webnovel

1003 ผู้พิทักษ์

ตอนที่ 1003 ผู้พิทักษ์

เย่เฟยหลีไม่กล้าชักช้า หยิบกระป๋องเครื่องดื่มขึ้นมา เปิดฝาออกแล้วรีบเทใส่ปากของเหล่าต้า

เหล่าต้าอ้าปากแล้วดื่มน้ำจากกระป๋องนั้นจนหมด

เขากล่าวอย่างยากลำบากว่า “เร็วเข้า เอามาอีก!”

เย่เฟยหลีหยิบกระป๋องเครื่องดื่มพลังวิญญาณออกมาอีก เหล่าต้าดื่มพวกมันจนหมดในพริบตา

เมื่อพอจะสามารถพูดคุยได้อย่างราบรื่นขึ้นมาบ้าง เหล่าต้าหยุดดื่มทันที

เหล่าต้ารีบกล่าวว่า “ฟังนะ ชื่อที่นั่นคือเมืองเรเควี่ยม มันเก็บความลับเอาไว้และไม่ยอมให้แพร่งพราย แต่ข้ากลับเผลอพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ”

“ทันทีที่แพร่งพรายเรื่องเมืองเรเควี่ยมให้ภายนอกรู้ วิชาลับของที่นี่จะส่งสัญญาณเตือนขึ้นมา”

“เทพโบราณของเมืองเรเควี่ยมจะสังเกตเห็น พวกเขาจะส่งใครบางคนมาตรวจสอบสถานการณ์ในไม่ช้า”

“ถึงแม้ข้าจะมีตัวตนที่ควรค่าแก่การให้พวกเขาเคารพ แต่ข้าไม่มีพละกำลัง ดังนั้นตอนนี้พวกเราจึงตกอยู่ในอันตราย!”

“กู่ฉิงซาน เจ้าคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ ตามขีดจำกัดสูงสุดของพลังวิญญาณ เจ้าน่าจะมีพลังวิญญาณราวหนึ่งแสนแต้มใช่หรือเปล่า”

กู่ฉิงซานชำเลืองมองพลังวิญญาณที่เหลืออยู่

เพราะไม่ได้รับผลจากมาตรฐานขีดจำกัดสูงสุด ทำให้มีพลังวิญญาณอยู่ที่ราวสองล้านเก้าแสนแต้ม

“ใช่ พลังวิญญาณหนึ่งแสนแต้ม” กู่ฉิงซานพยักหน้า

เหล่าต้าเร่ง “เร็วเข้า ช่วยถ่ายพลังวิญญาณทั้งหมดมาให้ข้า ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตายกันหมด!”

กู่ฉิงซานมายืนหลังเหล่าต้าอย่างไม่ลังเล

เขายื่นมือออกไป กดเข้ากับแผ่นหลังของเหล่าต้าก่อนถ่ายพลังวิญญาณหนึ่งแสนแต้มให้โดยตรง

เหล่าต้าได้รับพลังวิญญาณส่วนนี้มา แสงแวววาวพลันปรากฏขึ้นบนร่างกาย เพิ่มความสง่างามให้กับเขามากยิ่งขึ้น

“เป็นไงบ้าง” กู่ฉิงซานถาม

“พอจะยื้อไว้ได้สักพัก พวกเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว บัดซบ เป็นปัญหามากจริง ๆ ” เหล่าต้ากล่าวอย่างหงุดหงิด

ทุกคนมองหน้ากัน พวกเขาล้วนรู้สึกวิตกกับคำพูดของเหล่าต้า

นี่นับว่าน่าแปลก

คนอย่างเขา แม้จะเผชิญหน้ากับการลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ของวิญญาณกรีดร้องก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า

แต่ทำไมถึงแสดงอารมณ์แบบนั้นออกมาเพียงเพราะเปิดเผยสถานที่หนึ่งให้ทราบกันล่ะ

ทุกคนต่างครุ่นคิด สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไป

ในยานอวกาศลำนี้ คล้ายกับมีบางสิ่งกำลังเข้ามาอย่างเงียบงัน

ใบหน้าของเหล่าต้าเผยความเคร่งขรึมทันทีก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบเสงี่ยมว่า “ผู้ส่งสารจากเมืองเรเควี่ยม ทำไมถึงมาปรากฏตัวต่อหน้าข้า”

ทุกคนมองไปที่ด้านหลัง

เงาสีดำผุดขึ้นจากพื้นก่อนกลายเป็นคนชุดสีเทาเข้มคนแล้วคนเล่า

คนเหล่านี้สวมเกราะเต็มยศ พลังวิญญาณบนร่างกายกว้างใหญ่ราวทะเล ตอนปรากฏตัวครั้งแรก พวกเราล้อมทุกคนให้อยู่ตรงกลางเอาไว้ทันที

กู่ฉิงซาน ลอร่า จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีล้วนถูกอาวุธเล็งมา

จิตสังหารบนอาวุธเหล่านั้นบ่งบอกความหมายได้อย่างชัดเจน

หากลงมือถือว่าตาย

เกิดความเงียบทั่วยานอวกาศ

“ท่านแม่ทัพ ไม่มีศัตรูต่างแดน” ใครบางคนรายงาน

ตอนนี้ แสงสีขาวศักดิ์สิทธิ์รวมตัวจากรอบข้างก่อนตกลงสู่ใจกลางยานอวกาศ กลายเป็นชายวัยกลางคนผู้สง่าผ่าเผย

ดวงตาของเขาราวกับนกอินทรีขณะจ้องตรงมาที่เหล่าต้า

“อัครสาวกผู้ถูกเนรเทศ ข้าคิดเสมอว่าถึงแม้เจ้าจะตกต่ำลง แต่ก็ยังรับผิดชอบต่อคำสาบานและหน้าที่ที่จะเก็บความลับเอาไว้”

ชายวัยกลางคนผู้เป็นแม่ทัพกล่าว

น้ำเสียงของเขาเย็นชาจนยากจะอธิบาย ทั่วร่างเปี่ยมด้วยจิตสังหารราวกับสามารถพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ

“ข้ารับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองเสมอ” เหล่าต้ากล่าวอย่างสงบ

แม่ทัพมองรอบข้างก่อนเย้ยหยันออกมา “หน้าที่ของเจ้าคือการแพร่งพรายเรื่องเมืองเรเควี่ยมให้มนุษย์พวกนี้รู้งั้นหรือ”

บรรยากาศหมองหม่นพลันก่อตัวขึ้นจากเหล่าต้าขณะกระจายไปทั่วยานอวกาศ

คนเหล่านั้นขยับเล็กน้อยราวกับกระวนกระวาย

กู่ฉิงซานได้ยินเสียงใครบางคนกระซิบ “ลมหายใจของหุบเหว บัดซบ!”

เหล่าต้ามองแม่ทัพโดยไม่หลบเลี่ยง น้ำเสียงของเขาค่อย ๆ เย็นชา

“ระวังคำพูดของเจ้าด้วย ท่านแม่ทัพ”

เขายกมือขึ้น

หมอกสีเทารวมตัวขึ้นจากอากาศบางเป็นรูปลักษณ์หัวกะโหลกก่อนมาอยู่ในมือ

เหล่าต้าชูหัวกะโหลกขึ้น สายตาจ้องมองแล้วกล่าวอย่างราบเรียบว่า “เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าเพราะสถานะของตัวเองที่ทำให้ไม่มีสิทธิ์มาตั้งคำถามข้า หรือว่าอยากลิ้มลองพลังของหุบเหวกันล่ะ”

ดวงตาของแม่ทัพคมปลาบ

กระดูกทั่วร่างส่งเสียงแตกร้าวราวกับกำลังระงับความโกรธที่ยากจะอธิบายออกมา

“คนแรกที่ได้อยู่บนมงกุฎแห่งดวงดาว ข้ารู้เช่นกันว่าเจ้านั้นสูงศักดิ์”

แม่ทัพพลันคำรามออกมา “แต่ตามข้อตกลงโบราณ เจ้าควรปกป้องเมืองเรเควี่ยมหลังจากถูกเนรเทศไปแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เคยปรากฏตัวมาครึ่งค่อนชีวิต!”

เหล่าต้าเย้ยหยัน “ข้ามีที่ให้ปกป้องมากมาย ไม่ได้เป็นผู้พิทักษ์ที่เดินอยู่นอกประตูของเจ้าทุกวันหรือยังไง จะปฏิบัติกับข้าในฐานะสุนัขเฝ้าบ้านงั้นหรือ”

แม่ทัพไม่กล้ายอมรับเรื่องนี้ จึงหันศีรษะแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสมารวมตัวกันแล้ว พวกเขารู้เรื่องที่เจ้าละเมิดคำสาบานโบราณในวันนี้”

เหล่าต้าเบือนสายตาออกแล้วกล่าวกับความว่างเปล่าว่า “ผู้อาวุโสของเมืองเรเควี่ยมเอ๋ย ข้ารู้ว่าท่านกำลังจับตาดูที่นี่อยู่ ดังนั้นข้าขอชี้แจงสถานการณ์ในคราวนี้ให้ทราบ”

“ถึงแม้ท่านจะได้รับการปกป้องอย่างสมบูรณ์จากพลังอันเก่าแก่ยาวนานยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้การรับรู้ข่าวคราวของท่านถูกปิดกั้นเช่นกัน”

“ยุคแห่งความโกลาหลมาถึงแล้ว วันสิ้นโลกของโลกคู่ขนานได้เข้ายึดครองหุบเหว แผ่ขยายเข้าสู่วังวนความว่างเปล่าอย่างไร้ที่สิ้นสุด ในฐานะผู้พิทักษ์เมืองเรเควี่ยม ข้ามาที่นี่เพื่อรายงานเรื่องนี้ให้ทราบ”

เกิดความเงียบในความว่างเปล่า

ไม่ช้า

เสียงชราดังขึ้น

“การสรุปของเจ้าคือสิ่งจำเป็น ยังไงมันก็เป็นหน้าที่ของเจ้าอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงต้องผิดคำสาบานจนเผยชื่อของเมืองเรเควี่ยมออกไปด้วย”

เสียงแหบแห้งอีกเสียงตอบแทนว่า

“เจ้าน่าจะรู้ความสำคัญนะว่าทันทีที่แพร่งพรายชื่อออกไป ในความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุด จะมีตัวตนบางอย่างค้นพบที่นี่และนั่นถือว่าเป็นความผิดของเจ้า”

เหล่าต้ากล่าวทันทีว่า “ไม่! ข้าบอกชื่อเมืองเรเควี่ยมในจำนวนที่จำกัดตามที่รักษาสัญญาเอาไว้”

เสียงหญิงชราดังขึ้นก่อนถามด้วยความสงสัยว่า

“ตามที่รักษาสัญญาหรือ ไหนลองอธิบายมา”

เหล่าต้ามองพวกกู่ฉิงซาน กัดฟัน ปล่อยวางแล้วกล่าวว่า “ตามคำสาบานโบราณ ข้าต้องเก็บความลับเรื่องเมืองเรเควี่ยม ปกป้องเทพแห่งเมืองเรเควี่ยมและตามหาหนทางทั้งหมดเพื่อทำให้เมืองเรเควี่ยมเติบโต ท่านยอมรับทั้งหมดนี้ใช่หรือไม่”

“พวกข้ายอมรับ โปรดบอกมาตามตรงว่าทำไมเจ้าถึงผิดคำสาบานนี้”

เหล่าต้ากล่าวว่า “ข้าไม่ได้ละเมิดคำสาบาน ข้ามาในครั้งนี้เพื่อแจ้งข้อมูลโลกภายนอกให้ทราบ อีกทั้งยังได้ค้นหาผู้มีพรสวรรค์พิเศษบางส่วนตามที่คำสาบานโบราณได้กล่าวไว้ จากนั้นส่งพวกเขามาที่เมืองเรเควี่ยมเพื่อเสริมพลังให้กับเมืองเรเควี่ยม”

รอบข้างเงียบสงัด

แม่ทัพเป็นคนแรกที่หัวเราะออกมาแล้วถามว่า “พึ่งคนพวกนี้เนี่ยนะ”

พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกปล่อยออกมาขณะกวาดผ่านกู่ฉิงซาน จางหยิงห่าว เย่เฟยหลีและลอร่า

กู่ฉิงซานก้าวถอยออกมาเล็กน้อย

ทั้งจางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีไม่สามารถต้านทานได้ พวกเขาถูกแรงมหาศาลกดทับลงมาจนต้องคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้

ลอร่าลงไปกองกับพื้นในสภาพเอามือยัน เหงื่อหลั่งออกมาจากทั่วทั้งร่าง

นางไม่สบายตัวจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา

ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้น

“สุภาพกับผู้หญิงหน่อย”

กู่ฉิงซานเดินเข้ามาก่อนยืนอยู่หน้าลอร่า

ลอร่าถูกเขาพยุงขึ้นมา ทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น

แม่ทัพยิ้มหยันก่อนกล่าวว่า “โห เป็นแค่มดแท้ ๆ อวดดีนักนะ”

กู่ฉิงซานขัดเขาก่อนกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถกลั่นแกล้งคนอื่นได้เพียงเพราะตัวเองแข็งแกร่งเชียวล่ะ ขืนยังพูดอีกล่ะก็ ข้าจะทำให้เจ้าตายอยู่ที่นี่แหละ”

แม่ทัพประหลาดใจ ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้างด้วยความโกรธ

ไม่มีใครกล้าขู่เขาต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน!

คนคนนี้รนหาที่ตายชัด ๆ !

เขายิ้มกว้างและกำลังจะชักอาวุธออกมา แต่ถูกเสียงตะโกนคมปลาบขัดเอาไว้

“ช้าก่อน!”

แม่ทัพประหลาดใจ แต่ความหยิ่งทะนงของเขาหายไปแล้ว

เขาคำนับให้กับความว่างเปล่าแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ผู้อาวุโส มนุษย์ผู้นี้ไม่ให้ความเคารพข้า ตามกฎแล้ว มนุษย์ต้องไม่ทำให้เทพเสื่อมเสีย มันต้องตาย”

ในความว่างเปล่า มีเสียงสนทนาดังระงม

เห็นได้ชัดว่าที่กู่ฉิงซานพลันลงมือก็เพื่อให้ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสสังเกตเห็น

พวกเขาคล้ายกับกำลังสนทนาบางสิ่งอยู่

กู่ฉิงซานไม่สนใจขณะเดินไปช่วยจางหยิงห่าวและเย่เฟยหลี

“เจ้าหนอนน่าสมเพช ถ้าข้าลงมือจริง คิดหรือว่าจะสามารถปกป้องพวกมันได้” แม่ทัพกล่าวด้วยใบหน้าสงบ

กู่ฉิงซานยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาสามคน มองแม่ทัพแล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าเจ้าลงมือก็เท่ารนหาที่ตายนั่นแหละ เชื่อข้าเถอะ ข้าไม่มีทางโกหกเรื่องแบบนี้หรอก”

แม่ทัพมองเขา ความสงสัยในใจยังคงก่อตัวขึ้น

คนคนนี้มีพละกำลังที่ธรรมดามาก

แต่กล้าพูดแบบนี้ทั้งที่สถานการณ์ถูกควบคุมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบเนี่ยนะ

คนแบบนี้ไม่ใช่คนบ้า แค่เป็นพวกที่ทำอย่างที่พูด

แม่ทัพไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักพักใหญ่

ในความว่างเปล่า ผู้อาวุโสยังสนทนากันอยู่

เหล่าต้าชำเลืองมองกู่ฉิงซาน เขาเองก็สงสัยเล็กน้อยเหมือนกัน

เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ผ่านไปสักพัก

ในบรรดาผู้อาวุโส เสียงหนึ่งดังขึ้น

“คนแรกที่ได้อยู่บนมงกุฎแห่งดวงดาวเอ๋ย จงนำตัวตนลับนี้มาหาพวกข้า”

“พวกข้าทำการค้นแหล่งกำเนิดความลับของเขาจนพบกลิ่นอายอันคุ้นเคยเข้า”

อีกเสียงกล่าวว่า “ใช่ พวกข้าสามารถทำการสำรวจต่อเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้ แต่ที่หยุดมือเพราะสัมผัสได้ว่าตัวตนของเขาถูกเก็บเป็นความลับไว้โดยใครบางคนที่ไม่อาจเอ่ยนามได้ในความว่างเปล่า พวกข้าไม่สามารถเมินเฉยต่อตัวตนสูงศักดิ์นั่นได้”

อีกเสียงกล่าวต่อว่า “อาจจะเป็นสี่เทพผู้ชอบธรรม อาจจะเป็นผู้ปกครองความว่างเปล่าอีกคน ยังไงก็ตาม เจ้าจงนำคนสูงศักดิ์ผู้นี้ไปเมืองเรเควี่ยม ไม่มีปัญหาแน่นอน พวกข้ารับเรื่องนี้ได้”

“แต่ทำไมถึงพามนุษย์คนอื่นมากับเจ้าด้วย ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถอธิบายสาเหตุได้นะ”

เหล่าต้าได้เตรียมคำตอบไว้ในใจแล้ว

เขาชำเลืองมองกู่ฉิงซาน

มีใครบางคนหนุนหลังเด็กคนนี้และคอยเก็บความลับเอาไว้ เขารู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางอธิบายอีกสามคนที่เหลือได้

แต่คนอื่นยังต้องการความช่วยเหลืออยู่

เหล่าต้ากระแอมลำคอแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ข้าขอประกาศว่านี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนกับมนุษย์ เป็นไปตามคำสาบานผู้พิทักษ์”

เขาเดินมาหาจางหยิงห่าว ตบบ่าจางหยิงห่าวแล้วอธิบายให้ความว่างเปล่าฟังว่า “คนคนนี้พบเมืองเรเควี่ยมโดยที่มาตรการป้องกันของพวกท่านไม่อาจหยุดยั้งได้”

“จริงหรือ” เสียงชราถาม

เหล่าต้าส่งสัญญาณให้จางหยิงห่าวชูแมวขึ้น

“ผู้ค้นหาลี้ลับประเภทชีวิตที่หาได้ยากยิ่ง คาดว่าเขาคงมีค่ามากในเมืองเรเควี่ยม”

ไม่มีใครพูดในความว่างเปล่า

นี่คล้ายกับเป็นการยอมรับโดยปริยาย

เหล่าต้าเดินไปหาเย่เฟยหลีก่อนชี้ไปที่อีกฝ่าย “คนคนนี้สามารถสร้างภูตผีขึ้นมาได้ แม้กระทั่งบาดแผลบนร่างกายก็สามารถรักษาได้เหมือนกับผู้รักษาที่แท้จริง ข้าเชื่อว่านี่มากพอจะอธิบายปัญหาได้”

เกิดความเงียบในความว่างเปล่า

ในที่สุด เหล่าต้ามองลอร่า

“สาวน้อยคนนี้ อย่าได้ดูถูกจะดีกว่า”

ราชินีหนามสามารถคว้าสมบัติในความว่างเปล่าได้

ความสามารถนี้ ไม่ว่าจะอยู่โลกไหนก็ถือว่าเป็นความสามารถสูงสุด น่าจับตามองที่สุดและเป็นประโยชน์มากที่สุด

อีกอย่าง นี่คือสถานที่ที่มีชื่อว่าเมืองเรเควี่ยมเชียวนะ!

เหล่าต้าภาคภูมิใจเล็กน้อย

เมื่อกำลังจะแนะนำ เขาเห็นกู่ฉิงซานเข้ามาใกล้

“ไม่จำเป็นต้องแนะนำลอร่าหรอก ไม่อย่างนั้นนางจะตกเป็นเป้าไปด้วย”

กู่ฉิงซานลอบสื่อสารทางจิต

เหล่าต้าตกตะลึง

ทั้งที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่กลับบอกว่าห้ามพูดงั้นหรือ

แต่ถึงอย่างนั้น เทพเหล่านี้ก็ยังแข็งแกร่งมากอยู่ดี

ตอนนี้พละกำลังของเขาไม่เหลือ พวกกู่ฉิงซานยังเติบโตไม่มากพอ หากเทพเหล่านี้รู้ว่าลอร่ามีความสามารถรวบรวมสมบัติล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถปกป้องนางได้

เหล่าต้ากำลังครุ่นคิด แต่กลับเห็นว่ากู่ฉงซานเข้ามาป้องลอร่าก่อนกล่าวกับความว่างเปล่าว่า “อย่างที่อัครสาวกว่า อย่าได้ดูถูกจะดีกว่า เพราะนางคือน้องสาวของข้าและอยู่ด้วยกันกับข้ามาตลอด”

หลังจากพูดจบ กู่ฉิงซานอุ้มลอร่าขึ้นมาพาดไว้บนไหล่ซ้าย

ลอร่าตกตะลึงไปสักพัก

ช่างเป็นฉากที่คุ้นเคยนัก

เหมือนกับตอนที่ทั้งสองต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ในโลกสะสมของทริสเต้

เขารู้ว่านางชอบนั่งบนไหล่ซ้าย

เพราะนางเคยบอกว่าตอนพ่อยังมีชีวิตอยู่ นางนั่งบนไหล่ซ้ายของพ่อแบบนี้เสมอ

ส่วนสาเหตุที่เขาขัดการแนะนำของเหล่าต้านั้น นางเพียงใช้หัวก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

หลังจากนั้น ความว่างเปล่านิ่งไปสักพัก

เสียงชราดังขึ้นอีกครั้ง

“อืม คนเหล่านี้เหมาะที่จะใช้ชีวิตในเมืองเรเควี่ยม พวกเขายังสามารถแบ่งพละกำลังมาให้กับเมืองเรเควี่ยมได้อีกด้วย”

“ถ้าเช่นนั้นก็เข้ามาเถอะ”

เมื่อประโยคนี้จางหาย คนที่สวมเกราะเหล่านั้นเก็บอาวุธ แม่ทัพไม่มีทางเลือกนอกจากตอบตกลง

เหล่าต้าพ่นลมออกจมูกก่อนถามกับความว่างเปล่าว่า “ข้าเดินทางมาตั้งไกล แต่กลับถูกมองว่าเป็นคนทรยศเสียได้”

แบบนี้มันออกจะหนักเกินไปหน่อย

เพราะเขาไม่ได้ละเมิดคำสาบาน แถมยังส่งข้อมูลให้กับเมืองเรเควี่ยมอีก จะมาทำแบบนี้กับเขาได้อย่างไร

ยังไงเสีย เขาเป็นถึงราชาหุบเหวเชียวนะ!

เสียงหญิงชราอ่อนโยนทันที “พวกข้าผิดไปแล้ว อัครสาวกทำเรื่องสมควร เชิญเข้ามาพักผ่อนก่อนแล้วพวกข้าจะขอโทษอีกครั้ง”

เหล่าต้าครุ่นคิดสักพัก จากนั้นพยักหน้าเพื่อรักษาน้ำใจไว้

จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีมองหน้ากัน

ดูท่าจะผ่านพ้นได้แล้ว

ทั้งสองคิดพร้อมกัน

ลอร่านั่งบนไหล่ซ้ายของกู่ฉิงซาน ศีรษะก้มต่ำเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้าของนาง

นางพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองหลั่งน้ำตาออกมา

………………………………….