ตอนที่ 1151 บรรจบ
สงครามได้เริ่มขึ้น
ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น ยอดฝีมือที่มุ่งเข้าสู่ความปั่นป่วนได้มาถึงพื้นที่เอกฐานขณะโอบล้อมอาณาจักรหนามเอาไว้ชั้นแล้วชั้นเล่า
พวกเขากำลังเปิดฉากโจมตีอย่างดุเดือด
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ หมัดเหล็กในตำนานอย่างแบร์รี่ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย”
ใครบางคนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ผู้โหลดความโกลาหลเจ็ดถึงแปดร้อยคนกระตือรือร้นที่จะไล่ล่าหมัดเหล็กแบร์รี่ขณะระเบิดการโจมตีด้วยวิชาตระการตาเป็นครั้งคราว
แบร์รี่สู้ไปถอยไป บางครั้งจะหาโอกาสเหมาะ ๆ เพื่อพุ่งเข้าไปสังหารคนที่หยิ่งทะนงที่สุด
เมื่อใดที่ถึงช่วงเวลานี้ จะมีการโจมตีรุนแรงมากมายมาที่เขาเพื่อสกัดกันเอาไว้
เขาดูกระดากอายยิ่งจนอยากจะตายให้ได้
ไม่มีทางเลย ในโลกหลายร้อยล้านใบ มีผู้คนมากเกินไปที่ข้องเกี่ยวกับความโกลาหล เทียบกันแล้วกำลังคนของอาณาจักรหนามมีจำกัดจริง ๆ
ในที่สุดการโอบล้อมแบร์รี่ก็ได้ผล
ในความว่างเปล่าผู้โหลดความโกลาหลมากกว่าพันคนล้อมแบร์รี่เอาไว้
เขาไม่ถอย
ตอนนี้ความโกลาหลไม่รีบร้อน ทุกคนก้าวมาข้างหน้าเพื่อโจมตีขณะผลัดกันเข้าไปสู้กับแบร์รี่
…ยังไงเสีย หมัดเหล็กของแบร์รี่ไม่ใช่ธรรมดา หากเผชิญหน้ากับแบร์รี่เพียงลำพัง จุดจบมีเพียงแค่ความตาย
นี่คือกลยุทธ์หมาหมู่ ทำให้แบร์รี่เหนื่อยล้าจนไม่สามารถหลบหนีได้
ความโกลาหลทรงพลังที่รับผิดชอบเรื่องสั่งการพุ่งออกมาขณะก้มมองแบร์รี่จากที่สูง จากนั้นส่ายหน้า “จุ๊ ๆ ๆ นักสู้หมัดเหล็กที่น่าสงสาร เวลาของเจ้ามันผ่านพ้นไปแล้ว…ทว่าเพื่อผลประโยชน์แก่การบูชายัญในอดีต เจ้าสามารถพูดได้เป็นครั้งสุดท้าย”
แบร์รี่กระอักโลหิตออกมาขณะรับมือความโกลาหลที่โจมตีเข้ามาด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างเขาหยิบบางสิ่งที่ดูเหมือนวิทยุสื่อสารออกมาแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “เฟยหลี ข้าล่อกองกำลังมันมาได้มากพอแล้ว”
เสียงของเย่เฟยหลีดังมาจากวิทยุสื่อสาร
“ดีมาก อย่างที่คิดวิธีการดึงดูดสัตว์ประหลาดเพื่อล่อพวกมันออกมายังใช้ได้ผลอยู่”
เสียงจางหาย
แสงบางเย็นเยือกปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าก่อนหายไปราวกับลำแสงไฟฟ้า
แสงเย็นเยือกกระแทกใส่คนของความโกลาหล
ความโกลาหลยังปลอดภัยดี
มันนิ่งไปสักพักก่อนพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ มันอดที่จะกล่าวเย้ยหยันไม่ได้ว่า “อยากจัดการข้าด้วยการโจมตีแบบนี้งั้นหรือ”
ก่อนจะทันได้พูดจบ ใบหน้าของผู้บัญชาการพลันเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงก่อนตะโกนออกมาด้วยเสียงคมปลาบว่า “ไม่ ออกไป!”
…แต่นั่นมันสายเกินไปแล้ว!
แสงบางเย็นเยือกอีกสายวูบไหวขณะกระแทกใส่คนของความโกลาหลอีกคน
หลังจากนั้นจากทิศทางของอาณาจักรหนาม แสงเย็นเยือกนับไม่ถ้วนผ่านความว่างเปล่าขณะปกคลุมคนของความโกลาหลนับพันที่อยู่ที่นี่
นั่นคือแสงแห่งความตาย
เมื่อกระแทกใส่ศัตรู มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะตายทันที
หากจอมเวทเงาทรงพลังเป็นผู้ร่ายวิชานี้ ความเป็นไปได้ในการสังหารศัตรูจะเพิ่มขึ้นด้วยพละกำลังของเขา
หากใช้อุปกรณ์เวทมนตร์เพื่อปล่อยการโจมตีดังกล่าว ความเป็นไปได้ในการสังหารศัตรูจะต่ำมาก
แต่ก็ไม่เป็นไร
อาณาจักรหนามใช้เครื่องยิงแสงแห่งความตายสามล้านเครื่องพร้อมกันเพื่อปกคลุมพื้นที่นี้จนมิดและไม่มีช่วงเวลาให้หยุดพัก
ถ้าแบบนี้ ต่อให้ความเป็นไปได้ในการสังหารศัตรูจะต่ำ แต่ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตภายใต้การโจมตีที่โหมกระหน่ำขนาดนี้ได้
ไม่ช้าคนของความโกลาหลทั่วน่านฟ้ากลายเป็นซากศพที่ลอยไปมา
มีเพียงแบร์รี่ที่ยังยืนอยู่ในความว่างเปล่า
เขาปลอดภัยดี
นั่นเพราะ...
เขาจะไม่ตายยามที่ต่อสู้
“กลุ่มคนโง่ที่ไม่มีแม้แต่สมองกล้ามาสอนสั่งคนอื่นด้วยคำพูดคำจาหยาบกร้านเสียอย่างนั้น” แบร์รี่กล่าวอย่างเย็นชา
เขามองท้องนภา ดวงตาเฉยชาค่อย ๆ เผยความกังวล
คนของความโกลาหลนับพันคุ้มกันไกลออกไปขณะสร้างป้อมปราการชั่วคราวขึ้นมา
พวกมันไม่เริ่มเปิดฉากโจมตี เพียงแค่คุ้มกันป้อมปราการอย่างใกล้ชิด
กลุ่มมหาอำนาจความโกลาหลเหล่านั้นที่มีความรู้ต่างมิติกำลังร่วมมือกันสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายพริบตาขนาดใหญ่
วิญญาณกรีดร้อง เทพแห่งชีวิตและมังกรมารกำลังเดินทางผ่านมิติและเวลา พวกมันจะกลับมาในไม่ช้า
อาณาจักรหนาม
พระราชวัง
“รายงาน…นายท่าน ศัตรูมาจากทุกทิศทางของโลกเก้าร้อยล้านชั้น มีหลายที่ที่พวกเราไม่สามารถบุกเข้าไปได้ ทำให้ไม่สามารถทำลายค่ายกลเคลื่อนย้ายพริบตาขนาดใหญ่มากได้!”
ลอร่าอดที่จะรู้สึกวิตกเล็กน้อยไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น
ถึงแม้อาณาจักรหนามจะเป็นอาณาจักรที่มั่งคั่งที่สุดในโลกเก้าร้อยล้านชั้น แต่ยุคความโกลาหลได้ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกเก้าร้อยล้านชั้นไปแล้ว
โลกหลายร้อยล้านใบย่อมมีผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน
แม้กระทั่งอาณาจักรหนามก็ไม่สามารถรับมือได้ทั้งหมด
“นั่นคือทางเดียว” ลอร่ากล่าว “ลิเลีย เอาอาวุธโจมตีระยะไกลมากในคลังสมบัติออกมาแล้วแจกจ่ายให้คนของเรา”
“ขอรับ!”
“แล้วก็ตระเตรียมกำลังคนในการเตรียมสมบัติสำหรับการโจมตีครั้งเดียว ถ้าไม่สามารถต้านเอาไว้ได้ก็ใช้มันเลย!”
“รับทราบ!”
“ส่วนต้นไม้หนามโบราณ มันเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์แล้ว!”
ตอนนี้ประตูตำหนักถูกผลักออก แบร์รี่เดินเข้ามาในสภาพโชกโลหิต
“…เดี๋ยวก่อน แบบนี้มันไม่ถูก”
แบร์รี่กล่าว
“เกิดอะไรขึ้นหรือ อาแบร์รี่” ลอร่าถาม
แบร์รี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “จำนวนศัตรูมากเกินไป ข้าไม่กลัวตายและตายไม่ได้ก็จริง แต่การต่อสู้แบบนี้มันเปล่าประโยชน์ ข้าบุกไปแนวหน้ามารอบหนึ่งแล้ว รู้สึกเลยว่าทุกตารางนิ้วของร่างกายถูกทำลายไปนับครั้งไม่ถ้วน จากนั้นข้าจึงถูกกระแทกจนลอยขึ้นกลางอากาศ”
แบร์รี่มีประสบการณ์การต่อสู้ในโลกหลายร้อยล้านใบ
แม้กระทั่งเขาก็ยังรู้สึกได้ แล้วคนอื่นยังจะกล้าสู้อีกหรือ
ไม่ใช่แค่นั้น วิญญาณกรีดร้องในตอนนี้ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นเทพแล้ว แถมมันยังได้รับการสนับสนุนจากเทพแห่งชีวิตและมังกรมาร ด้วยพลังของโลกเก้าร้อยล้านชั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดพวกมันทั้งหมด
แบร์รี่ลังเลแล้วกล่าวต่อว่า “เว้นแต่ว่าเจ้าจะมีสมบัติที่อยู่เหนือวิชาทั่วไปจนมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนการต่อสู้ทั้งหมด…เหมือนกับเทวภัณฑ์ของภูตชิ้นนั้นน่ะ”
ลอร่าถอนหายใจแล้วกล่าวอย่างไม่เต็มใจว่า “น่าเสียดาย สมบัติส่วนใหญ่ที่ข้าเคยเห็นล้วนเป็นของดีในโลกเก้าร้อยล้านชั้น สมบัติที่แข็งแกร่งกว่าของเหล่านี้ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ ดังนั้นข้าสามารถสัมผัสของเหล่านี้ได้ก็จริง แต่ความเป็นไปได้น้อยมาก”
ทุกคนเงียบ
…ลอร่าต้องเคยเห็นสมบัติมาระดับหนึ่งก่อนถึงจะสามารถสัมผัสบางสิ่งในระดับเดียวกันได้
ยิ่งนางเคยเห็นมามากเท่าไหร่ ความเป็นไปได้ที่นางจะสามารถสัมผัสได้ยิ่งมากตามเท่านั้น
น่าเสียดายที่ในโลกเก้าร้อยล้านชั้นมีสมบัติทรงพลังไม่กี่ชิ้นที่เทียบเท่ากับเทวภัณฑ์ของภูต
ต่อให้มีก็หาได้ยากยิ่ง
เหล่าต้าครุ่นคิดสักพักก่อนหยิบตรีศูลสีดำในมือออกมาแล้ววางตรงหน้าลอร่าแล้วกล่าวว่า “เจ้าสัมผัสสิ่งนี้ดูสิ”
ลอร่าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “มันก็แค่อาวุธดี เปล่าประโยชน์สำหรับพวกเราที่จะเดินตามรอยพระบาทของพุทธองค์ชั่วคราวด้วยวิธีนี้ มันแค่เพิ่มความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ถึงกระนั้นนางจับตรีศูลสีดำแล้วมองรอบข้าง
“สิ่งนี้ฆ่าสิ่งต่าง ๆ มามากมาย ข้ารู้สึกรังเกียจมันเล็กน้อย” ลอร่ากล่าวด้วยความไม่ชอบใจ
ไม่ช้า
“เอาล่ะ ข้าเห็นมันแล้ว มีของดีอย่างอื่นอีกหรือเปล่า”
ลอร่ามองกลุ่มคนขณะถาม
แบร์รี่มองเสี่ยวเมียว เสี่ยวเมียวมองเย่เฟยหลี เย่เฟยหลีมองจางหยิงห่าว จางหยิงห่าวมองปืนไรเฟิลซุ่มยิงเบาในมือ พวกเขาส่ายหน้าก่อนมองกลับมาที่แบร์รี่
แบร์รี่ยักไหล่แล้วกล่าวว่า “ถุงมือเพียงหนึ่งเดียวของข้าได้รับมาจากนายท่าน ดังนั้นอย่ามามองข้า ส่วนกลุ่มพี่น้องที่ยังสู้อยู่ข้างนอก พวกเขาจัดการโลกมาหลายร้อยชั้น ถึงจะน่าแปลกนิดหน่อย แต่พวกเขาไม่เคยเห็นของดีในโลกเก้าร้อยล้านชั้นมาก่อนเลย”
เขามอง “กู่ฉิงซาน”
“กู่ฉิงซาน” กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ลอร่า เจ้าสัมผัสข้าไปก่อนหน้านี้แล้ว ข้าไม่มีอะไรจะให้เจ้าสัมผัสแล้วล่ะ”
ทุกคนเงียบ
ทำไมพอฟังแล้วมันดูพิลึกชอบกล
แอนนายักคิ้ว แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร
อีกฝ่ายไม่ใช่กู่ฉิงซานจริง ๆ แต่เป็นวิญญาณดาบของเขา…ฉานนู่
เป็นเพียงวิญญาณดาบเรียบง่ายยิ่ง
ดังนั้นแอนนาจึงหักห้ามไว้และไม่สนสิ่งอื่นใด
ทุกคนเงียบอีกครั้ง
ตอนนี้ แอนนาเอื้อมมือออกไป
เคียวที่มีเปลวเพลิงสีดำปรากฏขึ้นในมือของนาง
“เจ้าสัมผัสสิ่งนี้สิ”
นางส่งเคียวให้ลอร่า
ดวงตาของลอร่าทอประกายก่อนถามทันทีว่า “ว้าว อาวุธชิ้นนี้สุดยอดจริง ๆ มันคืออะไรหรือ”
“เคียวของยมทูตจากโลกภายใน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของแพนธิออน มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น” แอนนากล่าว
ลอร่ารับเคียวด้ามยาวมาด้วยความตื่นเต้นขณะมองอย่างละเอียด
เหล่าต้ายืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับตรีศูลสีดำพลางหรี่ตา “นี่ นั่นคืออาวุธของเทพแห่งความตาย แถมฆ่าคนมามากมายนะ”
ลอร่ามองแอนนา
“อย่าห่วงไปเลย” แอนากล่าวอย่างแผ่วเบา “อาวุธชิ้นนี้ฆ่าวิญญาณ วิญญาณนับว่าบริสุทธิ์”
“แจ๋ว!” ลอร่าชื่นชม
เหล่าต้ากลอกตา
ลอร่าหยิบเคียวของเทพแห่งความตายมาดูสักพัก จากนั้นพลันเอื้อมมืออีกข้างไปหยิบบางสิ่งในความว่างเปล่า
ทุกคนมองนางด้วยความวิตก
ลอร่ายกแขนขึ้นอย่างยากลำบาก
ตึงตัง!
พวกเขาเห็นชุดเกราะหนักตกลงพื้น
“อึ่ก…”
ทุกคนถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
“นี่ คิดว่าข้าจะดึงอาวุธทรงพลังออกมาได้ตั้งแต่รอบแรกเลยหรือไง” ลอร่าถามด้วยความไม่พอใจ
ขณะพูด นางเอื้อมมือออกไปก่อนจมเข้าสู่ความว่างเปล่าอีกครั้งแล้วคว้าบางสิ่งเอาไว้มั่น
เปรี้ยะ ๆ ๆ …
ระเบิดร้อนแรงปรากฏขึ้นในมือของนาง
“ระเบิดคอสมิก!”
นางกรีดร้องก่อนโยนระเบิดเข้าไปในความว่างเปล่าอีกครั้ง
การสั่นสะเทือนรุนแรงเกิดขึ้นในความว่างเปล่า
…ระเบิดคอสมิกเป็นอาวุธข้างเคียงฝั่งเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ใครก็ตามที่สัมผัสมันจะส่งผลให้เกิดการทำลายทุกสิ่งภายในรัศมีสิบไมล์
ทุกคนรับรู้ถึงความกลัว
“ช้าก่อน! จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ให้ข้าหาบางอย่างก่อน ข้าต้องตระเตรียมอนาคตให้ทุกคน”
เสี่ยวเมียวตะโกน
ลอร่าหยุดมือแล้วถามว่า “พี่เสี่ยวเมียว เจ้าต้องการอะไร”
“ข้าต้องการสมบัติที่สามารถขยายร่างได้”
“ใหญ่แค่ไหนล่ะ”
“ขนาดเท่าดาวเคราะห์”
ลอร่าครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ข้ามีของแบบนั้นไม่กี่ชิ้น แต่พวกมันล้วนมีผลข้างเคียง”
เสี่ยวเมียวกล่าวว่า “งั้นตีกรอบให้แคบหน่อยแล้วกัน…เอาแบบย่อโลกให้เป็นสมบัติขนาดเท่าโต๊ะก็ได้”
ลอร่ากล่าวว่า “ก็มีอยู่”
นางเปิดกระเป๋าใบเล็กออก คลำอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบลูกเต๋าออกมา
ลูกเต๋านี้มีแปดหน้า แต่ละหน้าคือ “หนึ่ง”
ลอร่าส่งลูกเต๋าให้เสี่ยวเมียวแล้วกล่าวว่า “ถ้าเจ้าอยากเปลี่ยนบางสิ่งให้มีขนาดเท่าฝ่ามือ เจ้าสามารถนำลูกเต๋านี้วางบนสิ่งนั้นได้…ต่อให้เป็นโลกก็ไม่เกี่ยงมันสามารถใช้ได้ผลเช่นกัน”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าได้ผล”
“ได้ผลจริง ๆ ตอนแรก โลกสะสมของทริสเต้มีขนาดใหญ่เท่าลูกแก้วเท่านั้น ส่วนข้าก็ไปซ่อนอยู่ในเค้ก”
เสี่ยวเมียวรับลูกเต๋ามาก่อนมองกลับไปที่แบร์รี่
แบร์รี่พยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าของเขาผ่อนคลายขึ้นมาก
“เอาล่ะถ้างั้นก็มีหลักประกันแล้ว เจ้าสามารถสัมผัสอีกได้เลย” เสี่ยวเมียวกล่าว
เย่เฟยหลีส่งขวดเครื่องดื่มให้ลอร่า
ลอร่าดื่มเข้าไปรวดเดียวก่อนกล่าวเสียงดังว่า “ทวยเทพ ให้ราชินีผู้นี้ได้สมบัติวิเศษที่สามารถพลิกสงครามได้ด้วยเถิด!”
ในสายตาของทุกคน นางยื่นมือเข้าไปในความว่างเปล่าอีกครั้ง
…
อีกด้าน
ยานอวกาศกำลังเคลื่อนผ่านวังวนความว่างเปล่าอย่างรวดเร็วขณะมุ่งสู่อาณาจักรหนาม
นี่คือยานที่เร็วที่สุดในอาณาจักรหนาม!
…ที่จริงยานอวกาศของเทพธิดาแห่งความยุติธรรมมีเทคโนโลยีเดินทางระยะไกลมากกับความเร็วที่สูงยิ่ง แต่น่าเสียดายที่เทพธิดาแห่งความยุติธรรมไปป้อมปราการดารากับซูเสวี่ยเอ้อร์
บนยานอวกาศ
ไม่มีใคร
ตรงที่นั่งคนขับแมวสีส้มตัวหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ดวงตาหลับอยู่เล็กน้อย
ผ่านไปสักพักแมวสีส้มลืมตาขึ้นก่อนชำเลืองมองจอแสง
มันกระดิกหาง
อีกเดี๋ยว
ก็ถึงแล้ว
..............................