webnovel

1233 หลี่ชิวซาน

ตอนที่ 1233 หลี่ชิวซาน

คลองฮวงอู๋

ท่าเรือ

“พี่จ้าว นี่ขอรับ”

จ้าวเฉียงหยิบไอศกรีมในมือของกู่ฉิงซานมาแล้วกล่าวว่า “ขอบใจที่จ่ายเงินให้ข้านะ”

“มันก็แค่ไอศกรีม ยังไงเสีย พวกเขาก็ให้ค่าครองชีพกับค่าฝึกมาเยอะอยู่แล้ว อีกอย่าง พี่จ้าวร่ำรวยกว่าข้าหลายร้อยเท่าอยู่แล้ว”

กู่ฉิงซานกินไอศกรีมในมือขณะกล่าวอย่างคลุมเครือ

จ้าวเฉียงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นเพื่อธุระของเจ้าหรือเพื่อซื้อชิ้นส่วนเกราะเกล็ด มันก็คือเงินที่เบิกมาจากสำนักซานไห่ ข้าต้องรายงานและตระเตรียมค่าเงินเมื่อกลับไปอยู่ดี ที่จริง ข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก”

“จริงหรือ ถ้างั้นนับจากนี้ข้าจะซื้อไอศกรีมให้หมดเลย”

กู่ฉิงซานทำตัวเหมือนผู้ดีหน้าใหม่

จ้าวเฉียงหัวเราะ

ทั้งสองกินไอศกรีมขณะชื่นชมทิวทัศน์คลองใต้ดิน

สามวันก่อน พวกเขาออกจากสำนักเฟยอวี่และออกเดินทางจากคลองฮวงอู๋หลายพันไมล์

คลองแห่งนี้เป็นสายเดียวที่เชื่อมต่อถ้ำทะเลตะวันตกกับถ้ำร้างทิศตะวันออก

ในตอนนั้น พวกเขากำลังรอเรืออยู่

กู่ฉิงซานถามจ้าวเฉียงเช่นกันว่าทำไมไม่ส่งกลับไปทันที

จ้าวเฉียงมอบคำตอบไม่สบายใจให้

ที่จริง ด้วยพละกำลังของนาง การเคลื่อนย้ายผู้คนนับว่าเกินขีดจำกัด

ต่อให้นางทุ่มกำลังทั้งหมดก็ทำได้เพียงส่งชุดเกราะเกล็ดกลับไปเท่านั้น

…เกรงว่าจ้าวเฉียงต้องฝึกฝนอีกหลายปีหากต้องการส่งคนเป็นตัวใหญ่สองคนกลับไป

แต่ครั้งนี้เพราะเรื่องราวของหลี่ซานกับชุดเกราะเกล็ดของสำนักเฟยอวี่ได้สำแดงพลังออกมาในที่สุด เดิมทีหลังจากรายงานแล้ว ใครบางคนควรจะมารับพวกเขากลับไป

…ส่วนทำไมถึงไม่มีใครมารับนางกับกู่ฉิงซานในท้ายที่สุดนั้น นางก็ไม่รู้เหมือนกัน

กู่ฉิงซานจนคำพูด

หลังจากกินไอศกรีมอยู่สักพัก กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “พี่จ้าว ท่านรับผิดชอบอะไรในสำนักซานไห่หรือ”

จ้าวเฉียงตอบว่า “ข้าคือบรรณาธิการโบราณ ได้รับบันทึกกระดูกขั้นสูงสุดมา เชี่ยวชาญในการเดินทางไปรอบแปดถ้ำของโลก รับหน้าที่ตามหาและค้นคว้ากระดูกจำนวนมาก บันทึกประเภท คุณลักษณะและความสามารถต่างๆ ของพวกมัน”

กู่ฉิงซานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟังดูน่าสนใจดี แต่มันน่าจะเป็นเรื่องที่ยากมากน่าดู”

“ถึงแม้จะเป็นงานยาก แต่ก็มีความหมายมาก” จ้าวเฉียงกล่าวขณะเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “มีกระดูกหลายหลากประเภท แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันมาก พลังจิตที่อยู่ข้างในก็มีหลายแบบเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงอยากสัมผัสพลังของกระดูกทั้งหมด พูดให้ชัดคือรวบรวมกระดูกโบราณเพื่อให้เป็นการสะดวกต่อการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญกระดูกในรุ่นอนาคต”

“ความมุ่งมั่นของพี่จ้าวช่างน่าทึ่งนัก!” กู่ฉิงซานชื่นชม

…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจ้าวเฉียงสามารถนับว่าเป็นนักวิจัยวิทยาศาสตร์ระดับสูงในโลกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้

ดังนั้น นอกจากนักวิจัยวิทยาศาสตร์แล้ว คนอื่นๆ ในสำนักซานไห่รับผิดชอบอะไรอีกบ้าง

ยกตัวอย่างเช่น นักดาบกับผู้หญิงเมื่อครู่นี้รับผิดชอบอะไร

สองพี่น้องนั่นเต็มไปด้วยความน่าสงสัย เมื่อมองดูครั้งแรก พวกเขาไม่น่าทำงานเกี่ยวกับส่วนค้นคว้า

“หลี่ซาน”

ขณะกู่ฉิงซานกำลังครุ่นคิด จ้าวเฉียงก็ส่งเสียงเรียกเขา

“หืม”

“ตอนนี้เจ้าควรตั้งชื่อได้แล้ว พอเข้าสู่สำนักเมื่อไหร่ การมีชื่อไว้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า”

“อา ข้าคิดว่า…”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอยู่หลายอึดใจจนอดที่จะทำหน้าจริงจังไม่ได้

เขาเป็นคนที่ตั้งชื่อไม่เก่งเอามากๆ ขนาดชื่อกลุ่มยังตั้งว่า “ยังไม่ได้คิด” นับว่าแปลกประหลาดมากนัก ตอนนี้เขายังต้องมาคิดชื่อตัวเองอีก

อืม…

“พี่จ้าว ข้าคิดไม่ออก ท่านเรียกข้าว่าหลี่ซานนั่นแหละ ฟังดูแล้วลื่นหูกว่า” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความเจ็บปวด

ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงดังมาจากด้านข้าง

“ช่างขี้เกียจจังเลยนะ เจ้าหนู ขนาดชื่อยังไม่อยากจะคิดเสียหน่อยหรือ”

ทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน

พวกเขาเห็นผู้หญิงถือพัดภาพวาดนั่งอยู่เก้าอี้ด้านหลังพวกเขาขณะมองมาด้วยสายตาเกียจคร้าน

จ้าวเฉียงผงะก่อนรีบยืนตัวตรงทำความเคารพ “ท่านหญิงดึงกระดูก ข้าไม่สังเกตเห็นตัวตนของท่าน ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ”

ผู้หญิงถือพัดมีคิ้วได้รูปกับร่างผอม แต่ท่วงท่าที่นางนั่งกลับให้ความรู้สึกถึงการเหยียดหยัน

นางคลี่พัดในมืออย่างสบายๆ แล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ที่จริง ข้าเพิ่งมาถึงเอง สำนักสั่งให้ข้ามารับตัวพวกเจ้า แต่ข้าไปเล่นกับพวกน้องๆ บางส่วนอยู่หลายวันก็เลยเพิ่งกลับมารับตอนนี้นี่แหละ… อย่าให้เล่าจะดีกว่า”

“รับทราบ ท่านหญิง” จ้าวเฉียงกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ท่านหญิงดึงกระดูกมองกู่ฉิงซานอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “เจ้าคือหลี่ซานสินะ ถ้างั้นทำไมไม่เรียกว่าหลี่ซานหลางไปเลยล่ะ”

“หลี่ซานหลางหรือ” กู่ฉิงซานถามด้วยความตกตะลึง

เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจผิด ท่านหญิงดึงกระดูกจึงย้ำว่า “ลำดับที่สาม หลางที่มาจากหลางจวิน”

“นี่ไม่ใช่ชื่อ… น่าจะเป็นลำดับในตระกูลหรือฉายามากกว่า” กู่ฉิงซานกล่าว

“ข้ามีอาจารย์สองคนในสำนักซานไห่ที่แซ่หลี่ เป็นที่น่าเกรงขามของแปดถ้ำ ทั่วโลกต่างให้ความเคารพ เป็นความคิดที่ดีที่จะให้เจ้าอยู่ลำดับที่สาม ในวันธรรมดาผู้คนจะเรียกเจ้าว่าหลี่ซานหลาง แต่ข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่าหลี่ชิวซานก็แล้วกัน คิดว่าไง” ท่านหญิงดึงกระดูกขมวดคิ้ว

นางมองไอศกรีมในมือพวกเขา

…ที่จริง นางมาถึงตั้งนานแล้ว ได้เห็นกู่ฉิงซานซื้อไอศกรีมจากไกลๆ แล้วแบ่งให้จ้าวเฉียง รวมถึงได้ฟังบทสนทนาระหว่างทั้งสองด้วย

ก่อนหน้านี้ นางไปตรวจสอบเรื่องนายน้อยจางจากสำนักเฟยอวี่เพื่อลงลึกรายละเอียด

คาดไม่ถึง หลี่ซานคนนี้ได้ไปเห็นสงครามระหว่างวิญญาณชั่วร้ายและสัตว์ประหลาด ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น เขาไม่เพียงมีชีวิตรอดจนถึงท้ายที่สุดได้เท่านั้น แต่ยังช่วยนายน้อยเอาไว้ได้อีกด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดคือพลังจิตที่เขาได้รับจากชุดเกราะเกล็ด มันให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มาก

วัตถุพลังจิตที่กระจายอยู่ในแปดถ้ำของโลกจากหลุมศพขนาดใหญ่มีทั้งแปลกประหลาดและมีจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่มีใครคาดคิดว่าชุดเกราะเกล็ดจากประเทศหลังเขาแบบนี้จะสามารถยั่วยุวันสิ้นโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้

ชุดเกราะเกล็ดได้รับการทดสอบหลายครั้ง ผลที่แสดงทุกครั้งนับว่าน่าตกตะลึง

บางคนกล่าวว่าในอีกไม่กี่ทศวรรษ สำนักซานไห่จะเปิดต้อนรับผู้ใช้หมัดพลังจิตในที่สุด

…ถ้าเด็กคนนี้ไม่ตายระหว่างทางล่ะก็

หลังจากทราบข้อมูลแล้ว ท่านหญิงดึงกระดูกยิ่งสงสัยมากยิ่งขึ้นจนตามสืบอีกสักพัก

ไม่กี่วันที่ผ่านมา เด็กคนนี้เอาแต่ชงชาหุงข้าวเพื่อรับใช้จ้าวเฉียงอย่างขยันขันแข็ง ไม่ได้ไปที่ลับตา ทุกคนสามารถพบเห็นเขาได้

จนกระทั่งท่านหญิงดึงกระดูกคิดถึงตรงนี้ นางจึงมาหาด้วยตัวเอง

แน่นอนว่าจ้าวเฉียงยังไม่รู้เรื่องอะไร ดังนั้นนางจึงพยายามขยิบตาให้กู่ฉิงซานจากด้านข้าง

กู่ฉิงซานเข้าใจ

เขาถึงกับไม่สนใจเรื่องนามแฝงอยู่แล้ว ตอนนี้ เขาที่ได้รับคำใบ้จากจ้าวเฉียงจึงกล่าวว่า “ถ้างั้น ข้าชื่อหลี่ชิวซานก็ได้”

ท่านหญิงดึงกระดูกกล่าวว่า “ใช่แล้ว พวกเจ้ารอที่นี่แหละ มีการตรวจพบวันสิ้นโลกที่ถูกบันทึกไว้ที่เจ็ดร้อยไมล์ทางใต้ ข้าจะไปคลี่คลายวันสิ้นโลกก่อน จากนั้นพวกเราค่อยไป”

หลังจากพูดจบ นางหายไปเมื่อสิ้นเสียง “ฟู่”

จ้าวเฉียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนกล่าวอย่างยินดีว่า “หลี่ซาน… หลี่ซานหลาง ยินดีด้วย”

กู่ฉิงซานถามว่า “พี่จ้าว เป็นอะไรไปหรือ”

จ้าวเฉียงรีบตอบว่า “ข้ามีอาจารย์สองคนที่แซ่หลี่อยู่ในสำนักซานไห่ มีท่านหมื่นดาบศักดิ์สิทธิ์นามว่าหลี่ชุนเตากับท่านหญิงดึงกระดูกนามว่าหลี่ชิวอวี่ เจ้าสามารถถูกนางมองว่าเป็นหลี่ชิวซานได้ นั่นแสดงให้เห็นว่านางโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง”

จ้าวเฉียงส่ายหน้าก่อนกล่าวอย่างมีความสุขว่า “อย่าห่วงไปเลย ถึงแม้บางครั้งพวกพี่ๆ จะทำตัวสูงศักดิ์ แต่พวกเขามีความจงรักภักดีมาก ไม่เคยคิดทรยศ พวกเขาคือวีรชนที่พวกข้าล้วนนับถือ เจ้าต้องฝึกฝนให้ดีในอนาคต อย่าเอาแต่ใช้ชีวิตอยู่บนความโชคดีเช่นนี้”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

ทำไมเขาจึงเป็นที่สะดุดตาได้ล่ะ

…หรือเป็นยเพราะชุดเกราะเกล็ดนั่น

ทว่า ตามที่จ้าวเฉียงว่า สองคนนี้สูงศักดิ์เล็กน้อย พวกเขายังเป็นคนที่ลงมือบุ่มบ่ามและมีสถานะสูงส่ง คงไม่มีทางโปรดปรานชายหนุ่มที่ระดับต่างชั้นกันมากเพียงเพราะมีชุดเกราะเกล็ดหรอก

เมื่อคิดให้ถ้วนถี่ก็ไม่มีใครในสำนักติดต่อกับจ้าวเฉียงในช่วงเวลาที่ผ่านมา นั่นอาจจะเป็นเพราะท่านหญิงดึงกระดูกหลี่ชิวอวี่กำลังลอบสังเกตนางอยู่นั่นเอง

…เขาเป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่ง จะมีอะไรให้อีกฝ่ายจับตามอง

กู่ฉิงซานสับสนเล็กน้อย

ที่จริง เขาไม่รู้ว่าการที่ตัวเองผ่านความโกลาหลและหายนะในชีวิตมานับครั้งไม่ถ้วน รวมถึงการต่อสู้ คำพูด การกระทำ การชงชาและหุงข้าว ทุกสิ่งถูกเปิดเผยให้เห็นในความหมายที่ต่างออกไป

ต่อให้เขาเป็นชายหนุ่มอายุสิบสี่ปีที่มีทักษะการแสดงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่รากฐานเหล่านี้กลับถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ

นี่คือเหตุผลที่ทำไมท่านหญิงดึงกระดูกถึงฉุกคิดขึ้นมาได้

…………………………………….