webnovel

1296 เสี่ยวเตี๋ย

ตอนที่ 1296 เสี่ยวเตี๋ย

แม่มดกุมไพ่เอาไว้ราวกับสมบัติ

แสงสีดำบริสุทธิ์ระบายอยู่บนไพ่ใบนั้น ถูกห้อมล้อมโดยผู้คนสวมชุดคลุมนักบวชที่กำลังขับขานและร่ายรำอยู่รอบแสงสีดำ

แม่มดเอาไพ่ใบนี้แปะที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา

ไพ่พลันกระจายเป็นกลุ่มแสงสีดำก่อนห้อมล้อมนางอย่างสมบูรณ์

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ

แสงสีดำหายไป แม่มดหอบอย่างหนัก คุกเข่าลงกับพื้น ปล่อยให้ร่างกายระเบิดเสียงครวญครางไร้ตัวตนออกมา

เขาบนศีรษะของนางยาวและโค้งมากขึ้น ผิวหนังเป็นสีขาว เงาสีดำเข้มปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนาง

แม่มดยืนขึ้นช้า ๆ มีความลุ่มหลงที่ยากจะอธิบายอยู่ทั่วร่างนาง

“ขอบคุณนายท่าน”

แม่มดก้มศีรษะให้เสี่ยวเตี๋ยเพื่อขอบคุณอย่างยินดี

ไม่เพียงแค่คำสาปชั่วร้ายได้รับการคลายเท่านั้น นางคล้ายกับแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

“ด้วยความยินดี เจ้ากำลังก้าวหน้า ไพ่ของข้าแค่ช่วยเร่งความก้าวหน้านั่นให้เล็กน้อยเท่านั้น”

เสี่ยวเตี๋ยกล่าวขณะขยิบตาให้แม่มด

ไม่รีบร้อนไปหรือ

แม่มดเข้าใจ คำนับให้อีกครั้งก่อนรีบออกจากบาร์ไป

ชายร่างกำยำกำลังจะไปในไม่ช้า แต่เขาล้มลงกลางทาง

เขาขัดขืนอยู่นานก่อนลุกขึ้น

“เป็นเจ้า! เอาแต่มาขัดขวางงานของพวกเราวิญญาณชั่วร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า!”

ชายร่างกำยำมองเสี่ยวเตี๋ยอย่างดุร้าย

เสี่ยวเตี๋ยไม่มองเขาขณะรินสุราให้ตัวเองแล้วจิบเข้าไปช้า ๆ อย่างไม่ใส่ใจ

ชายร่างกำยำหยุดอยู่ด้านข้าง หยิบยันต์ออกมาแล้วอ่านเนื้อหาข้างใน “ภารกิจล้มเหลว… เพราะใครบางคนขัดขวาง… ใช่ ข้าอยู่ในบาร์ ใครบางคนช่วยแม่มดตอนอยู่ในบาร์เอาไว้…”

ยันต์กลายเป็นเปลวเพลิงก่อนพุ่งออกจากบาร์ไป

ตอนนี้ แขกคนอื่นในบาร์ไม่เพียงไม่จากไปเท่านั้น แต่ยังคงดูการแสดงดี ๆ อีกด้วย

ผ่านไปสักพัก ประตูบาร์เปิดออก

ในสายลมเย็นเยือก ผู้คนจำนวนมากที่สวมหน้ากากวิญญาณชั่วร้ายเดินเข้ามาในบาร์

“นายท่าน”

ชายร่างกำยำรีบกล่าวทักทาย

“ใครเป็นคนหยุดเจ้าเอาไว้” หัวหน้าถาม

ชายร่างกำยำชี้ไปที่เสี่ยวเตี๋ย

ชายคนนั้นมองเสี่ยวเตี๋ย จิตสังหารเย็นเยือกบนร่างกายค่อย ๆ หายไป

เขายืนอยู่กับที่โดยไม่กล่าวอะไรราวกับตกอยู่ในสถานการณ์ที่อับอาย

เสี่ยวเตี๋ยยิ้มเงียบ ๆ แล้วกล่าวว่า “อะไร ก่อนการขายจะเสร็จสิ้น พวกเจ้าเตรียมจะลงมือกับพวกข้าหรือ”

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดชายคนนั้นขยับก่อนเดินมาอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเตี๋ย

เขาถอดหน้ากากวิญญาณชั่วร้ายออกมา เผยให้เห็นใบหน้าชราที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “เสียมารยาทแล้ว เสียมารยาทแล้ว แน่นอนว่าข้าไม่กล้าทำให้เสี่ยวเตี๋ยโกรธเคือง แต่ลูกน้องของข้ามาเมืองแห่งความว่างเปล่าเป็นครั้งแรก จึงหามีแววไม่ หวังว่าเสี่ยวเตี๋ยจะยกโทษให้เขา”

“ไปเถอะ อย่ารบกวนเวลาข้าดื่ม” เสี่ยวเตี๋ยกล่าว

“เข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

ชายชราก้มศีรษะคำนับก่อนเดินจากไปพร้อมกลุ่มลูกน้อง

ความขัดแย้งหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อเห็นว่าไม่มีความตื่นเต้นให้ดูแล้ว พวกแขกหยุดให้ความสนใจเสี่ยวเตี๋ยก่อนกลับมาสนทนาเรื่องของตัวเอง

บาร์กลับมาสงบ

ที่มุมหนึ่ง แมวสีส้มสองตัวมองฉากนี้เงียบ ๆ

“นายท่าน เสี่ยวเตี๋ยในตอนนี้คล้ายกับทรงพลังมาก” ฉานนู่กระซิบ

“นางทรงพลังมาก ทรงพลังมากจริง ๆ ” กู่ฉิงซานกล่าว

ที่จริงแล้ว เขายังติดหนี้ชีวิตนางอยู่

ในตอนนั้น โลกอสูรถูกปกครองโดยโลกอื่น แต่เขากับไป๋หูไม่รู้

ถ้าเขาตามไป๋หูไปโลกอสูร เขาอาจจะตาย

เสี่ยวเตี๋ยช่วยชีวิตเอาไว้เพื่อแลกกับช่วยนางส่งดอกไม้ให้แบร์รี่

หลังจากนั้นเขามีโอกาสไปโลกเก้าร้อยล้านชั้น ได้รู้จักแบร์รี่และเสี่ยวเมียว ได้เข้าร่วมสมาคมหมัดเหล็ก ได้ไปอาบรุซซี สุดท้ายก็ช่วยลอร่าได้

คาดไม่ถึง ผ่านมาพักใหญ่ เขาเดินทางผ่านมิติและเวลาตามใจอยากจนมาโลกวิญญาณชั่วร้าย สุดท้ายได้มาพบกับนางอีกครั้งในเมืองแห่งความว่างเปล่าใกล้โลกวิญญาณชั่วร้าย

ทันใดนั้น

เสี่ยวเตี๋ยคล้ายกับสัมผัสบางอย่างได้ ดวงตาเมามายและเหม่อลอยของนางพลันเบิกกว้าง

นางมองไปที่มุมหนึ่งของบาร์ ดวงตาจับจ้องความว่างเปล่า

“อา ข้าจำได้แล้ว เจ้าคือกู่ฉิงซานสินะ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” เสี่ยวเตี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ

การขยับของนางดึงดูดความสนใจของแขกคนอื่นอีกครั้ง

แม้กระทั่งบาร์เทนเดอร์ที่อยู่หลังบาร์ก็เกิดความสงสัย

ทุกคนมองไปที่มุมหนึ่งคนแล้วคนเล่า พวกเขาถึงขั้นใช้วิชาตรวจจับ

ทว่าก็ไม่พบอะไร

ที่มุมนั้นว่างเปล่า

กู่ฉิงซานรู้ว่าเสี่ยวเตี๋ยสัมผัสเขาได้แล้ว หลังจากลังเล เขาคลาย “การจุติของจักรพรรดิส้ม” ก่อนเดินออกมาจากมุมนั้น

ฉานนู่ยังอยู่ในร่างแมวสีส้มขณะเกาะอยู่บนบ่าของเขาเพื่อมองดูรอบข้างอย่างระแวดระวัง

“ไม่ได้เจอกันนานนะ” กู่ฉิงซานยิ้ม

มีเสียงอุทานที่พยายามหักห้ามไว้อยู่รอบข้าง

มีคนอยู่ตรงมุมนั้นจริงด้วย!

เสี่ยวเตี๋ยมองกู่แงซานแล้วกล่าวว่า “ข้าได้ยินหลายสิ่งเกี่ยวกับเจ้าในช่วงนี้ คนอื่นเป็นยังไงบ้าง”

จิตของกู่ฉิงซานขยับ

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ต้องปลอดภัยไว้ก่อน อีกฝ่ายจึงไม่กล่าวถึงชื่อแบร์รี่และเสี่ยวเมียว

นี่เป็นการปกป้องแบร์รี่และเสี่ยวเมียว

“พวกเขาปลอดภัยดี แต่ช่วงนี้มีหลายสิ่งเกิดขึ้น ไม่สะดวกนักที่จะพูดที่นี่” กู่ฉิงซานตอบ

เสี่ยวเตี๋ยยืนขึ้นก่อนกล่าวอย่างมีความสุขว่า

“นานมากแล้วจริง ๆ ที่ข้าไม่ได้พบเจ้า ไปที่พักข้าเถอะ พวกเราจะได้ดื่มไปคุยไปกันได้ ข้าจำได้ว่าเจ้าดื่มเก่งทีเดียว”

“อา แบบนั้นจะเป็นการรบกวนเจ้าเอาเปล่า ๆ ” กู่ฉิงซานยิ้ม

เสี่ยวเตี๋ยอยู่ข้างหน้า กู่ฉิงซานอยู่ข้างหลัง ทั้งสองเดินออกจากบาร์ไปด้วยกัน

พวกเขาข้ามถนนไปหลายเส้นก่อนทำการเลี้ยว ท้ายที่สุดมาถึงที่พักอาศัย

“ที่นี่แหละ”

เสี่ยวเตี๋ยกล่าวขณะชี้ไปที่มุมหนึ่ง

กู่ฉิงซานมองตาม มีกระท่อมอิฐสีแดงอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน ถูกห้อมล้อมด้วยรั้วไม้กับพุ่มดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้ ต้นไม้ขนาดยักษ์จำนวนมากห้อมล้อมกระท่อมจนกลายเป็นเฉดสีเขียว

จากไกล ๆ ท่ามกลางแถวบ้านพักอาศัย กระท่อมอิฐสีแดงนี้ดูเงียบสงบนัก

“บ้านดีนี่” กู่ฉิงซานชม

“จริงหรือ เจ้าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว” เสี่ยวเตี๋ยถาม

“สองวัน” กู่ฉิงซานตอบ

เมื่อเสี่ยวเตี๋ยได้ฟัง นางส่งเสียงหัวเราะ “เหอะ ๆ ” ที่ยากจะเข้าใจความหมายออกมา

นางพากู่ฉิงซานข้ามถนนจนมาถึงประตูกระท่อม

มีสุนัขเกรย์ฮาวด์ตัวใหญ่นอนอยู่หน้ากระท่อม เมื่อทั้งสองผ่านมา มันไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้น

กู่ฉิงซานนั่งลงในห้องนั่งเล่น เสี่ยวเตี๋ยชงชาให้

ผ่านไปสักพัก ชาถูกนำมาเสิร์ฟ

“ขอบใจมาก”

กู่ฉิงซานรับชา จิบเข้าไปคำหนึ่งและเริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกเก้าร้อยล้านชั้นให้ฟัง

เขาพูดครึ่งชั่วโมงเต็มจึงจะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นจนหมด เสี่ยวเตี๋ยถามบ้างเป็นครั้งคราว กู่ฉิงซานก็ตอบได้จนหมดสิ้น

“คาดไม่ถึง มีหลายสิ่งเกิดขึ้น แต่ข้ายังรู้สึกว่าโลกเก้าร้อยล้านชั้นเป็นสถานที่มั่นคงอยู่ดี” เสี่ยวเตี๋ยกล่าวอย่างมีอารมณ์

กู่ฉิงซานจำอดีตได้ก่อนขอบคุณอีกฝ่ายจากใจจริง “ขอบคุณที่ช่วยข้าส่งไปโลกเก้าร้อยล้านชั้น”

เสี่ยวเตี๋ยโบกมือ “ด้วยความยินดี ข้ามองเห็นศักยภาพของเจ้าที่โลกลอยฟ้า คิดว่าควรค่าที่จะลงมือ เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้ลงมือ ที่จริงข้ามีความสุขมากที่เจ้าสามารถเข้าร่วมสมาคมหมัดเหล็กได้”

“ทำไมเจ้าถึงออกจากโลกเก้าร้อยล้านชั้นแล้วมาที่เมืองแห่งความว่างเปล่าล่ะ” กู่ฉิงซานถามด้วยความสงสัย

“ข้ารู้จักโลกเก้าร้อยล้านชั้นดีอยู่แล้ว โลกเก้าร้อยล้านชั้นเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมา เป็นธรรมดาที่จะมีข้อบกพร่องด้านกฎเกณฑ์ ข้างมันคือหุบเหวนิรันดร์ที่น่าสะพรึงกลัว แถมยังเป็นสถานที่ที่วันสิ้นโลกปรากฏตัวบ่อยครั้งด้วย เจ้าสามารถเห็นร่องรอยของบัญญัติและความโกลาหลได้เป็นครั้งคราว พวกมันข้องเกี่ยวกับตัวตนบางอย่างที่ทรงพลังมาก ดังนั้นจากมุมมองของเผ่าพันธุ์จำนวนมากในความว่างเปล่า โลกเก้าร้อยล้านชั้นไม่เพียงอ่อนแอและยากจนเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่ถูกและผิดมากเกินไป ทำให้ไม่มีใครอยากเข้าไป”

เมื่อเสี่ยวเตี๋ยกล่าวถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางหมองหม่นเล็กน้อย

นางถอนหายใจแล้วกล่าวต่อว่า “ลูกกับข้ากลายเป็นสัตว์ประหลาด ข้าไม่อยากให้เขาเติบโตมาด้วยการฆ่าและกลืนกินสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นข้าจึงให้เขาลองเสี่ยงโชคในความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุดเพื่อดูว่าจะสามารถหาทางให้เขารักษาสภาพชีวิตปกติได้หรือเปล่า”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ข้ามีอาวุธหุบเหวนิรันดร์ที่สามารถย้อนเวลาได้ สิ่งนี้ช่วยเจ้าได้หรือเปล่า”

เสี่ยวเตี๋ยรู้สึกถึงความเมตตาของเขาก่อนยิ้มออกมาแล้วเติมชาให้ จากนั้นกล่าวช้า ๆ ว่า “ไม่ ตอนข้าเกิดมา ข้าก็ถูกคนเหล่านั้นห้อมล้อมเอาไว้แล้ว ลูกของข้ามีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น… ในช่วงเวลาสุดท้าย ข้าใช้วิชาลับสุดยอดเพื่อเปลี่ยนลูกให้กลายเป็นปีศาจ จากนั้นเชื่อมโยงวิญญาณของเขาเข้ากับของข้าเพื่อทนรับความทุกข์ทรมานกับความตายเกือบทั้งหมดของเขาจนทำให้มีชีวิตรอดกลับมาได้”

“ถ้าเจ้าย้อนเวลากลับไป ลูกกับข้าจะยังอยู่ในสภาพนั้น ไม่มีทางเปลี่ยนอะไรได้”

“เขาจะเติบโตช้า ๆ หากเจ้าให้ข้ากลับไปอยู่ในสภาพตอนที่ยังท้องอยู่… เขาจะไม่สามารถกลับมาได้ ข้าไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นด้วย”

กู่ฉิงซานพูดไม่ออก

ใช่ ในหลายกรณี ใช่ว่าการย้อนอดีตจะสามารถแก้ไขทุกสิ่งได้

ชะตากรรมของบางคนถูกกำหนดให้เจอกับโศกนาฏกรรมมาตั้งแต่แรก แต่เขาไม่รู้ว่าทิศทางสุดท้ายจะเป็นเช่นไร…

กู่ฉิงซานถามด้วยความสงสัยว่า “ลูกของเจ้าอยู่ไหนล่ะ ทำไมข้าถึงไม่เห็นเขา”

เสี่ยวเตี๋ยตอบว่า “ไปโรงเรียนน่ะ พวกเขาขึ้นเครื่องและกลับมาได้ในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น”

กู่ฉิงซานตกตะลึง หัวใจของเขาผ่อนคลาย

เขาอดที่จะกลั้นหายใจไม่ได้ขณะถือแก้วชาแล้วออกแรงบีบเล็กน้อย

เสี่ยวเตี๋ยมองการตอบสนองของเขาก่อนยิ้มเล็กน้อย

กู่ฉิงซานพิงเก้าอี้แล้วกล่าวอย่างสบาย ๆ ว่า “เมืองแห่งความว่างเปล่าต้อนรับทุกตัวตน ดังนั้นเจ้าเลยมาตั้งรกรากที่นี่งั้นหรือ”

“ใช่ ตอนนี้พวกข้ามีช่วงเวลาที่ดีแล้ว” เสี่ยวเตี๋ยกล่าวด้วยดวงตาสดใสขณะถือถ้วยชา

“อา จะว่าไปแล้ว วิชาปกปิดที่ข้ามั่นใจก็นับว่าไม่เลว เจ้าตรวจจับข้าที่บาร์เมื่อครู่นี้ได้ยังไง” กู่ฉิงซานถามด้วยความสงสัย

“เจ้ามีสัญลักษณ์ที่ข้าทิ้งเอาไว้อยู่ ข้าสัมผัสมันได้น่ะ” เสี่ยวเตี๋ยตอบ

“แบบนี้นี่เอง” กู่ฉิงซานพลันกล่าวขึ้นมา

เสี่ยวเตี๋ยกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนช่างคิด ทำแต่สิ่งดี ๆ และมีพรสวรรค์ ข้าเดาว่าเจ้าอาจจะมีโอกาสได้ออกจากโลกเก้าร้อยล้านชั้นแล้วประสบกับวังวนความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด ดังนั้นข้าเลยทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้”

นางยื่นนิ้วออกไปแตะหน้าอกของกู่ฉิงซาน

กลุ่มแสงสว่างวูบไหวบนหน้าอกของกู่ฉิงซาน จากนั้นหายไปอีกครั้ง

“ทุกคนสามารถใช้สัญลักษณ์นี้ได้ครั้งเดียวมในชีวิต หากเจ้าถูกฆ่าโดยบางสิ่ง สัญลักษณ์นี้จะทำให้วิญญาณกับเลือดเนื้อของเจ้ากลับสู่เมืองแห่งความว่างเปล่าแล้วฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง” เสี่ยวเตี๋ยกระซิบ

“น่าทึ่งมาก! ข้าสัมผัสได้จริง ๆ เจ้าเป็นผู้หญิงที่มีลูก ควรเก็บไว้ใช้กับตัวเองมากกว่านะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“ไม่หรอก เจ้าทั้งอ่อนเยาว์และอ่อนแอ เจ้าต้องการมากกว่าข้า” เสี่ยวเตี๋ยโบกมือ

หัวใจของกู่ฉิงซานหนักอึ้ง

ในที่สุดเสี่ยวเตี๋ยก็เข้าร่วมกับพวกแบร์รี่แล้ว

เพื่อขอบคุณ นางถึงกับมอบของขวัญยิ่งใหญ่ให้เพียงนี้

เสี่ยวเตี๋ยนึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนกล่าวว่า “เพราะลูกกับข้าพิเศษ ตอนข้ากำลังจะออกจากโลกลอยฟ้า ข้าก็ถูกเชิญแล้ว ของขวัญที่มาพร้อมกับคำเชิญก็คือสัญลักษณ์นี้นี่แหละ”

กู่ฉิงซานถามว่า “เดี๋ยวนะ ตอนนี้เจ้าอยู่กับองค์กรแล้วหรือ”

เสี่ยวเตี๋ยยอมรับ “ใช่ ตอนนี้ข้าเป็นอาจารย์เต็มเวลาของหอคอยปีศาจ รับหน้าที่สอนสองหลักสูตรอย่างผู้กินวิญญาณกับโลกอาหาร จะว่าไปแล้ว ลูกข้าก็เรียนที่นั่นเหมือนกัน”

กู่ฉิงซานพูดไม่ออก

.............................................................................