webnovel

1121 การทำสมาธิและสองทาง

ตอนที่ 1121 การทำสมาธิและสองทาง

จุติเป็นมังกรมาร

ตัวอักษรเหล่านี้คล้ายกับมีพลังบางอย่าง ทำให้วิญญาณของกู่ฉิงซานสั่นไหว

หากเขาสามารถครอบครองพละกำลังของมังกรมารได้จริง เขาก็ไม่จำเป็นต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาปัจจัยที่ดีทั้งหมดอีกแล้ว

เขาสามารถต่อสู้กับวิญญาณกรีดร้องก่อนจะทำการสนทนาได้ทันที

ข้อมูลที่เกิดจากการต่อสู้ซึ่ง ๆ หน้าเป็นสิ่งที่แท้จริงและมีค่ามากกว่าวิธีอื่น ๆ

หากเขาสามารถจุติเป็นมังกรมารได้ กู่ฉิงซานจะมั่นใจขึ้นมาก

ถึงตอนนั้น ต่อให้ไม่สามารถเอาชนะวิญญาณกรีดร้องได้ อย่างน้อยเขาก็มีหนทางในการหลบหนี

จากนั้น…

กู่ฉิงซานกำหมัดก่อนเริ่มคิดถึงการพัฒนาทันที

พลังมังกรมารมหาศาลจนสามารถดูดกลืนอย่างรวดเร็วได้ด้วยการพัฒนาเท่านั้น

ตอนนี้ อย่าเพิ่งคิดเรื่องกลับอาณาจักรหนามก่อนก็แล้วกัน

การพัฒนาจนถึงจุดหนึ่งคือสิ่งที่ต้องมาก่อน!

กู่ฉิงซานหยิบเบาะออกมา จุดเทียนหอมวิญญาณ เตรียมยา จากนั้นเดินเข้าไปในยานอวกาศช้า ๆ

เขานึกถึงประสบการณ์ทั้งหมดนับตั้งแต่ที่ฝึกฝนมา เขาทบทวนความคิดเกี่ยวกับความลึกลับของวิชาดาบและลัทธิเต๋ามากมายก่อนทำการยืนยันแล้วสรุปใจความ

ไม่มีความแตกต่างระหว่างระดับนภายามค่ำขั้นต้น ขั้นกลางและขั้นสูง จะแตกต่างกับระดับต่อไปเท่านั้น

ผู้ฝึกยุทธ์ในระดับราชาแห่งอิสรภาพถูกกล่าวขานว่าเป็นระดับที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ ไม่อาจนำมาเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำได้

ราชาแห่งอิสรภาพเดินข้ามโลกและได้รับความเคารพในฐานะราชาแห่งสวรรค์จากทั่วทุกหนแห่ง

เหนือระดับนี้ไป ยังมีระดับจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีอยู่

ในส่วนของระดับนี้ ไม่มีการเขียนบันทึกไว้ในฝั่งผู้ฝึกยุทธ์ของโลกเก้าร้อยล้านชั้น

ผู้คนเพียงรู้ว่ามีฉายา “จ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมี” ทางฝั่งผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น

มีรายละเอียดเกี่ยวกับจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีไม่มากนัก

มีเพียงข่าวลือที่ไร้หลักฐานอยู่บ้างเท่านั้น

“ราชาแห่งอิสรภาพมีผู้รับใช้สี่สิบแปดคน จ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีมีผู้ติดตามหนึ่งร้อยยี่สิบคน พวกเขาล้วนเต็มใจที่จะตอบรับคำเรียกขาน ไม่ร้องขอสิ่งใด”

จากความคิดที่แตกต่างนี้ เป็นการง่ายที่ผู้คนจะแยกแยะว่าอะไรคือ “ผู้รับใช้” และ “ผู้ติดตาม”

อีกคำถามก็คือ

จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้ฝึกยุทธ์หญิงก้าวเข้าสู่ระดับราชาแห่งอิสรภาพและระดับจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีได้สำเร็จ

เรื่องนี้ทำให้ผู้คนอดคิดไม่ได้ มันมีความหมายบางอย่างที่อธิบายไม่ได้อยู่

ภายใต้คำพูดจากปากของผู้ฝึกยุทธ์ ข่าวลือนี้ทำให้โลกเก้าร้อยล้านชั้นทราบถึงเรื่องนี้

แม้กระทั่งจื้อลัวยังรีบมาคุยกับกู่ฉิงซานก่อนเพื่ออยากครอบครองตำแหน่ง “ผู้รับใช้”

ส่วนราชาแห่งอิสรภาพและจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีใครรู้

นี่นับว่าแปลก

กู่ฉิงซานมีข้อสันนิษฐานในเรื่องนี้

ในยุคโบราณ เผ่าพันธุ์มนุษย์จากโลกคู่ขนานหลบหนีเข้าสู่วังวนความว่างเปล่าเพื่อสร้างโลกขึ้นที่นี่

หลังจากมังกรมารมีปัญหา พวกเขาก็รีบจากไป

เผ่าพันธุ์เทพสร้างโลกต่อจนสำเร็จ

เนื่องจากเผ่าพันธุ์เทพอยากปกครองสวรรค์ดึกดำบรรพ์ ประกอบกับเผ่าพันธุ์เทพมีพละกำลังสูงสุดอยู่ที่ระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจึงทำลายความรู้ทั้งหมดที่นำไปสู่การพัฒนาต่อจากระดับนั้น

นับจากนั้นมา ผู้ฝึกยุทธ์จึงพูดได้เพียงข่าวลือเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น ระดับนภายามค่ำคือภัยพิบัติแห่งพร

ยกตัวอย่างเช่น ผู้รับใช้กับผู้ติดตามของราชาแห่งอิสรภาพและจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมี

ความรู้ที่แท้จริงไม่ได้ถูกส่งผ่านโลกเก้าร้อยล้านชั้นที่อยู่ในวังวนความว่างเปล่า

ด้วยวิธีนี้ พละกำลังของสิ่งมีชีวิตในโลกเก้าร้อยล้านชั้นจึงถูกจำกัดเอาไว้

จิตของกู่ฉิงซานขยับ

บางที…

มีเพียงในโลกคู่ขนานเหล่านั้นที่ครอบครองมรดกฉบับสมบูรณ์ของผู้ฝึกยุทธ์

กู่ฉิงซานยังคงคิดต่อไป

ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น ผู้ฝึกยุทธ์รู้ว่ามีระดับนภายามค่ำ แต่ไม่มีใครสามารถไปถึงระดับนี้ได้

ดังนั้นจึงไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำที่มาจากโลกเก้าร้อยล้านชั้นในวังวนความว่างเปล่า

พวกเขามาจากโลกคู่ขนานเหล่านั้นที่อยู่นอกความว่างเปล่า

นั่นคือโลกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างแท้จริง

ถ้างั้น สิ่งมีชีวิตที่อยู่โลกเก้าร้อยล้านชั้นในวังวนความว่างเปล่าจะทำลายพันธนาการที่ถูกติดตั้งโดยเผ่าพันธุ์เทพเพื่อแข็งแกร่งขึ้นต่อไปได้อย่างไรล่ะ

หุบเหวนิรันดร์มีวิธีการยุ่งย่างอยู่วิธีหนึ่ง

แต่ความพิเศษของหุบเหวนิรันดร์นั้นแข็งแกร่งเกินไป หากไม่สามารถปรับพลังหุบเหวได้ก็จะถึงแก่คามตายทันที

หลินและสหายของนางในช่วงสมัยก่อนเคสำรวจหุบเหว นอกจากนางที่สามารถปรับพลังหุบเหวจนรอดมาได้ สหายทั้งหมดของนางล้วนตายกันหมด

กู่ฉิงซานส่ายหน้า

หุบเหวไม่ใช่ทางที่ดีที่สุดในการแข็งแกร่งขึ้น

มรดกอะไรที่เผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณสามารถหลงเหลือไว้ให้ได้

หากไม่นับหลิน ดูท่าจะมีแต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคโบราณเท่านั้นที่หลงเหลือชุดการร่ายรำให้กับเขา

ตามคำพูดของชายชรา การร่ายรำนี้คือการค้นพบครั้งใหญ่ที่สุดในกระแสวังวนความว่างเปล่านี้

ดังนั้น ระบำสังเวยชีพจึงไม่ใช่มรดกของพวกเขา

ถ้าแบบนี้ มรดกของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณก็ไม่เหลือเลย

น่าปวดหัวชะมัด

ถ้างั้น มีหนทางที่ทำให้สิ่งมีชีวิตในความว่างเปล่าแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่

กู่ฉิงซานเริ่มนึกถึงทุกสิ่งที่เคยประสบในยุคโบราณ

เผ่าพันธุ์เทพ… ไม่น่าจะสามารถจัดการกับบัญญัติได้

วิญญาณกรีดร้องหวาดกลัวบัญญัติจนถึงขั้นทำลายมันในยุคโบราณ

แต่เขาเคยช่วยแม่นางเฮยไห่จากเศษเสี้ยวโลกคู่ขนานเอาไว้

ทว่า แม่นางเฮยไห่ถูกวิญญาณกรีดร้องจับตัวได้อีกครั้งในโลกผู้พิทักษ์หอคอย

ตอนนั้นนางเสียพลังไปเป็นจำนวนมาก แม้แต่ไพ่ก็ยังอยู่ที่เมืองเรเควี่ยม

นี่ยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าวิญญาณกรีดร้องหวาดกลัวนางมากแค่ไหน

ดังนั้น การช่วยแม่นางเฮยไห่และใช้งาน หมื่นสวรรค์สิ้นโลกออนไลน์: กองทัพมนุษย์ คือหนทางที่ดีที่สุดเพื่อทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดแข็งแกร่งขึ้น

นอกจากนี้ หากเขาสามารถไปโลกที่แท้จริงเหล่านั้นได้ก็ย่อมมีหนทางในการหาวิชาการฝึกฝนขั้นสูง ตำราเวทมนตร์และวิชายุทธ์

แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะไปที่นั่นได้อย่างไร

สองทาง

ใช้งาน หมื่นสวรรค์สิ้นโลกออนไลน์: กองทัพมนุษย์

หรือหาทางไปโลกคู่ขนานเพื่อหาวรยุทธ์

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักจนอดที่จะรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ดีเล็กน้อย

ด้วยพลังมังกรมารในร่างกาย เขาสามารถข้ามสองทางนี้เพื่อพัฒนาสู่ระดับต่อไปได้ทันที

ปัญหาเดียวในตอนนี้ก็คือเขาไปทำให้พวกวิญญาณชั่วร้ายขุ่นเคืองเข้า

ภัยพิบัติคือสิ่งที่เป็นปัญหามาก หากวิญญาณชั่วร้ายมาแก้แค้นในครั้งนี้ ทุกสิ่งจะยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่

แต่เขาจะมาหยุดการพัฒนาเพียงเพราะกลัวว่าจะวิญญาณชั่วร้ายไม่ได้

ยิ่งเวลาล่าช้าเท่าไหร่ อีกฝ่ายยิ่งเตรียมการได้มากขึ้นเท่านั้น

คงดีกว่าหากพัฒนาตอนนี้ บางทีพวกวิญญาณชั่วร้ายอาจจะยังไม่ตอบสนอง

ตอนนี้ กู่ฉิงซานรู้สึกว่าสภาพของเขาปรับตัวจนถึงจุดสูงสุด

เขานั่งลงบนเบาะ เอายาเม็ดวิญญาณเข้าปากเพื่อเริ่มการพัฒนาอย่างเป็นทางการ

ปกปิดความคิด ลืมเลือนลมหายใจ จิตเทพปะปนกับความว่างเปล่า ไม่คำนึกถึงการเกิดและการดับของทุกช่วงเวลา อยู่ในสภาพที่มั่นคงและสม่ำเสมอ

อากาศสีดำปรากฏขึ้นรอบร่างของกู่ฉิงซานก่อนกระจายไปทั่วห้องพักยานอวกาศอย่างรวดเร็ว

พลังมังกรมาร

มันปรากฏขึ้นในรูปแบบกระแสอากาศสีดำก่อนค่อย ๆ กลายเป็นคลื่นพลังโอ่อ่า

แก่นของพลังมังกรมารเคลื่อนไหวไปมาก่อนกลายเป็นแหล่งกำเนิดพละกำลังอย่างช้า ๆ เสริมสร้างร่างกาย จิตวิญญาณและวิญญาณของกู่ฉิงซานทีละน้อย

สำหรับพลังมังกรมาร การเปลี่ยนสภาพดังกล่าวนับว่าช้าและมั่นคงยิ่ง

ตรงกันข้าม กู่ฉิงซานรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งเร็วเกินไป

มันให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังนั่งอยู่บนหลังม้าป่า กุมบังเหียนเอาไว้เพื่อมุ่งสู่ท้องนภา

โดยไม่รู้ตัว หนึ่งชั่วโมงได้ผ่านไป

กู่ฉิงซานรู้สึกว่าความเร็วที่เขาแข็งแกร่งขึ้นค่อย ๆ ช้าลง

นี่ไม่ใช่เพราะพลังมังกรมารถูกใช้ไปมาก แต่เป็นเพราะพลังที่มากเกินไปถูกเก็บไว้จนถึงขีดสุด ไม่สามารถพัฒนามากไปกว่านี้ได้

ใช่แล้ว

นี่คือจุดสูงสุดของระดับนภายามค่ำ

หลังจากขั้นนี้ไป ภัยพิบัติจะมาเยือน

กู่ฉิงซานสงบสติลง กลั้นหายใจแล้วทะลวงอย่างสุดกำลัง

พละกำลังจากทั้งร่างก้าวกระโดดก่อนกระตุ้นแหล่งกำเนิดกฎเกณฑ์แห่งความว่างเปล่าทันที

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้น

“พละกำลังของท่านถึงขีดจำกัดสูงสุดของระดับนภายามค่ำ มันยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ”

“ท่านกำลังจะทะลวงเข้าสู่ระดับราชาแห่งอิสรภาพ”

“หมายเหตุพิเศษ หน้าต่างระบบนี้จะจัดหาข้อมูลที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกเก้าร้อยล้านชั้นให้”

“ภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพคือภัยพิบัติที่เชื่อมโยงกับภัยพิบัติระดับจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมี”

“ภัยพิบัตินี้อยู่เหนือข้อจำกัดของมิติและเวลา สอดประสานเข้ากับโลกผู้ฝึกยุทธ์มากมายเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติ ระดับความอันตรายมากยิ่งกว่าครั้งก่อน ๆ ที่เคยเจอมา”

“จำให้ดี”

“จงทำเพื่อตัวเอง อย่าคิดให้มากความ”

หัวใจของกู่ฉิงซานเต้นโครมคราม

นี่หมายความว่าอย่างไร

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะก้าวข้ามภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพ แล้วทำไมมันถึงมาข้องเกี่ยวกับภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีได้ล่ะ

แต่ภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพไม่ให้เวลาเขาคิด

“หลังจากนับถอยหลังห้าวินาที ภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพจะมาเยือน”

“ห้า”

“สี่”

“สาม”

“สอง”

“หนึ่ง”

“ภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ”

กฎเกณฑ์ที่มองไม่เห็นในความว่างเปล่าเคลื่อนลงมาหากู่ฉิงซาน

เพียงพริบตา กู่ฉิงซานหายไปจากยานอวกาศ

..............................