webnovel

1266 ไม่มีวิญญาณ!

ตอนที่ 1266 ไม่มีวิญญาณ!

ในสายลมและหิมะ หมอกสีดำแผ่ซ่านไปทั่ว

หลังจากเดินไปได้สักระยะ กู่ฉิงซานพลันสังเกตเห็นบางสิ่งผิดปกติก่อนรีบทักขึ้นว่า “หวังเสี่ยวอี”

ไม่มีคำตอบ

หัวใจของกู่ฉิงซานดิ่งวูบ

หวังเสี่ยวอีคือชื่อของทหารสอดแนมอีกคน

หลังจากเข้าหมอกสีดำ เขาและหวังเสี่ยวอีแยกห่างกันเล็กน้อยเพื่อขยายขอบเขตการสืบสวน ใครจะนึกล่ะว่าอีกฝ่ายจะหายไปในพริบตา

“หวังเสี่ยวอี” เขากระซิบอีกครั้ง

ยังไม่มีคำตอบ

ในหมอกสีดำไร้ที่สิ้นสุด มีเพียงเสียงหวีดหวิวของสายลมทางเหนือ

กู่ฉิงซานมีพลังระดับขุนเขาเซียวหมี จึงไม่มีปัญหาที่จะปล่อยจิตเทพออกไปตรวจสอบหลายหมื่นไมล์ แต่ในหมอกสีดำนี้ จิตเทพของเขาสามารถทำได้เพียงสังเกตสถานการณ์ภายในสิบเมตรเท่านั้น หากไกลกว่าสิบเมตร มันจะถูกปิดกั้นด้วยหมอกสีดำ

เมื่อเหลือทางเลือกสุดท้าย กู่ฉิงซานหยุดนิ่ง

ไม่เหมาะนักที่จะเดินเข้าสู่ส่วนลึกของหมอกสีดำต่อ

หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาถอดถุงมือเหล็กกล้าออกไปก่อนสวมถุงมือหนังบาง

ถุงมือหนังสัตว์ถูกมอบให้โดยนักดาบนิรันดร์หวังชุ่น มันคือของขวัญวันเกิดของ “หลี่ชิวซาน”

ถุงมือหนังคู่นี้สามารถเรียกพรแห่งเพลิงที่แข็งแกร่งกว่าถุงมือมาตรฐานของยาม

กู่ฉิงซานสวมถุงมือหนังแล้วทับด้วยถุงมือเหล็กกล้าเพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกพบเห็น

มีบางอย่างผิดปกติกับทางฝั่งหวังเสี่ยวอีแล้ว ดังนั้นเขาอาจจะต้องไปทางที่เพิ่งมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝั่งอีกฝ่าย

กู่ฉิงซานก้าวถอยมาช้า ๆ ไม่ช้าก็มาถึงที่ที่ทั้งสองแยกกัน

เขานึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้นขณะไปทางที่หวังเสี่ยวอีรุกไป เขาผลักหมอกสีดำออกแล้วตรงไปข้างหน้าช้า ๆ

หลังจากเดินไปได้ไม่ถึงสองร้อยเมตร มีเสียงอึกทึกเล็กน้อยดังขึ้นตรงหน้าของเขา

เขาเห็นร่างหนึ่งถอยออกจากสายลมและหิมะอย่างรวดเร็วก่อนมาพบกู่ฉิงซานซึ่ง ๆ หน้า

“หวังเสี่ยวอี สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” กู่ฉิงซานถาม

ร่างนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เป็นหวังเสี่ยวอีจริง ๆ

“เร็วเข้า ข้าพบข้อมูลมีค่าแล้ว ข้าต้องกลับไปรายงานให้หัวหน้ารู้!” หวังเสี่ยวอีกล่าวอย่างวิตก

“ดี” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาหันหลังเพื่อเตรียมจะถอยกลับ

หวังเสี่ยวอีที่อยู่ด้านหลังพลันยิ้มออกมา

เขาหยิบดาบยาวออกมาก่อนฟาดใส่กู่ฉิงซาน

เพียงชั่วพริบตา กู่ฉิงซานพลันสลับตำแหน่งกับเขา

ดาบเย็นเยือกตัดผ่านความว่างเปล่าโดยไม่โดนอะไร

หวังเสี่ยวอีเพียงรู้สึกว่าตรงหน้าของเขา กู่ฉิงซานได้หายไปก่อนความเจ็บปวดสุดแสนมาจากแผ่นหลังของเขา

ตูม!

เปลวเพลิงสั่นสะเทือน

กู่ฉิงซานต่อยเขาออกไป กระดอนไปตามพื้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนกลิ้งไปไกลหลายสิบเมตร

“แค่ก… แค่ก…”

หวังเสี่ยวอีกระอักโลหิตออก ดวงตาของเขากลับมาแจ่มชัด

“เร็วเข้า ช่วยข้า มีสัตว์ประหลาดติดอยู่ในร่างข้า!” เขากล่าวอย่างวิตก

กู่ฉิงซานเดิมเข้ามาก่อนก้มมองเขา

“ข้าอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว ข้าจะทำให้เจ้าหมดสติก่อนถึงจะพากลับไปอย่างไร้กังวลได้” กู่ฉิงซานกล่าว

“ได้” หวังเสี่ยวอีกล่าวทันที

กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนหยิบดาบพอดีมือขึ้นมาแล้วใช้สันดาบฟาดคอของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

หวังเสี่ยวอีพลันหมดสติ

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนคว่ำหน้าหวังเสี่ยวอี

เขาพึมพำว่า “เอาล่ะ แบบนี้ก็ไม่นับว่า ‘ทำบางสิ่งที่ขัดกับตัวตนภายใต้สายตาเฝ้ามองของสิ่งมีชีวิตตท้องถิ่น’ สินะ”

กู่ฉิงซานเหยียบบนศีรษะของหวังเสี่ยวอีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็นอะไร จากนั้นคว้าไม้เท้าราชาภูตผีจองจำจากความว่างเปล่าแล้วแทงร่างของหวังเสี่ยวอีทันที

“อ้ากกกก! หลี่ชิวซาน เจ้าทำอะไรน่ะ!”

ความเจ็บปวดแรงกล้าทำให้หวังเสี่ยวอีได้สติขึ้นมาจนแผดเสียงกรีดร้องสูง

กู่ฉิงซานถือไม้เท้าราชาภูตผีจองจำ สีหน้าของเขายิ่งมายิ่งเคร่งขรึม

ในร่างของหวังเสี่ยวอี ไม่มีวิญญาณ

แล้วตัวบ้าอะไรกำลังควบคุมร่างของหวังเสี่ยวอีอยู่ล่ะ

“เจ้าเป็นใคร” กู่ฉิงซานถาม

หวังเสี่ยวอีนิ่ง

เขาหยุดเสียงกรีดร้องแหบแห้งไว้ก่อนตอบด้วยท่าทีพินิจพิเคราะห์ว่า “คนจากยมโลก… เป็นมนุษย์ที่ได้รับตำแหน่งเทพจุตินี่เอง ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงหาข้าเจอ”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “หวังเสี่ยวอีอยู่ไหน ถ้าไม่อยากตายก็คืนวิญญาณของเขามาซะ”

หวังเสี่ยวอีพลันสั่นสะท้านแล้วตะโกนว่า “วิญญาณหรือ วิญญาณของมันเข้าไปในสุสานแล้ว ไม่มีทางกลับมาหาเจ้าได้หรอก!”

กู่ฉิงซานกำหมัด

เปลวเพลิงห้อมล้อมกำปั้น ในที่สุก็รวมตัวเป็นบอลเพลิง

“ข้าจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว ส่งวิญญาณของเขามา ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เจ้าตาย” กู่ฉิงซานกล่า

อีกฝ่ายหัวเราะสักพักก่อนกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า

“มนุษย์เอ๋ย ตำแหน่งเทพไม่เหมาะกับเจ้าหรอก เมื่อสุสานเริ่มกระจายออกไป ข้าก็จะมาหาเจ้าอีกครั้ง”

ทันทีที่สิ้นเสียง หวังเสี่ยวอีลงไปกองกับพื้น ไม่ขยับเขยื้อนอีก

กู่ฉิงซานย่อตัวลงก่อนสัมผัสที่คอของอีกฝ่าย

ตายแล้ว

มีพายุหิมะตกหนักรอบข้าง ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นในหมอกสีดำ

กู่ฉิงซานเงียบสักพัก

สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่มีร่างวิญญาณ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายไม่มีทางหนีรอดตอนเขาถือไม้เท้าราชาภูตผีจองจำเอาไว้ในมือแน่

หรือก็คือ นี่คือสัตว์ประหลาดที่สามารถกินวิญญาณแล้วแทนที่สิ่งมีชีวิตได้โดยตรง แต่มันไม่สามารถกินวิญญาณโดยตรงได้จนกว่าจะพบเงื่อนไขตามที่กำหนด

ไม่อย่างนั้น ตอนที่เจอตัวครั้งแรก มันคงไม่ลอบโจมตีด้วยดาบยาว แต่กลับกินวิญญาณโดยตรง

“หากไม่มีวิญญาณก็กลายเป็นปัญหาน่ะสิ…”

กู่ฉิงซานพึมพำ

เขาอุ้มร่างของหวังเสี่ยวอีแล้วรีบถอยออกมา

ผ่านไปสักพัก เขาถอยออกมาจากหมอกสีดำ

หน่วยยามยังรอข่าวคราว

นอกจากนั้น ยอดฝีมือบางส่วนของอาณาจักรก็มาถึงแล้ว

เจ้าหน้าที่ชำเลืองมองศพของหวังเสี่ยวอีแล้วกล่าวว่า

“ทำไมเขาถึงตายล่ะ เกิดอะไรขึ้นข้างใน”

กู่ฉิงซานวางร่างของหวังเสี่ยวอีลงบนพื้น ทำท่าเคารพแบบทหารก่อนเริ่มพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดก่อนหน้านี้

เมื่อเขากล่าวจบ ทุกคนตกอยู่ในห้วงความคิด

ผู้ชายร่างกำยำในชุดเครื่องแบบแม่ทัพกล่าวขึ้น

“เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ยามเฝ้าประตูเมืองเช่นพวกเจ้าจะสามารถรับมือได้ กลับไปคุ้มกันประตูเมืองซะ”

“ขอรับ!” เหล่าทหารยามขานรับพร้อมกัน

กู่ฉิงซานมองแม่ทัพ

เมื่อมองอีกฝ่าย กู่ฉิงซานรู้สึกถึงบรรยากาศอันคุ้นเคย

เด็กคนนั้น

เด็กที่ถูกยึดร่างไป ถ้าเขาเติบใหญ่ก็อาจจะหน้าตาแบบนี้

คาดไม่ถึง เขาถูกจัดให้เป็นตัวตนที่ทรงพลังขนาดนั้น

มีสัญญาณเตือนภัยในใจของกู่ฉิงซาน

วินาทีต่อมา แม่ทัพขยิบตาให้กู่ฉิงซานแล้วพลันกล่าวเสียงดังว่า

“หลี่ชิวซาน เด็กเช่นเจ้าฉลาดและปรับตัวได้ดี ข้าขอถามเจ้า เจ้าอยากเป็นรองหัวหน้ายามเฝ้าประตูเมืองหรือมาเป็นทหารส่วนตัวของข้า”

หลังจากพูดจบ เขาส่งกระแสจิตมาหากู่ฉิงซาน “นักบุญ มาเป็นทหารส่วนตัวของข้า พวกรเจะได้เคลื่อนไหวด้วยกันง่ายขึ้น”

กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวเสียงดังว่า “รายงานแม่ทัพ ข้าอยากเป็นรองหัวหน้ายามเฝ้าประตูเมือง!”

ใบหน้าของแม่ทัพแข็งทื่อ

“เจ้าหมายความว่ายังไง!” เขาส่งกระแสจิตถามกลับมา

“ไม่มีประโยชน์ หมอกสีดำอันตรายเกินไป ข้าไม่ไปหรอก” กู่ฉิงซานกล่าว

อย่ามาล้อเล่นน่า เจ้าเป็นแม่ทัพแต่ข้าเป็นทหาร ขอแค่เจ้าสั่งให้ข้าทำอะไรต่อหน้าสาธารณะ ข้าก็ต้องฟังเจ้าน่ะสิ

แบบนี้มันไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือเลย

กู่ฉิงซานไม่ยอมแน่

แม่ทัพเงียบไปสักพัก

ต่อหน้าทุกคน แม่ทัพคลี่ยิ้มออกมา เขาหัวเราะแล้วกล่าวว่า “คนที่พรสวรรค์เช่นเจ้าแต่กลับยังจะคุ้มกันประตูเมืองงั้นหรือ ชายชราเข้าใจแล้ว ช่างเถอะ”

เขากล่าวกับหัวหน้ายามเฝ่าประตูเมืองที่อยู่ด้านข้างว่า “นับจากนี้ไป หลี่ชิวซานจะถูกมอบหมายให้อยู่ในกลุ่มทหารม้าของข้า เจ้ามีความเห็นอะไรหรือไม่”

“ไม่มีขอรับ” หัวหน้ายามเฝ่าประตูเมืองไม่กล้ากล่าวอะไรก่อนรีบตอบรับ

เขายิ้มแล้วตบบ่าของกู่ฉิงซาน กล่าวว่า “แม่ทัพชื่นชอบในตัวเจ้า ถ้าเจ้าไปจะต้องได้ดีแน่ ๆ อย่าทำให้ข้าขายขี้หน้าล่ะ”

“ขอรับ นายท่าน” กู่ฉิงซานทำได้แค่ตอบรับ

ท่านแม่ทัพสั่งเขาที่เป็นทหารคุ้มกันประตูเมือง เขาจะไปมีทางขัดขืนได้อย่างไร

สิ้นคำตอบของเขา แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กรีขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว

“ตัวตนของท่านเปลี่ยนไป”

“ตอนนี้ท่านคือทหารม้าทั่วไป”

“ในภาพมายาวันสิ้นโลกนี้ ท่านไม่สามารถทำอะไรที่ขัดกับตัวตนภายใต้สายตาเฝ้ามองของสิ่งมีชีวิตตท้องถิ่นได้ ไม่อย่างนั้นท่านจะถูกโยนเข้าสู่ศูนย์กลางวันสิ้นโลกเพื่อทนรับต่อการบีบรัดไม่จบสิ้น”

กู่ฉิงซานมองแม่ทัพ

แม่ทัพมองเขาเช่นกัน

พันธมิตรอันเปราะบางระหว่างทั้งสองยิ่งแยกออกเมื่อมาเจอกับวันสิ้นโลก

“แสดงว่าเจ้าตั้งใจจะทิ้งข้าไว้ในวันสิ้นโลกนี้สินะ” กู่ฉิงซานส่งกระแสจิต

“นักบุญ ดูเจ้าสิ ตอนนี้เจ้าไม่สามารถทำข้าขายหน้าต่อที่สาธารณะได้ ถ้าเจ้ากล้าทำ เจ้าจะถูกโยนเข้าสู่ส่วนลึกของวันสิ้นโลก”

แม่ทัพยิ้มที่มุมปากแล้วกล่าวต่อว่า “นี่คือโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ดังนั้นข้าไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว”

เขาโบกอาวุธในมือแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ทหารม้า รวมกลุ่ม!”

“ขอรับ!” ทหารม้าทุกคนตอบรับ

เพราะถูกจำกัดด้วยตัวตน กู่ฉิงซานจึงต้องตอบรับตาม

เขาไม่มีแม้กระทั่งม้า ดังนั้นจึงทำได้เพียงอยู่ท้ายขบวนกลุ่มทหารม้าชั่วคราว

แม่ทัพเริ่มถ่ายทอดคำสั่ง

“ตรงไปข้างหน้า! เข้าไปในหมอกสีดำแล้วดูว่ามีสัตว์ประหลาดอะไร ฆ่าให้หมดอย่าได้ปรานี”

“แล้วก็”

สายตาของแม่ทัพจับจ้องกู่ฉิงซานแล้วกล่าวช้า ๆ ว่า

“ห้ามใครกลับหากไม่ได้รับคำสั่งของข้า”

“ผู้กระทำผิดจะถูกเล่นงานตามกฎทหาร!”

…………………………………………….