webnovel

1036 ผนึกเทพ

ตอนที่ 1036 ผนึกเทพ

ภายในห้อง

ลอร่าขยี้ตาก่อนลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ทันใดนั้นนางก็เห็นกู่ฉิงซาน

“กู่ฉิงซาน เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยอย่างนั้นหรือ” นางถามด้วยความสับสน

กู่ฉิงซานยิ้มขณะลูบศีรษะนางแล้วตอบว่า “อย่างที่เจ้าเห็น ข้าปลอดภัยดี แต่คราวนี้เจ้าดูเหนื่อยล้ามากหลังกลับมาจากซากปรักหักพัง”

ลอร่ากล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ใช่ ข้าได้เห็นสมบัติโบราณมากมาย ถึงแม้จะไม่สามารถเก็บพวกมันได้ก็เถอะ แต่ก็ได้เปิดหูเปิดตาพอสมควร”

ขณะพูด นางยื่นมือออกไปคว้าบางสิ่งในความว่างเปล่า

ทุกคนอดที่จะมองดูไม่ได้

พวกเขาเห็นคทาสีเขียวมรกตที่มีนกสลักอยู่บนส่วนหัว

ทันทีที่คทานี้ปรากฏขึ้น ทั่วห้องถูกปกคลุมด้วยหมอกจาง

เมื่อสูดหมอกเข้าไปเล็กน้อย ทุกคนรู้สึกได้ถึงความสดชื่น

เหล่าต้าสงสัย “หืม ของชิ้นนี้คล้ายกับอยู่ในยุคเดียวกับสมบัติจากซากปรักหักพังของเทพแห่งชีวิตเลย”

ลอร่ากล่าวว่า “มีคุณลักษณะอยู่ในความสามารถข้าน่ะ ข้าต้องเคยเห็นระดับของสมบัติมาก่อนจึงจะสามารถคว้าสมบัติระดับนั้นได้”

เมื่อทุกคนได้ฟัง พวกเขาอดที่จะคิดในใจพร้อมกันไม่ได้

ไม่สงสัยเลยว่าตอนสำรวจซากปรักหักพัง ตามสัญญาของราชา ทุกคนจึงไม่สามารถเก็บสมบัติได้

ในตอนนั้น ลอร่าบอกว่าแค่ได้ดูก็เกินพอแล้ว

เพราะงั้นหลังจากที่นางได้ดูแล้ว…

นางก็จะสามารถคว้ามาได้…

จางหยิงห่าวพลันหยิบไรเฟิลซุ่มยิงเบาออกมา ส่งให้ลอร่าแล้วกล่าวว่า “นายท่าน ดูปืนกระบอกนี้หน่อยว่ามีปัญหาหรือเปล่า”

ลอร่ารับมันมา ดูสักพักแล้วกล่าวว่า “ปืนกระบอกนี้ดี แต่มันยังหลับใหลอยู่”

เหล่าต้าพลันกล่าวว่า “ท่านหญิง อย่ามัวแต่ดูปืน ถ้าท่านมีเวลาไปหุบเหวกับข้า มีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณแปลกประหลาดไม่ทราบจุดกำเนิดอยู่ ข้าอยากให้ท่านได้ดู”

ลอร่าพลันสนใจขึ้นมาก่อนกล่าวว่า “โห สิ่งประดิษฐ์วิญญาณที่ไม่ทราบจุดกำเนิดหรือ น่าสงสัยจริงๆ ไม่มีปัญหา!”

“เหล่าต้า เดี๋ยวก่อนนะ”

กู่ฉิงซานจับเหล่าต้าเอาไว้ จากนั้นหยิบดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพออกมาก่อนส่งให้ “ลอร่า หุบเหวยังอยู่อีกไกล ตอนนี้เจ้าดูดาบสองเล่มนี้ให้ข้าก่อน”

ลอร่าพูดไม่ออก

นางมองสายตาเร่าร้อนของทุกคนก่อนจะเข้าใจช้าๆ

“โถ กู่ฉิงซาน เจ้าโง่ ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพเป็นเพียงระดับวัตถุเท่านั้น เมื่อนานมาแล้วข้าเคยเห็นของแบบนี้มานับไม่ถ้วน เจ้าลองคิดดูสิ สิ่งประดิษฐ์วิญญาณอันยอดเยี่ยมนับไม่ถ้วนอยู่ในความว่างเปล่ากว้างใหญ่ พวกมันถูกแย่งชิงโดยตัวตนนับไม่ถ้วน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเป็นสิ่งที่ไร้เจ้าของ”

กู่ฉิงซานถือดาบสองเล่มเอาไว้อย่างเกรี้ยวกราด

แต่มันก็ถูกนั่นแหละ

หากสามารถสัมผัสดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพได้ง่ายๆ แผนการต่างๆ นานาของวิญญาณกรีดร้องที่วางมานับไม่ถ้วนก็ไม่ต่างจากเรื่องตลก

เมื่อทุกคนคิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็เสียสติเล็กน้อย

ลอร่ากล่าวต่อว่า “ดังนั้น โอกาสที่ข้าจะสัมผัสอาวุธนี้ได้จึงต่ำมาก”

ต่ำมาก…

แต่ว่า!

กู่ฉิงซานถามว่า “หรือก็คือ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะสัมผัสมันใช่หรือเปล่า”

“อืม เมื่อข้ารู้สึกว่าโชคดีล่ะนะ แต่แน่นอนว่ายังเป็นเรื่องยากมาก” ลอร่าตอบ

ทุกคนเข้าใจ

เย่เฟยหลีถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ในฐานะท่านเอิร์ลแห่งอาณาจักรหนาม ข้าไม่อยากต่อสู้อีกแล้ว”

ลอร่าโบกมือก่อนยิ้มออกมา “อย่าไปคาดหวังกับของมายาเหล่านี้เลย ที่จริง สมบัติทั้งหมดคือสิ่งที่อยู่นอกกายเจ้า สิ่งที่เจ้าต้องการจริงๆ มักขึ้นอยู่กับความพยายามของตัวเอง”

ความพยายามของตัวเอง

คำเหล่านี้ฟังแล้วออกจะแรงเล็กน้อย

ทุกคนจึงหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้อย่างชาญฉลาด

กู่ฉิงซานตบถุงเก็บของก่อนพบรูปปั้นไก่หลากสีสัน

อีกวันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เขาสามารถดูได้ว่ามีข้อมูลใหม่หรือเปล่า

ไม่รู้ว่าเป็นคิดไปเองหรือเปล่า แต่กู่ฉิงซานรู้สึกว่าไก่หลากสีสันคล้ายกับตัวใหญ่ขึ้นจากตอนที่เคยเห็นคราวที่แล้ว

เขาเอื้อมมือไปดึงหงอน

ไก่หลากสีสันมีชีวิตขึ้นมาทันที

‘เอ๊อะ!’

มันเรอออกมาทันที

“เจ้าหนู ว่าไง ข้าช่วยอะไรเจ้าได้”

ไก่เปิดปากพูด สีหน้าดูไม่มีกำลังวังชา กู่ฉิงซานสังเกตเห็นว่ามันดูเหนื่อยเล็กน้อย

“แน่นอนว่าข้าอยากถามเรื่องข้อมูลน่ะ… ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า” กู่ฉิงซานถาม

ไก่กระพือปีกแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไร ช่วงนี้ข้าไปเยี่ยมญาติกับสหายมาน่ะ พอกินมากเข้าก็น้ำหนักขึ้นมาหลายปอนด์เลย”

กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเข้าใจ “อ๋อ เรื่องนี้เข้าใจได้ ถ้าอย่างนั้นโปรดบอกข้อมูลเกี่ยวกับข้ามาที”

“กฎเดิม” ไก่สยายปีกอย่างสุดกำลัง

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปเพื่อมอบพลังวิญญาณหนึ่งแสนแต้มให้

ไก่ได้รับพลังวิญญาณมาจนมีกำลังวังชาในที่สุด

มันเอียงคอมองความว่างเปล่าอย่างละเอียดคล้ายกับกำลังสำรวจบางสิ่ง

ผ่านไปสักพัก ไก่ยื่นคอกลับก่อนจะหมดแรงอีกครั้ง

“ครั้งนี้ขาดทุน… ข่าวใหญ่… ทำให้ข้าเสียพลังวิญญาณไปมาก”

มันกระซิบขณะเดินไปหากู่ฉิงซานอย่างมีลับลมคมใน

กู่ฉิงซานรู้ว่ามันได้รวมข้อมูลของหน้าต่างระบบเทพสงครามเอาไว้ด้วย จึงเป็นธรรมดาที่มันจะติดต่อกับหน้าต่างระบบเทพสงคราม เขาจึงไม่ลังเลที่จะเอื้อมมือออกไปอีกครั้งเพื่อมอบพลังวิญญาณให้อีกเก้าหมื่นแต้ม

หลังจากสังหารวิญญาณแปลกประหลาดในสวนไปได้ เขาได้รับพลังวิญญาณห้าล้านแต้ม ตอนนี้จึงมั่งคั่งมาก

ไก่ยกนิ้วโป้งแล้วชื่นชมว่า “พอแล้ว! ช่างมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่งนัก”

“ฟังให้ดี ด้วยการมาถึงของยุคโกลาหลแบบค่อยเป็นค่อยไป โลกเก้าร้อยล้านชั้นจะค่อยๆ ถูกปกคลุมในความโกลาหล”

“หนึ่งชั่วโมงก่อน วิญญาณกรีดร้องทำการผนึกเทพได้สำเร็จ”

“เทพที่แท้จริงอยู่เหนือกว่าระดับปกติ ไม่สามารถเอาชนะด้วยพลังต่อสู้ระดับปกติได้”

“วิญญาณกรีดร้องในตอนนี้คือเทพที่แท้จริงเพียงองค์เดียวในโลกเก้าร้อยล้านชั้น มันกำลังกระจายความโกลาหลไปทั่วโลกที่มีอารยธรรม”

“เจ็ดวิหารในพื้นที่จ้าวโลกมีการแบ่งแยกอย่างเป็นทางการ บางวิงหารอพยพไปอยู่กับวิญญาณกรีดร้อง บางส่วนกำลังเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย เพราะถ้าพวกเขาไม่ปฏิบัติตาม วิญญาณกรีดร้องจะทำลายพวกเขาทันที”

“ถ้ามีหนทาง เจ้าต้องหยุดวิญญาณกรีดร้องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างนั้นทุกสิ่งจะสายเกินแก้”

หลังจากแจ้งข้อมูลเสร็จ ไก่หลากสีสันกลายเป็นรูปปั้นอีกครั้งก่อนหยุดเคลื่อนไหว

กู่ฉิงซานตกอยู่ในความเงียบ

จางหยิงห่าวตบบ่าเขาแล้วกล่าวว่า “ดูท่าพวกเราต้องรีบแล้ว คลี่คลายที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อปลุกบัญญัติขึ้นมา”

เย่เฟยหลีกล่าวว่า “สี่เทพจอมปลอมต่างมีชิ้นส่วนไพ่อยู่กับตัว ดังนั้นพวกเขาสามารถใช้พลังบัญญัติได้ในระดับหนึ่ง… พวกเขาแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับพลังบัญญัติ แบบนี้จะหาทางฆ่ายังไง”

เหล่าต้าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ความจริง พละกำลังของพวกเขาไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือสัตว์ประหลาดที่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาต่างหากล่ะ”

ทุกคนเงียบ ฉากนั่นปรากฏขึ้นมาในใจอีกครั้ง

หนวดสีดำขนาดใหญ่นับหมื่นทะลวงผนังตำหนักก่อนพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา

นี่งเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของร่างสัตว์ประหลาดเท่านั้น

แม้กระทั่งเทพก็สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ แต่พวกเขาไม่สามารถสังหารได้

จางหยิงห่าวกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ทั่วทั้งเมืองเรเควี่ยม นอกจากตระกูลราชวงศ์แล้ว ความเป็นความตายของทุกคนล้วนถูกมันสัมผัสได้ ดังนั้นทันทีที่พวกเราฆ่าเทพจอมปลอมก็จะทำให้ถูกพบตัวทันที”

ทุกคนเงียบ

มีเทพจอมปลอมทั้งสิ้นสี่องค์ การฆ่าสักองค์จะเป็นการดึงดูดสัตว์ประหลาดไร้เทียมทาน

พวกเขาควรทำอย่างไร

กู่ฉิงซานฟังเงียบๆ แต่ยังไม่พูดอะไร

ลอร่ามองมาเงียบๆ รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเขา

นางครุ่นคิดสักพักก่อนดึงชุดของกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “กู่ฉิงซาน ข้าจำได้ว่าคราวที่แล้วเจ้าถามเรื่องไพ่เพื่อใช้ในการเพิ่มพละกำลังของเจ้า”

“เคยถามอยู่” กู่ฉิงซานพยักหน้า

ในตอนนั้น เขาขอ “การไล่ล่าของธาตุลม” จากลอร่าเพื่อทำความเข้าใจความลึกลับของพันดาบที่กลายเป็นดาบเดียว

ในฐานะผู้ส่งสารแห่งบาป เขาสามารถใช้ไพ่ในโลกเพื่อพัฒนาพลังตัวเองได้ แต่ความจริง พละกำลังของกู่ฉิงซานยังไม่ไปถึงระดับนั้น

ดังนั้น เขาสามารถกลืนกินไพ่ธรรมดาเพื่อเสริมสร้างสกิลวิชาดาบตัวเองได้ชั่วคราว

เหมือนกับการวิวัฒนาการของแมวสีดำในตอนนั้นนั่นเอง

ลอร่าถามว่า “เจ้าสามารถใช้ไพ่เพื่อเพิ่มพละกำลังตัวเองต่อได้หรือเปล่า”

“ได้สิ”

“ถ้าเช่นนั้นทำไมเจ้าไม่มาหาข้าเลยล่ะ กำลังดูถูกข้าอยู่งั้นหรือ” ลอร่าถามอย่างเกรี้ยวกราด

“เปล่า… ในตอนนั้น วิญญาณกรีดร้องฉวยโอกาสลอบโจมตีเพื่อขัดขวางการกระทำดังกล่าว แถมหลังจากนั้นยังมีหลายสิ่งเกิดขึ้นอีก พวกเราแทบไม่ได้หยุดเลย ทำให้ไม่มีเวลามาทำเรื่องดังกล่าวต่อ” กู่ฉิงซานอธิบาย

“การต่อสู้กำลังใกล้เข้ามา เจ้าต้องการไพ่แบบไหนล่ะ รีบบอกข้ามาเลย” ลอร่ากล่าว

กู่ฉิงซานครุ่นคิดเช่นกัน เพราะคราวที่แล้วเขารู้สึกว่าจะถูกขัดด้วยการลอบโจมตีจากวิญญาณกรีดร้อง เขาจึงไม่ได้คิดเรื่องวิชาดาบอยู่นาน

ความจริง การควบคุมวิชาดาบของเขาไปถึงจุดที่สมบูรณ์แบบ อีกก้าวเดียวก็จะถึงระดับพลังที่ผสานหนึ่งดาบด้วยพันดาบได้

ตอนนี้ กู่ฉิงซานพูดชื่อไพ่หลายใบออกมา

ลอร่ามองดูในคลังสมบัติตัวเองก่อนส่งไพ่ให้กู่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว

กู่ฉิงซานรับไพ่มา แต่ไม่รีบทำการพัฒนา กลับกัน เขากล่าวกับทุกคนว่า “ข้าอยากฆ่าเทพจอมปลอมพวกนั้น ข้าพอจะมีทางอยู่ แต่มีสองปัญหาที่ต้องคลี่คลายระหว่างทาง”

“ปัญหาแรกคืออะไรหรือ” จางหยิงห่าวถาม

“เริ่มจากพวกเราต้องเข้าใจว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้างในการต่อสู้”

“ปัญหาที่สองล่ะ” เย่เฟยหลีถาม

“สี่เทพจอมปลอมไม่ปรากฏตัวง่ายๆ ต้องรอจังหวะที่ปรากฏตัวออกมาก่อนถึงจะมีโอกาสลงมือฆ่า”

เหล่าต้ากล่าวว่า “ปัญหาแรกคลี่คลายได้ง่ายๆ เลย แค่ตามหาสถานที่หนึ่งก็พอ จากนั้นพวกเราใช้ความสามารถของตัวเองทีละคน แต่ละคนก็จะเข้าใจพละกำลังของอีกฝ่าย”

จางหยิงห่าวครุ่นคิด “ส่วนปัญหาที่สอง มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ข้าเกรงว่าจะต้องเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญกับเมืองเรเควี่ยมเท่านั้นถึงจะทำให้สี่เทพปรากฏตัวพร้อมกัน”

“อืม ปัญหาที่สองอาจจะยากจริงๆ”

“เว้นแต่จะมีกลุ่มคนแบบพวกเราอีกกลุ่มเข้าเมืองเรเควี่ยม”

เย่เฟยหลีและลอร่ากล่าวพร้อมกัน

ทุกคนกำลังสนทนา ทันใดนั้น ห้องมืดลงก่อนสว่างขึ้น

แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นจากด้านหลังกลุ่มคน

ทุกคนหันศีรษะไปมองดู

พวกเขาเห็นแสงสีทองไม่มีสิ้นสุดมาบรรจบตรงที่เด็กกำลังหลับอยู่

วิญญาณของเชี่ยนหยายืนอยู่ข้างลูกขณะมองฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ

นางอดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้

“นางพูดว่าอะไร” กู่ฉิงซานถามอย่างแผ่วเบา

เย่เฟยหลีตอบว่า “นางบอกว่าราชาองค์ใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว”

………………………