webnovel

1102 การเต้นบูชายัญอย่างเป็นทางการ

ตอนที่ 1102 การเต้นบูชายัญอย่างเป็นทางการ

กู่ฉิงซานเดินออกจากกลุ่มคน

“เจ้าคิดว่าไง” เขาถามด้วยจิตเทพ

ดาบพิภพตอบว่า “คำสาปคือพลังชีวิตบางอย่าง ต่อให้มันเข้าใกล้ท่านก็แทบจะเป็นตัวตนที่มองไม่เห็น”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “หรือก็คือ เจ้าสามารถฆ่ามันได้”

ดาบพิภพกล่าวว่า “ใช่ ท่านอาจจะสามารถทำให้มันเข้าใกล้ไม่ได้ แต่ต้องใช้พลังวิญญาณกับวิชาดาบของท่าน… ท่านต้องใช้ดาบเพื่อสำแดงวิชาดาบที่ไร้ข้อบกพร่องออกมา”

กู่ฉิงซานเดินไปที่ประตูเหล็กตรงหน้าสะพานก่อนถามว่า “แล้วถ้าผสานการตัดสินใจของพิภพกับแยกไฟเข้าด้วยกันล่ะ แบบนั้นจะดีกว่าหรือเปล่า”

ดาบพิภพตอบว่า “จะลองดูก็ได้… แต่ยังไงเสีย แนะนำให้ฆ่าดีกว่าป้องกัน คงจะดีถ้าดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพอยู่ที่นี่ นางเชี่ยวชาญในการตัดสินทุกสิ่ง อาจจะสามารถจัดการกับคำสาปได้”

…ฉานนู่กำลังแสร้งเป็นกู่ฉิงซานขณะมุ่งหน้าไปอาณาจักรหนามกับพวกเหล่าต้า

กู่ฉิงซานส่ายหน้า

ในจิตของเขา เขาเค้นวิธีการทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

สำหรับคำสาปนี้จากโลกธุลี ข้อมูลมีไม่มากนัก จึงทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น

กู่ฉิงซานเอื้อมมือออกไปผลักประตูเหล็ก

“ลุยเลย” เขากระซิบ

“ได้” ดาบพิภพกล่าว

กู่ฉิงซานก้าวเดินไปบนสะพานแขวน

สายลมพัดผ่าน

พลังมุ่งร้ายบางอย่างมาจากที่ใดไม่ทราบ มันมาพร้อมกับสายลมจากทุกทิศทาง

ดวงตาของกู่ฉิงซานคมปลาบขณะถือดาบไว้ข้างหน้า

เพียงพริบตา ประกายดาบนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากดาบยาว พวกมันปะทะกันในความว่างเปล่านับไม่ถ้วน

วิชาดาบทำลายเปลวไฟ วิชาฟาดฟัน แยกไฟ!

พลังเหนือธรรมชาติของดาบพิภพ การตัดสินใจของพิภพ!

พลังของดาบยาวผสานเข้ากับสกิลเทพของอสุรา หลอมรวมเป็นวิชาดาบเดียว

กู่ฉิงซานชี้ดาบของเขา

เปลวเพลิงพุ่งออกไปข้างหน้า ฟาดฟันใส่ความว่างเปล่า

เสียงโหยหวนน่าเวทนาหลายสิบเสียงพลันดังขึ้น

บิดาบนสวรรค์จ้องมองด้วยความกังวลจากหมู่เมฆ

ผู้ชมทุกคนต่างแสดงอาการตกตะลึงพร้อมกัน

ดาบนี้คล้ายกับกระแทกใส่บางสิ่ง!

ในอดีต คนเหล่านั้นต้องพยายามสุดความสามารถจึงจะต้านทานการกัดกร่อนจากคำสาปได้ แต่ตอนนี้ ใครบางคนถึงกับก้าวไปข้างหน้าเพื่อขัดขืนคำสาปได้!

“โอกาสดี…”

กู่ฉิงซานร่ายคาถา อสนีสีครามไม่มีสิ้นสุดวูบไหวไปทั่วร่างกาย

“สิ่งชั่วร้ายที่ย่างกรายเข้ามา ออกไปให้พ้นทางข้า!” กู่ฉิงซานตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

อสนีนับแสนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า หลอมรวมเป็นกลุ่มลำแสงขณะวนเวียนรอบดาบยาวในมือของเขา

วินาทีต่อมา…

งูอสนีหลอมรวมเป็นบอลแสงและเงาพร้อมกับดอกบัวสีน้ำเงินที่บานสะพรั่ง!

นี่คือการผสานของพลังเหนือธรรมชาติของอสนีบาต “สะเทือนฝัน” และดาบศักดิ์สิทธิ์ “ดึงเงา” หลังจากกู่ฉิงซานช่ำชองวิชาดาบของราชาเทพอสุรา เขาค่อยๆ คิดค้นวิชาผสานขึ้นมา

ดาบลับ เงาอสนี

แสงและเงาที่เกิดและดับพัวพันกันในความว่างเปล่า

สิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นถูกกวาดล้างโดยแสงจากดาบอสนีบาต พวกมันอยู่กับที่จนไม่สามารถขยับได้

“แฉ่…”

“… อา… เกลียด…”

“ชีวิต…”

“ตาย!”

เสียงชั่วร้ายนับไม่ถ้วนดังขึ้นในความว่างเปล่า

เห็นได้ชัดว่าวิชาดาบของกู่ฉิงซานไม่ได้ทำร้ายพวกมัน แต่พลังของสะเทือนฝันทำให้พวกมันขยับไม่ได้ชั่วคราว

เสียงของดาบพิภพที่หนักแน่นราวขุนเขาพลันดังขึ้น “ถ้าคำสาปไม่ถูกลบล้างก็ไม่สามารถฆ่ามันได้ โจมตีไปก็เปล่าประโยชน์”

กู่ฉิงซานพยักหน้าเล็กน้อย

เขาเข้าใจเช่นกันว่าสิ่งเหล่านี้มาจากคำสาป การฆ่าได้หนึ่งหรือสองครั้งแทบจะไม่มีประโยชน์

…โชคยังดี ตอนงูแฝดขาวดำไปนั้น พวกนางช่วยฟื้นพลังที่เขาใช้ไปให้กลับคืนมา

ต่อให้ต้องฆ่าตลอดทางก็ไม่มีปัญหา

แต่ถ้าคำสาปไม่ถูกกำจัด เขาก็จะทนได้ไม่นาน ยิ่งการช่วยนางฟ้าขับขานยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ความคิดของกู่ฉิงซานสั่นไหว

ทำให้นางฟ้าขับขานหัวเราะแล้วคำสาปจะคลายออก

…ไม่ใช่

กู่ฉิงซานเปลี่ยนมุมมองขณะคิดใหม่

ก่อนหน้านี้ เขาเกรงว่าผู้คนนับไม่ถ้วนจะมาเกาะแห่งเวลานี้เพื่อช่วยนางฟ้าขับขาน

แต่กลับไม่มีใครทำให้นางฟ้าขับขานหัวเราะได้เลย

ขนาดนางฟ้าขับขานยังพยายามสุดความสามารถ แต่ยังไม่สามารถหัวเราะออกมาได้

เขาจะทำให้นางหัวเราะได้อย่างไร

เขาไม่ใช่เย่เฟยหลี เขาไม่มีประสบการณ์ทำให้ผู้หญิงหัวเราะ

ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องคิดย้อนกลับ

เหตุผลที่ทำไมนางฟ้าขับขานไม่สามารถหัวเราะได้เพราะนางโดนคำสาปในโลกธุลี

…ถ้าไม่สนว่านางจะหัวเราะหรือไม่แล้วจดจ่อกับการทำลายคำสาปโดยตรง ถ้างั้นนางก็ต้องหายดี

เขาไม่ต้องกังวลว่านางจะหัวเราะหรือไม่ ทำให้สามารถแกไขปัญหานี้ได้!

แต่ไม่ง่ายนักที่จะกำจัดคำสาป แม้กระทั่งบิดาบนสวรรค์ยังจนปัญญา

ส่วนตัวตนของยักษ์แห่งการเริ่มต้น มันจะต้องเคยถูกเชิญให้ไปช่วยนางฟ้าขับขานมาแล้วอย่างแน่นอน

พลังมากขนาดนั้นยังไม่สามารถกำจัดคำสาปนี้ได้

ดาบพิภพกล่าวเช่นกันว่ามันมีจำนวนไม่มีสิ้นสุด

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ห้าวินาทีผ่านไป

สิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นในความว่างเปล่าเหล่านั้นกลับมามีอิสรภาพก่อนปกปิดตัวเองอีกครั้ง

กู่ฉิงซานยังคงก้าวไปข้างหน้า

เขาถือดาบยาวขณะยังคงสังหารสัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็นในสายลม

อสุราเพิ่งหลบเลี่ยงสัตว์ประหลาดนี้ไป แต่เขากลับตัดศีรษะพวกมันทิ้ง

นี่เป็นการกระตุ้นคำสาปให้มีพละกำลังเพิ่มมากขึ้นทันที

สัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็นยิ่งมายิ่งมาก พวกมันค่อยๆ ปกคลุมทั่วความว่างเปล่าขณะเข้าใกล้กู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานถือดาบเสียงคลื่นไว้ที่หลังมือ จากนั้นดาบสองเล่มออกมา!

ลำแสงประกายดาบไม่มีสิ้นสุดกระจายออกไป การตวัดทุกครั้งสังหารสัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็นได้มากมาย

แต่สัตว์ประหลาดมีจำนวนไม่มีสิ้นสุด สัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวในภายหลังค่อยๆ ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเขาเดินจนมาถึงกลางสะพาน ตัวตนที่มองไม่เห็นในความว่างเปล่าก็มีจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว

สัตว์ประหลาดคำรามจนสะเทือนสวรรค์และปฐพี แต่พวกมันยังมองไม่เห็น ทำให้ผู้คนค่อยๆ หวาดกลัว

ขณะกู่ฉิงซานร่ายรำดาบ เขาครุ่นคิดถึงมาตรการโต้กลับอย่างรวดเร็ว

บัดซบ จะกำจัดคำสาปยังไงดี

เมื่อถึงเวลาหนึ่ง เขาอดที่จะกระซิบกับตัวเองไม่ได้ว่า “กำจัด...”

คาดไม่ถึง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหูของเขา

มันคือเสียงผู้หญิงแห้งและแหบพร่า นางกระซิบด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยว่า “พละกำลังอ่อนแอเกินไป… ไม่ต้องพูดถึง… การปลดปล่อยพละกำลังออกมาเลย”

กู่ฉิงซานรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

เขาสูดหายใจเข้าเต็มที่จนเข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น

ในวินาทีต่อมา เขาถอยกลับ ขัดขืนสัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็นในความว่างเปล่า ออกมาจกาสะพานแขวนแล้วยืนนิ่งอยู่ที่ประตูเหล็ก

เขาถอยออกจากสะพานแขวน พลังคำสาปย่อมไม่สามารถไล่ตามมาได้

พวกมันไม่สามารถส่งผลในระยะไกลได้

เสียงของบิดาบนสวรรค์ดังมาจากท้องนภา “เจ้าจะยอมแพ้งั้นหรือ”

กู่ฉิงซานโบกมือแล้วตอบเสียงดังว่า “เดี๋ยวก่อน ข้าคิดวิธีใหม่ขึ้นมาได้ อยากลองอีกสักครั้ง ได้หรือเปล่า”

บิดาบนสวรรค์นิ่งก่อนตอบอย่างมีความสุขว่า “แน่นอน ตราบที่เจ้าศรัทธาในวิธีของตัวเอง”

“ขอบคุณมาก”

หลังจากกู่ฉิงซานกล่าวจบ เขายืนนิ่งอยู่นอกสะพานขณะปรับลมหายใจอย่างแผ่วเบา

...เขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กกำลังผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว

“จากการซ้อมอย่างหนักครั้งก่อน ระบำสังเวยชีพของท่านเหลือพลังน้อยลง”

“นี่คือคำสาปจากโลกธุลี การโจมตีใส่ท่านจะรุนแรง ความปรารถนาที่จะทำลายคำสาปของท่านได้ดึงดูดสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มีความเชื่อมโยงกับระบำสังเวยชีพได้สำเร็จ สิ่งมีชีวิตนี้ดึงดูดความสนใจจากโลกอันไกลห่าง”

“ตัวตนนี้กระตุ้นพลังแห่งการร่ายรำที่ท่านสั่งสมเอาไว้ก่อนจากไป”

“เพราะท่านคือราชาภูตผีแห่งยมโลกหกภพ จึงมีคุณลักษณะของปฐพีอยู่กับตัว”

“เพราะท่านคือดินแดนสี่เสาหลักแห่งความว่างเปล่า ท่านจึงมีคุณลักษณะของปฐพี”

“ตอนนี้ ท่านจะสามารถทำการร่ายรำของเทพปฐพีอย่างเป็นทางการได้”

“โปรดทราบ นี่ไม่ใช่การซ้อม!”

“โปรดทราบ นี่ไม่ใช่การซ้อม!”

“โปรดทราบ นี่ไม่ใช่การซ้อม!”

“นี่คือการเต้นบูชายัญอย่างเป็นทางการ”

“การร่ายรำของเทพปฐพี”

“เริ่มได้”

กู่ฉิงซานชำเลืองมอง

ในความมืด เขาคล้ายกับเข้าใจบางสิ่ง

ในเวลาเดียวกัน ท้องนภา ปฐพี ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หมองหม่น

สายลมและทรายพัดพาจากความว่างเปล่า

โลกทั้งใบคล้ายกับเข้าสู่สภาพหมองหม่น

มีแสงระยิบระยับบนร่างของกู่ฉิงซานจนดูเหมือนกับเทพวันสิ้นโลก

เขาสูดหายใจเข้า สัมผัสถึงพลังของการร่ายรำก่อนย่างก้าวอย่างแผ่วเบา

ตึง!

เสียงกลองดังขึ้น

ไม่เหมือนกับความยินดีจากการร่ายรำก่อนหน้านี้ มันคือเสียงกลองที่หนักอึ้งและสั่นสะท้าน

ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

เสียงกลองช้าแต่เต็มไปด้วยความเร่งเร้า

…นอกจากกลองแล้ว ไม่มีเสียงดนตรีอื่น มีเพียงเสียงสายลมและทรายที่พัดสูงต่ำอยู่รอบหู

ช่างสง่า ช่างเคร่งขรึม

กู่ฉิงซานก้าวอีกครั้ง

ดาบยาวในมือชี้ไปข้างหน้า

“จงตื่นขึ้น” เขากระซิบ

ตึงๆ!

เสียงกลองระรัวราวกับกำลังเร่งเร้า

ที่ปลายทางของโลกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางสุสานที่เหล่าเทวดาถูกฝังเอาไว้หลายร้อยล้านปี แสงเรืองรองพลันพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา

โครงกระดูกของเทวดาสวมเกราะคืบคลานออกมาจากสุสาน

มันเงียบอยู่สักพักก่อนพลันยื่นมือออกมาคว้าดาบใหญ่โบราณที่ถูกฝังลึกอยู่ในความผันผวนของชีวิต ปีกกระดูกที่อยู่ด้านหลังสั่นไหวก่อนทะยานขึ้นในอากาศ

โครงกระดูกเทวดามองไปทางที่กู่ฉิงซานอยู่

ตึงๆ! ตึงๆ!

เสียงกลองเร่งเร้ามากยิ่งขึ้น!

โครงกระดูกของเทวดาองค์ที่สองพุ่งออกมาจากสุสาน มือถือดาบจันทร์เสี้ยวสองเล่มก่อนทะยานขึ้นสู่ท้องนภา

โครงกระดูกสวมเกราะร่างที่สามผลักหลุมศพออกไป มันยกค้อนศึกหนักอึ้งไว้บนบ่าก่อนทะยานขึ้นท้องนภา

ร่างที่สี่…

ร่างที่ห้า…

มีโครงกระดูกเทวดาสิบสองร่าง

เทวดาสงครามสิบสององค์นี้เก่งกาจหาญกล้าที่สุดในประวัติศาสตร์ของสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์

กู่ฉิงซานเดินอีกก้าวจนมาถึงขอบสะพานแขวน

ตรงข้ามเขา สัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็นที่ปกคลุมอยู่ทั่วสะพานรวมตัวกันจนก่อตัวเป็นใบหน้ายักษ์ที่มองเห็นได้เลือนราง

มันมองกู่ฉิงซานก่อนกล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าต้องการร่างนั่น ขุมกำลังจากปฐพีเอ๋ย เจ้าไม่สามารถทำลายแผนการของข้าได้หรอก”

เพราะเสียงดังกล่าว โลกทั้งใบเริ่มสั่นไหว

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดคืบคลานลงกับพื้นขณะสูญเสียพลัง

บิดาบนสวรรค์ตกลงพื้นจากท้องนภาเช่นกันขณะพยายามสุดความสามารถที่จะปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์จนหาทางหยุดเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด

กู่ฉิงซานไม่พูด

เขารับดาบเสียงคลื่น ในมือถือดาบพิภพแล้วร่ายรำอย่างแผ่วเบา

ระบำดาบ!

ท่ามกลางเสียงกลองศึก เขาได้ยินเสียงบางอย่าง “นี่คือการต่อสู้ของโลกธุลีในอดีต เจ้ากับข้าจะร่วมกันนำ”

ลำแสงหมองหม่นสิบสองสายตัดผ่านท้องนภาก่อนเคลื่อนลงมาอยู่หลังกู่ฉิงซาน

เทวดาสงครามเผยร่างให้เห็น

………………………………….