webnovel

1132 กินปลามากกว่าหนึ่งวิธี

ตอนที่ 1132 กินปลามากกว่าหนึ่งวิธี

เสาหลักแห่งสวรรค์

มีขั้นบันไดอยู่บนเสาแถวแล้วแถวเล่าที่นำไปสู่ท้องนภา

ตามตำนานโบราณ ใครก็ตามที่อยากปีนขั้นบันไดนี้ ทั่วโลกเทียนจูจะฉายภาพนิมิตจากสวรรค์พร้อมเสียงดนตรียิ่งใหญ่ที่ไพเราะเสนาะเพื่อให้เทพจำนวนนับไม่ถ้วนได้มาเป็นสักขีพยาน

เวลายาวนานเกินไป

ตอนนี้ อย่าว่าแต่การมาของเซียนเลย เสาหลักที่เชื่อมท้องนภาก็พังทลายไปแล้ว

สิ่งที่ตามมาคือความจริงที่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ค่อย ๆ หมดหวัง…

จำนวนผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมียิ่งมากยิ่งน้อย

ในช่วงหลายพันปีมานี้ จำนวนผู้ฝึกยุทธ์ที่กลายเป็นปรมาจารย์ระดับจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีเท่ากับศูนย์

ยุคของผู้ฝึกยุทธ์คล้ายกับเข้าสู่กระบวนการถดถอย

ภายใต้ท้องนภาราตรี

เซี่ยเต้าหลิงนำผู้ฝึกยุทธ์สิบเอ็ดคนเหาะขึ้นจากปฐพีสู่ท้องนภา ไปตามสถานที่ที่เสาหลักแห่งสวรรค์พังทลาย

ไม่นานนักก่อนผู้ฝึกยุทธ์จะได้เห็นทะเลสาบเหนือทะเลหมู่เมฆ

ทะเลสาบสะท้อนท้องนภา มันกว้างใหญ่ไพศาล มองไม่เห็นปลายทาง

เซี่ยเต้าหลิงไม่พูด นางยื่นมือออกไปเพื่อร่ายวิชาก่อนเหาะตรงไปที่ทะเลสาบก่อน

คนอื่น ๆ ทำตา

ผู้ฝึกยุทธ์เคลื่อนลงไปยังทะเลสาบขณะยังคงเหาะลงไปจนกระทั่งแสงรอบข้างยิ่งมากยิ่งเลือนราง

ในท้ายที่สุด ทะเลสาบมืดมิดจนแทบมองไม่เห็นอะไร

ประกายแสงวูบไหวขึ้น

ประกายแสงนี้แทบจะมองไม่เห็น แต่ผู้ฝึกยุทธ์ปลดปล่อยจิตเทพเพื่อจดจ่อกับการค้นหานานแล้ว

“ทางนั้น” กุยเช่าส่งเสียงเรียกทันที

ร่างของเซี่ยเต้าหลิงขยับขณะนำทุกคนตรงดิ่งสู่ทิศทางที่ประกายแสงอยู่

ผ่านไปสักพัก รอบข้างเปลี่ยนจากความมืดมิดเป็นความสดใส

แสงสว่างสาดส่องผ่านผิวน้ำ ส่องแสงคลื่นในทะเลสาบให้ระยิบระยับ

น้ำทะเลสาบใสและโปร่งใสมาก

ทุกคนทะยานขึ้นจากน้ำ

พวกเขาเห็นทะเลสาบกว้างใหญ่ รอบข้างไร้พรมแดน ความเงียบสงัดท่ามกลางสายลมและกลุ่มควัน ไม่มีอะไรในท้องนภา

ทุกคนมองเซี่ยเต้าหลิงพร้อมกัน สีหน้าของพวกเขาซับซ้อนด้วยความกังวล

ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในครั้งต่อไป

เป็นความจริงที่ผู้ที่สามารถฝึกฝนจนถึงระดับปัจจุบันได้จะเป็นคนแข็งแกร่งที่มีเจตจำนงหนักแน่น มีความเพียรพยายามและความตระหนักรู้ดีเยี่ยม

แต่ในช่วงหลายพันปีมานี้ ไม่มีใครก้าวข้ามภัยพิบัติได้สำเร็จ

ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นคนอื่น ทุกคนก็ต้องเกิดคำถามนี้ในใจ

โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา น้อยคนนักที่จะเต็มใจมาก้าวข้ามภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพ

เพราะคนที่มามักจะตาย

น้อยคนนักที่จะโชคดีที่ได้โอกาสถดถอยพลังจนหาทางกลับไปมีชีวิตรอดได้

ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเขาก็ต่างฝึกฝนหลายร้อยปีจนค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา

…กู่ฉิงซานใช้วิชาถดถอยพลังที่ดีที่สุด ทำให้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

วิชาถดถอยพลังมาจากโลกผู้ฝึกยุทธ์ที่แตกสลาย มันสูญหายไปนานแล้ว

หากกู่ฉิงซานไม่ได้สืบทอดการบูชายัญโลกจนสามารถสื่อสารกับเจตจำนงของเศษเสี้ยวโลกได้ เกรงว่าเขาจะไม่ได้รับวิชานี้มา

นอกจากนี้ กู่ฉิงซานยังมีพลังมังกรมารอยู่กับตัว

หลังจากถดถอยมาสักพัก เขาปลดปล่อยพลังมังกรมารอันมหาศาลทันทีเพื่อกลับสู่สภาพสูงสุด จากนั้นก็เข้าสู่การก้าวข้ามภัยพิบัติอีกครั้ง

“ทะเลสาบเซียนย้อนกลับจบลงแล้ว จ้าวสำนักเซี่ย” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเตือนเสียงต่ำ

เซี่ยเต้าหลิงพยักหน้าเล็กน้อย

นางมองไปทางหนึ่ง ไม่สามารถหักห้ามสายตาตัวเองได้

“ช่างเป็นขุนเขาที่เผยให้เห็นสวรรค์และปฐพีได้กระจ่างอะไรอย่างนี้” เซี่ยเต้าหลิงถอนหายใจ

ทุกคนมองรอบข้าง แต่กลับมองไม่เห็นอะไร

ขุนเขาเซียวหมีคือขุนเขากฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพี สามารถถูกมองเห็นได้เฉพาะยอดผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีเท่านั้น

ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งแสดงความนับถือออกมา “หากมองเห็นเซียวหมีเช่นนี้ เท่ากับว่าเป็นเส้นแบ่งระหว่างเซียนกับคนธรรมดา แต่ข้าไม่รู้ว่าจะสามารถไปถึงที่นั่นได้หรือเปล่า”

ทุกคนเงียบ

ภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีและภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพเชื่อมโยงกัน

ไม่มีผู้ฝึกยุทธ์คนไหนสามารถทะลวงผ่านภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีได้ ดังนั้นในทางเดียวกัน ไม่มีใครสามารถทะลวงผ่านภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพจนกลายเป็นราชาแห่งอิสรภาพได้

เซี่ยเต้าหลิงมองสักพัก แต่ยังไม่กล่าวอะไรสักคำ

น้ำทะเลสาบค่อย ๆ เดือดพล่าน

วัตถุขนาดใหญ่กำลังดำน้ำอยู่ในทะเลสาบอย่างรวดเร็วขณะพุ่งเข้ามาจากไกลมาใกล้

ไม่ช้า

สัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นจากน้ำ

มันสูงเท่าตึกห้าชั้น ศีรษะเป็นสิงโต มีเขากวาง มีเกล็ดมังกรทั่วร่าง ใครบางคนตะโกนออกมาทันทีว่า “กิเลน!”

กิเลนคือสัตว์อสูรวิเศษโบราณที่สูญพันธุ์ไปจากทุกภพนานแล้ว

ทุกคนตื่นตัวขณะมองกิเลนด้วยความละโมบ

…นี่คือเครื่องรางในตำนานเชียวนะ!

กิเลนมองเซี่ยเต้าหลิงก่อนถามว่า “ใครกันที่ก้าวข้ามภัยพิบัติ”

“สำนักร้อยบุปผา เซี่ยเต้าหลิง”

“ดีมาก ตามข้าเข้าโลกกระจกหลากสี”

“ช้าก่อน”

กิเลนนิ่ง จากนั้นถามว่า “มีอะไรอีก เจ้าอยากถดถอยพลังเพื่อตัดใจจากการก้าวข้ามภัยพิบัตินี้งั้นหรือ”

“ไม่ใช่แบบนั้น” เซี่ยเต้าหลิงตอบอย่างแผ่วเบา “ข้ายังต้องรอใครบางคนให้มาถึงก่อนจึงจะสามารถเริ่มก้าวข้ามภัยพิบัติได้”

“เจ้ากำลังรอใครกันล่ะ”

“ศิษย์ของข้า กู่ฉิงซาน”

อีกด้าน

กู่ฉิงซานกลับมาถึงโลกเทียนจูขณะเหาะไปตามทางถิ่นทุรกันดารจนกลับมาถึงกำแพงเมือง

“เฮ้อ…” เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“หืม…” ดาบพิภพส่งเสียงฮัมหนัก ๆ ออกมา

“อะไร”

ลั่วปิงหลีถามด้วยความสงสัย

ไม่มีคำตอบจากหนึ่งคนหนึ่งดาบ

ลั่วปิงหลีหันสายตาตาม

ตรงกำแพงเมือง นางเห็นนกงดงามตัวหนึ่งนั่งยองอยู่บนชายคาสูงของสิ่งปลูกสร้างขณะเหม่อมองอย่างไม่ใส่ใจ

กู่ฉิงซานรีบกอดนกแล้วกล่าวว่า “อาจารย์ ข้ามีธุระส่วนตัวที่ต้องทำ ไม่อยากรบกวนการก้าวข้ามภัยพิบัติของท่าน”

นกเหลือบมองแล้วถามว่า “ใครแกล้งเจ้า”

“ไม่ใช่แบบนั้น” กู่ฉิงซานตอบช้า ๆ “ใครบางคนเบื่อชีวิตจนมายั่วโมโหข้า…ข้าก็เลยชี้ทางให้ไปยมโลกก็เท่านั้นเอง”

นกตัวนั้นหยุดเคลื่อนไหวก่อนถอนหายใจออกมา “นี่สิถึงจะเป็นรูปแบบของสำนักร้อยบุปผาของข้า หากเสี่ยวหลัวเป็นเหมือนเจ้าได้ ข้าก็คงวางใจ”

“ไว้ข้าจะคุยกับเขาทีหลัง” กู่ฉิงซานกล่าว

“เจ้ามาในครั้งนี้เพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติหรือเปล่า” นกถาม

กู่ฉิงซานตอบอย่างเขินอายว่า “ก็ใช่ แต่ข้ายังมีบางสิ่งที่ต้องทำ…ท่านไปก่อนเถอะ ข้าจะตามไปทีหลัง”

“เจ้าอยากให้อาจารย์ช่วยจัดการเรื่องธุระให้หรือเปล่า” นกถาม

“ไม่ต้องหรอก อีกเดี๋ยวก็จบแล้ว” กู่ฉิงซานตอบ

“อืม งั้นข้าจะรอเจ้า”

นกหายไปหลังจากพูดจบ

…ร่างจำแลงนี้กลับมาหาเซี่ยเต้าหลิง

กู่ฉิงซานยืนอยู่กับที่ มือประสานกันขณะมองท้องนภา

“น่าจะใกล้ถึงแล้ว…อืม พวกมันไม่ได้เร็วเท่ามังกรฟ้า แต่น่าจะสามารถผ่านไปได้”

ขณะพูด จุดสีดำหลายสิบจุดปรากฏขึ้นในท้องนภา

ตูม!

จุดสีดำทั้งหมดตกลงมาขณะห้อมล้อมส่วนกำแพงเมืองทั้งหมดที่กู่ฉิงซานอยู่อย่างสมบูรณ์

…สัตว์ประหลาดหุบเหว

สัตว์ประหลาดดุร้ายเหล่านี้อาวุธครบมือ พวกมันปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนแรงน่าสะพรึงออกมา

ผู้นำสัตว์ประหลาดกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “จงเฝ้าระวังตามที่นายท่านสั่ง”

สัตว์ประหลาดหลายสิบตัวชูมือขึ้นพร้อมกันก่อนปล่อยแสงสีเทาออกมา

แสงเหล่านี้รวมตัวเป็นเส้นจากอากาศบางก่อนเกิดเป็นกรง

ในกรง ชายชุดดำเต็มไปด้วยบาดแผลฟกช้ำ มือเท้าของมันถูกมัดด้วยแสงสีเทาหม่น ทำให้ไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว

มังกรฟ้า

มันกำลังจะตายแล้ว ชีวิตของมันเหมือนกับเทียนในสายลมที่มอดดับได้ทุกเมื่อ

ถึงกระนั้น หลังจากเห็นกู่ฉิงซาน จู่ ๆ มันเริ่มขัดขืนอย่างรุนแรง

“เจ้าโจรน้อย! เจ้ามันร้ายกาจเกินไปแล้ว! เจ้ามันไม่ใช่นักรบที่แท้จริง”

“เจ้าเหมือนกับวิญญาณชั่วร้ายยิ่งกว่าวิญญาณชั่วร้ายจริง ๆ เสียอีก!”

“พวกวิญญาณชั่วร้ายจะต้องสับศพของเจ้าเป็นพันชิ้นอย่างแน่นอน!”

มังกรฟ้าคำรามอย่างบ้าคลั่ง

มันไม่เคยเกรี้ยวกราดเท่าวันนี้มาก่อน

กู่ฉิงซานเอียงศีรษะพลางครุ่นคิดสักพัก จากนั้นกล่าวว่า “ไม่จริงสักหน่อย”

มังกรฟ้าตกตะลึง

“เจ้าว่าไงนะ”

ถึงแม้จะโกรธ แต่มันก็อดที่จะถามไม่ได้

กู่ฉิงซานยกนิ้วขึ้นแล้วตอบว่า “ในเมื่อเจ้าคิดว่าข้าเหมือนกับวิญญาณชั่วร้ายยิ่งกว่าวิญญาณชั่วร้ายจริง ๆ แล้ววิญญาณชั่วร้ายจะมาสับร่างข้าเป็นชิ้น ๆ ได้ยังไง”

มังกรฟ้าตอบเสียงดังว่า “เจ้าหนู มีพละกำลังแค่นั้น อย่า…”

กู่ฉิงซานขัดมันก่อนกล่าวว่า “ขอโทษด้วย ข้ารีบน่ะ”

กลิ่นอายสีดำแผ่ออกจากตัวเขาก่อนจมเข้าสู่กรง

พลังของสายเลือดมังกรมาร

ด้วยการช่วยเหลือของระบำสังเวยชีพ นอกกู่ฉิงซานควบคุมพลังมังกรมารได้แล้ว ตอนนี้ยังสามารถใช้พลังพิเศษได้อีกด้วย

มังกรฟ้าค่อย ๆ ถูกกัดกร่อนโดยพลังของสายเลือดมังกรมาร

“นี่มัน…พลังแก่กล้านัก!”

มันคุกเข่าลงกับพื้นขณะสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ขณะรับพลังของสายเลือดมังกรมาร มันพึมพำด้วยความประหลาดใจ

ไม่ช้า

มังกรฟ้าเข้าใจ

“เจ้ามอบพลังนี้ให้ข้าเพราะอยากควบคุมให้ข้ารับใช้เจ้าอย่างนั้นหรือ” มันหรี่ตาถาม

…ตอนแรกจัดการมันอย่างน่าเวทนา จากนั้นจึงมอบพละกำลังให้ แบบนี้ไม่ต่างกับตบหัวลูบหลัง

ดูท่า…

เด็กคนนี้จะเข้าใจคุณค่าของเผ่ามังกรและรู้ว่าเผ่ามังกรทรงพลังแค่ไหน

ในโลกนับไม่ถ้วน การที่มีมังกรต่อสู้เพื่อตัวเองนั้นนับเป็นความฝันของยอดฝีมือหลาย ๆ คน

เด็กคนนี้อยากติดตามและร่วมมือกับมัน!

มังกรฟ้าเข้าใจแจ่มแจ้ง

แต่ว่า…ความคิดนี้อ่อนหัดเกินไป

…คิดจริง ๆ หรือว่าจะมีใครยอมทำตามคำสั่ง คิดหรือว่าจะยอมเป็นลูกน้อง

มันต้องสัญญาก่อน ต่อให้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ ต่อให้ต้องลงนามในสัญญามากมาย มันก็ไม่เกี่ยง

เมื่อนายท่านมาถึง ย่อมสามารถลบล้างสิ่งเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน

ที่ต้องทำก็คือ…

เริ่มจากแสร้งทำเป็นจริงใจ จากนั้นหาวิธีบอกนายท่านว่าราชาภูตผีแห่งยมโลกอยู่ที่ไหน

มังกรฟ้าตัดสินใจสิ่งที่ต้องทำทันที

“เจ้าอยากร่วมมือกับข้าหรือ เจ้าคิดแบบนี้จริงหรือ”

กู่ฉิงซานถามด้วยความคาดไม่ถึง

มังกรฟ้าพยักหน้าแล้วตอบว่า “ปัญญาของเจ้าช่างน่านับถือจริง ๆ ข้าเต็มใจลงนามในสัญญาทั้งหมดกับเจ้า ไม่เกี่ยงว่าจะพันธนาการวิญญาณของข้าหรือเปล่า ข้าจะยอมเชื่อฟังคำสั่งของเจ้า ยอมให้เจ้าขี่… ขอแค่ไว้ชีวิตข้าก็พอแล้ว”

กู่ฉิงซานนิ่ง

เขาดูเขินอายยิ่ง ในที่สุดก็กล่าวว่า “เอ่อ… โทษทีนะ ดูท่าข้าควรอธิบายสักหน่อย”

…จะว่าไปแล้ว เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเวลาทำอาหาร มันมีวิธีกินปลามากกว่าหนึ่งวิธี

มังกรฟ้าตกตะลึงก่อนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายถึงอะไร”

กู่ฉิงซานไอเล็กน้อยแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “นั่นแหละ สำหรับปลา เจ้าถึงกับสามารถนำปลามาทำเป็นซาชิมิได้ ใช้ตัวปลาผสมกับเครื่องปรุงรสอื่น ๆ เพื่อทำซุปได้ ส่วนหัวปลา เจ้าเพียงต้องใส่พริกไทยลงไป เท่านี้ก็สามารถทำหัวปลาเครื่องเทศได้แล้ว”

“ที่จริง ข้าชอบหัวปลาตุ๋นและปลานึ่งมากกว่า…ตอนทำปลาทะเล ข้ามักจะชอบทำอะไรแบบนี้”

“ถ้าแบบนี้ ทุกส่วนของปลาจะถูกกินจนไม่เสียขอ”

“ดังนั้น…”

กู่ฉิงซานชักดาบก่อนฟันเข้าไปในกรงอย่างแผ่วเบา

มังกรฟ้าอยู่ในสภาพกำลังจะตาย พละกำลังของมันอ่อนแอยิ่ง ดังนั้นเป็นธรรมดาที่มันจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีดังกล่าวได้

ฉัวะ…

ศีรษะกระเด็น

กู่ฉิงซานเก็บดาบ

ศีรษะตกลงกับพื้น มันยังมองกู่ฉิงซานด้วยความสับสน

มันไม่รู้จริง ๆ ว่ากู่ฉิงซานกำลังคิดอะไรอยู่

ตายตาไม่หลับ

กู่ฉิงซานถอนหายใจขณะอธิบายว่า

“โทษทีนะ ข้าไม่ค่อยอยากเป็นสหายกับศัตรูน่ะ แถมข้าไม่ได้มีความคิดอ่อนหัดอย่างการโน้มน้าวให้ศัตรูมาเป็นลูกน้องด้วย”

“ปกติข้าจะรีบฆ่าน่ะ…เวลาที่เจอกับศัตรูที่คู่ควรเท่านั้นข้าถึงจะใช้สมองเพื่อลองอะไรแบบ ‘กินปลามากกว่าหนึ่งวิธี’ น่ะ”

ทันทีที่สิ้นเสียง แถวหิ่งห้อยสองสามแถวพลันปรากฏบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ท่านฆ่าสายเลือดมังกรมาร”

“พลังของสายเลือดมังกรมารจะถูกท่านที่อยู่ในฐานะมังกรมารกลืนกิน”

“ท่านฆ่าสิ่งมีชีวิตวิเศษ: มังกรฟ้า”

“การต่อสู้นี้ถูกตัดสินว่าเป็นการต่อสู้ข้ามขั้น ท่านจะได้รับพลังวิญญาณที่สอดคล้องกัน”

“กำลังคำนวณพลังวิญญาณ…”

..............................