webnovel

1210 เสียงสะท้อนงดงามที่เปี่ยมด้วยศิลปะ

ตอนที่ 1210 เสียงสะท้อนงดงามที่เปี่ยมด้วยศิลปะ

“ในฐานะที่ข้าคือตัวแทนกฎหมายของเมืองนี้และเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในศาลฎีกาอนุญาโตตุลาการ”

“ตัวตลก ข้าไม่สนหรอกว่าใครที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากาก แต่ข้าสัญญาว่าเจ้าจะต้องเสียใจ”

หลังจากชายวัยกลางคนกล่าวเช่นนี้ แสงและเงาทั่วร่างค่อยๆ หายไป

เขาหายไปจากร่าง

โดยไม่รู้ตัว ตัวตลกฮัมเพลงเบาๆ ขณะเดินไปที่มุมหนึ่งของธนาคาร

มีแผนที่ของเมืองอยู่

“จุ๊ๆๆ เจอแล้ว”

ตัวตลกเอามือจุ่มโลหิตบนพื้นขณะปาดที่มุมแผนที่อย่างแผ่วเบา

นั่นคือที่อยู่ของศาลฎีกาอนุญาโตตุลาการของเมืองบาป

“หนี้เลือดก็ต้องชำระด้วยเลือด ถึงแม้นี่จะไม่ใช่หนี้ส่วนตัวของข้า แต่ตอนนี้ข้าก็ต้องพยายามให้หนักหน่อยล่ะ”

ตัวตลกพึมพำกับตัวเองขณะยกมือขึ้นแล้วมองนาฬิกาบาป

เจ็ดนาทีผ่านไปอีกครั้ง

จากนั้นแถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

“จากการกระทำของท่าน ทำให้เข้าสู่นาทีที่แปด”

“ท่านสามารถเลือกความสามารถพิเศษที่แตกต่างกันได้เจ็ดอย่าง ระดับของความสามารถเหล่านี้เทียบเท่ากับหน้ากากตัวตลก”

“ท่านยังสามารถเลือกแลกเจ็ดนาทีนี้เพื่อให้ได้ความสามารถที่แข็งแกร่งกว่ามาหนึ่งอย่าง”

“กรุณาเลือกด้วย”

ตัวตลกครุ่นคิดเล็กน้อย

ในโลกใบนี้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดจะแข็งแกร่งกว่าตัวเองสามเท่า แถมเวลามีเพียงสิบสองชั่วโมงเท่านั้น

เขาไม่ใช่จางหยิงห่าว

คนอย่างจางหยิงห่าวสามารถใช้ทุกสิ่งและพลังทั้งหมดได้อย่างเต็มที่เพื่อสังหารศัตรู

นั่นคือวิธีการสังหารของอีกฝ่าย

ส่วนวิธีการต่อสู้ของเขาคงเหมาะกับการคลี่คลายปัญหาในวิธีที่คนอื่นไม่สามารถคาดเดาได้มากกว่า

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ตัวตลกตัดสินใจทางเลือกได้อย่างชัดเจน

“ข้าเลือกแลกเจ็ดนาทีเพื่อให้ได้พลังที่แข็งแกร่งกว่า”

เขาหันหน้าไปทางนาฬิกาบาปขณะกล่าวในใจอย่างเงียบงัน

ด้วยทางเลือกของเขา แถวตัวอักษรสีเทาขนาดเล็กแถวใหม่ปรากฏขึ้น

“เมื่อรวมกับความสามารถส่วนตัวของท่าน นาฬิกาบาปจะมอบพลังพิเศษอย่างที่สองให้ท่าน”

“เสียงสะท้อนงดงามที่เปี่ยมด้วยศิลปะ”

ตกกลางคืน

บนหอระฆังที่อยู่ตรงข้ามกับศาลฎีกาอนุญาโตตุลาการ

ตัวตลกยืนนิ่ง

ที่มุมหนึ่งด้านหลังของเขา สาวงามจำนวนมากนั่งอยู่ที่นั่นขณะกินดื่มอย่างช้าๆ

“พวกเจ้าไม่ต้องตามข้ามมา” ตัวตลกกล่าวโดยไม่หันหลังกลับมา

ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า “ไม่มีทาง พวกข้าเข้ามาพัวพันกับข้อพิพาทของชายร่างใหญ่หลายคนแล้ว ไม่มีเหตุผลให้หนีหรอกนะ”

ผู้หญิงอีกคนกล่าวว่า “ข้าเป็นเพียงเสมียนธนาคารธรรมดา เมื่อครู่ข้าน่าจะตายแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้เป็นสักขีพยานกับการก่ออาชญากรรมของชายร่างใหญ่ ถ้าข้าห่างจากท่านไป คงถูกตามตัวจนถูกฆ่าในไม่ช้า”

ตัวตลกไม่พูด

เขาเพียงจ้องอาคารงดงามเด่นเป็นสง่าท่ามกลางราตรี

ผู้หญิงหลายคนมองหน้ากัน

สามงามคนหนึ่งกล่าวอย่างขลาดกลัวว่า “นายท่าน ทำไมไม่พาพวกข้าไปไกลกว่านี้ล่ะ ด้วยพละกำลังของท่าน ย่อมสามารถหลบหนีจกาเขตอำนาจของศาลอนุญาโตตุลาการเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง”

“หลบหนีหรือ”

ตัวตลกทวนซ้ำ

เขากลับมามีสติก่อนกระแอมลำคอแล้วถามว่า “ใครรู้บ้างว่าศาลอนุญาโตตุลาการทำอะไรได้”

“เรื่องนี้ท่านก็ไม่รู้งั้นหรือ” ผู้หญิงคนหนึ่งถามด้วยความประหลาดใจ

“ข้าสงสัยจริงว่าจะได้รับเกียรติฟังเรื่องราวของเจ้าหรือเปล่า” ตัวตลกทำท่าขอร้อง

ด้วยเหตุผลบางอย่าง พอผู้หญิงเห็นท่าขอร้องของตัวตลกแล้ว ความรู้สึกที่ไม่เคยเจอมาก่อนได้ก่อตัวขึ้นในใจของนาง

นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “ศาลอนุญาโตตุลาการ รัฐสภาและกองทัพคือสองกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองนี้ พวกเขาเหนือกว่าพลเรือน ในยุคนี้ที่วันสิ้นโลกกำลังมาเยือน พวกเขามีสิทธิ์ในการใช้ชีวิตและฆ่า พวกเขามักจะติดต่อกันบ่อยครั้ง ไม่เคยสนใจการดิ้นรนเอาตัวรอดจากความเป็นความตายของคนธรรมดา”

ตัวตลกเอากระบองมาถือแล้วเคาะบนมือ

“ข้าคิดว่าเจ้าก็มีพลังพิเศษอยู่ในร่างเช่นกัน ทำไมถึงไม่เข้าร่วมกับกองกำลังเหล่านี้ล่ะ”

พวกผู้หญิงหัวเราะอย่างขมขื่น

“ความสามารถของข้ามีดีแค่ความเร็วในการคำนวณที่สูงยิ่ง ไม่จำเป็นกับพลังต่อสู้ของพวกเขาหรอก”

“พลังพิเศษของข้าคือตัวอ่อนราวกับไร้กระดูก แต่ข้ากลัวเลือด ไม่ใช่มาตรฐานของนักรบ”

“…”

พวกผู้หญิงสนทนากัน ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเสียงอึกทึกอีกครั้ง

“นายท่าน ท่านทำให้ชายร่างใหญ่ของศาลอนุญาโตตุลาการโกรธแล้ว ดังนั้นหนีไปกับพวกข้าเถอะ”

“ไม่ต้องห่วง พวกข้าจะฟังที่ท่านพูดทุกอย่าง”

“ขอแค่พวกท่านให้พวกข้ามีชีวิตรอดต่อไปก็พอ”

ตัวตลกฟังขณะมองพวกผู้หญิงเงียบๆ

จากดวงตาหลายคู่ เขาเห็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอด

ตัวตลกไอเล็กน้อยก่อนถามว่า

“ศัตรูแข็งแกร่งมากเลยหรือ”

พวกผู้หญิงพยักหน้า

ตัวตลกปรบมือก่อนกล่าวอย่างมีความสุขว่า “เยี่ยม ข้าพี่ชายที่สอนวิธีรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อยู่”

“ต้องทำยังไงหรือ” ผู้หญิงคนหนึ่งถามอย่างอาจหาญ

ตัวตลกตอบว่า “เวลาเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเจ้า ขอแค่ไม่ให้มือถือไปก็เป็นอันใช้ได้แล้ว”

ตัวตลกหยิบกระบองออกมาเคาะอิฐเบาๆ ก่อนเริ่มพูดพล่ามไปเรื่อย

“ฉากนี้ทำให้ข้านึกถึงบทพูดบางอย่าง ขอรำลึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาหน่อยนะ”

“มีผู้คนมากมายบนโลกใบนี้ที่ไม่มีหน้ากาก แต่พวกเขาก็ซ่อนตัวเองด้วยวิธีอื่น; ข้าสวมหน้ากากเพื่อเปิดวิญญาณจนกลายเป็นตัวข้าอย่างแท้จริง”

“ในเมืองบาปแห่งนี้ ข้าควรจะฟังเสียงของตัวเอง”

“ต้องแบบนั้นแหละ”

ตัวตลกเอากระบองชี้ไปทางศาลอนุญาโตตุลาการ

ตูม!!!

ควันสีดำและเปลวเพลิงทะยานขึ้นท้องนภา

เสียงระเบิดรุนแรงเสียดแทงแก้วหู

ปฐพียังคงสั่นไหว

สายลมแรงกล้าพัดหวีดหวิว

“บาปทั้งหมดในโลกจะต้องถูกกำจัด นี่คือหลักการของกฎเกณฑ์แห่งเหตุและผลและยังเป็นคำตอบที่ข้าจะมอบให้อีกด้วย”

“เสียงสะท้อนงดงามที่เปี่ยมด้วยศิลปะ!”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ !”

ตัวตลกหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

นาฬิกาในมือของเขาหมุนอย่างบ้าคลั่ง

ศาลอนุญาโตตุลาการที่โอ่อ่าตระการตาพังทลายก่อนหายไป

ร่างหนึ่งสะดุดออกจากซากปรักหักพังเพื่อกำลังจะหนี แต่กลับถูกตัวตลกคว้าเอาไว้ได้กลางอากาศก่อนพากลับมาที่หอระฆังทันที

ปัง!

ร่างดังกล่าวถูกขว้างอย่างรุนแรงจนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น

ตัวตลกเคลื่อนลงมาขณะจับหน้าอีกฝ่ายหันมาแล้วกระซิบว่า “ท่านหัวหน้าผู้พิพากษา ข้าคิดว่านับตั้งแต่นี้ไป ท่านสามารถละทิ้งหน้าที่เหล่านั้นเพื่อไปผ่อนคลายในแม่น้ำเหลืองได้แล้ว”

ผู้ชายบนพื้นทุบหัวของเขา มือข้างหนึ่งเสียไปจากแรงระเบิด ลมหายใจรวยริน “ปะ… ปล่อยข้าไป ข้าคือ”

“เขาเป็นคนของข้า”

ในท้องนภา เสียงผู้ชายโอ่อ่าดังขึ้น

ตัวตลกเงยหน้ามอง

ชายชราเคราเทาสวมชุดทางการยืนอยู่ในอากาศอย่างเคร่งขรึม

“เจ้าเป็นใคร” ตัวตลกถามอย่างแผ่วเบา

สามเท่า

พละกำลังของชายชราคนนี้แข็งแกร่งกว่าเขาสามเท่า

ในใจของตัวตลกประเมินแนวโน้มของการต่อสู้อย่างรวดเร็ว

ชายชราก้มมองลงมาก่อนตอบอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าคือผู้ดูแลที่นี่ เป็นข้ารับใช้ของผู้รอคอย เจ้าพยายามจะฆ่านายท่านของข้า”

ตัวตลกยืนขึ้นก่อนดีดนิ้ว

ตะขอยาวปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนตกลงบนคอของหัวหน้าผู้พิพากษา

“พูดมาให้ชัด” ตัวตลกกล่าว

ปากของชายชราเผยรอยยิ้มเสียดสีก่อนกล่าวว่า “เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ การทดสอบของเจ้าอยู่ในที่ของข้า ตอนนี้เจ้ากล้ามาแตะต้องนายท่านของข้าอีก นี่คิดว่าผลลัพธ์ของเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นยังไงหรือ”

“ปล่อยนายท่านข้า จากนั้นก็ทำในสิ่งที่เจ้าควรทำดีๆ ”

“จำเอาไว้ นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาแสดงความอวดดีได้”

ตัวตลกไม่ขยับ

ชายชราขมวดคิ้วและเตรียมจะพูดบางอย่างอี

ตัวตลกพลันกระโดดขึ้นมาแล้วยืนขึ้นทางฝั่งซ้ายของหัวหน้าผู้พิพากษาแล้วตะโกนว่า “โทษทีนะ คนที่กำลังจะฆ่าคือสัตว์ขี่ของข้า ไม่สิ ยังอยากจะฆ่าเขาอยู่หรือเปล่า จริงสิ เขาคือศิษย์ของข้า ไม่ๆ ยังจะยืนกรานฆ่าเขาอยู่หรือเปล่า เอาตรงๆ ลูกทูนหัวของข้า”

หลังจากกล่าวประโยคเหล่านี้ เขากระโดดมาอยู่ฝั่งขวาของหัวหน้าผู้พิพากษาอีกครั้ง สีหน้าดูประหลาดใจ หวาดกลัวและสั่นสะท้าน “กลายเป็นว่าเขาคิดไปเองทั้งหมด เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด ก็ได้ เจ้าสามารถเอาตัวเขาไปได้”

“ลาก่อน”

“ลาก่อน”

หลังจากแสดงจบ ตัวตลกย่อตัวลงตรงหน้าผู้พิพากษาอีกครั้งแล้วถือตะขอยาวเอาไว้

“ดูนะ”

ตัวตลกหัวเราะเล็กน้อย

ตะขอยาวโบกไปมา

ศีรษะของผู้พิพากษาถูกเขาตัดจนมาอยู่ในมือ

“คิกๆๆๆๆ คิดว่าข้าจะปล่อยนายท่านเจ้าไปงั้นหรือ”

ตัวตลกกรีดร้องออกมา

“จุดจบแบบนั้นมันน่าเบื่อเกินไป เอาล่ะ ข้าจะมอบจุดจบที่ดาร์คยิ่งกว่าให้เจ้าเอง”

ตัวตลกเฉยศีรษะให้ชายชราที่อยู่บนท้องนภาเห็นจนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“คิกๆๆๆๆ ไม่ประหลาดใจหรือว่าประหลาดใจล่ะ”

สิ้นประโยคนี้ เข็มนาทีและวินาทีบน “นาฬิกาบาป” เปลี่ยนไปอย่างบ้าคลั่ง!

………………………………..