webnovel

1281 ประสบการณ์คู่ขนาน

ตอนที่ 1281 ประสบการณ์คู่ขนาน

ลำแสงปรากฏขึ้นเหนือท้องนภา

ดูเหมือนมันจะมีเป้าหมายอยู่ก่อนแล้วขณะก้าวข้ามท้องนภาราวอุกกาบาตก่อนตกลงบนทุ่งหญ้าไร้ที่สิ้นสุดอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานตกลงบนชายฝั่งทะเลสาบทุ่งหญ้าขณะมองตัวเขาอีกคน

คนคนนั้นกำลังมองเขาเหมือนกัน

“หืม ความรู้สึกนี้… ออกจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง เจ้าคือข้าหรือ” กู่ฉิงซานคนนั้นถาม

“ถูกต้อง ระหว่างที่มา ข้าได้ยินคนบอกว่าเจ้าคือนักบุญดาบหมื่นภพใช่หรือเปล่า” กู่ฉิงซานถาม

กู่ฉิงซานคนนั้นครุ่นคิด “มันก็แค่ฉายา อย่าไปสนเลย ข้าสามารถสัมผัสได้ว่าวิชาดาบของเจ้าไม่ได้ด้อยไปกว่าข้า”

“อีกอย่าง เจ้าเหมือนกันกับข้า อีกอย่าง ความผันผวนวิญญาณอันยอดเยี่ยมเมื่อครู่ เจ้ามาจากโลกคู่ขนานหรือ”

กู่ฉิงซานชื่นชม “ฉลาดมาก ปัญญาใกล้เคียงกับปีศาจเลยล่ะ”

…ในความว่างเปล่าด้านหลังของเขา ดาบสองสามเล่มกระซิบ

ดาบพิภพส่งเสียงหึ่งออกมา “โอ้อวตัวเองแบบนี้ไม่รู้สึกอายบ้างหรือ”

ลั่วปิงหลีกล่าวว่า “เขาหนังหนาเกินกว่าจะทำให้เกิดรอยสีแดงได้น่ะ”

ฉานนู่ปกป้องกู่ฉิงซาน “นั่นคือเขาอีกคนนะ ไม่ได้เป็นการโอ้อวดสักหน่อย”

ดาบเสียงคลื่นส่งเสียงเห็นด้วยออกมา

นักบุญดาบกู่ฉิงซานเงียบสักพักก่อนถามว่า “เจ้ามาหาข้าเพราะเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่ยากลำบากในโลกเข้าหรือ”

กู่ฉิงซานตอบว่า “ใช่ ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถรับมือสถานการณ์นั่นเพียงลำพังได้ ดังนั้นข้าจึงต้องการคนช่วย”

เขาบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในถ้ำหมื่นอสูรให้ฟัง

นักบุญดาบกู่ฉิงซานฟังก่อนค่อย ๆ ยิ้มออกมา “ข้าไม่สามารถสังเกตการณ์วันสิ้นโลกใกล้ ๆ แล้วต่อสู้ด้วยตัวเองได้ สิ่งที่น่าสนใจแบบนั้น ข้าจะพลาดได้ยังไง”

เขายืนขึ้น

“อีกอย่าง เจ้าบอกว่ามีตัวตนข้าที่โหลด ‘ปลาเค็ม’ กับอีกคนหนึ่งที่เป็นราชาอสุราหรือ”

“ใช่ เจ้าโหลดบัญญัติหรือยัง” กู่ฉิงซานถาม

“มีอยู่หนึ่งอันเหมือนกัน มันคือ ‘หมื่นสวรรค์สิ้นโลกออนไลน์ · บัญญัติราชามาร’ ” นักบุญดาบกู่ฉิงซานตอบ

“บัญญัติราชามาร! ฟังข้านะ มันถึงกับถูกควบคุมโดยผู้รอคอยของกลุ่มความโกลาหล” สีหน้าของกู่ฉิงซานเปลี่ยนไป

นักบุญดาบกู่ฉิงซานโบกมือแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร พวกเราได้แก้ไขบัญญัตินี้แล้ว”

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ถ้างั้นก็ดี พวกเราต้องหาตัวตนอื่นอีก ออกไปจากโลกนี้เลยเป็นไง”

“รออีกสักสองสามนาทีก่อน ข้าจะอธิบายบางอย่างให้ลูกศิษย์ฟังก่อน” นักบุญดาบกู่ฉิงซานกล่าว กู่ฉิงซานตกตะลึง

“ข้ายังรับศิษย์อยู่อีกหรือ” เขาถามตัวเอง

นักบุญดาบกู่ฉิงซานตอบว่า “อืม ด้วยการอนุญาตจากอาจารย์ ข้าสามารถรับศิษย์ด้วยตัวเองได้ ข้าจะเรียกเขามาเดี๋ยวนี้แหละ”

เขาหยิบยันต์ออกมา กล่าวออกมาสองสามคำ กระตุ้นพลังวิญญาณแล้วปล่อยยันต์ออกไป

ไม่ช้า

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีหัวเป็นเสือกำลังบินมาจากทุ่งหญ้า

“อาจารย์! อาจารย์”

ชายหนุ่มตะโกนอย่างตื่นเต้นก่อนเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา “ว้าว! เหลือเชื่อไปเลย ทำไมมีอาจารย์สองคนได้เนี่ย!”

เขาพลันค้นพบบางสิ่งก่อนกล่าวอย่างยินดีว่า “อาจารย์ ท่านเรียนรู้การใช้ร่างจำแลงได้แล้วงั้นหรือ”

กู่ฉิงซานมองชายหนุ่มคนนี้แล้วกล่าวกับตัวเองอีกคนว่า “เจ้ารับเป็นศิษย์เช่นนี้ ชื่นชอบอะไรในตัวเขาล่ะ”

“รูปลักษณ์และความสามารถน่ะ” นักบุญดาบกู่ฉิงซานตอบผ่านกระแสจิตเช่นกัน

กู่ฉิงซานเกิดสนใจขึ้นมาก่อนส่งกระแสจิตกลับมาว่า “นอกจากรูปลักษณ์ของเขาแล้ว เขามีความสามารถอะไรล่ะ”

“ความสามารถทางเสียงน่ะ”

นักบุญดาบกู่ฉิงซานตอบอย่างมีชัยว่า “ภายในโลก ขอแค่ความสามารถของเขาทำงาน ทุกคนก็จะไม่สามารถพูดได้ ทันทีที่ใครบางคนฝ่าฝืนก็จะถูกโลกปฏิเสธทันที”

กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “นี่นับว่าหายาก คาดว่ายังมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาอีกในอนาคต”

“ใช่ ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

นักบุญดาบกู่ฉิงซานโบกมือให้ชายหนุ่มแล้วกล่าวว่า “มานี่สิ ไห่หลาน อีกไม่ช้าข้าจะไปแล้ว ข้าจึงมีบางสิ่งที่จะบอกเจ้า”

“ขอรับ อาจารย์”

นักบุญดาบกู่ฉิงซานสนทนากับชายหนุ่มที่ชื่อไห่หลานสักพัก จากนั้นเขาออกจากโลกคู่ขนานนี้ไปพร้อมกับกู่ฉิงซานอย่างสงบสุข

โลกคู่ขนานอีกแห่ง

กู่ฉิงซานและนักบุญดาบกู่ฉิงซานร่ายวิชาลับก่อนลงสู่ระเบียงอาคารอย่างแผ่วเบา

หลังจากรอหลายอึดใจ

ร่างหนึ่งเคลื่อนออกมา

เขามองทั้งสองคนที่อยู่ตรงระเบียงจนอดที่จะตกตะลึงเล็กน้อยไม่ได้

“นี่คือข้าจากโลกคู่ขนานหรือ” เขาถาม

“ถูกต้อง พวกข้ามีบางสิ่งต้องทำ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าเต็มใจจะมาหรือเปล่า” กู่ฉิงซานตอบ

เขาเล่าเรื่องให้ฟังอีกครั้ง

กู่ฉิงซานฟังก่อนกล่าวอย่างจริงจังว่า “เป็นธรรมดาที่ข้าจะต้องท้าทายอะไรแบบนั้น”

ทันทีที่สิ้นเสียง มีเสียงร้องของเด็กทารกดังขึ้นในห้อง

หลังจากนั้น มีเสียงผู้หญิงหงุดหงิดดังขึ้น “กู่ฉิงซาน ลูกร้องใหญ่แล้ว!”

กู่ฉิงซานรีบวิ่งกลับไปแล้วกล่าวว่า “มาแล้ว ๆ !”

เขาเดินไปที่ประตูก่อนหันหลังแล้วพุ่งไปหาทั้งสองคนที่อยู่ข้างนอกแล้วส่งสัญญาณบอกว่า “รอข้าก่อนนะ”

ปัง!

ประตูปิดลง

เสียงหนึ่งได้ยินมาจากข้างในอย่างเลือนราง

“เจ้าเด็กน้อย อย่าร้องนะ พ่อมาปลอบเจ้าแล้ว…”

ทั้งกู่ฉิงซานและนักบุญดาบกู่ฉิงซานตกตะลึงเล็กน้อย

พวกเขาอดที่จะปล่อยจิตเทพเพื่อสังเกตสถานการณ์ภายในห้องไม่ได้

พวกเขาเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอุ้มเด็กทารกอยู่ขณะรีบไปชงนมผง

เมื่อเด็กทารกกินนมหมด เขาอุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมแขนแล้วเขย่าให้หลับ

นักบุญดาบกู่ฉิงซานขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เจ้าโง่ เขย่าได้ที่ไหนล่ะ ถ้าเกิดชินขึ้นมา เจ้าก็ต้องเขย่าทุกครั้งเพื่อให้เด็กหลับน่ะสิ”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “…ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้ล่ะ”

“เจ้าหมายความว่ายังไง” นักบุญดาบกู่ฉิงซานถาม

ชายสองคนยังคงตรวจสอบต่อไป

ผู้หญิงสี่คนกำลังเล่นไพ่อยู่ที่อีกห้อง

ซูเสวี่ยเอ้อร์ แอนนา หนิงเยว่ฉาน หลิน

“จับ” หลินกล่าว

“ทำไมเจ้าเอาแต่จับไพ่ของข้าล่ะ” ซูเสวี่ยเอ้อร์ถามด้วยความไม่พอใจ

“เพราะข้ามีไพ่อยู่ในมือยังไงล่ะ มันง่ายมากที่จะจับของเจ้า” หลินตอบ

“เดี๋ยวเถอะ… ข้าโกรธแล้วนะ เอาเงินม เอาเงินมาให้หมด ไม่ต้องเถียง ถ้าหาข้อสรุปไม่ได้ก็ไปสู้กันในวังวนความว่างเปล่านู่น” หนิงเยว่ฉานกล่าว

“ข้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ข้าอยากสู้มานานแล้วล่ะ” หลินยิ้มออกมา

แอนนาดึงซูเสวี่ยเอ้อร์มาไว้ด้านหลังแล้วเงยหน้าขึ้นพูดว่า “หลิน เจ้าแข็งแกร่งแท้ ๆ มากลั่นแกล้งคนตัวเล็กตัวน้อยได้ยังไง ทำไมไม่ให้พวกข้าเล่นพร้อมกับเจ้าไปเลยล่ะ”

“อะไรกัน เจ้าต้องรู้ก่อนนะว่าการต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเอาชนะได้ด้วยจำนวนที่มากกว่า” หลินกล่าวอย่างเหยียดหยัน

ปัก!

มีดคมกริบปักลงบนโต๊ะ

สามสาวหยุดโต้เถียง

หนิงเยว่ฉานกดด้ามมีดแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะทำอะไร แต่เอาเงินมาให้ข้าก่อน”

ตอนนี้ กู่ฉิงซานคนนั้นก็ส่งลูกเข้านอนแล้ว

เขาเดินออกมาอย่างมีความสุขก่อนกล่าวกับกู่ฉิงซานสองคนที่อยู่ตรงระเบียงว่า

“มา พาข้าไป ไปสู้กับวันสิ้นโลกด้วยกันเถอะ”

ทั้งสองคนมองอีกฝ่าย เห็นเพียงว่าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความถวิลหา

กู่ฉิงซานนิ่ง

นักบุญดาบกู่ฉิงซานนิ่ง

กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าก่อนกระซิบเสียงต่ำว่า “เรื่องนี้… ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ก็แล้วกัน…”

นักบุญดาบกู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ใช่ พวกเราต้องเก็บไว้เป็นอุทาหรณ์… เจ้ากับข้าต้องช่วยกันสนับสนุน”

โลกคู่ขนานอีกแห่ง

สำนักร้อยบุปผา

ตำหนักหลันเฉ่า

กู่ฉิงซานนั่งอยู่บนฟูกแล้วกล่าวด้วยสีหน้าสับสนว่า

“ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมถึงมีคนที่สามารถลอบเข้าตำหนักหลันเฉ่าได้เงียบขนาดนี้ กลายเป็นว่ามันคือตัวข้านี่เอง”

กู่ฉิงซาน นักบุญดาบกู่ฉิงซานและนักกล่อมเด็กกู่ฉิงซานพยักหน้าพร้อมกัน

“เรื่องราวเป็นแบบนั้นเอง พวกเราต้องการพละกำลังเพื่อสู้กับวันสิ้นโลกเหล่านั้น” กู่ฉิงซานกล่าว

กู่ฉิงซานจากตำหนักหลันเฉ่าถามว่า “ทำไมไม่ไปตามหาคนอื่นล่ะ ทำไมต้องตามหาแต่ตัวเอง”

“เพราะสถานการณ์เร่งด่วนมาก นอกจากเชื่อตัวเองแล้ว ข้าก็ไม่เชื่อใครทั้งนั้น” กู่ฉิงซานตอบ

ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงมาจากประตูห้องโถง

“ไม่เชื่อใครทั้งนั้นหรือ แล้วกับข้าล่ะ”

กู่ฉิงซานทั้งหลายหันไปมองพร้อมกัน

เซียนร้อยบุปผาเซี่ยเต้าหลิงยืนอยู่ที่ประตูห้องโถงหลักพร้อมไป๋เอ๋อ ฉินเสี่ยวหลัว ซิ่วซิ่ว หวั่นเอ๋อร์และฉิงโหรว

เสี่ยวหลัวขยี้ตาแล้วกล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อว่า “ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงมีร่างจำแลงได้ล่ะ อาจารย์เคยบอกว่ามีแต่ผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่…”

เขาชำเลืองสายตามามองกู่ฉิงซาน

เพี้ยะ!

ห่านสีขาวฟาดเขาอย่างแรงก่อนกล่าวว่า “เจ้าโง่ นี่คือกู่ฉิงซานจากโลกอื่นเชียวนะ”

ซิ่วซิ่วถามด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมพวกเขาทุกคนถึงมาหาพวกเราล่ะ”

หวั่นเอ๋อร์และฉิงโหรวมองกู่ฉิงซานแต่ละคน พวกเขาสบตากันก่อนลอบพยักหน้า

เป็นเขา

เป็นเขาจริง ๆ !

…กลายเป็นว่ามันมีโลกคู่ขนานอยู่จริง!

สีหน้าของเซี่ยเต้าหลิงผ่อนคลายลงก่อนยกเลิกการร่ายวิชาแล้วกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเป็นศัตรูต่างแดนที่เข้ามารุกราน กลายเป็นฉิงซานนี่เอง”

นางถ่ายทอดคำสั่งกับศิษย์หลายคนที่อยู่ด้านหลังว่า “ตอนที่ข้ากับฉิงซานไม่อยู่ในสำนัก ไป๋เอ่อจะรับผิดชอบเรื่องงานบ้าน พวกเจ้าต้องฝึกฝนในอาคารหลังเล็กอย่างแข็งขัน”

“ว่าไงนะ!” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความตกตะลึง “อาจารย์จะมากับข้าด้วยงั้นหรือ”

เซี่ยเต้าหลิงมองเขาแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ารีบและไม่สามารถหาคนที่เชื่อใจไปสู้กับวันสิ้นโลกด้วยกันได้ ดังนั้นก็ต้องหาตัวเอง… แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าจะไม่เชื่อในตัวอาจารย์หน่อยหรือ”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

ใช่แล้ว

ไม่ว่ายังไง อาจารย์ก็เชื่อใจได้อย่างแน่นอน

อาจารย์ย่อมดีกว่าตัวเขาอยู่แล้ว…

เซี่ยเต้าหลิงกำลังจ้องกู่ฉิงซานสี่คนก่อนถามว่า “อาจารย์จะไปถ้ำหมื่นอสูรเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นและให้การช่วยเหลือ พวกเจ้าทั้งสองสามคน ใครมีอะไรคัดค้านหรือไม่”

หลังจากพูดจบ นางชักแส้เถาวัลย์ออกมาแล้วสะบัดไปในอากาศธาตุ

ตูม!

ความว่างเปล่าสั่นสะท้าน

………………………………………………..