามต่อมาทำเอาผมแปลกใจ

"จะสักลายอะไร"

อ้าว นี่ไม่คัดค้านเหรอ โวยวายซักนิดก็ยังดี ว้า เซ็งเลย จบ อดฟิน

"ไม่สักแล้วพ่อ เปลี่ยนใจละ"

"อ้าว อะไรของมันวะ กำลังจะบอกว่าถ้าอยากสักเดี๋ยวพ่อจะพาไปเอง มีเพื่อนเปิดร้านอยู่ เออ แต่ถ้าไม่อยากสักแล้วก็ตามใจ อุตส่าห์จะออกเงินให้ด้วย" พ่อเขาทำหน้าเยาะๆ

"เอ อีกชื่อนึง เอาชื่ออะไรดีหว่า" แล้วพ่อผมก็หันเหจากเรื่องสักกลับไปหมกมุ่นกับเรื่องชื่ออินสตราแกรมของปู่อีก

นี่มันวันอะไรกันวะเนี่ย วันนี้มีแต่เรื่องของชื่อ ตั้งแต่เรื่องที่ชื่อของผมไปซ้ำกับชื่อร้านขนมละ เอ หรือผมจะถามพ่อเลยดีไหมว่าชื่อของผมมาจากไหน ผมเคยถามเรื่องนี้กับปู่เมื่อนานมาแล้ว ปู่บอกว่าพ่อเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้ผม ปู่เขาอยากให้ผมรอถามพ่อด้วยตัวเองจะดีกว่า

แต่ดูจากท่วงท่าในการเอนตัวบนโซฟาของพ่อแล้ว… ถามตอนนี้คงจะยังไม่เหมาะ ไม่น่าจะได้คำตอบอะไรเป็นเรื่องเป็นราว

ภาพพ่อใส่กางเกงบอลกับเสื้อยืดตัวโคร่งแล้วนอนย้วยเล่นมือถือแบบนี้ ผมไม่เคยเห็นมาก่อน วันนี้ดูเค้ารีแลกซ์เกินไป เค้าต้องไม่สบายแน่ๆ ตัวร้อนป่าววะ

ก็นะ… ตั้งแต่พ่อกลับมาจากญี่ปุ่นเค้าก็หายใจเข้าออกเป็นงาน ไม่เว้นแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์

สงสัยเมื่อคืนพ่อจะกินเหล้าหนักมาก อาการแฮ้งค์เลยเกิดทั้งวัน

เก็บเรื่องความหมายของชื่อผมเอาไว้ถามวันอื่นดีกว่า…