webnovel

1075 หินแห่งสรรพสิ่ง

ตอนที่ 1075 หินแห่งสรรพสิ่ง

“มีชีวิตรอดหรือ มีอันตรายมากมายในทางเดินลับอย่างนั้นเหรอ”

กู่ฉิงซานถาม

ยักษ์ตอบว่า “หนึ่งร้อยล้านปีก่อน ทางเดินลับถูกกวาดล้างโดยคนแข็งแกร่งจำนวนมาก เหลือเพียงอันตรายประปรายเท่านั้น”

อินทรีสีขาวราวหิมะกล่าวว่า “แต่เวลาผ่านมานานมากแล้ว ตอนนี้ คำสาปกำลังคลายออกอย่างช้าๆ พวกข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในบ้าง ทุกสิ่งต้องถูกสำรวจอีกครั้ง”

หนึ่งร้อยล้านปีมากพอที่จะเปลี่ยนทะเลให้เป็นทุ่งศักดิ์สิทธิ์

หรือก็คือ

มีเพียงภูตผีเท่านั้นที่รู้ว่าในเส้นทางลับมีอะไร

หากมีพลังไม่มากพอ แล้วจะใช้อะไรไปสำรวจเส้นทางลับ

กู่ฉิงซานครุ่นคิดถึงเรื่องนี้แล้วถามอย่างไม่มั่นใจว่า “ทุกท่าน ในเมื่อเราเป็นพวกเดียวกัน พอจะแสดงความใจกว้างเพื่อมอบพละกำลังทั้งหมดให้ข้าจะได้หรือเปล่า”

รูปปั้นทั้งสี่ส่ายหน้าพร้อมกันทันที

ยักษ์ตอบว่า “คำสาบานก็คือคำสาบาน ไม่อาจสั่นคลอนได้ แม้แต่พวกข้าก็ไม่สามารถช่วยได้ นี่คือคาถาตายตัวเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงใจว่า

“พูดตามตรงเลยละกัน เทพอัคคีตายแล้ว เทพปฐพีตายแล้วเช่นกัน ส่วนเทพวายุและเทพวารี… ข้าไม่ได้ยินข่าวคราวของพวกเขาเลย”

“ตอนนี้ในกระแสวังวนความว่างเปล่า มีเพียงข้าที่หนีออกมาได้ในฐานะเทพปฐพีองค์ใหม่”

“ในเมื่อเป็นพวกเดียวกัน พวกท่านก็ควรปล่อยวางบ้าง หากเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถขัดขืนได้ พวกท่านก็อย่าได้ปล่อยให้ข้าไปตายทั้งแบบนี้สิ”

รูปปั้นทั้งสี่ฟังอย่างเงียบงัน

อินทรีสีขาวราวหิมะกล่าวว่า “คำสาบานไม่อาจแตกหักได้ แต่พวกข้าคาดการณ์สถานการณ์เช่นนั้นเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงได้เตรียมการมานิดหน่อย”

กู่ฉิงซานยิ้ม ไม่พูดอะไรอีก เพียงแสดงสีหน้าตั้งใจฟังออกมา

คาดไม่ถึง รูปปั้นทั้งสี่ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับร่ายคาถาปิดกั้นพร้อมกัน

เสียงของพวกเขายิ่งมายิ่งดังราวกับกำลังเรียกขานบางสิ่ง

พื้นหินที่อยู่ใจกลางของสี่เทพเริ่มหมุนช้าๆ

‘คลิ้ก!’

หลังจากสิ้นเสียงดังกล่าว ใจกลางพื้นหินจมลง บอลหินเลื่อนขึ้นมา

บอลหินลอยอยู่ในอากาศ ทำให้ผู้คนมองเห็นมุมต่างๆ นับร้อยบนพื้นผิวได้อย่างชัดเจน

มันดูเหมือนกับเพชร แต่ไม่ได้โดดเด่นเท่าเพชร

“นี่คืออะไรหรือ” กู่ฉิงซานถามด้วยความสงสัย

ยักษ์ตอบว่า “หินแห่งสรรพสิ่ง สมบัติธรรมชาติที่ก่อเกิดในความว่างเปล่า ไม่มีจิตสำนึกและวิญญาณ ปราศจากพลัง เป็นสมบัติที่สามารถหลีกเลี่ยงคำสาบานของสี่เทพได้”

“ตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว”

กู่ฉิงซานเอื้อมมือไปแตะบอลหิน

เมื่อเห็นเขากำลังจะแตะบอลหิน อินทรีสีขาวราวหิมะกล่าวว่า “ที่ทางเข้าทางเดินลับ ผู้คนที่ไม่รู้จุดกำเนิดจำนวนมากต่างรวมตัวกันเพื่อรอให้เวลามาถึง”

ยักษ์กล่าวว่า “เร่งมือเข้า หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง คำสาปแห่งความโกลาหลของเรนี่โดลจะคลายออกอย่างสมบูรณ์ ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

หลังจากพูดจบ รูปปั้นทั้งสี่ค่อยๆ กลับสู่ความเงียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรอีก

กู่ฉิงซานตกตะลึงขณะมองรูปปั้นทั้งสี่และบอลหินในมือ

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นช้าๆ

“หินแห่งสรรพสิ่ง สมบัติแห่งความว่างเปล่า”

“นี่คือสมบัติที่เกิดขึ้นในวังวนความว่างเปล่าตามธรรมชาติ สามารถเสริมพลังให้กับผู้ครอบครองได้”

“คำอธิบาย: หินแห่งสรรพสิ่งจะยังคงมอบความสามารถมากมายให้ท่าน ใช้งานได้หนึ่งครั้งต่อชั่วโมง ใช้ได้ทีละครั้งเท่านั้น”

“เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ความสามารถเก่าที่ท่านได้รับจะหายไป ความสามารถใหม่จะปรากฏขึ้น”

“ท่านได้รับหินแห่งสรรพสิ่ง”

“ภายในหนึ่งชั่วโมงนับจากนี้ ท่านจะได้รับความสามารถใหม่”

“พลังแห่งความว่างเปล่า: เงาพิฆาต”

“ท่านเชี่ยวชาญเงาพิฆาตแล้ว สามารถแยกออกเป็นภาพติดตามสามร่างได้ทุกเมื่อเพื่อสร้างความสับสนกับอีกฝ่ายได้”

“คำอธิบาย: ความสามารถที่หินแห่งสรรพสิ่งมอบให้ท่านไม่เป็นระเบียบและสุ่มเสี่ยง ไม่มีทางตัดสินพละกำลังหรือคุณลักษณะได้”

นี่นับเป็นเรื่องแปลก

กู่ฉิงซานเริ่มตรวจสอบสถานการณ์ของตัวเอง

หน้าต่างระบบเทพสงครามต้องการพลังวิญญาณ

หากไม่มีพลังวิญญาณ “สกิลเทพสงคราม” หรือ “ข้อมูลเทพสงคราม” จะไม่สามารถใช้ได้

ชื่อสกิล… ยังสามารถบอกได้

กู่ฉิงซานล็อกฉายาของเขาเอาไว้ที่ “แม่ทัพเทพ” เพื่อพัฒนาความเร็วให้กับดาบ

“ดาบพิภพ สถานการณ์ของเจ้าเป็นยังไงบ้าง” กู่ฉิงซานถาม

ดาบพิภพตอบว่า “ท่านไม่มีพลังวิญญาณ ดังนั้นข้าจึงต้องจำใจเลือกใช้แดนศักดิ์สิทธิ์”

แดนศักดิ์สิทธิ์ใช้ได้ตามที่ต้องการโดยไม่ต้องพึ่งพลังวิญญาณ

“แม้แต่เจ้าก็ต้องปฏิบัติตามตำสาบานของสี่เทพงั้นหรือ” กู่ฉิงซานถามด้วยความสงสัย

ดาบพิภพตอบว่า “ใช่แล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มีจิตสำนึกและวิญญาณจะต้องปฏิบัติตามคำสาบาน… จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่คำสาบานของสี่เทพเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงสิ่งมีชีวิตทรงพลังจำนวนมากที่มอบพลังให้กับคำสาบานด้วย”

ดาบเสียงคลื่นส่งเสียงหึ่งอย่างหงุดหงิด

แน่นอนว่ามันยังเหลือพลังควบคุมทะเล แต่กู่ฉิงซานไม่มีพลังวิญญาณแล้ว ดังนั้นความสามารถนี้จึงไม่มีประโยชน์

ส่วนจี้น้ำเต้าหยกเหวยจุน

‘ฟิ่วๆ’

มันส่งเสียงอย่างมีชัยในความว่างเปล่า

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

มันหลุดพ้นจากรูปปั้นของสี่เทพ ไม่ถูกพันธนาการ ไม่ถูกตรวจพบ

ความสามารถของ “หยกไร้ข้อบกพร่อง” ทรงพลังจริงๆ ขนาดผู้สร้างปฐพียังไม่สามารถหามันพบได้

“เอาล่ะ ข้าเริ่มรู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้วล่ะ” กู่ฉิงซานพึมพำ

เขาก้าวไปข้างหน้าขณะเดินมุ่งสู่ส่วนลึกของทางเดินลับ

กู่ฉิงซานเดินในเส้นทางลับอย่างรวดเร็ว

มีความมืดมิดรอบข้าง เขาต้องระแวดระวัง

เพราะเขาเสียพลังวิญญาณกับจิตเทพไป ตอนนี้จึงเป็นเพียงคนธรรมดา

โชคยังดีที่ไม่มีคนอยู่ที่นี่

กู่ฉิงซานระแวดระวังยิ่งด้วยกลัวว่าจะเผชิญกับเส้นทางหลอกเหมือนก่อนหน้านี้อีก

ทว่า ระหว่างทาง เขาไม่พบสิ่งที่น่าสงสัยเลย

ใช่แล้ว ทุกตัวตนที่มาถึงที่นี่ปราศจากความสามารถทั้งหมดด้วยผลจากรูปปั้นของสี่เทพจนเหลือเพียงวิชาเดียว

เกรงว่าคนเหล่านั้นคงไม่มีอารมณ์มาทำเรื่องน่าเบื่อหน่ายอย่างการหลอกผู้อื่น

ต่อให้อยากลงมือทำ แต่การขุดเส้นทางลับแล้วจัดวางใหม่หลังจากเสียพละกำลังไปจนสิ้นเป็นงานที่เหนื่อยมากนัก

ไม่น่ายินดีเอาเสียเลย

เวลาผ่านไป

ความมืดถูกลบล้างโดยแสงริบหรี่ในที่สุด

ด้านหน้าพลันเปิดออก

ที่ปลายทางของเส้นทางลับคือจัตุรัสหินขนาดเล็ก

อัญมณีเรืองแสงตามธรรมชาติถูกฝังอยู่บนกำแพงและพื้นของเส้นทางลับขณะส่องแสงให้รอบข้าง

มีหลายคนมารออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

พวกเขาแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม เห็นได้ชัดว่าเป็นกองกำลังที่แตกต่างกันออกไป

ที่ปลายทางจัตุรัส มีกลุ่มแสงสีดำอยู่

กลุ่มแสงนี้ขวางเส้นทางลับเอาไว้ ป้องกันไม่ให้ใครผ่านไปได้

เพราะสังเกตเห็นคนมาใหม่ ทุกคนจึงหันมามองกู่ฉิงซาน

ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา

“ช่างเป็นชายที่เจ้าเล่ห์นัก ไม่คิดเลยว่าจะหลุดรอดมือข้าจนหาทางมาที่นี่ได้”

กู่ฉิงซานมองหาต้นเสียง

เขาเห็นผู้ฝึกยุทธ์เจ็ดถึงแปดคนยืนอยู่ด้วยกัน เสียงนั้นมาจากหนึ่งในพวกเขา

พวกเขาล้วนสวมหน้ากาก

เครื่องแต่งกายแบบนี้ เพียงปรายตามองก็รู้ว่าพวกเขาคือคนจากโลกคู่ขนาน

ถ้าอย่างนั้น พวกเขาก็คือคนที่ปลอมเส้นทางนั่นเพื่อล่อให้คนอื่นๆ ตกลงไปตายในทะเลลึกอย่างนั้นหรือ

หัวใจของกู่ฉิงซานขยับเล็กน้อย ไม่แสดงสีหน้าออกมาแม้แต่นิดเดียว

เห็นได้ชัดว่าทุกคนกำลังรอให้แสงสีดำหายไปอยู่ หลังจากนั้นพวกเขาถึงจะสามารถเข้าทางเดินลับได้

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว หากอยู่เพียงลำพังในสภาพเสียพละกำลังไปมาก คงดีกว่าที่จะเป็นฝ่ายอดทนอดกลั้น

รอให้ผ่านไปได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

เมื่อคิดได้ดังนี้ กู่ฉิงซานยังคงเงียบก่อนหาที่รอเงียบๆ

ทว่า การเปลี่ยนแปลงของทุกสิ่งไม่เป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้

เสียงก่อนหน้านี้ยังดังขึ้นอีก

“นางอยู่คนเดียวเสียอย่างนั้น ไม่อยากจะเชื่อว่าไก่อ่อนแบบนี้ยังอุตส่าห์หาทางรอดด้วยพละกำลังแค่นั้นมาได้”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

เขาเหลือบมองข้ามจัตุรัสไป ท้ายที่สุดก็พบไก่อ่อนอีกฝ่ายพูดถึงอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตา

ซูเสวี่ยเอ้อร์

ซูเสวี่ยเอ้อร์อยู่ที่นี่

แขนข้างหนึ่งถูกย้อมด้วยสีแดงโลหิต นางพิงกับกำแพงขณะมองรอบข้างอย่างระแวดระวัง

กู่ฉิงซานสบตากับนาง

ซูเสวี่ยเอ้อร์เบือนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้กู่ฉิงซานเปลี่ยนรูปลักษณ์ แถมทั้งร่างยังอยู่ในจุดที่มืดมิดอีก ซูเสวี่ยเอ้อร์จึงจำเขาไม่ได้ในตอนนี้

ไม่ไกลจากหน้านางนัก ซากศพคนสวมหน้ากากจำนวนมากกองอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน

เห็นได้ชัดว่ามีการต่อสู้ก่อนหน้านี้

สายตาของกู่ฉิงซานเปลี่ยนไปอีกครั้ง

เขาเห็นร่างอันโดดเดี่ยวมากมายบนจัตุรัส

เกรงว่าร่างเหล่านี้คงมาสำรวจเส้นทางลับเพียงลำพัง

หากไม่นับซูเสวี่ยเอ้อร์ นักเดินทางที่มาเพียงลำพังคนอื่นต่างถูกกำจัด

อีกอย่าง ทุกคนกลายเป็นคนธรรมดาที่มีเพียงวิชาเดียว

ทางเดินลับกำลังจะเปิด สมบัติที่เต็มไปด้วยฝุ่นอยู่ในอีกโลกที่สุดทางเดิน

ตอนนี้ การลดจำนวนคู่แข่งโดยอาศัยข้อได้เปรียบของจำนวนคนที่มากกว่าถือว่าเป็นข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติ

ดวงตาของกู่ฉิงซานหันกลับมามองร่างของซูเสวี่ยเอ้อร์

นางมีกำลังใจดี มีใจที่จะสู้ แต่ตามร่างกายมีบาดแผล โลหิตยังหยดลงมาจากแขน

ทุกคนต่างมีวิชาเดียว

สิ่งที่ซูเสวี่ยเอ้อร์เหลือเอาไว้อาจจะเป็นไพ่ต่อสู้ทรงพลัง

ดังนั้นนางจึงไม่มีวิชาที่จะมารักษาตัวเอง

ขณะมองรอบข้าง คนอื่นชำเลืองมองนางอย่างไม่แยแสผสมปนเปนกับจิตมุ่งร้าย

บาดแผลของนางมีแต่จะสาหัสมากขึ้น

กู่ฉิงซานขมวดคิ้วเล็กน้อย

ดวงตาของเขาหลุบต่ำขณะจ้องมองผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากาก

พวกเขาทำร้ายซูเสวี่ยเอ้อร์

กู่ฉิงซานถือดาบสองเล่มไว้ในมือขณะปรับลมหายใจอย่างเงียบงัน

ตอนนี้ร่างกายเป็นของคนธรรมดา การจะสังหารได้นับว่ายาก

ตอนนี้ เสียงหนึ่งมาจากคนอีกกลุ่ม

ผู้นำของพวกเขากล่าวว่า “ก่อนหน้านี้คนของเจ้าถูกฆ่ามามากแล้ว มาฆ่าหมอนี่ดีกว่า ทุกสิ่งที่เป็นของเขาจะเป็นของพวกเรา”

ผู้นำส่งสัญญาณ

คนของเขาหายไปก่อนมาล้อมกู่ฉิงซานเอาไว้

…………………….