webnovel

1206 โถงทองแดง

ตอนที่ 1206 โถงทองแดง

แสงสีเขียววูบไหวในโถง

หลายคนปรากฏตัวขึ้น

กู่ฉิงซาน เย่หรูซี จางหยิงห่าว เย่เฟยหลี วิญญาณกรีดร้อง ผู้บำเพ็ญเพลิง

เย่หรูซีกอดอกแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าสามารถเริ่มลองติดต่อกับผู้รอคอยได้แล้ว”

ทุกคนมองรอบข้าง

ทั่วโถงสร้างจากทองแดง ว่างเปล่า โดดเดี่ยว ไม่มีที่สิ้นสุด

ในโถงทองแดง รูปปั้นยืนนิ่ง

รูปปั้นเหล่านี้มีรูปทรงแตกต่างกันออกไป บ้างเป็นรูปลักษณ์มนุษย์ บ้างเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บ้างไม่ใช่ทั้งสัตว์ประหลาดและมนุษย์ ไม่รู้ได้ว่าพวกมันคืออะไร

กู่ฉิงซานเห็นบอลที่เต็มไปด้วยหนามติดอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมที่ทำจากทองแดง

นี่ก็เป็นผู้รอคอยหรือ

ทุกคนลอบประหลาดใจ ไม่ช้าก็สงบลง

ช่างน่าเหลือเชื่อ ผู้รอคอยเหล่านี้สร้างความโกลาหลขึ้นมา

ทันทีที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทุกคนมองไปที่รูปปั้นทองแดงเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องยากที่หัวใจจะยอมรับมัน

วิญญาณกรีดร้องถามว่า “มีอะไรที่ต้องให้ความสนใจหรือเปล่า”

เย่หรูซีตอบว่า “ไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสามารถหาคำขอของอีกฝ่ายเจอหรือไม่ตอนที่สัมผัสรูปปั้น”

วิญญาณกรีดร้องและผู้บำเพ็ญเพลิงสงสัย

เย่หรูซีปิดปากและไม่กล่าวอะไรอีก

ขณะลอบใช้กระแสจิต นางกระซิบบอกพวกกู่ฉิงซานทั้งสามคนว่า “จงแสดงความเคารพแล้วบอกกับรูปปั้นด้วยหัวใจจริงว่าพวกเจ้ากระหายพลังและกระตือรือร้นที่จะทำทุกอย่างเพื่อยุคโกลาหล”

พวกเขาสามคนเข้าใจ

ตอนนี้ ทุกคนยืนนิ่งไม่ขยับ

ดูเหมือนทุกคนกำลังมองรูปปั้นจำนวนมาก ยังไงเสีย พวกเขาจะได้ตำแหน่งเทพแห่งความโกลาหลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคดีในครั้งนี้

นี่คือช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนยิ่ง

วินาทีต่อมา

ในที่สุดใครบางคนก็เคลื่อนไหว

กู่ฉิงซานใช้พลังวิญญาณทั้งหมดก่อนพลันเหาะไปทิศทางหนึ่ง

เมื่อทุกคนตอบสนอง เขามายืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นแตกหักตัวหนึ่งแล้ว

“เย่หรูซี เจ้ากำลังพูดถึงรูปปั้นนี้ใช่หรือเปล่า” กู่ฉิงซานถามเสียงดัง

ขณะถาม เขาเอื้อมมือไปสัมผัสรูปปั้นแตกหัก

เพียงชั่วพริบตา

ตูม!!!

คลื่นอากาศร้อนกระทบเข้าใส่ ผลักกู่ฉิงซานออกไปหลายฟุต

ผู้บำเพ็ญเพลิงเข้ามาแทนที่กู่ฉิงซานขณะยืนอยู่หน้ารูปปั้นแตกหัก

พลังของมันถูกคลายแล้ว ถึงแม้มันจะมีข้อกำจัดบัญญัติและความโกลาหลที่ทำให้ไม่สามารถสังหารกู่ฉิงซานได้ แต่การผลักกู่ฉิงซานออกไปนั้นนับเป็นเรื่องง่าย

กู่ฉิงซานยืนขึ้นอย่างยากลำบากเพื่อเผชิญหน้ากับคลื่นอากาศ

เขากล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “รูปปั้นมีตั้งมากมาย ทำไมเจ้าต้องมาแย่งตัวนี้ที่ข้าเลือกด้วย!”

“เจ้าเลือกแล้วหรือ”

ผู้บำเพ็ญเพลิงมองเขา จากนั้นมองเย่หรูซีแล้วตอบอย่าเหยียดหยันว่า “ข้ารู้แค่ว่าเจ้ากำลังจะเอื้อมมือไปสัมผัสเฉยๆ เท่านั้น”

มันยิ้มอย่างมีชัยก่อนวางมือบนรูปปั้นแตกหัก

แสงเลือนรางวูบไหวบนรูปปั้น

เพียงพริบตา ผู้บำเพ็ญเพลิงถูกห่อหุ้มในแสงระยิบระยับนี้ก่อนหายไปจากโถงทองแดง

กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วพึมพำออกมาว่า “ข้าถูกมันแย่งไปแล้ว”

ทุกคนเงียบ

เย่หรูซีลอบกระซิบว่า “ข้าไม่ได้พูดถึงรูปปั้นตัวนั้นสักหน่อย”

“ข้ารู้” กู่ฉิงซานขัดนาง “แต่เจ้าบอกว่าเป็นการยากที่รูปปั้นแตกหักจะมอบเมล็ดพันธุ์แห่งความโกลาหลที่สมบูรณ์ให้ ใช่หรือเปล่า”

เย่หรูซีประหลาดใจก่อนส่งกระแสจิตกลับมาว่า “ใช่”

“ดังนั้นข้าก็เลยให้มันไป” กู่ฉิงซานกล่าว

จากนั้นเย่หรูซีถึงเข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น

กู่ฉิงซานหลอกอีกฝ่าย

“…ช่างเป็นชายที่เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก”

เย่หรูซีกล่าวในใจอย่างแผ่วเบา

ทันใดนั้น เสียงปรบมือดังขึ้น

ทุกคนหันไปมอง เป็นวิญญาณกรีดร้องที่ปรบมือ

ขณะปรบมือ มันกล่าวด้วยเสียงชายหญิงพร้อมกันว่า

“แสดงเก่งเหลือเกิน กู่ฉิงซาน”

กู่ฉิงซานไม่สนใจมากนักก่อนยิ้มออกมา “เจ้ามองออกได้ยังไงหรือ”

“มองสหายของเจ้ากับสีหน้ายังไงล่ะ”

วิญญาณกรีดร้องกล่าวว่า “สหายของเจ้าล้วนประหลาดใจ ตอนเทพแห่งความโกลาหลองค์นี้ได้ยินเจ้าบอกเรื่องรูปปั้นแตกหัก สีหน้าของนางเผยความสับสน”

“แสดงว่า นางไม่ได้พูดถึงรูปปั้นตัวนั้น”

“เจ้ากำลังหลอกพวกข้า”

มันอ้าแขนออกแล้วกล่าวต่อว่า “พูดตามตรง ถ้าเจ้าทำแบบนี้คนเดียว ข้าอาจจะถูกหลอกไปด้วย แต่ตอนนี้เจ้ามีสหายอยู่ด้วย พอข้ามองสีหน้าพวกเขา ข้าถึงได้รู้ว่าเจ้าคิดจะหลอกข้าอีกแล้ว”

“สุดยอด” กู่ฉิงซานชม

จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีตอบสนองเช่นกัน

“คาดไม่ถึงว่าพวกข้าจะตามไม่ทัน”

จางหยิงห่าวถอนหายใจก่อนหยิบแว่นกันแดดออกมาจากแขนเสื้อ

“นี่คือแว่นกันแดดรูปแบบมาตรฐานที่ใช้สวมตรงสันจมูก สามารถปิดกั้นการแสดงสีหน้าได้”

เมื่อสวมให้ตัวเองเสร็จ เขาส่งแว่นกันแดดให้เย่เฟยหลี

เย่เฟยหลีกล่าวว่า “แต่ก็ถูกเปิดโปงแล้ว”

“วัวหายล้อมคอก” จางหยิงห่าวกล่าว

เย่เฟยหลีรับแว่นกันแดดก่อนสวมมันไว้ที่สันจมูก

จางหยิงห่าวส่งให้เย่หรูซีอีกอัน

เย่หรูซีกล่าวว่า “ข้ามีทั้งผ้าปิดตาและหน้ากากอยู่แล้ว”

“แต่เจ้าก็ยังถูกเปิดโปงเรื่องอารมณ์เมื่อครู่อยู่ดีนี่” จางหยิงห่าวกล่าว

เย่หรูซีรับมาก่อนสวมไว้ที่สันจมูก

จางหยิงห่าวมองกู่ฉิงซานก่อนเก็บแว่นกันแดดอีกอันให้แล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องเอาหรอก เพราะว่าเป็นนักแสดงนี่นะ”

กู่ฉิงซานนิ่ง

เขามองวิญญาณกรีดร้องแล้วกล่าวว่า “ทั้งที่เจ้ามองออกแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมบอกความจริงกับผู้บำเพ็ญเพลิง นี่ทำให้ข้าสับสนนิดหน่อย”

วิญญาณกรีดร้องเปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชายแล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าคือผู้นำของยุคโกลาหลและเป็นเทพที่แท้จริงผู้แข็งแกร่งที่สุด นอกจากเทพแห่งชีวิตไร้ค่าแล้ว ข้าก็ไม่ต้องการขยะตัวไหนมาแบ่งอำนาจนี้”

มันพลันนั่งลงที่เดิมก่อนหลับตา

“ข้าจะไม่ขยับจนกว่าเจ้าจะเลือกรูปปั้น” มันกล่าวทิ้งท้าย

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ทุกคนอดที่จะมองหน้ากันไม่ได้

พูดอย่างไรดี

เมื่อไม่รู้ข้อมูลก็มีแต่ต้องสังเกตการเลือกของพวกกู่ฉิงซานถึงจะได้ข้อมูลที่แท้จริงมา

นี่เป็นทางเดียว ถึงจะเสียหน้านิดหน่อยก็ช่าง

คาดไม่ถึง วิญญาณกรีดร้องจะเลือกวิธีที่หน้าไม่อายแบบนี้

“ช่างเถอะ ไม่ต้องไปสนมัน พวกเราไปเลือกกันเถอะ”

กู่ฉิงซานกล่าว

เย่หรูซีกล่าวเช่นกันว่า “ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ พวกเจ้าต้องดู สัมผัสและสำรวจด้วยตัวเองเพื่อหาผู้รอคอยที่เหมาะกับตัวเอง”

“ผู้รอคอยที่เหมาะสมกับพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเหมาะสมกับสัตว์ประหลาดนั่น ดังนั้นพวกเจ้าต้องพยายามเลือกด้วยตัวเอง”

นี่นับว่ามีเหตุผล พวกเขาสามคนพยักหน้าเล็กน้อย

“ข้าขอเดินดูรอบๆ หน่อยแล้วกัน” จางหยิงห่าวเดินไปทางหนึ่ง

“เช่นนั้นข้าเดินไปทางนั้น เหมือนจะมีบางอย่างดึงดูดข้า” เย่เฟยหลีกล่าว

เขาเปลี่ยนทางก่อนมองรูปปั้นรอคอยแล้วเดินไปหา

กู่ฉิงซานยืนนิ่ง

เขารู้สึกถึงเสียงเรียกหาบางอย่างเช่นกัน

นี่เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยยิ่ง

ใครกันที่มาอยู่ในสถานที่แบบนี้…

วิญญาณกรีดร้องลืมตาขึ้นขณะสังเกตการเคลื่อนไหวของทุกคนเงียบๆ

ตอนนี้ เย่หรูซีมองกู่ฉิงซานแล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า “กู่ฉิงซาน ทำไมเจ้าไม่ขยับล่ะ”

กู่ฉิงซานกลับมามีสติก่อนมองวิญญาณกรีดร้องที่กำลังนั่งอยู่

ทั้งสองสบตากัน

ตอนนี้ ถึงแม้ทุกสิ่งจะราบรื่นไม่มีอันตราย ทั้งสองฝั่งต่างเข้าใจสิ่งหนึ่งพร้อมกัน

นี่คือวันสิ้นโลกครั้งสุดท้าย

กู่ฉิงซานยิ้มแล้วตอบว่า “แน่นอนว่าข้ากำลังจะไปเลือก”

เขาหยุดให้ความสนใจวิญญาณกรีดร้องขณะเล็งไปทิศทางหนึ่งแล้วเดินไปยังส่วนลึกของโถง

ภายในโถง มีรูปปั้นมากมาย

กู่ฉิงซานยังคงเดินขณะผ่านรูปปั้นมากมาย

“ความรู้สึกของเสียงเรียกนี้… มาจากไหนกัน”

เขาครุ่นคิดในใจเงียบๆ

ราวกับเสียงกระซิบนับไม่ถ้วน ทุกครั้งที่เดินไปทางถูก เสียงจะดังขึ้น ทุกครั้งที่เดินไปทางผิด เสียงจะเบาลง

กู่ฉิงซานพยายามหาทางที่ถูกอย่างช้าๆ จนไปถึงมุมหนึ่งของโถง

มีรูปปั้นพิเศษตัวหนึ่งอยู่ที่นี่

บนฐานมีรูปปั้นที่ทำจากกรวดตั้งอยู่

มันคือรูปปั้นแตกหักที่แม้แต่หน้าตาก็ไม่อาจทำให้จดจำได้

เสียงเรียกนั่นมาจากรูปปั้นตัวนี้

กู่ฉิงซานมองมันสักพัก ทำได้เพียงตัดสินคร่าวๆ ว่านี่คือรูปลักษณ์ของผู้หญิง

แต่คนคนนี้คือใครกัน

ดวงตาของเขาจับจ้องกรวด

“ทราย…”

กู่ฉิงซานกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นก็คิดถึงใครบางคนในใจ

ทรายอมตะ จ้าวแห่งเวลา ราชินีของวิญญาณธาตุ นายหญิงในตำนาน

ฟู่สื่อ

นางมีความลับซ่อนอยู่เช่นกัน

ตราบที่นางอยู่ที่นี่ ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขาคือเทพปฐพีจากสี่เทพอันชอบธรรมแห่งความว่างเปล่า

แต่ทำไมรูปปั้นของนางถึงมาปรากฏตัวที่นี่ล่ะ

นางเป็นผู้รอคอยเหมือนกันหรือ

ความลึกลับจำนวนมากถาโถมเข้าสู่จิตใจของกู่ฉิงซาน ทำให้เขาไม่สามารถหาความจริงได้สักพัก

“ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง…”

กู่ฉิงซานพึมพำขณะยื่นมือออกไปแตะรูปปั้นแตกหักอย่างแผ่วเบา

กรวดที่สร้างรูปปั้นผู้หญิงขึ้นมาล้วนกระจายออก

สายลมที่มองไม่เห็นค่อยๆ ก่อตัว

กรวดหมุนอย่างรวดเร็วในสายลมขณะปกคลุมกู่ฉิงซานจนสิ้น

วินาทีต่อมา กู่ฉิงซานหายไปจากโถงทองแดง

อีกฝั่งของโถงทองแดง

วิญญาณกรีดร้องยืนขึ้นทันที

เดิมมันจับตาดูทั้งสามคนเงียบๆ โดยให้ความสนใจที่กู่ฉิงซานเป็นพิเศษ

คาดไม่ถึง กู่ฉิงซานเลือกรูปปั้นแตกหัก จากนั้นก็หายไป

หรือว่า…

เขาปลุกผู้รอคอยขึ้นมา จากนั้นก็รับบททดสอบของผู้รอคอยหรือ

วิญญาณกรีดร้องกำหมัด

ทันทีที่กู่ฉิงซานผ่านการทดสอบ สิ่งที่รอคอยมันอยู่ก็จะเป็น…

รอต่อไปไม่ไหวแล้ว!

วิญญาณกรีดร้องก้าวยาวเพื่อเริ่มเลือกรูปปั้นตัวหนึ่งในโถง

ขณะเลือก มันวิเคราะห์การกระทำทั้งหมดของกู่ฉิงซานตั้งแต่เข้ามาที่โถงทองแดง

กู่ฉิงซาน

ครั้งแรก รูปปั้นแตกหักถูกผู้บำเพ็ญเพลิงเลือกก่อนถูกพาตัวไป

ครั้งที่สอง มันเลือกรูปปั้นแตกหักด้วยตัวเอง

รูปปั้นแตกหัก!

วิญญาณกรีดร้องเข้าใจช้าๆ

นี่อาจจะเป็นการกระทำตามจิตสำนึกของมนุษย์ ต่อให้จะโกหกแต่ก็เป็นทางเลือกที่ถูกต้องโดยไม่รู้ตัว

วิญญาณกรีดร้องตรวจสอบโถงทองแดง

ถึงแม้จะมีรูปปั้นแตกหักไม่มาก แต่ก็ยังมีบางส่วนเหลืออยู่

“ดีมาก ข้าจะเลือกจากรูปปั้นแตกหักเหล่านี้แล้วกัน…”

วิญญาณกรีดร้องตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย…

……………………………