webnovel

1224 เจ้าจัดการเรื่องนี้ที

ตอนที่ 1224 เจ้าจัดการเรื่องนี้ที

ชายหนุ่มสองคนเคลื่อนผ่านอุโมงค์

เพียงแค่เวลาครึ่งก้านธูป พวกเขาเดินผ่านอุโมงค์ยาวจนมาถึงหน้าผา

ก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่สุดขอบหน้าผา มีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนอยู่บนนั้น

“ถ้ำร้างทิศตะวันออก”

นี่คือถ้ำร้างทิศตะวันออกของถ้ำหมื่นอสูร

กู่ฉิงซานก้มมองลงไปก่อนพบว่ามีความมืดอยู่เบื้องล่าง ไม่อาจมองเห็นก้นได้

“ในที่สุดก็ถึงบ้าน”

ชายหนุ่มชุดคลุมสีแดงกล่าวอย่างมีอารมณ์

เขากระโดดลงไป ร่างตกลงไปในความมืดมิดอย่างรวดเร็วจนไม่อาจมองเห็นได้อีก

กู่ฉิงซานรอสักพัก

เพื่อแสดงความเคารพ เขาต้องให้นายน้อยกระโดดลงไปก่อนเพื่อรักษาระยะห่างอย่างพอเหมาะ

หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ ความผันผวนจากการสื่อสารแผ่วเบายิ่งมาจากใต้หน้าผา

ลมหายใจของชายหนุ่มหายไป

ตอนนี้กู่ฉิงซานสามารถกระโดดลงไปได้แล้ว

เขาสัมผัสกำไลเหล็กหยาบกระด้างบนข้อมือก่อนกระโดดลงหน้าผาไป

สายลมแรงกล้าพัดผ่านร่างกาย ทำให้เกิดเสียงดังหวีดหวิว

กู่ฉิงซานเริ่มตกลงไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ช้า มีคลื่นจากส่วนลึกของหน้าผาเกิดขึ้น มันตกกระทบกับกำไลของเขาจนส่องแสงเล็กน้อย

มีแสงหมองหม่นบนกำไล

ด้วยแสงเลือนรางนี้ ความคิดที่เต็มไปด้วยการยับยั้งทรงพลังอันแล้วอันเล่ากวาดผ่านกู่ฉิงซาน จากนั้นเคลื่อนผ่านไป ปล่อยให้กู่ฉิงซานตกลงมา

กู่ฉิงซานอดที่จะยืนตัวตรงไม่ได้

ตัวตนเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกถึงความอยู่ยงคงกระพันได้แม้จะเป็นเพียงแค่ความคิดก็ตาม

ถึงแม้เขาจะรู้เรื่องราวทั้งหมดผ่านความทรงจำของชายหนุ่มก็ตาม แต่ก็ยังอยากเห็นกับตาตัวเอง

กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพเพื่อสังเกตการณ์รอบข้าง

บนกำแพงรอบนอกของหน้าผา กระดูกขนาดใหญ่ถูกฝังเอาไว้ พวกมันอัดแน่นจนไม่มีที่ว่าง

กระดูกเหล่านี้แผ่กลิ่นอายชั่วร้ายออกมาขณะหมุนรอบกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานสามารถสัมผัสได้อย่างเต็มที่ว่ามีความคิดหนึ่งอยู่ในลมหายใจเหล่านี้

เขาไม่สงสัยเลยว่าหากเสียกำไลเหล็กนี้จนโดนเผยตัวตนขึ้นมา เขาจะถูกสังหารทันทีโดยอันตรายพวกนั้น

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่าง ความเร็วของเขาลดลงจนกระทั่งหยุดอยู่กลางอากาศ

หน้าผารอบข้างยังเต็มไปด้วยกระดูกขณะแผ่บรรยากาศน่าสะพรึงมหาศาลออกมา

ทันใดนั้น แสงสว่างวูบไหว

กู่ฉิงซานเพียงรู้สึกว่าท้องนภาหมุนเคว้งสักพัก จากนั้นฉากรอบข้างพลันเปลี่ยนไปก่อนเท้าแตะถึงพื้น

โลกปรากฏขึ้นตรงหน้ากู่ฉิงซาน

ป่าดอกท้อ

ทั่วป่าดอกท้อหลายร้อยก้าว ไม่มีต้นไม้ขนาดเล็ก หญ้าส่งกลิ่นหอม ใบไม้ร่วงหล่นหลากสีสัน ภายใต้แสงยามสายัณห์ มันช่างดูเงียบสงัดและสงบสุข

ใครบางคนกล่าวจากด้านข้างว่า “หลี่ซาน เจ้ายังไม่ตายจริงๆ ”

กู่ฉิงซานมองตาม

ชายหนุ่มคนหนึ่งอุ้มม้าผอมสองตัวเอาไว้ เขายืนอยู่ใต้แท่นสื่อสาร

นี่คือผู้ติดตามอีกคนของนายน้อยจาง เฝิงลิ่ว

ลูกน้องเหล่านี้ไม่มีชื่อ มีเพียงอันดับในตระกูล แต่ถ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์อย่างเป็นทางการก็จะได้รับชื่อจากตระกูล

กู่ฉิงซานก้าวลงมาจากแท่นเคลื่อนย้ายมิติแล้วถามว่า “นายน้อยจางเป็นยังไงบ้าง”

เฝิงลิ่วตอบว่า “ภรรยาของจ้าวบ้านเพิ่งพานายน้อยกลับไป ข้าเลยมาอยู่ที่นี่เพื่อรอเจ้า”

“ขอบใจ”

กู่ฉิงซานขึ้นม้า

ทั้งสองคนควบไปข้างหน้าขณะสนทนากัน

“เจ้ารู้หรือเปล่า จู่ๆ กระดูกวิญญาณของปรมาจารย์เหล่านั้นแตกสลาย กระดูกวิญญาณเหล่านั้นมีค่าเท่ากับเงินจำนวนมาก พอมันแตกสลายลงกับพื้นก็ทำเอาทั้งตระกูลแตกตื่นกันใหญ่เลย”

“ความมหัศจรรย์คือกระดูกวิญญาณของนายน้อยจางถูกนำไปวางไว้ในโถงกระดูกวิญญาณเป็นอย่างดีจนกระทั่งเจ้ากลับมา”

เฝิงลิ่วชำเลืองมองเขาแล้วถามว่า “หลี่ซาน มันเกิดอะไรขึ้น”

“…ข้าไม่สามารถพูดอะไรได้ รอดูดีกว่าว่านายน้อยจะพูดอะไร” กู่ฉิงซานตอบ

เฝิงลิ่วนิ่ง จากนั้นยิ้มออกมา “เอาเถอะ เจ้ายังไม่ตาย แถมยังเรียนรู้วิธีวางตัวด้วย”

กู่ฉิงซานยิ้มเช่นกันก่อนไม่กล่าวอะไร

เรื่องนี้อาจจะไม่เรียบง่ายอย่างที่มันจะเป็น ในฐานะลูกน้อง เขาควรปฏิบัติตามหน้าที่ตัวเองเพื่อปิดปากไว้ก่อนที่ตระกูลจะมีคำชี้แจงที่ชัดเจน

โชคยังดี

เขามีบทเรียนจากอดีต ทำให้เลือกคนที่ไม่โดดเด่นที่สุดจากศพจำนวนมาก จากนั้นถึงได้เข้าใจว่านี่คือการเป็นข้ารับใช้

นี่ไม่เหมือนกับโลกลอยฟ้า สถานที่ที่ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้นำสังหารกันเองในความว่างเปล่าจนไม่มีเวลามาดูแลเรื่องของนายน้อย

ที่นี่ หากเขาปลอมตัวเป็นปรมาจารย์ ตราบที่กระดูกวิญญาณแตกสลาย ตัวตนของเขาก็จะถูกเปิดโปงจนต้องหาทางหลบหนีหรือไม่ก็หาที่ซ่อนอีกครั้ง

ถึงแม้มันจะไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังนับว่าลำบากอยู่ดี

ทั้งสองขี่ม้าไปตามทาง ไม่ช้าก็ออกจากป่า ข้างหน้าพลันเผยให้เห็น

เมืองเจริญรุ่งเรืองที่แผ่ขยายไปทุกทิศทางปรากฏแก่สายตา

ทั้งสองเข้าเมืองก่อนมาถึงคฤหาสน์ขนาดใหญ่ พ่อบ้านหลิวทักทายเขาก่อนตะโกนว่า

“หลี่ซาน ผู้อาวุโสของตระกูลอยู่ในห้องแล้ว จ้าวบ้านและภรรยาของเขาอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นพูดมาให้ชัดเจน! ไม่อย่างนั้นเจ้าจะตาย!”

ท้ายที่สุด มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตอยู่ดี

กู่ฉิงซานเผยสีหน้าหวาดกลัวก่อนรีบถามว่า “พ่อบ้านหลิว มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น”

“หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว มากับข้า!”

พ่อบ้านหลิวก้าวมาข้างหน้าก่อนลากมือของกู่ฉิงซานเดินไปข้างใน

กู่ฉิงซานชำเลืองมองเฝิงลิ่วจนเห็นว่าเฝิงลิ่วซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ มันเหมือนกับว่ากู่ฉิงซานกำลังกุมบางสิ่งที่เหลือเชื่อเอาไว้

กู่ฉิงซานอดที่จะลอบถอนหายใจไม่ได้

ผู้ติดตามประจำตัวของนายน้อยจางบางส่วนเป็นเพียงชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน มีใครบ้างที่เคยเห็นการต่อสู้เช่นนั้นมาก่อน

อย่าว่าแต่เฝิงลิ่วเลย แม้แต่หลี่ซานก็อดที่จะถามแบบนี้ไม่ได้

เขาปล่อยให้พ่อบ้านหลิวลากไปขณะเดินผ่านลานก่อนตรงไปยังห้อง

ทันใดนั้น เสียงของพ่อบ้านหลิวดังขึ้นในใจของเขา

“นายน้อยทำให้เกิดภัยพิบัติ คนที่ออกไปก็ตายกันหมด ใครบางคนจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”

กู่ฉิงซานรีบกล่าวว่า “ไม่ใช่ข้านะ”

พ่อบ้านหลิวขัดเขาแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าไม่ใช่เจ้า แต่เรื่องนี้จริงจังมาก เจ้าจะปล่อยให้นายน้อยแบกรับไว้ไม่ได้ ยิ่งพี่น้องของเขายิ่งแล้วใหญ่ ดังนั้นต้องเป็นคนธรรมดาแหละถึงจะดี”

คำพูดของเขาเร็วมากขณะกล่าวต่อว่า “หลี่ซาน จำให้ดี เจ้าคือผู้ติดตามคนสนิทของนายน้อย ครั้งนี้เจ้าควรออกนอกหน้าเพื่อช่วยเขานะ”

“ข้า ข้าควรทำยังไง” กู่ฉิงซานถามด้วยความแตกตื่น

“เจ้าแค่บอกว่าอยากพานายน้อยออกไปผ่อนคลายด้วยการให้ดูสงคราม ดังนั้นนายน้อยจึงออกไปกับเจ้า” พ่อบ้านหลิวตอบ

เขาเห็นสีหน้าลำบากใจของหลี่ซาน น้ำเสียงจึงพลันอ่อนโยนขึ้นมา “อย่าห่วงไปเลย ถ้าเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ ไม่เพียงแค่นายน้อยจะซาบซึ้งในตัวเจ้าเท่านั้น พี่น้องของเขาก็จะรู้ว่าเจ้าเป็นข้ารับใช้ที่มีความรับผิดชอบ เจ้าจะได้รับผลประโยชน์ไม่ขาดสายในอนาคต”

“ข้าเข้าใจ” กู่ฉิงซานพยักหน้า

พ่อบ้านหลิวกล่าวว่า “เจ้ารู้แล้วสินะว่าต้องพูดยังไง”

“แค่พูดว่าข้าพานายน้อยออกไป”

“ในฐานะที่เป็นข้ารับใช้ เจ้าจะพานายน้อยออกไปได้ยังไง”

“ตอนที่ข้าบอกว่าพานายน้อยออกไปจะต้องมีการฉุกคิดแน่ๆ ว่าขอแค่นายน้อยอยากไปก็ไม่มีใครสามารถห้ามเขาได้”

พ่อบ้านหลิวตบบ่าเขาแล้วกล่าวอย่างพึงพอใจว่า “อืม ฉลาดมาก”

เขาเร่งฝีเท้าเพื่อนำกู่ฉิงซานไปที่ห้อง

“จ้าวบ้าน ผู้อาวุโส ข้าพาคนมาที่นี่แล้ว” พ่อบ้านหลิวรายงาน

กู่ฉิงซานมอง

เขาเห็นจ้าวบ้านของตระกูลเฟยอวี่ ภรรยาของจ้าวบ้าน ผู้อาวุโสของแต่ละสำนักและจ้าวบ้านตระกูลอื่นๆ ต่างมารวมตัวกัน บรรยากาศจริงจังและตึงเครียด

มีรอยตบแดงฉานบนใบหน้าของนายน้อยจาง เขายืนอยู่กับที่ ก้มศีรษะ ไม่พูดไม่จา

ด้านข้างมีผู้อาวุโสสองคนถือสมบัติเอาไว้ พวกเขาเพิ่งใช้วิชาไป

“เรียนจ้าวบ้าน วิญญาณไม่มีปัญหา”

“เรียนจ้าวบ้าน เส้นผมและผิวหนังไม่มีปัญหา”

ทั้งสองรายงานพร้อมกัน

จ้าวบ้านเฟยอวี่คือชายวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์โอ่อ่า เขาพยักหน้าเล็กน้อยไปทางพวกเขาสองคนแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าพยายามได้ดีมาก ผู้อาวุโสทั้งสอง หลี่ซาน ออกมา”

กู่ฉิงซานก้าวมาข้างหน้า คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ประสานมือแล้วกล่าวว่า

“คารวะจ้าวบ้าน ผู้อาวุโสและปรมาจารย์”

จ้าวบ้านยิ้มแล้วกล่าวช้าๆ ว่า “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าพานายน้อยไปดูสิ่งใหม่ๆ เพราะงั้นนายน้อยก็เลยออกไปใช่หรือไม่”

กู่ฉิงซานชำเลืองมองพ่อบ้านหลิว

แม้ว่าพ่อบ้านหลิวจะไม่ได้มองหน้า แต่เขาพยักหน้าให้

กู่ฉิงซานเปิดปากตอบว่า “รายงานจ้าวบ้าน ข้าถูกส่งออกไปซื้อซีอิ๊วและของอื่นๆ ในวันนั้น จากนั้นก็ถูกเรียกตัวกลับมาชั่วคราว ได้ทราบมาจากนายน้อยว่าสมรภูมิเพิ่งจะเริ่ม จึงได้บอกให้ข้ารอดูสถานการณ์ก่อน”

“แสดงว้าไม่ใช่เจ้าสินะ เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้โกหก” จ้าวบ้านถาม

“แน่นอนว่าไม่ใช่ข้า บันทึกเข้าออกกับของที่ซื้อน่าจะมีจดไว้ในตระกูล” กู่ฉิงซานตอบ

พ่อบ้านหลิวหันศีรษะมาจ้องกู่ฉิงซานทันที

กู่ฉิงซานยังคงกล่าวต่ออย่างไม่รีบร้อนว่า “ของต่างๆ ที่ซื้อมาก็ยังอยู่ในกระเป๋าเก็บของของข้า มีตราประทับจากวิชากักเก็บอยู่ด้วย ของพวกนี้ไม่อาจปลอมแปลงได้”

เขาแตะกำไล หยิบซีอิ๊วและอุปกรณ์ทำอาหารออกมา จากนั้นเอามากองบนพื้น

จ้าวบ้านชำเลืองมองก่อนพยักหน้าเล็กน้อย

เดิมวิชาประทับเหล่านั้นก็เป็นหลักฐานอย่างดีอยู่แล้ว แถมครั้งนี้ยังสามารถแกะเวลาที่ร่ายวิชาได้อีกด้วย

ผู้ชมตกอยู่ในความเงียบ

ตอนนั้นเองที่กู่ฉิงซานพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัยว่า “บันทึกนี้จะบอกท่านได้เมื่อทำการตรวจสอบ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมจ้าวบ้านถึงบอกว่าข้าพานายน้อยออกไป เรื่องพวกนี้ไม่มีบันทึกไว้ไม่ใช่หรือ”

บรรยากาศพลันเย็นยะเยือกขึ้นมา

………………………….